องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1103 พ่อลูกบีบบังคับกันเอง
“ทหารผู้บัญชาการหลี่แห่งเมืองเซวียนฝู่ทุกวันกินเท่าไร ใต้เท้าหลี่คิดแล้วย่อมเข้าใจ เหลียวกั๋วกงนำทัพใหญ่มาจำนวนยิ่งมาก ทุกวันกินเท่าไร ท่านลองคิดตัวเลขดู พื้นที่สะสมเสบียงก็มีแค่ที่นี่ รอข้ากลับไป ใต้เท้าหลี่ก็สามารถขี่ม้าไปดูรอบๆ ได้ ไม่มีที่ท่านเข้าไปไม่ได้ หากมีเสบียงเหลือ ข้าจะขอขมาท่าน!”
กล่าวได้ตามมารยาทเช่นนี้ แต่ยามนี้หลี่หรูเหมยได้แต่หมดหวัง อีกฝ่ายจะตั้งใจขัดตระกูลหลี่ตนหรือไม่ไม่รู้ แต่ทว่าไม่มีเสบียง กล่าวอันใดก็ไร้ความหมาย
สวีกว่างกั๋วกล่าวได้มีมารยาท แต่ท่าทางกลับไม่ได้เกรงใจแม้แต่น้อย ชี้ไปยังกองกำลังขนเสบียงไกลออกไป กล่าวว่า
“พวกเจ้าหมื่น ม้าและวัวสี่พัน ทหารสามหมื่น ล้วนต้องอาศัยเสบียงอี้โจว ท่านควรรู้ว่าข้าทุ่มกำลังใจไปเท่าไร ท่านก็รู้เหลียวหนิงสิ้นเปลืองไปเท่าไร เพื่อความชอบตระกูลท่าน เสี่ยงนำทหารออกไป นำทหารน้อยบุกเข้าไป ยังคิดการเพื่อการแค่นั้น เหลวไหลโดยแท้”
กล่าววาจาเหล่านี้จบ สวีกว่างกั๋วก็เดินจากไปอย่างไม่สนใจไยดี ทิ้งหลี่หรูเหมยสีหน้าซีดเผือด ชะเง้อมองไปรอบๆ
สวีกว่างกั๋วกลับไปยังที่ทำการตนแล้ว ก็รับรายงานจากทหารรับใช้ ว่าหลี่หรูเหมยเดินไปดูรอบโกดังแต่ละแห่งรอบหนึ่งทั้งหมด สุดท้ายก็คอตกกลับไป ได้ยินเช่นนี้ สวีกว่างกั๋วได้แต่ยิ้มเยาะ
ซุนโส่วเหลียนไปยังแถบเขาฉางไป๋ซานกลับมาแล้ว ความจริงนั้นบริเวณเชิงเขาพื้นที่นั้น ทัพใหญ่โจรวัวโค่วไม่มีกำลังไปถึง จังหวัดฮัมกยองพื้นที่ใหญ่กว่าจังหวัดพยองอัน แต่พื้นที่ใกลแผ่นดินหมิง ส่วนใหญ่เป็นเขา พื้นที่ซับซ้อนมาก จากทางใต้เกาหลีขนเสบียงไปยังจังหวัดฮัมกยองไม่ง่าย มีค่าต่อการศึกนี้ไม่มาก ดังนั้นทัพใหญ่โจรวัวโค่วยึดพื้นที่ได้ครึ่งหนึ่งแล้วจึงไม่ได้เคลื่อนไหวต่อ จึงไม่ได้ส่งผลกดดันกองกำลังหมิงทางนี้
“ใต้เท้าซุน รถใหญ่ท่านรีบเร่งต่อ”
“ขอใต้เท้าวางใจ ย่อมไม่เสียการ รถใหญ่ต่อเสร็จ ก็จะขนเสบียงจากเจี้ยนโจวกับเหลียวตงมา ไม่ทำให้ทัพใหญ่กั๋วกงขาดเสบียงแน่!”
โกดังไม่มีเสบียงจริงๆ หลี่หรูซงนำกำลังทัพใหญ่สิ้นเปลืองไปมาจริงๆ สวีกว่างกั๋วไม่ได้กล่าวเท็จ แต่ทว่าก็มีหลายข่าวที่มิได้บอกให้หลี่หรูเหมยรู้
“ทหารน้อยกว่าบุกเข้าไป ความเสี่ยงสูงมาก ยังคิดให้ท้องที่เพิ่มเสบียงให้ ช่างเหลวไหลสิ้นดี หรือว่ายังคิดว่าความดีความชอบตระกูลหลี่มีผลต่อการรุ่งเรืองตกต่ำของแผ่นดินหมิง ไม่รู้หนักเบา ไม่เห็นแก่ส่วนรวม!”
สวีกว่างกั๋วกับซุนโส่วเหลียนนับว่าเป็นคนกันเอง กล่าวอย่างไม่สนใจว่าจะเข้าหูหรือไม่ พอฟังสวีกว่างกั๋ว ซุนโส่วเหลียนกลับส่ายหน้ากล่าวว่า
“ข้าน้อยเองเป็นทหารลูกน้องหลี่เฉิงเหลียงมาหลายปี รู้ดีถึงการทำงานของตระกูลหลี่ เรื่องนี้เกรงว่าไม่เลิกราง่ายๆ หลี่เฉิงเหลียงย่อมยังคิดไม่เลิก”
สวีกว่างกั๋วส่ายหน้าถอนหายใจกล่าวว่า
“เขาไยไม่ลองคิดดู หากสูญเสียไปจริง บุตรชายหลายคนล้วนไม่พูดต่อหน้า แต่ก็ย่อมเป็นความผิดฝ่าฝืนวินัยทัพ ความเสี่ยงนี้มากเกินไป ช่างไม่รู้…”
ซุนโส่วเหลียนเงียบไปนาน ถอนหายใจกล่าวว่า
“ปล่อยวางไม่ได้นั่นเอง!”
******************
คนตระกูลหลี่มีเพียงพอ ขนหัวข้ามแม่น้ำยาลูมา แน่นอนมีคนจากที่ต่างๆ ให้การช่วยเหลือ หลี่หรูเหมยไม่อาจเจรจาได้เสบียงมาเพิ่ม ได้แต่นำกำลังเร่งเดินทางกลับเปียงยาง
ตอนนี้จังหวัดพยองอันถูกจัดการเรียบร้อยพอควรแล้ว มีแต่โจรเกาหลีกับโจรวัวโค่วกองเล็กๆ จากจังหวัดฮัมกยอง ยังนับว่าสงบสุขอยู่ หลี่หรูเหมยครั้งนี้ก็มีขุนนางเกาหลีทั้งบุ๋นบู๊ติดตามมาร้อยกว่า ตลอดทางได้รับการประจบมาก ในเมื่อประจบยกย่องกันเช่นนี้ หลี่หรูเหมยก็ขอเสพสุขเสียหน่อย ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าขุนนางเกาหลีพวกนี้ไปหาหญิงสาวตระกูลสูงในพื้นที่มาจากที่ใด ทำให้หลี่หรูเหมยสบายไปทั้งคืน
เสียเวลาไว้หนึ่งวันหนี่งคืน หลี่หรูเหมยถูกคนจากแผ่นดินหมิงไล่ตามมาทัน เห็นได้ว่าเขาเดินทางช้า คนตามมานั้นเร็ว
คนที่ตามมาก็คือหลี่อี้ เป็นหนึ่งในบุตรบุญธรรมหลี่เฉิงเหลียง เรียกว่าบุตรบุญธรรม ที่จริงเป็นพ่อบ้านตระกูลหลี่ที่จวนเหลียวหยาง ตอนนั้นติดตามหลี่เฉิงเหลียงออกศึก หลี่หรูซงกับหลี่หรูป๋อเห็นพี่บุญธรรมผู้นี้แล้วยังต้องเกรงใจอย่างมาก คนผู้นี้มีสถานะไม่น้อยในตระกูลหลี่
สถานการณ์เปียงยางโดยรวมเริ่มสงบลงแล้ว ราษฎรเกาหลีตอนนั้นที่หนีไปหลบในภูเขากันพากันออกมา เพราะเปียงยางไม่ได้สะสมเสบียงไว้มากนัก เสบียงนำไปให้เพียงทหารตระกูลหลี่ ย่อมไม่นำมาช่วยชาวบ้าน พวกเขาในเมืองได้แต่รออดตาย
ขุนนางเกาหลีมายังเปียงยางแล้วก็เริ่มดูแลประชาชนตนเอง ตามวาจาพวกเขาว่าคนพวกนี้สามารถเสริมกำลังแรงงานกองทัพหมิงได้อย่างดีที่สุด สำหรับคนเหล่านี้ หลี่หรูซงเดิมทีไม่คิดจะสนใจ เพราะคนพวกนี้มาแล้วไม่ได้ทำให้ได้เสบียงมาเพิ่ม รับมาไว้ในกองทัพ กลับมีแต่สิ้นเปลืองเสบียงทัพใหญ่
แต่ทว่าหลี่หรูเหมยระหว่างทางอย่างไรก็ได้รับการต้อนรับดี อย่าไรก็ไม่อยากทำอีกฝ่ายเสียหน้า จึงได้กล่าวไปว่า ให้หาที่พักให้คนเกาหลีพวกนี้
คนเหล่านี้แม้ว่าหาเสบียงไม่ได้ แต่ทว่ากลับมีความสามารถอื่น นำกองกำลังหมิงค้นพบห้องใต้ดินของบ้านร่ำรวยได้หลายแห่ง แม้ว่าได้เสบียงมาไม่มาก แต่เงินทองก็มีอยู่ พวกเขารวย อย่างไรก็ต้องแบ่งปันกันบ้าง
และคนพวกนี้ยังมีความสามารถอันหนึ่ง นอกเมืองพวกเกาหลีที่หนีกลับมาหลายคนล้วนเพื่อมีชีวิตรอด ต้องขายสมบัติและคนในบ้านไม่น้อย หญิงในครอบครัวถูกนำมาขายเพื่อหาทางรอดยังชีพไม่น้อย ภาษาไม่ได้ ไม่มาหาถึงที่ก็ไม่อาจขายได้ ตอนนี้พวกขุนนางเกาหลีจึงทำหน้าที่ตัวกลาง รับผลประโยชน์ ทหารตระกูลหลี่เสพสุขร่ำรวยถ้วนหน้า พวกเขาเองก็พลอยได้ผลประโยชน์ ทุกคนยินดีปรีดา
เมื่อก่อนสถานการณ์เช่นนี้ พี่น้องตระกูลหลี่กับบรรดาทหารคนสนิทย่อมชอบที่สุด อย่างไรก็ไม่อาจขาดความสำราญกับชาวบ้าน แต่ตอนนี้กลับล้วนไม่มีกระจิตกระใจ ทั้งวันหารืออยู่แต่ในห้อง
หลี่อี้นำจดหมายหลี่เฉิงเหลียงมาถึง และยังมีวาจากำชับมา จดหมายว่าไว้กระจ่าง ชัยชนะใหญ่จังหวัดพยองอันครั้งนี้เป็นที่โดดเด่น ในเมืองหลวงตระกูลหลี่ได้หน้าไปมาก ขุนนางแต่ละระดับไปจนหน่วยงานราชสำนัก พอมีชัยชนะนี้เป็นฐาน ก็สามารถออกหน้าแทนตระกูลหลี่ได้เต็มที่
หลี่เฉิงเหลียงยังกล่าวว่า ตอนนี้กำลังเป็นเวลาแห่งการไล่ล่าชัยชนะ หากสามารถยึดเมืองโซอุลได้ก่อนหวังทงเข้าเมืองอี้โจวเช่นนั้นย่อมเป็นความดีความชอบแห่งแผ่นดิน อาจได้แทนที่แม่ทัพหวังทงถึงเก้าส่วน ตระกูลหลี่ในเมืองเหลียวโจวมีหวังได้รุ่งเรืองอีกครั้ง
“เหลวไหลๆ ไม่มีทางทำได้แม้แต่น้อย ตอนนี้เสบียงที่มี ข้ามแม่น้ำแทดองไปก็ย่อมสามารถขาดเสบียงได้ตลอดเวลา ถึงตอนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนเมืองเปียงยางยังไม่ได้ทำลายกำลังวัวโค่วมากเท่าไร ตอนนี้จังหวัดฮวังแฮยังมีทหารโจรวัวโค่วยิ่งมาก มีความเป็นไปได้ที่จะขาดเสบียง ขวัญทหารย่อมสั่นคลอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะปะทะกับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า นี่ไม่ใช่ตายสถานเดียวหรือ?”
ตามธรรมเนียมตระกูลหลี่ หลี่อี้มาถ่ายทอดคำสั่ง ความจริงนั้นเป็นตัวแทนหลี่เฉิงเหลียง ลูกหลานตระกูลหลี่ย่อมรู้ท่าทีหลี่เฉิงเหลียง แต่หลี่หรูซงกลับโมโหมาก ขว้างถ้วยชาใส่หน้าหลี่อี้
“คุณชายใหญ่ นายท่านเป็นห่วงเช่นนี้ หวังว่าท่านจะเข้าใจ นายท่านแก่มากแล้ว ตอนนี้ก็เป็นถึงโหวแล้ว อำนาจวาสนาสูงส่งแล้ว ยังคิดการไปทำไมอีก หากไม่ใช่เพื่อคุณชายทุกท่าน ยังมีตระกูลหลี่ หลี่อี้แม้ว่าหลายปีมานี้ดูแลอยู่แต่ในจวน แต่ก็เข้าใจการทหาร สถานการณ์ตอนนี้เป็นโอกาสยิ่งใหญ่จริง!”
ได้ยินเช่นนี้ หลี่หรูซงก็ระเบิดตูม ก้าวเข้าไปกระชากคอเสื้อหลี่อี้ หลี่หรูป๋อกับหลี่หรูเหมยเองก็เร็วพอ รับวิ่งเข้าไปกอดหลี่หรูซง หลี่อี้คุกเข่าลงนิ่งที่พื้น ชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากรองเท้า หลี่หนิงกับหลี่ซานสือเห็นแล้วก็ชักดาบตาม คิดไม่ถึงหลี่อี้ยกมีดสั้นจ่อลำคอตนเอง ยังคงนิ่งเหมือนเดิม กล่าวว่า
“คุณชายใหญ่ ที่หลี่อี้กล่าวมานั้นไม่ใช่เพื่อตนเอง ไม่ใช่ว่าปากมาก หากคุณชายใหญ่ไม่เชื่อ ก็สั่งมาคำเดียว หลี่อี้จะปลิดชีพตนเองทันที”
หลี่หรูซงดิ้นสะบัด แต่ไม่อาจสลัดน้องชายสองคนออกไปได้ ได้ยินหลี่อี้กล่าวด้วยท่าทีนิ่งเช่นนี้ ก็รู้สึกหมดแรง ถูกหลี่หรูป๋อลากถอยหลังไปหลายก้าว ยืนหมดแรงกล่าวว่า
“วาจาเหล่านี้เจ้านำกลับรายงานท่านพ่อ ท่านพ่อนำทัพมาหลายปีย่อมรู้ว่ามีอันตราย ตระกูลเราตอนนี้มีสองผู้บัญชาการ รองแม่ทัพและขุนพลทหารอีกหลายคน ก็ควรรู้จักพอได้แล้ว หากเสี่ยงภัยจนทำให้ทหารในมือเราเดิมต้องสูญสิ้นไป เราตระกูลหลี่ ยังจะทำอันใดได้อีก ยังคิดจะเรืองอำนาจวาสนาใดเหมือนก่อนกัน เกรงว่าแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่อาจรักษาไว้ได้!”
พูดถึงตรงนี้ หลี่หรูซงใจเย็นลงแล้ว ท่าทีระบายความอัดอั้นในใจทำให้หลายคนไม่มีอันใดจะกล่าวอีก หลี่หรูป๋อ หลี่หรูเหมยล้วนปล่อยมือ หลี่หรูซงมองน้องชายสองคน กล่าวว่า
“โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว เราไม่อาจทำตามแบบเดิมๆ ที่เราเคยทำมาได้อีกแล้ว ตอนนี้ควรทำอะไรก็ควรทำไป รอดูให้เข้าใจแล้วค่อยคิด”
บรรยากาศในห้องพริบตาก็เริ่มหนักอึ้ง หลี่อี้เองก็ปล่อยมีดลงค่อยๆ ยืนขึ้น ลังเลครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“คุณชายใหญ่ โจรวัวโค่วไม่ใช่ว่าสู้ง่ายหรือ? หัวก็ตัดได้มาร่วมหมื่น…”
“หัวนับหมื่นนั่น… โจรวัวโค่วไม่ใช่สู้เราไม่ได้ แต่สู้ยังไม่เป็น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเรามีอันใดบ้าง แต่พวกเขาตอนถอยทัพเรียกได้ว่าเคี้ยวยากไม่น้อย ความแน่วแน่อดทนของทัพใหญ่โจรวัวโค่วเกรงว่าจะแข็งแกร่งว่าพวกนอกด่านมากนัก สู้ไม่ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโจรวัวโค่วยังมากกว่าเรามากเพียงนั้น!”
หลี่หรูซงกล่าวได้หนักแน่น หลี่อี้เหมือนไม่อยากจะเชื่อ มองไปยังหลี่หรูป๋อกับหลี่หรูเหมยอย่างเสียมารยาท เห็นสองคนล้วนไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ…
วาจากล่าวกันถึงขั้นนี้แล้ว หลี่อี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว ครั้งนี้ติดตามทัพมา พอมีคนรู้ภาษาวัวโค่วบ้าง สอบถามเชลยโจรวัวโค่วก็ได้คำตอบรวดเร็ว
จังหวัดฮัมกยองทางตะวันออกของจังหวัดพยองอันมีโจรวัวโค่วหน่วยสอง 23,000 จังหวัดฮวังแฮกับจังหวัดกังวอนยังมีโจรวัวโค่วกองรบสามและสี่รวมแล้ว 25,000 นับรวมกับพวกกองรบหนึ่งที่ถอยไปจังหวัดพยองอัน ทหารโจรวัวโค่วรอบตระกูลหลี่ก็ราว 80,000 ที่นี่แม้สถานการณ์มีชัย แต่เห็นชัดว่าวิกฤตมาก
หลี่อี้บันทึกสถานการณ์เหล่านี้ไว้อย่างละเอียด และยังส่งม้าเร็วส่งกลับไปเหลียวหยาง สถานการณ์เช่นนี้ต้องควรขอให้นายท่านหลี่เฉิงเหลียงไตร่ตรอง คิดว่าไม่น่าจะบีบคั้นมากเกินไป