องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1105 ณ จุดนี้ถอย ก็จะพลาดจุดนั้น
เหลียวหนิงติดเกาหลี ตอนยังเรียกว่า เหลียวโจว สองฝ่ายไปมาหาสู่กันไม่น้อย สถานการณ์ระหว่างกันเองก็เข้าใจกันมาก คิดจะสืบข่าวเกาหลี ตระกูลหลี่เองก็มีวิธีการมากมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ คนเกาหลีไม่น้อยมาส่งข่าวด้วยตนเอง
จากเหลียวหยางมาส่งข่าวย่อมกล่าวถึงสภาพในเกาหลีได้กระจ่างยิ่ง ก็เหมือนกับตนนั้นมีสายอยู่ในนั้น
หลี่หรูซงเข้าใจดี ไม่ต้องพูดถึงน้องชายสองคนของตน เกรงว่าทหารม้าจากเมืองเซวียนฝู่ไม่น้อยก็ย่อมปล่อยข่าวไปที่เหลียวหยาง
จดหมายมาว่า ตอนนี้เปียงยางไปถึงเมืองโซอุล ช่วงระยะนี้แม้ว่ามีทัพใหญ่โจรวัวโค่วตั้งฐาน แต่ก็มีเพียงทหารราบเป็นหลัก และมีกำแพงเมืองเป็นพื้นที่หลัก การตั้งทัพเช่นนี้ความจริงนั้นเป็นการปักหลักปิดตาย ไม่อาจออกมาขัดขวางหรือก่อกวนได้ หากกองกำลังหมิงที่เปียงยางรวมกำลังทหารม้าเก่งกล้าเร่งลงใต้ ตรงไปยังเมืองโซอุล ย่อมได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ยิ่ง หากรวมกำลังกับ ‘กองกำลังผู้กล้า’ ในเมืองโซอุลได้ ก็เท่ากับอาจถึงขั้นยึดเมืองคืนมาได้
เทียบกับการเฝ้าเปียงยาง การยึดเมืองโซอุลเกาหลีอันเป็นที่ตั้งพระราชวังได้ ความดีความชอบก็ยิ่งเตะตา น่าตกใจ แม้ราชสำนักมีคนกดตระกูลหลี่เราก็ไม่อาจปิดบังความดีความชอบนี้ได้
“…ความคิดเช่นนี้ ใช่ว่าคิดไปเองฝ่ายเดียวหรือ?”
หลี่หรูซงได้แต่แค่นเสียงหัวเราะเยาะกล่าว ทหารม้าบุกมาตลอดทาง รอไปถึงเมืองโซอุล ทัพใหญ่โจรวัวโค่วก็น่าจะราวแสนคน จะไปบุกเข้าเมืองโซอุลง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร
สิ่งที่เขียนในจดหมาย เป็นการวิเคราะห์ฝ่ายเดียวมากเกินไป บนสนามรบเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ใช่ว่าตนคิดจะเป็นเช่นไร อีกฝ่ายก็จะตามสนองให้เป็นเช่นนั้นได้
ตอนได้ยิน ‘นายท่านจะนำทหารมาเอง’ หลี่หรูซงสีหน้ายิ้มเฝื่อนปิดไม่มิด หันไปถามหลี่หรูป๋อว่า
“ทางท่านพ่อเหตุใดจึงคลั่งราวมารแทรกเช่นนี้ได้?”
วาจานี้ถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แต่หลี่หรูซงไม่สนใจ ไม่กลัวคนนำจดหมายมากลับไปรายงาน ทุกคนล้วนคนกันเอง หลายเรื่องล้วนรู้กันอยู่แก่ใจ
“พี่ใหญ่ ท่านไม่อยู่เหลียวซีไม่รู้ ท่านพ่อตอนอยู่คนเดียวมักจะร้องไห้ ว่าตระกูลหลี่สถานการณ์ดีๆ ถูกเขาทำเสีย ตำหนิตนเองอย่างมาก…”
ในฐานะบุตรชายที่ถูกเลี้ยงเอาใจในบ้าน หลี่หรูป๋อยามนี้สีหน้าไม่ดีนัก ก้มหน้ากล่าว หลี่หรูซงถอนหายใจ หันไปกล่าวกับคนนำจดหมายมาว่า
“หลี่เปียว น้องชายเจ้ายังเป็นนายกองที่เมืองเซวียนฝู่กระมัง?”
อยู่ๆ ถามเช่นนี้ หลี่หรูซงถึงกับถามขึ้นเช่นนี้ คนที่คุกเข่าก็รีบรับคำกล่าวว่า
“ดีที่คุณชายใหญ่เมตตาส่งเสริม ให้เขาได้ลืมตาอ้าปาก”
หลี่หรูซงพยักหน้า กล่าวว่า
“เจ้ากลับไปบอกนายท่าน ว่าข้ากำลังเตรียมตัวอยู่ที่นี่ จะรีบนำกำลังไปตีเมืองโซอุล เจ้าเข้าใจไหม?”
วาจาพูดถึงตรงนี้มีอันใดยังไม่เข้าใจ อย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัว หลี่เปียวลังเลก็แค่ไม่นาน ก็รีบเป็นโขกศีรษะ กล่าวอย่างนอบน้อมว่า
“ข้าน้อยเข้าใจ ณ ตรงนี้ขอให้คุณชายใหญ่ไปนำชัยกลับมาได้สำเร็จ!”
หลี่หรูซงยิ้มพอใจพยักหน้า กล่าวว่า
“น้องชายเจ้า หลี่โก่วเอ๋อร์ทำงานรอบคอบยิ่ง ส่งไปประจำหน่วยดูแลพื้นที่ ไม่ก็จะส่งเสริมให้เป็นนายกองพัน ล้วนเหมาะสม”
“ขอบคุณคุณชายใหญ่ๆ ข้าน้อยเข้าใจ ข้าน้อยเข้าใจ!”
หลี่เปียวโขกศีรษะไม่หยุด ทุกคนในห้องล้วนผ่อนคลาย นายท่านใหญ่มารแทรกแล้ว แต่แม่ทัพที่นี่อย่างไรก็เป็นหลี่หรูซง หลี่หรูซงไม่ยอมออกรบ ทุกคนล้วนเข้าใจ บิดากับบุตรชายคนโตขัดแย้ง คนอื่นๆ ย่อมวางตัวลำบาก มีวิธีการแก้ที่ไหลรื่นได้เหมาะสมเช่นนี้ ทุกคนล้วนไม่ต้องกังวลไปด้วย
*************
ฤดูใบไม้ผลิในต้นปี ชาวนายากลำบากที่สุดตอนนี้ ยังไม่อาจเริ่มเพาะปลูก ฤดูหนาวที่สะสมเสบียงไว้ก็ใช้หมดแล้ว
สำหรับทหารโจรวัวโค่วในคาบสมุทรเกาหลี ปลายเดือนหนึ่งเริ่มมา สำหรับพวกเขาก็ยากลำบากอย่างมาก หลี่หรูซงเคยบอกว่า ตอนนี้เสบียงทหารพวกเขาออกจากเปียงยางสามสิบลี้ก็หมดแล้ว สำหรับทัพใหญ่โจรวัวโค่วก็ไม่ต่างกันเท่าไร
จังหวัดฮวังแฮทางใต้ของจังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮัมกยองก็คือจุดที่ออกไปอีก ‘สามสิบลี้’ เพราะก่อนหน้ามีการสังหารรุนแรงที่นี่ ดังนั้นเสบียงจังหวัดพยองอันกับจังหวัดฮวังแฮก็ไม่อาจสะสมได้ทัน ต้องขนมาเสริมจากทางใต้
ดังนั้นโคนิชิ ยูกินากะกองรบหนึ่งพอถอยไปยังจังหวัดฮวังแฮ เสบียงจังหวัดฮวังแฮก็เริ่มเครียดมาก จากจังหวัดคยองกีขนเสบียงมาจังหวัดฮวังแฮ ระยะทางที่มาก็ยุ่งยาก นับประสาอันใดมามีกองกำลังของโคนิชิ ยูกินากะเพิ่มมา ตอนนี้กองรบหนึ่งไม่อาจรวบรวมได้จากท้องที่อีกแล้ว ได้แต่อาศัยกองหลังนำมา
ความกดดันเช่นนี้ ขุนพลโจรวัวโค่วเมืองโซอุลจังหวัดคยองกีหลายนายร่วมหารือ ตัดสินใจให้ทหารส่วนใหญ่กองรบหนึ่งกับกองรบสามถอยมาจังหวัดคยองกีกับจังหวัดกังวอน เสบียงก็จะผ่อนความตึงเครียดได้มาก แม้จังหวัดฮวังแฮมีเมืองใหญ่เกาหลีอยู่มาก แต่จังหวัดฮวังแฮเองมีพื้นที่แคบ ทัพใหญ่อุดอู้กันอยู่ในนั้นพื้นที่ไม่พอ ถอยกลับไปเหมาะกว่า
พูดถึงที่ใกล้ตอนเหนือมากกว่าจังหวัดพยองอันอย่างจังหวัดฮัมกยอง กองรบสองของคาโต คิโยมาสะ 23,000 นายนั้น ความต้องการเสบียงน้อยลงไปมาก
นี่ก็มีสาเหตุ เพราะคาโต คิโยมาสะนำกำลังแต่ไรรวดเร็วกว่า กำลังทหารเทียบกับกองรบอื่นแล้วดีกว่าหน่อย คนผู้นี้ยังมีฉายาว่า ‘พยัคฆ์คาโต’ ได้รับการยกย่องว่า ‘กล้าหาญชาญศึก’ บุกได้เร็วมาก ตอนเดือนสิบปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20ก็มาถึงพรมแดนแผ่นดินหมิงแล้ว
เพราะเดินทัพเร็ว สังหารปล้นชิงทำลายจึงไม่มากนัก สถานการณ์จังหวัดฮัมกยองจึงยังคงไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่อื่น หลายแห่งมีข่าวขาดแคลนเสบียง แต่ทางเขากลับไม่เดือดร้อน เสบียงที่ตนเองเก็บเกี่ยวได้จึงมีอัตราส่วนมาก เทียบกับกองของโคนิชิ ยูกินากะแล้วดีกว่า
ที่โคนิชิ ยูกินากะนำทหารถอยนั้น ความจริงนั้นก็เกี่ยวข้องกับเสบียงสะสมน้อยไป แน่นอน กองรบหนึ่งแม้มีทหารเก่งกล้า แต่ก็เหมือนสูญเสียไปหนึ่งในสามแล้ว เริ่มสะเทือนแล้ว ไม่อาจไม่ถอย
นอกจากสาเหตุเรื่องเสบียง กองรบสามคุโรดะ นากามาสะเองก็ตกใจมากกับกองกำลังหมิง ทหารวัวโค่วในจังหวัดฮวังแฮรวมกันสามหมื่น จังหวัดฮัมกยองมีพื้นที่กว้างมาก กองรบสองของคาโต คิโยมาสะใช่ว่าจะมาช่วยได้ทัน ก็หมายความว่า จังหวัดพยองอันเทียบกับจังหวัดฮวังแฮ ล้วนได้เปรียบกองกำลังหมิงเรื่องกำลังพล เพื่อขอความช่วยเหลือ ก็จำเป็นต้องถอย
กองรบหกของโคบายากาว่า ทาคากาเกะมาถึงจังหวัดคยองกีแล้ว ในฐานะแม่ทัพใหญ่อย่างอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ นั้นไม่ได้โดดเด่นเท่าไร ต้องการคนเช่นโคบายากาว่า ทาคากาเกะเช่นนี้มาบัญชาการ ตอนนี้จังหวัดคยองกียังมีเจ้าของที่และกลุ่มพระเกาหลีไม่น้อยที่รวมกำลังกันออกมาต่อสู้รุนแรง คุกคามกับการขนเสบียงไปตอนเหนือมาก สองกองรบกลับมา ปราบจังหวัดคยองกี ก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่ง และเป็นแผนการของโคบายากาว่า
ตั้งแต่ต้นปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 20 กองกำลังวัวโค่วก็เข้ามาในปูซานแล้ว มีชัยดังกระบอกไม้ไผ่แตกมาตลอดทางรบ คนเกาหลีถึงกับไม่แม้แต่จะต้านทาน คนเกาหลีรวมกำลังตีโต้คืนก็ถูกปราบ ชาวบ้านเกาหลีเริ่มมีความรู้สึกหนึ่งว่า ไม่อาจชนะกองกำลังวัวโค่ว คนเกาหลีได้แต่ยอมรับชะตากรรมในสถานการณ์เช่นนี้
แต่อยู่ๆ โจรวัวโค่วก็พ่ายศึกที่จังหวัดพยองอัน จากนั้นก็ถอยมาตลอดทาง จากจังหวัดพยองอัน จังหวัดฮวังแฮถอยมาจนจังหวัดคยองกี
ทหารหมิงในเปียงยาง แผ่นดินหมิงตัดหัวได้หมื่น ข่าวแพร่ไปรวดเร็ว โจรวัวโค่วกองรบหนึ่งกับกองรบสามถอนกำลังถอยกลับก็เป็นข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ คนเกาหลีเริ่มแพร่กระจายข่าวไปอย่างบ้าคลั่ง ทางใต้ลงไปได้ข่าวนี้กันหมด โจรวัวโค่วกองรบหนึ่งกับกองรบสามถูกทหารแผ่นดินหมิงปราบ
จังหวัดฮัมกยอง จังหวัดกังวอน จังหวัดคยองกี จังหวัดฮวังแฮและอีกหลายแห่งเริ่มมีความวุ่นวาย คนเกาหลีเริ่มออกมาต่อสู้และโจมตีกำแพงเมืองอยู่ๆ ก็มากขึ้นหลายเท่า แต่ไม่มีประโยชน์ใดแม้แต่น้อย ทัพใหญ่โจรวัวโค่วเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ออกมาต่อสู้ย่อมถูกสังหารไปทีละคนจนหมดสิ้น
แต่ทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการ ทหารโจรวัวโค่วถอยทัพ เส้นทางในเกาหลีก็เริ่มมีเหตุปะทะและวุ่นวาย ข่าวไปทั่ว แต่ละแห่งล้วนเกินจริงไปมาก
เพราะไม่ได้ถอยทัพเพราะพ่ายกระเจิง ดังนั้นโจรวัวโค่วจึงยังคงกำลังในแต่ละแห่ง ข่าวแพร่ไป มักล้วนเป็นข่าวลือ จากนั้นก็ผสมกับอารมณ์ตนเองเข้าไป นับวันยิ่งเกินจริง
ขุนนางเกาหลีในเมืองเปียงยางดีใจอย่างมาก พวกเขาบอกว่าสายข่าวจากภายในแจ้งว่า โจรวัวโค่วพ่ายไม่เป็นท่า เมืองโซอุลถึงกับไร้ทหารตั้งทัพแล้ว โจรวัวโค่วเตรียมไปยังจังหวัดซอลลากับจังหวัดคยองซังที่ใกล้กับประเทศวัวมากกว่าแล้ว เพื่อจัดระเบียบกองกำลัง
เมืองโซอุลเป็นเมืองหลวงเกาหลี ยึดเมืองเมืองโซอุลคืนนับเป็นความชอบมาก แม้ตนเองไม่ได้ยกทัพไปยึดมา แต่การสามารถนำกองกำลังหมิงเข้าเมืองได้นั้นเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่มาก รอให้ฟื้นคืนเกาหลีทั้งหมดได้ ตนเองจะได้ประโยชน์อันใดบ้าง ล้วนไม่ต้องพูดก็รู้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เสบียงที่เมืองโซอุลกับห้องใต้ดินที่สะสมสมบัติไว้ย่อมเหนือกว่าเปียงยาง สามารถบุกเข้าไปรวยได้ เทียบกับที่ได้จากที่นี่ก็รู้แล้วว่าจะมากกว่าสักเพียงใด
พวกเกาหลีนำโดยลีไอกับคิมอึนโซสองคนไปพบหลี่หรูซงว่ายามนี้โจรวัวโค่วถอยทัพ เป็นโอกาสกำชัยของทัพใหญ่ถึงตอนนั้นได้สร้างความชอบใหญ่ หลี่หรูซงเป็นแม่ทัพมานานปี แน่นอนเข้าใจข่าวลือมากมายเช่นนี้มีความจริงไม่กี่ส่วน
แต่ทว่ายามนี้ยุ่งยากก็ยุ่งยากที่ สายสืบไม่อาจเข้าสืบความได้ลึกในพื้นที่นัก นินจากับทหารม้าโจรวัวโค่วเริ่มปิดบังสถานการณ์สนามรบ จังหวัดพยองอันทางใต้ ถึงกับต้าถงแดนใต้เองก็อาศัยข่าวลือ
ข่าวไม่ชัด แน่นอนไม่อาจเสี่ยงนำทัพออกศึก หลี่หรูซงรอบคอบมาก ขุนนางเกาหลีมาพบหลายครั้งก็ล้วนถูกไล่กลับไป ในสถานการณ์เช่นนี้ ขุนนางเกาหลีในเปียงยางล้วนร้อนใจกระทืบเท้ากันแล้ว แม้แต่หลายคนในกองกำลังหมิงเองก็ร้อนใจกันมาก รู้สึกว่าปล่อยความดีความชอบหลุดมือไปได้อย่างไรกัน?
ไป ๆ มา ๆ ทุกคนในที่สุดก็หาต้นตอของปัญหาเจอแล้ว ในเมื่อไม่อาจเกลี้ยกล่อมหลี่หรูซง เช่นนั้นก็ไปหาหลี่เฉิงเหลียง…
ปลายเดือนหนึ่ง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 หวังทงนำกำลังทัพใหญ่ใกล้ถึงอี้โจวแล้ว…