องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1106 ภักดีและกตัญญูไหนเลยจะคงอยู่ร่วมกัน
“บาดแผลเจ้าเป็นอันใดหรือไม่? เดี๋ยวให้หมอประจำกองทัพมาดูอาการหน่อยดีกว่า!”
“ขอบคุณคุณชายใหญ่ที่เป็นห่วง ตอนเดินทางมาม้าวิ่งๆ อยู่ๆ ก็ล้มสิ้นลม ข้าน้อยล้มกลิ้งไปหลายตลบ แค่บาดแผลภายนอก ไม่เป็นอันใดมาก”
พ้นเดือนหนึ่งแล้ว ว่ากันว่าหวังทงนำกำลังทัพใหญ่ใกล้เข้าสู่อี้โจวแล้ว เหลียวหยางมีม้าเร็วมาเปียงยางอีก ณ ห้องโถงกลาง พวกทหารตระกูลหลี่ล้วนมากันพร้อมหน้า หลี่หรูซงถามความกับคนนำจดหมายมาสองสามคำ
คนที่มาคือหลี่อี้ ยามนี้สามารถมองเห็นเสื้อผ้าเขาขาดหลายแห่ง ใบหน้ามีคราบโลหิต หลี่หรูซงถามความแล้วก็ให้เร่งให้อีกฝ่ายไปจัดการตนเองก่อน สบถบ่นเบาๆ ว่า
“ม้าวิ่งตายไปหลายตัว มิน่ามาได้เร็วปานนี้!”
เห็นหลี่อี้จะกล่าว หลี่หรูซงโบกมือกล่าวว่า
“เรื่องเอามีดจ่อคอตนนั้นอย่าได้ทำอีก หากยังทำตนเองอีก ครั้งนี้คงได้จริง ณ โถงนี้แล้ว”
หลี่อี้หัวเราะแหะๆ ทิ้งมือยืนตรงนอบน้อม กล่าวอ่อนโยนว่า
“คุณชายใหญ่ล้อเล่นแล้ว ครั้งนี้เร่งเดินทางมารายงานคุณชายใหญ่ว่า นายท่านได้นำกำลัง 4,000 จากเหลียวหยางมายังเปียงยางแล้ว”
กล่าวจบ ในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่หรูซง หลี่หรูป๋อและพี่น้องอื่นนั่งไม่ติดแล้ว ผุดลุกขึ้นทันที ในห้องขุนพลทหารคนสนิทอื่นสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ หากเป็นหลายปีก่อน หลี่เฉิงเหลียงนำทัพออกศึก เขานำกำลังมาย่อมไม่แปลก ท่านแม่ทัพยังแข็งแรง แต่ตอนนี้นั่งบนตั่งเตาอุ่นยังต้องคลุมทับด้วยพรมอีกชั้น สุขภาพอ่อนแอมาก อากาศเช่นนี้ออกมา ใช่ว่ามาตายหรือนี่?
หลี่หรูซงพึมพำเบาๆ ไม่รู้กล่าวอันใด ชักดาบที่เอวออกมา คนข้างๆ ถอยห่างไปสองก้าว หลี่หรูซงฟันดาบตัดโต๊ะขาดสองท่อน คำรามดังว่า
“ท่านพ่อยังกล่าวอันใดอีก!?”
“นายท่านกล่าวว่า เพื่อตระกูลหลี่ กระดูกแก่ชราที่เหลือของท่านก็ทุ่มลงไปหมดได้ ตอนนี้โอกาสดีได้มาอย่างง่ายดาย คุณชายใหญ่ไม่ไปยึดเมืองโซอุล นายท่านจะมาเกาหลียึดเอง”
หลี่หรูซงโยนดาบในมือทิ้งลงพื้นอย่างแรง กวาดตามองคนในห้อง ถามเสียงเย็นขึ้น
“พวกเจ้าผู้ใดไปล่อลวงนายท่าน เรื่องเช่นนี้ล้วนเป็นพวกเหลวไหลบัดซบเกาหลีแต่งเรื่องออกมาหลอก พวกเจ้าก็เชื่อ นายท่านมารแทรกไปแล้ว พวกเจ้าไปหลอกนายท่านหรือ?”
หลี่อี้คุกเข่าแล้ว กล่าวทีละคำว่า
“น้องชายพระชายาของพระราชาเกาหลี และบรรดาขุนนางต่างๆ พากันไปยังเหลียวหยาง พวกเขาในมือมีรายงานข่าวจากชาวบ้านเกาหลีที่เป็นสายสืบ โจรวัวโค่วถอยไปจากจังหวัดฮวังแฮแล้วจริง และที่จังหวัดคยองกีก็ยังมีไฟสัญญาณแจ้งข่าวไม่หยุด ชาวเมืองเมืองโซอุลกับเมืองแคซองล้วนว่าตอนนี้โจรวัวโค่วไม่อาจมาสนใจทุกสิ่งได้รอบด้านอีกแล้ว ลนลานอย่างมาก หากทหารหมิงยกทัพไป จะต้องมีชาวบ้านนับแสนเป็นกองหนุน ทั่วเกาหลีให้การตอบรับประสานกำลัง”
หลี่หรูซงสีหน้าตอนนี้สีหน้าแทบดำสนิท ได้ยินเช่นนี้ ก็ได้แต่แค่นเสียงหัวเราะกล่าวว่า
“เกาหลีน่ะหรือมีชาวบ้านหลายแสน ไม่ใช่ว่าถูกโจรวัวโค่วแค่แสนกว่าจัดการไปแล้วหรือ เรายังไม่ทันไปถึง พวกเขาที่ว่าชาวบ้านนับแสนนั่นคงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว เจ้ากลับไปบอก…”
วาจายังกล่าวไม่จบ หลี่อี้ฐานะบ่าวก็กล่าวแทรกขึ้นอย่างเสียมารยาท กล่าวนอบน้อมว่า
“คุณชายใหญ่ ข้าน้อยตอนออกเดินทางมา นายท่านออกจากเหลียวหยางได้สามสิบลี้แล้ว นี่ก็ใกล้จะเจ็ดวันแล้ว ไม่รู้นายท่านถึงอี้โจวหรือยัง”
ในห้องเงียบลง สถานการณ์นี้กล่าววาจาไม่น่าฟังก็คือ หลี่เฉิงเหลียงไม่แน่ว่าตอนนี้อยู่กลางทางแล้ว เข้าเกาหลี มาสถานการณ์ล้วนไม่สู้แผ่นดินหมิง ไม่อาจรับมือได้ง่าย พ่อลูกสายสัมพันธ์แน่น หลี่เฉิงเหลียงดีกับลูกหลานและทหารคนสนิทอย่างมาก แต่ไม่ไรไม่เคยเอาเปรียบ
ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนร้อนใจ แต่ในสถานการณ์นี้ หลี่หรูซงเป็นผู้นำ ทุกคนได้แต่มองไปยังหลี่หรูซงด้วยสายตาร้อนใจ ยิ่งร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ
หลี่หรูซงเดิมทีมองหลี่อี้ด้วยสายตาราวลุกเป็นไฟ แต่ทว่าค่อยๆ เริ่มพบว่าคนในห้องมองมา รู้สึกบรรยากาศไม่ถูกต้องนัก มองคนนั้นที มองคนนี้ที สายตาที่เดิมหวาดกลัวคล้อยตามเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ถึงกับมีความดูแคลนและสงสัย
หลี่อี้ไม่ได้กล่าวต่อ ในห้องไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้น เงียบยังคงดำรงต่อไป ครู่หนึ่ง อยู่ ๆ มีเสียงคนหัวเราะ…
“ฮ่า ฮ่า…”
เริ่มหัวเราะไม่หยุด ต่อมาก็กลายเป็นหัวเราะยิ่งดัง แต่ในเสียงนั่นไม่มีความยินดีแต่อย่างใด กลับทำให้คนรู้สึกว่าเย็นเยียบทั่วร่าง คนในห้องล้วนรู้สึกขนลุกตัวชา คิดจะเข้าไปปลอบ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขยับ แต่ไรไม่เคยเห็นพี่ใหญ่เป็นเช่นนี้
“ดี…ดี…ดี…ท่านพ่อกับพวกเจ้าต้องการให้ข้าได้เป็นกง เป็นโหว ข้ายังเอาแต่ปฏิเสธผลักไสอยู่ทำไมกัน ข้าไม่เห็นน้ำใจทุกคนได้อย่างไรกัน ข้าไม่รู้ดีชั่วจริง โอกาสใหญ่อยู่เบื้องหน้า ข้ากลับทำเสียโอกาส ข้ากลับทำตัวเช่นนี้ ทำให้บิดาต้องมาเสี่ยงภัยถึงชีวิต ไร้คุณธรรม ไร้ความกตัญญูๆ”
“พี่ใหญ่ ท่าน…”
หลี่หรูป๋อข้างๆ เริ่มร้อนใจ กำลังจะกล่าวก็ถูกหลี่หรูซงโบกมือ หลี่หรูซงไม่หัวเราะแล้ว สีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข ล้วนสงบนิ่งแล้ว กล่าวน้ำเสียงเรียบว่า
“หลี่อี้ รบกวนเจ้าตอนนี้กลับไปบอกท่านพ่อพรุ่งนี้ก็จะออกศึกไปเมืองโซอุล ขอท่านพ่อรักษาสุขภาพให้ดีด้วย อย่าให้ลูกหลานต้องมารับความผิดที่ไร้กตัญญู เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้เจ้าคิดอันใด ในทัพนี้ มีคนมากมายสามารถนำข่าวไปแอบบอกท่านพ่อได้มาก ไม่แค่เจ้าคนเดียว กลับไปเถอะ นายท่านสุขภาพสำคัญ”
กล่าวจบหลี่หรูซงก็ถอนหายใจยาว กลับไปนั่งที่เดิม เงียบไปครู่หนึ่งกล่าวว่า
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า เมืองเซวียนฝู่ทหารม้าสามพัน วันนี้เตรียมตัว พรุ่งนี้เดินทัพ ทหารม้าเหลียวหนึ่งพันตามไปด้วย พรุ่งนี้ออกเดินทาง เตรียมเสบียงให้มาก พรุ่งนี้ออกเดินทาง พวกเจ้าเองก็ไปเตรียมตัวกันก่อน! หลี่อี้ข้าไม่รั้งเจ้าแล้ว เจ้าไปตอนนี้เลย อย่าให้ตระกูลหลี่เรากลายเป็นตัวตลกที่เหลียวหนิง!“
พูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็ดุดัน หลี่อี้ยามนี้ไม่คิดดิ้นรนกล่าวอันใดอีก รีบโขกศีรษะรับคำ วิ่งออกไปอย่างเร่งด่วน
ในคืนนั้นเอง หลี่ซานสือรีบมายังห้องหลี่หรูซง กระซิบกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ คืนนี้จากเราที่นี่ม้าเร็วออกไปหกตัวได้ จะรั้งไว้หน่อยไหม หากยังปล่อยเช่นนี้ เกรงว่ากำลังใจจะไม่เหลือ”
“ไม่ต้องสนใจ เจ้าคิดว่าพวกเราหลายคนไปแจ้งข่าวเหลียวหยาง หรือไปแจ้งที่อี้โจวกับสวีกว่างกั๋วล่ะ?”
หลี่หรูซงเข้าใจดี แต่ทว่าน้ำเสียงเสียไม่ได้ หลี่ซานสือคิดไปมา ยังคงกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ ครั้งนี้ไปเมืองโซอุล หากชนะจริงก็ยังดี แต่หากแพ้มา กำลังเราสามพัน เกรงว่า เกรงว่าคงต้อง…”
“ไม่มีทางเลือกแล้ว บีบกันถึงขั้นนี้แล้ว หากไม่ไป สามพันที่เรามีเกรงว่าคงเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เฮ้อ ช่างเถอะที่นำไปล้วนเก่งกล้า ไปบุกเร็วแล้วรีบกลับ เจ้าคืนนี้ไปดูอีกที ทัพครั้งนี้เน้นฉับไว ต้องโจมตีตอนที่ไม่คาดคิด ประเด็นก็คือต้องเดินทัพเร็ว อาวุธอันใดก็เน้นเบาไว้ก่อน ปืนใหญ่ไม่ต้องเอาไป เอาปืนรังผึ้ง[1]ไป รีบไปจัดการ!”
****************
วันที่ 4 เดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 หลี่หรูซงนำกำลังสี่พัน จากเมืองเปียงยางข้ามแม่น้ำต้าถง ตรงไปยังเมืองโซอุล เกาหลี
ออกจากจังหวัดพยองอัน เข้าสู่จังหวัดฮวังแฮ ตลอดทางมาไม่ได้ปะทะโจรวัวโค่วอันใด ใกล้เข้าสู่เมืองแคซองแล้ว กองกำลังหมิงได้เลือกที่ตั้งค่ายในภูมิประเทศที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง
จังหวัดฮวังแฮหากเป็นแผ่นดินหมิงก็เรียกว่ามณฑลเล็ก ม้าเร็ววิ่งผ่านก็แค่วันเดียว แต่เพื่อให้รอบคอบไว้ก่อน หลี่หรูซงเดินทัพไม่เร็วนัก หลังตั้งค่ายพัก ก็มีทหารเกาหลีหลายสายมาประสานกำลัง มีเอาหมูสองสามตัวกับเสบียงอีกราวพันกว่าชั่งมาให้
ขนาดกองกำลังผู้กล้าเกาหลีล้วนไม่ใหญ่ รวม ๆ แล้วก็ราวพันคน คนนำเป็นเจ้าของพื้นที่หรือไม่ก็พระ ของกินที่พวกเขานำมามอบให้ดี ยังไม่อาจสู้กับความสิ้นเปลืองของกองทัพหลี่หรูซงใช้
แต่ทว่าคนเหล่านี้ก็มีประโยชน์ใช้สอยของพวกเขา หลี่หรูซงต้องการรู้ข่าวสถานการณ์ในจังหวัดคยองกีจากพวกเขา โดยเฉพาะสถานการณ์รอบเมืองโซอุล
กองกำลังผู้กล้าเกาหลีนี้ล้วนพูดเหมือนกัน โจรวัวโค่วกลัวบารมีทัพหมิง ถอยทัพกระจัดกระจายไปแล้ว ในจังหวัดคยองกี โจรวัวโค่วเอาไม่อยู่แล้ว กองกำลังผู้กล้าเราก่อการ กองใหญ่สุดก็นำกำลังโดยระดับพระญาติ มีคนราวหมื่น ขับไล่โจรวัวโค่วพ่ายไปแล้ว หากแม่ทัพใหญ่นำทัพไป ทหารเราย่อมประสานกำลังกับแม่ทัพใหญ่ ร่วมกันยึดเกาหลีคืน
คบหาสมาคมกันมานานหลายปี หลี่หรูซงเข้าใจนิสัยคนเกาหลีอย่างมาก ช่างชอบกล่าววาจาคุยโม้คุยโต และทุกคนในเกาหลีล้วนหวังจะฟื้นคืนเมืองโซอุลอีกครั้ง ในวิกฤตเช่นนี้ จะมีวาจาจริงใจได้สักเท่าไร ไม่กล้ารับประกัน การข่าวนี้ล้วนต้องบีบน้ำทิ้งแล้วค่อยรับฟัง
แต่พอบีบน้ำทิ้งแล้ว สถานการณ์ก็ไม่เลวนัก อย่างน้อยโจรวัวโค่วในจังหวัดคยองกีก็วุ่นวายมาก คนเกาหลีก่อความวุ่นวายได้ไม่เลว เรื่องอื่นไม่พูดถึง แค่เรื่องจังหวัดฮวังแฮเป็นประตูสู้จังหวัดคยองกี โจรวัวโค่วทิ้งทหารไว้ที่นี่ก่อนจะลงใต้ไปหมด ก็พอจะบอกกล่าวในเรื่องนี้แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนี้ที่ต้องทำต่อไปก็คือบุกหน้าต่อ สถานการณ์เช่นนี้ต้องเน้นเรื่องไว อย่างน้อยคงมีผลสำเร็จจากการเหนือความคาดหมาย
ก่อนเข้าสู่จังหวัดคยองกี หลี่หรูซงส่งทหารกองเล็กออกไปแนวหน้าปะทะเข้ากับกองกำลังโจรวัวโค่ว ทหารม้าร้อยคนสู้กับทหารราบสองร้อยกว่า อีกฝ่ายไม่มีปืน แน่นอนเป็นชัยชนะใหญ่ ตัดหัวมาได้ร้อยห้าสิบ อีกหลายสิบเพราะหนีเข้าเขาไป จึงไม่อาจตามได้ทัน
เพราะมีการปะทะเช่นนี้ ทหารม้ากองกำลังหมิงเข้าสู่จังหวัดคยองกี ข่าวนี้คนที่ควรรู้ก็ล้วนรู้แล้ว
*******************
“ใต้เท้า เมื่อครู่สายข้าน้อยที่ส่งไปที่เปียงยางรายงานมาว่า หลี่หรูซงนำกำลังสี่พันทหารม้าไปยังเมืองโซอุล บอกว่าจะยึดเมืองโซอุล”
ซุนโส่วเหลียนรายงานสีหน้าลำบากใจ สวีกว่างกั๋วนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสืออึ้งไปไปนานสักพัก ตบโต๊ะเสียงดัง สบถด่าหยาบคายว่า
“เหลวไหลสิ้นดี หลี่เฉิงเหลียง เจ้าบัดซบหลี่หรูซง ตระกูลเจ้าทำลายการใหญ่ของแผ่นดิน!!”
……………………………………………..
[1] เครื่องยิงธนูที่บรรจุลูกธนูหลายดอกในกระบอกยิง