องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1107 ห่างจากเมืองโซอุล 24 ลี้
“อากาศเกาหลีช่างบัดซบ บ้านข้าไม่ได้หนาวเช่นนี้!”
“ไอ้ตัวบัดซบ เดินทัพเช่นนี้อยู่ อย่าได้ส่งเสียงดังโวยวาย!”
มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ มีเสียงตำหนิดุดันดังมาทันที แน่นอนเสียงตำหนิไม่ได้ดังมาก ซามูไรขี่ม้าหลายสิบคนกำลังจากเมืองโซอุลขึ้นเหนือไปยี่สิบกว่าลี้
ฟ้ายังมืดมาก ขอบฟ้ามีแสงเล็กๆ ไม่รู้เป็นแสงตะวันแรกหรือไม่ ซามูไรขี่ม้ามาไม่ใช้เส้นทางใหญ่ หากใช้เส้นทางตามเขาและเนินเขา เส้นทางนี้มักล้วนมีการปิดบังร่องรอยด้วยสภาพพื้นทีและต้นไม้ คนเดินทางในเขา ยากจะถูกพบเห็น
ญี่ปุ่นม้าน้อย ทหารขี่ม้าได้ส่วนใหญ่เป็นซามูไร กองกำลังนี้ราวกับไม่เหมือนกัน ซามูไรแต่ละคนล้วนสวมเกราะเหล็กประกอบแผ่นด้วยหนัง คนครึ่งหนึ่งยังแบกปืนไฟ อาวุธเช่นนี้ในประเทศวัวเรียกได้ว่าเป็นนักรบอันดับหนึ่ง นับประสาอันใดยังขี่ม้ามาอีก
กองกำลังนี้อยู่เกาหลีค่อนไปทางใต้ที่สุดของจังหวัดซอลลา เป็นซามูไรฮาตาโมโตะ[1] กองสืบข่าวโจรวัวโค่วกองรบหก สังกัดกองรบโคบายากาว่า ทาคากาเกะ
ทหารม้ากองกำลังหมิงออกเคลื่อนไหว แน่นอนไม่อาจหลบซ่อนปิดบังได้นานนัก โจรวัวโค่วรู้นานแล้วและเตรียมป้องกันไว้แล้ว เริ่มรวมกำลังที่จังหวัดคยองกี
โคบายากาว่า ทาคากาเกะหัวหน้าโจรวัวโค่วกองรบหกแม้ว่าตั้งมั่นในจังหวัดซอลลา แต่เขาเป็นทัพใหญ่โจรวัวโค่วที่เข้มแข็งที่สุดกองหนึ่ง ตั้งมั่นคุมสถานการณ์ในเมืองโซอุลจังหวัดคยองกี พอรู้ข่าวแล้ว เขาเตรียมกำลังและเตรียมการไม่หยุด
วันที่ 10 เดือนสองมีคนส่งข่าวมาว่า ห่างจากเมืองโซอุลไปสามสิบลี้มีกองกำลังหมิงปรากฏ ทำให้อุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ลนลานส่งทหารออกไปสี่หมื่นรับศึก พอไปถึงกลับพบว่าเป็นเรื่องตกใจเสียเปล่า แค่โจรม้าเกาหลีกระจอก กำลังลุกฮือยังสู้ไม่ได้
หลังจากนั้น โคบายากาว่า ทาคากาเกะก็เริ่มส่งนายทหารที่เก่งกล้าที่สุดของตนอย่างพวกซามูไรฮาตาโมโตะออกสืบข่าว มุ่งไปทางเหนือและทางตะวันตก กองกำลังหมิงอาจจะปรากฏตัวออกสืบข่าวแถวนั้น
“ชวู่~~~~”
สายสืบซามูไรคนหน้าสุดส่งเสียงให้เงียบ ทุกคนหยุดการพูดคุย
“โจรหมิงอยู่ด้านหน้า ตรงตีนเขามีกองใหญ่!”
กระซิบส่งข่าวกันต่อๆ ไป ตรวจสอบครอบปากม้า ก่อนจะค่อยๆ โดดลงจากม้าอย่างแผ่วเบาย่องมายังตีนเขา คนด้านหน้าที่มองเห็นบอกทิศทางแล้ว แต่ละคนอดตัวสั่นไม่ได้ กำบังลมด้านหน้า มองเห็นสายไฟหลายแห่งส่องระยิบ ฟ้าค่อยๆ สว่างแล้ว ทุกคนพอมองเห็นทหารม้ากองใหญ่ด้านหน้าลางๆ ว่ากำลังพักแรม
“โจรหมิงเจ้าเล่ห์มาก ถึงกับมาถึงที่นี่เงียบเชียบได้เพียงนี้”
“ใกล้พ้นยามโฉ่ว[2] น่าจะยามอิ่น[3]แล้ว!”
“รีบไปรายงานที่เมืองโซอุล รีบไป!!”
******************
กองกำลังทหารม้าหลี่หรูซงหลายพันเองก็ส่งทหารยามไว้รอบนอก แต่ทว่าพวกเขาไม่ชำนาญพื้นที่ พวกที่ตอนอยู่จังหวัดฮวังแฮบอกว่าไม่กลัวโจรวัวโค่วพร้อมแลกชีวิตนั้นหายตัวไปหมดแล้ว พวกเขาออกสำรวจได้แค่พื้นที่จำกัด
พวกเขาไม่สังเกตเห็นการปรากฏตัวของสายโจรวัวโค่วที่เนินเขา สายโจรวัวโค่วจากไป ทหารม้าที่มีเวลาพักผ่อนไม่มากนัก ล้วนเริ่มตื่นนอนเก็บค่าย
“นายกองพัน นายกองร้อย นายกองธงใหญ่ นายกองธงเล็ก จับตาคนเบื้องหน้าให้ดี คนกินอิ่มหกส่วน แต่ม้าต้องกินให้พอ!”
หลี่หรูซงเดินไปกล่าวไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทหารในสังกัดหลายนายรีบวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หลี่หรูซงกับหลี่หรูป๋อร่วมกันเดินอยู่ในแถวทัพ การพักผ่อนคืนวานง่ายมาก หลายคนหาที่แห้งๆ ปูพรมงีบ ไม่ต้องเตรียมถอนค่ายมากนัก
หลี่หรูซงกล่าวจบ หลี่หรูป๋อก็กล่าวว่า
“จับตาทุกแห่ง อาหารกินไม่หมดต้องเอาไปด้วยให้หมด ผู้ใดสิ้นเปลืองเสบียง ข้าก็จะลงโทษวินัยผู้นั้น พวกเราครั้งนี้นำเสบียงมาสามวัน สิ้นเปลืองไปเล็กน้อย ขากลับก็คงได้แต่หิวท้องแล้ว”
“พื้นที่ตั้งค่ายอยู่ที่จังหวัดฮวังแฮ พวกเรานำเสบียงมาสามวัน ต้องจับตาดูให้ดี!”
หลี่หรูซงส่งเสียงสำทับ ครั้งนี้ทหารม้าสี่พันมาแบบไม่ขนอาวุธหนักมา นำเสบียงมาแค่สามวัน ทหารตระกูลหลี่ทั้งหมด เมื่อก่อนคนไม่น้อยเคยมาเกาหลี ครั้งนี้มีคนบอกว่าตนเองรู้เส้นทางลัด สามารถหลบสายตาพวกโจรวัวโค่วเข้าสู่จังหวัดคยองกี
ใช้หน่วยจู่โจมเร็ว วิธีการเช่นนี้ต้องลองสักหน่อย ความจริงนั้นแผนการนี้เรียกได้ว่าราบรื่น แต่ทหารม้าหลายพัน กองกำลังใหญนี้คิดจะหลบสายสืบฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ตั้งค่ายพักก็มีไม่กี่แห่ง
จะบุกเข้าไปเงียบๆ ไม่ให้รู้ตัวเลยคงเป็นไปไม่ได้ หลี่หรูซงกับหลี่หรูป๋อและขุนพลทหารล้วนเข้าใจ แต่สามารถหาจังหวะจู่โจมได้สักหน่อย ได้เข้าใกล้ศัตรูอีกสักหน่อย ก็เป็นข้อได้เปรียบเพียงพอแล้ว
***************
ทั้งกองเตรียมการเสร็จ ทหารม้าสี่พันเดินมาตลอดทาง ม้าขยับเคลื่อนเริ่มอุ่นกำลัง ทหารม้าทยอยขึ้นม้า
ความจริงนั้นมาถึงที่นี่ได้ นับว่าเข้าพรมแดนเมืองโซอุลแล้ว เส้นทางเดินทางง่ายมาก ในมุมมองนี้ เรียกได้ว่าเข้าสู่เขตสงครามแล้ว
ออกจากเปียงยางข้ามแม่น้ำแทดอง หลี่หรูป๋อผู้บัญชาการเหลียวซีตื่นเต้นมาก แต่ทว่าพอเข้าจังหวัดคยองกี สีหน้า หลี่หรูป๋อไร้รอยยิ้ม สีหน้าบนหลังม้ามีแต่ความกังวล
“พี่ใหญ่ ที่นี่น้ำแข็งละลายเร็วกว่าที่เรา น้ำเพาะปลูกข้าวในนาก็มาก ยังมีดินโคลนในนา ทหารม้าวิ่งผ่านที่นาแฉะดินโคลนเช่นนี้ยุ่งยากมาก!”
หลี่หรูป๋อกล่าว หลี่หรูซงก้มหน้าไม่กล่าวอันใด หลี่หรูป๋อบนหลังม้าเอาแต่มองไปรอบทิศ กล่าวเบาๆ ว่า
“คนเกาหลีรู้แค่คุยโม้ จังหวัดพยองอัน จังหวัดฮวังแฮไหนว่ามีกองกำลังผู้กล้า ไหนว่ายอมตายเข้าช่วยศึกเรา พอเข้าจังหวัดคยองกี ล้วนหนีหายหน้าไปหมดเกลี้ยง จังหวัดคยองกีวุ่นวายกันที่ใด ตลอดทางมาไม่เห็นแม้แต่เงาผี มารดามันสิ ยังมีกองกำลังผู้กล้านับหมื่นที่ไหนของมัน….”
“ในเมื่อมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็ต้องไปลองดูแล้ว!”
หลี่หรูซงแต่ไรไม่เห็นด้วยกับการมาที่นี่ ยามนี้กลับกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบ ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น พระอาทิตย์เริ่มสูงขึ้น หลี่หรูซงบนหลังม้ามองไปรอบทิศ ค่อยๆ กล่าวว่า
“ที่นี่น่าเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในเกาหลี มีที่นาข้าว มีพื้นที่ราบมาก และอากาศยังค่อนข้างอบอุ่นกว่าทางเหนือสักหน่อย ที่เช่นนี้ โจรวัวโค่วย่อมไม่ปล่อยมือไปง่ายๆ!”
กล่าวจบ สองคนล้วนเงียบไป ทัพใหญ่ค่อยๆ เดินหน้า สายสืบที่ออกไปสิ่งลาดตระเวนด้านหน้ากลับมาไม่หยุด เข้ามารายงานสิ่งที่ได้เห็นด้านหน้า
“ท่านแม่ทัพ เริ่มเห็นค่ายวัวโค่วด้านหน้าทางเมืองโซอุลแล้ว!”
“ท่านแม่ทัพ ทหารสายสืบเราเห็นกำแพงเมืองใหญ่ไกลๆ แล้ว….”
กำลังรายงานอยู่นั้น ด้านหน้าเริ่มมีความวุ่นวาย มองเห็นทหารม้าหลายนายบุกเข้าไปในกอหญ้าริมทาง ไม่นาน ด้านหน้าก็กลับมารายงาน
“มีสายโจรวัวโค่ว ถูกสังหารไปสาม ที่เหลือหลายคนหนีไปได้”
เริ่มได้ยินเสียงกลองดังแว่วมาจากที่ไกลๆ เริ่มแรกยังไม่ชัดนัก แต่เสียงยิ่งชัดดังขึ้น เหมือนว่าเป็นเสียงร้องจากฟ้าอีกทาง
“แต่ละหน่วยตั้งสติมั่น กำลังปะทะศัตรูแล้ว!”
หลี่หรูซงออกคำสั่งดัง ทหารข้างกายรอคำสั่งแล้วก็พากันตะโกนดัง เร่งม้าออกไป วิ่งไปถ่ายทอดคำสั่ง
หลี่หรูป๋อข้างๆ หันไปถ่มน้ำลายลงพื้น ตรวจดาบประจำตัวตนเองรอบหนึ่ง พึมพำว่า
“ท่านพ่อช่างมารแทรกจริงๆ!”
*****************
เส้นทางเข้าสู่เมืองโซอุล สองข้างทางเริ่มไม่มีเนินหลุม รอบๆ ราบเรียบยิ่ง สี่พันทหารม้าวิ่งไปค่อยๆ แผ่ตัวออกเป็นแนวระนาบ
ต้องเข้าบุกเมืองเร่งด่วน ทหารม้าแน่นอนได้เปรียบที่ความเร็ว ได้ยินเสียงกลองจากเมืองโซอุลยิ่งดัง ผู้ใดก็รู้ ไม่อาจมีเมืองว่างเปล่าไว้รอเจ้าไปแย่งชิงให้มีโชควาสนาง่ายๆ
เห็นทหารโจรวัวโค่วราวสี่พันกำลังเข้ามาใกล้ สี่พันกว่าคนนี้แบกธงส่วนใหญ่สีน้ำตาลไว้บนหลัง มีทหารราบทวนยาวเป็นหลัก ทหารม้ากับทหารปืนใหญ่วัวโค่วอยู่ด้านหน้าสุดของกองกำลัง
คนสี่พันกว่าไม่เท่าไร แต่ที่ทำให้กองกำลังหมิงสั่นไหวก็คือ สี่พันว่าของกองกำลังโจรวัวโค่ว ด้านหลังยังมีคนและม้า ด้วยตำแหน่งกองกำลังหมิงมองไป ทหารโจรวัวโค่วถึงกับสุดลูกหูลูกตา มารวมตัวกันดำทะมึนจากสามทิศทาง
เสียงกลองดังถี่ไม่หยุด ท่ามกลางเสียงกลอง มีเสียงเป่าเขาสัญญาณ ไม่ก็เสียงเป่าเปลือกหอยสัญญาณ ทหารโจรวัวโค่วเดิมตั้งทัพได้เงียบ แต่คนมากมายเช่นนี้ แค่แต่ละแห่งเปล่งเสียงเล็กน้อย ก็ทำให้สนามรบเกิดเสียงดังขึ้นมาได้อย่างมาก
ม้าขบวนทัพม้ากองกำลังหมิงล้วนตื่นกันแล้ว ทหารม้าล้วนต้องดึงบังเหียนม้าไว้สุดชีวิตเพื่อไม่ให้ม้าแตกแถว ความเร็วบุกไปเริ่มช้าลง
“นี่มัน…นี่มัน…”
หลี่หรูป๋อติดอ่าง อารมณ์ปะทุบนหลังม้าทันที ตวาดด่าดัง
“ไหนบอกว่าเมืองว่างเปล่าไง! เจ้าพวกเดรัจฉานหลากสายพันธุ์…”
กล่าวไม่ทันจบ ก็หยุดเสียงตะโกน หลี่หรูป๋อรู้สึกคอแห้ง กลืนน้ำลายไปหลายอึก หันไปบอกหลี่หรูซงข้างๆ ว่า
“…พี่…พี่ใหญ่ หนีเถอะ ยังทัน ทหารราบโจรวัวโค่วมาก ตามไม่ทัน!”
หลี่หรูซงมองไปยังน้องชายตนเอง ส่ายหน้ายิ้ม กล่าวไม่ยี่หระว่า
“ฝืนคำสั่งมา หากยังหนีกลับไป รอเรากลับไป จะมีหน้าใดไปพบชาวหมิงใต้หล้า ถึงตอนนั้น ตระกูลหลี่เราก็คงจบสิ้นจริงแล้ว”
หลี่หรูซงแขวนธนูไว้ข้างอานม้า ชักดาบออกมาครึ่งหนึ่งก่อนจะเก็บคืนฝัก ตะโกนดังว่า
“ในเมื่อมาแล้ว ก็รบละกัน ชีวิตทิ้งไว้ที่นี่ ไม่ผิดต่อตนเองแล้ว ไม่ผิดต่อท่านพ่อ และไม่ผิดต่อแผ่นดินหมิง น้องรอง เจ้ากลับไปกำราบกองกำลังเจ้า อีกสักครู่อย่าได้ทำตระกูลหลี่ขายหน้า”
หลี่หรูป๋อก้มหน้ารับคำก่อนจะเงยหน้าประสานมือคำนับ ขี่ม้าออกไปเอง หลี่หรูซงมองแผ่นหลังเขาไปด้วยรอยยิ้ม หันไปถามทหารติดตาม
“ที่นี่คือที่ไหน!?”
“เรียนท่านแม่ทัพ ที่นี่พวกเกาหลีเรียกว่า ปี้ถีก่วน[4]”
“ชื่อประหลาดจริง!”
………………………………………………………..
[1] นักรบซามูไรผู้ขึ้นตรงต่อโชกุน
[2] ราวตี1-ตี3
[3] ราวตี3-ตี5
[4] ศึกปี้ถีก่วนในประวัติศาสตร์มีบันทึกว่าเป็นศึกระหว่างหลี่หรูซงแห่งแผ่นดินหมิงกับโคบายากาว่าแห่งญี่ปุ่