องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1109 สนามรบราวคลื่นกระหน่ำ
สองฝ่ายปะทะศึก ขุนพลออกประลอง ขากลับย่อมรอรับเสียงตะโกนเชียร์ชื่นชมจากทหารทัพตน ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่เป็นฝันของขุนพลทุกคน โดยเฉพาะหลี่หรูป๋อที่หลงใหลในคำบรรยายภาพวีรบุรุษ ในยามนี้ตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง
เขาเหมือนว่าไม่ทันสังเกตว่าทหารฝั่งตนที่ส่งเสียงยินดีเริ่มสีหน้าแปรเปลี่ยน เหมือนกำลังตะโกนเตือนเขาอันใด หลี่หรูป๋อถึงกับเอาทวนตนแขวนไว้ที่อานม้า สองมือประสานมือคำนับรับคำชม
ซามูไรวัวโค่วด้านหลังหลี่หรูป๋อเริ่มเข้าใกล้ยิ่งขึ้น มาถึงระยะยิงแล้ว กองกำลังหมิงมีคนทนไม่ไหว ควบม้าออกมา ซามูไรวัวโค่วที่ออกมาลอบยิงเริ่มน้าวธนูแล้ว…
ในตอนนั้นเอง หลี่หรูป๋อหันขวับกลับไป หลังแทบจะแนบลงบนหลังม้า ตอนเขาแหงนหน้าหันกลับไป ก็น้าวธนูไว้แล้ว ฉึก ๆ ดังออกไป
ซามูไรวัวโค่วพวกนั้นไม่ทันได้คิดเลยว่า หลี่หรูป๋อปฏิกิริยาไวเช่นนี้ คนหน้าสุดถูกหลี่หรูป๋อยิงทะลุลำคอ อีกคนตกใจตัวสั่น ไม่ขยับ ถูกแทงเข้าที่หน้าผาก คนที่สามโยนอาวุธในมือทิ้ง หันหลังวิ่งหนี หลี่หรูป๋อยืดตัวตรง ยิงออกไปอีกดอก ดอกนี้แทงทะลุท้ายทอยโจรวัวโค่ว
ธนูยิงต่อเนื่อง สามดอกสังหารสามคน ทั่วสนามรบเงียบ กองกำลังหมิงยิ่งส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้อง นี่เป็นการแสดงฝีมือ การรบบนหลังม้าอันยอดเยี่ยม ฝีมือธนูไม่ธรรมดา ที่ยิ่งยากก็คือรับมือในยามวิกฤตหากไม่ลนลาน ช่างสมเป็นขุนพลใหญ่
ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้อง หลี่หรูซงพ่นลม ยิ้มด่า
“ไอ้ตัวบัดซบ…”
หลี่หรูซงตวัดเสียงตะโกนดัง
“จู่เฉิงซวิ่นอยู่ไหน!?”
“ขอรับ!”
“เจ้านำทหารม้า 500 โจมตีโจรวัวโค่ว ไม่นับหัว ขอเพียงถล่มโจรวัวโค่วแตกพ่าย ไล่ตามโจรวัวโค่วทัพใหญ่ อาศัยจังหวะดูสภาพความเป็นจริงพวกมัน เจ้าทำได้ไหม!”
“ข้าไม่กลัวตาย ขอรับใช้แผ่นดิน!”
จู่เฉิงซวิ่นตอบเสียงดัง วิ่งหันกลับไปรวมกำลังทหาร ทหารม้าของเขามี 500 กว่า หลี่หรูซงไม่ทันได้เห็นว่าตอนจู่เฉิงซวิ่นหันกลับไปแอบสบถด่า
“ทำไมเป็นข้าอีกแล้ว!”
เห็นจู่เฉิงซวิ่นนำกำลังทหารม้าวิ่งไปด้านหน้า หลี่หรูซงออกคำสั่ง
“เตรียมปืนรังผึ้ง แต่ไม่ต้องรีบร้อนยิง จะยิงตอนไหน ให้รอคำสั่งข้า!”
ทหารติดตามรีบวิ่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง หลี่หรูซงยกเท้าออกจากบังโกรนม้า ยืนขึ้นไปบนอานม้ามองไปด้านหน้า ทัพใหญ่โจรวัวโค่วแม้มาก แต่ไม่มีปืนรังผึ้งแต่ละคนดูไม่ได้เป็นหนึ่ง กองกำลังหลายกองล้วนหยุดระหว่างทาง กองเดียวที่ยังเดินหน้าก็คือโจรวัวโค่วตรงหน้าเหล่านี้
*****************
ขุนพลโจรวัวโค่วทางนั้นย่อมไม่ใช่ยาสุ ซึเนะฮิสะ เขาถูกสังหารทิ้งไปแล้ว ซามูไรซุ่มโจมตีสามคนก็ถูกสังหารทิ้ง ทั้งกองก็เริ่มเปลี่ยนรูปทัพบุกขึ้นหน้า
ทหารราบพลทวนยาววางทวนยาวเอียงรอ เรียงแถวแนวนอน ค่อยๆ ก้าวนาขึ้นหน้าพร้อมกัน พลปืนใหญ่วัวโค่วอยู่ด้านหน้า ทหารม้ากับกองกำลังที่เห็นชัดว่านำโดยกลุ่มซามูไรอยู่ทางปีกขวา
จัดกองทัพเป็นแบบแผน พลปืนใหญ่วัวโค่วกับทวนยาวตั้งรับ ทหารม้ากับทหารเก่งกล้าออกรับศึก แต่จู่เฉิงซวิ่นมองแล้วไม่สนใจ อย่างไรก็มีวิธีรับมือ
“ที่ยิงธนูได้ให้ขึ้นม้ามาให้หมด เรียงแถวหน้ากระดานยาว!”
“บังคับฝีเท้าม้า!!”
จู่เฉิงซวิ่นตะโกนดัง ธนูกุมอยู่ในมือแล้ว ทหารม้าเร่งนำม้าขึ้นหน้าต่อเนื่อง กระจายไปยังสองข้างกองกำลัง
ม้าสองปีกเดินท่ามกลางโคลนดินแล้ว ความเร็วไม่อาจเร่งได้ กองกำลังโจรวัวโค่วตรงหน้าเข้มแข็งไม่น้อย อย่างไรก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้ จู่เฉิงซวิ่นอยู่ตำแหน่งตรงกลางบุกได้เร็วพอ ปืนใหญ่วัวโค่วเพิ่งยิง พวกเขาก็ไปถึงแล้ว
ปืนใหญ่วัวโค่วยิงไม่น้อย แต่ยิงแม่นไม่มาก ในช่องว่างนี้ จู่เฉิงซวิ่นก็บุกเข้าระยะประชิดพอแล้ว แต่ละคนล้วนไม่อาจสนใจความสมดุล ล้วนน้าวธนูบนหลังม้า ดึงได้ราวแปดส่วนรอ ทหารม้าด้านหลังพวกเขาล้วนทำตามเช่นกัน
เสียงฉึกๆ ๆ ธนูราวห่าฝน อาศัยความเร็วกำลังม้าในการยิงได้ยิ่งไกล ความแม่นแม้ว่าไม่มาก แต่ทัพศัตรูเรียงตัวหนาแน่น ธนูยิงไปย่อมปักเข้าสักคนให้ต้องบาดเจ็บล้มตาย
ระลอกแรกยิงไป ไม่สนใจเพื่อนทหารข้างๆ ที่ล้มลง รอบสองขึ้นพร้อม โจรวัวโค่วด้านหน้าเหมือนต้นข้าวที่ถูกเคียวเกี่ยวตัด ล้มไปทีละแถว
กองกำลังโจรวัวโค่วเริ่มวุ่นวายแล้ว โจรวัวโค่วรบกันเองมาสองร้อยปี พวกเขาไม่เคยเห็นทหารม้าเช่นนี้ ยิ่งไม่เคยเห็นการยิงบนหลังม้าเช่นนี้ ธนูแกร่งเช่นนี้ ลูกธนูแหวกอากาศมาปัก เกราะไม้ไผ่และเกราะหนังถูกลูกธนูปัก เกราะไผ่บนร่างกายกับเกราะหนังนั้นไม่มีทางป้องกันได้ แม้เป็นซามูไรเก่งกล้าแห่งยุค แต่ถูกธนูทะลุร่างอย่างไร้ปราณีเช่นนี้ ไม่ล้มตายก็ร้องโหยหวน ทำให้คนอื่นๆ ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวตาม
ยิงธนูไปสองรอบ จู่เฉิงซวิ่นนำกำลังมาด้านหน้าได้แล้ว ยังมีทหารราบทวนยาว โชคดีไม่ได้บาดเจ็บท่ามกลางห่าลูกธนู ยามนี้ไม่รู้ตกใจอึ้งไปหรืออันใด ถึงกับเอียงทวนยาวรอไม่ขยับ ความเร็วกับทิศทางทหารม้ากองกำลังหมิงล้วนไม่เปลี่ยน กำลังมุ่งเข้าปะทะไม่กลัวเกรง
ระยะยิ่งใกล้ ทหารราบทวนยาวถึงกับรู้สึกพื้นดินด้านหน้าสั่นสะเทือน ทหารม้าขี่บนหลังม้า สูงมากกว่าหนึ่งช่วงตัว ความรู้สึกเช่นนี้ยิ่งทำให้หวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมีคนทนต่อไปไม่ไหว หันหลังวิ่งหนี มีคนถึงกับโยนทวนยาวในมือทิ้ง
มีคนไม่รู้ว่ากล้าหาญหรือโง่เขลา ยืนนิ่งไม่ขยับ ทวนยาวแทงใส่ม้า ม้าเมืองเหลียวโจวด้านหน้าล้วนใส่เครื่องป้องกันทำจากหนัง มีคนไม่ได้แทงใส่ มีคนแทงใส่ไม่ทะลุ และมีคนแทงใส่ม้าได้
หากเป็นทหารราบโจรวัวโค่วปะทะกับทหารม้า ทหารราบล้วนล้มระเนระนาด ไม่ว่าแทงหรือไม่แทง ทหารม้าในชุดเกราะพร้อมม้า ความเร็วเสริมกำลังก็ไม่อาจกระจัดกระจายแตกทัพโดยง่าย คนที่แทงทะลุ ทวนยาวในมือไม่อาจรับน้ำหนักได้ งอแล้วก็หักทันที คนทั้งคนถูกดีดกระเด็นกลับ มีคนถูกทวนแทงสะท้อนใส่ตัวทันทีเช่นกัน มีคนกระแทกไปโดนเพื่อนทหารข้างๆ ส่งเสียงร้องโหยหวนล้มลง ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก
สำหรับโจรวัวโค่ว ไม่เพราะเจ้าเป็นทหารราบจึงตายเร็วหน่อย เจ้าเป็นซามูไรจึงมีชีวิตยาวนานยิ่งกว่า ในสถานการณ์ทหารม้ากองกำลังหมิงบุกปะทะเช่นนี้ ทุกอย่างล้วนเหมือนกัน
ก็คือถูกทหารม้ากองกำลังหมิงบุกเข้ามาพริบตา กองทัพโจรวัวโค่วก็แตกพ่าย เสียงร้องโหยหวนดังทั่ว สองฝ่ายล้วนบาดเจ็บล้มตาย จากนั้นโจรวัวโค่วเริ่มหนีกระจัดกระจาย
“รวมตัวกันไว้ อย่าแตกแถว พวกนั้นมีแต่ทหารราบ หนีไม่พ้น รวมตัวกันไว้!!”
จู่เฉิงซวิ่นกับขุนพลทหารตะโกนดัง เร่งทะยานม้าไปด้านหน้า ม้าในสภาวะนี้ไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็ว แต่อย่างไรก็วิ่งเร็วกว่าทหารราบ พอไล่ตามทัน ทหารม้ากองกำลังหมิงไม่ต้องใช้ฟันหรือแทง หากใช้แค่คมดาบก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ อาศัยแรงม้าพาดตัดคอศัตรู
ทหารเก่าแก่ล้วนรู้เรื่องการประหยัดแรงเช่นนี้ พวกเขาไม่หยุดที่จะตั้งคมดาบไว้รอ เก็บเก็บชีวิตศัตรูด้านหน้าที่วิ่งหนี
ท่ามกลางการบุกของทหารม้า โจรวัวโค่วกลุ่มนี้แตกกระจัดกระจายง่ายดายยิ่ง สามารถมองเห็นทหารม้ากองกำลังหมิงเริ่มค่อยๆ บุกขึ้นหน้า แต่ทว่าจู่เฉิงซวิ่นหลังทะลายกองหน้าศัตรูได้ ทำตามคำสั่งหลี่หรูซงแล้ว ขับไล่โจรวัวโค่วหนีกระจัดกระจายไป
แม้มองเห็นทหารโจรวัวโค่วหนาแน่น แต่กองกำลังโจรวัวโค่วแต่ละกองก็ยังคงไม่ได้เกาะติดกันแน่น หน้าหลังล้วนเว้นระยะห่าง จู่เฉิงซวิ่นที่ตะลุยทะลายศัตรูกระจายไป ด้านหลังกองนี้ยังมีอีกกองราวสามพัน ระยะห่างจากตนราวห้าสิบก้าว กองด้านหน้าแตกกระจัดกระจายวิ่งไปรอบทิศ กองหลังมีระยะห่างนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ทหารม้าจู่เฉิงซวิ่นกลับเพราะถูกทหารราบกองหน้าทำให้ความเร็วลดลง
“ยิง!!”
ทหารม้ากับทางนี้ใกล้กันพอควรแล้ว พลปืนใหญ่วัวโค่วก็ยิงทันที ทหารม้ากองกำลังหมิงร่วงจากหลังม้าส่งเสียงร้องโหยหวน มีทหารม้าที่เข้าใกล้ยิ่งมาก หลบพ้นปืนใหญ่วัวโค่ว แต่ไม่อาจเร่งความเร็วได้อีก ซามูไรนำกำลังทหารราบพร้อมทวนยาวบุกขึ้นหน้ามาแทงไปทั่ว คนย่อมต้านทานไม่อยู่ ร่วงจากม้า พอร่วงลงมา มีเกราะชั้นดี ยังไม่ตาย ถูกคนใช้ดาบตัดคอฉับ
“วิ่งๆๆ อย่าได้ผ่อนกำลัง วกกลับไป!”
จู่เฉิงซวิ่นขี่ม้าชำนาญสูง เขายังยิงธนูบนหลังม้า อาศัยเอี้ยวตัวและกำลังสองขาบังคับม้า ม้าเร่งความเร็ว ธนูแต่ละดอก ก็ย่อมมีโจรวัวโค่วหนึ่งคนร้องโหยหวนล้มลง แต่ไม่ใช่ทุกคนเหมือนเขาที่กล้าหาญชาญศึกเช่นนี้ หลายคนล้วนเพราะไม่อาจเร่งความเร็วม้าในเวลากระชั้นชิด ผ่านการบุกเมื่อครู่มา ม้าก็เริ่มเหนื่อยล้า หลายคนไม่อาจเร่งม้าได้ กองโจรวัวโค่วด้านหลังมีคนส่งสัญญาณและตีกลองดัง แต่ละหน่วยเดินหน้า แต่เดินหน้าได้ไม่มากนัก
แต่ระยะห่างไม่ไกล ก็พอดีกับทัพม้าจู่เฉิงซวิ่นคุมเชิงอยู่ ปืนใหญ่และธนูวัวโค่ว ถึงกับทวนยาวล้วนขวางทหารม้าไว้
“สู้ตาย ก่อนตายขอให้ได้สังหารเดรัจฉานนี้ไปด้วยกัน”
ทหารม้ากองกำลังหมิงร้อนใจ มีคนไม่วิ่งแล้ว สู้ตายด้วยธนู จากนั้นแทงม้าให้เจ็บเพื่อทะยานเข้าทัพศัตรูฟันสังหาร มีคนใช้ดาบแทงม้าตนเอง รีบเร่งความเร็วเข้าพื้นที่แห่งความตาย
หลังเสียทหารม้าไปร้อยกว่า กองทัพม้าจู่เฉิงซวิ่นในที่สุดก็ชิงความได้เปรียบได้ ก่อนจะหันกลับทัพ
“ทหารม้าโจรวัวโค่วๆ!!”
จู่เฉิงซวิ่นยังไม่ทันได้ปาดเหงื่อ ก็ได้ยินเสียงลูกน้องด้านหลังตะโกนดังราวกับสุกรโดนเชือด พอหันไปดู อดไม่ได้แอบด่า ทหารม้าโจรวัวโค่วราวหลายพันคน กำลังไล่เข้าโจมตีจากทางปีกขวาสนามรบ วิเคราะห์ความเร็วสองฝ่ายยามนี้ ระยะทางกลับ ระหว่างทางอาจถูกไล่ตามมาทัน
“ท่านแม่ทัพ แม่ทัพจู่ทางนั้น…”
ณ ที่ตั้งทหารม้ากองกำลังหมิง หลี่หรูซงเห็นสถานการณ์จู่เฉิงซวิ่นยามนี้ หลี่หรูซงพยักหน้าเล็กน้อย ยกดาบในมือ ตะโกนดังว่า
“ทุกคนบุก บุกเข้าไปในพื้นที่จู่เฉิงซวิ่นอยู่ตรงนั้นปะทะศึก นักรบผู้กล้าบุก!!”