องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1110 ม้าเหยียบโจรวัวโค่ว โลหิตชโลมราวดินโคลน
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นรอบเปียงยาง กองกำลังหมิงคิดว่าตนรู้ภาพและเทคนิคการรบของทหารโจรวัวโค่วแต่มาถึงปี้ถีก่วนนี่ กลับพบว่าที่เคยรู้มาล้วนผิดพลาด
กำลังรบทหารโจรวัวโค่วไม่ได้เป็นดังที่พวกเมืองเหลียวโจวคิดว่าย่ำแย่ ทหารราบแม้ว่ามาก แต่ก็ยังมีทหารม้าจำนวนมากพอ เช่นกองที่บุกโจมตีก่อนหน้า ก็มีเกือบสองพัน
จู่เฉิงซวิ่นนำทัพตีทัพหน้าโจรวัวโค่วกระจุย จากนั้นก็บุกต่อ ถูกทหารราบศัตรูตั้งแถวรับ กว่าจะสลัดหลุดมาได้ ก็มองไปเห็นขบวนทัพม้าโจรวัวโค่วอีก
ปริมาณศัตรูมากกว่าที่คิดไว้มาก แม้ว่าทัพใหญ่เริ่มเดินหน้าแล้ว แต่น้ำไกลไม่อาจช่วยกระหายใกล้ หนีก่อนดีกว่า
ม้าแถวหน้าความเร็วไม่มาก ทหารม้าโจรวัวโค่วกลับมีกำลังดีอยู่ ระยะห่างสองฝ่ายเริ่มใกล้กัน แต่พอใกล้กันจริงๆ พวกจู่เฉิงซวิ่นกลับไม่กลัว แต่ละคนน้าวธนูบนหลังม้า หันไปยิง ทหารม้าโจรวัวโค่วที่เข้าใกล้ล้วนถูกยิงร่วง
ทหารม้าแผ่นดินหมิงที่เก่งกล้าที่สุดล้วนฝึกตามแบบมองโกลบนทุ่งหญ้า โดยเฉพาะเทคนิคการขี่ม้ายิง เทคนิคการยิงบนหลังม้าเป็นการวัดมาตรฐานความเก่งกล้าของทหารกล้าแต่ทางโจรวัวโค่วขี่ม้าดูแล้วเคร่งเครียด โจรวัวโค่วขาดแคลนม้า ม้าจำนวนมากเดาว่าได้มาจากที่เกาหลีนี่ ฝีมือขี่ม้ายังไม่ดีนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝีมือยิงธนูบนหลังม้า
หากเข้าใกล้ก็จะถูกยิงร่วง ระยะห่างสองฝ่ายค่อยๆ ห่างออกจากกัน แต่ขบวนทัพม้าโจรวัวโค่วยังไม่ยอมปล่อยไป ติดตามมานอกระยะยิง อย่างไรก็คนมากกว่า ล้อมสังหารเอาก็ได้
พวกจู่เฉิงซวิ่นกำลังขี่ม้าหนี ก็เห็นด้านหน้ามีทัพใหญ่ จู่เฉิงซวิ่นเป่าหวีดดัง ไม่สนใจว่าม้าจะล้มหรือไม่ กระตุกม้าหันหลังทันที วิ่งออกด้านข้าง ทุกคนที่เหลือก็ทำตาม ไม่ใช่แต่ละคนล้วนมีความสามารถขี่ม้าแบบจู่เฉิงซวิ่น ม้ายังเหนื่อยมากเพราะวิ่งมาบนดินโคลน ม้าสิบกว่าตัวก็ล้มลงเพราะเสียสมดุล คนบนหลังม้าก็ตะกายออกมาจากม้าวิ่งหนีต่อ…
ขบวนทัพม้าโจรวัวโค่วอาศัยจัวหวะนี้เข้าประชิด พวกจู่เฉิงซวิ่นที่วิ่งกระจัดกระจายอยู่ด้านหน้ากลับหันหลังกลับ เปิดให้เห็นกองทัพใหญ่ที่ปิดอยู่ด้านหลัง
ขบวนทัพม้าจำนวนมากเช่นนี้ใช่ว่าไม่อาจพบ แต่เพราะมัวแต่สนใจทหารหนีด้านหน้า คิดว่าตนเองสามารถไล่ได้ทัน พอมาถึงตรงหน้าก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
“กลับหลังหันๆ !”
ขุนพลหัวหน้าโจรวัวโค่วตะโกนคำสั่ง ทวนยาวในมือก็ตวัดแสดงคำสั่ง แต่ทัพม้าแม้ว่าวิ่งช้า แต่ก็ไม่อาจบอกว่ากลับหลังหันก็กลับหลังหันได้ ทหารม้าด้านหลังเห็นนายออกคำสั่ง ก็กระชากม้าหยุด หันหลังวิ่งกลับ แต่ก็ยากมาก
สองฝ่ายปะทะเบียดเสียด เริ่มวุ่นวาย ระยะห่าง กับกองกำลังหมิงอย่างไรก็น้อยมาก บ้างกลับหลังหัน บ้างกระจายออกรอบทิศ ตอนทัพใหญ่มาถึง ทหารม้าโจรวัวโค่วส่วนใหญ่กลับไปแล้ว แต่ระยะห่างสองฝ่ายใกล้กันพอควร ในสภาพดินโคลนเช่นนี้ ผู้ใดก็วิ่งได้ไม่เร็ว ไล่ตามก็ยาก
แต่กองกำลังหมิงมีธนู ระยะห่างตอนนี้อยู่ในรัศมียิง ทหารในสังกัดข้างหลี่หรูซงดึงลูกธนูออกจากซองหนังวิ่งไปยิงไป นี่เป็นคำสั่ง ทหารม้ากองกำลังหมิงแถวหน้าที่ยิงได้ก็เรียกได้ว่ามีฝีมือ ล้วนน้าวธนูยิงมุมแหงนออกไป
ธนูมาราวห่าฝน กองหลังทหารม้าโจรวัวโค่วล้วนร้องโหยหวนร่วงจากหลังม้า พอคนหนึ่งร่วง ทหารม้าโจรวัวโค่วด้านหน้าก็ยิ่งวิ่งเร็ว เมื่อครู่ธนูราวห่าฝน แม้ว่าสร้างอานุภาพสังหาร แต่ในมุมหนึ่งนั้นก็ทำให้เกิดช่องว่างเพียงพอ
สนามรบที่หลี่หรูซงเลือกนำกำลังทหารม้าออกรบเดิมเป็นตำแหน่งทางขวาของทัพใหญ่ทหารโจรวัวโค่ว ในระยะไล่ล่านี้ เขาไม่ได้สนใจลูกน้องว่าจะบุกช้าเร็วหรือให้เร็วยิ่งขึ้น เพราะแต่เริ่มมาถึงตอนนี้ขอแค่บุกเข้าไปก็พอ กองหน้าทหารม้าโจรวัวโค่วไม่สำคัญ แต่ต้องการให้ทหารม้ากองโจรวัวโค่วหันเข้าใส่ทหารราบตนเอง จากนั้นก็จะได้เหยียบกันเละ พอทัพวุ่นวายแล้วก็เข้าไล่สังหาร นี่คือประเด็นสำคัญ ใช้น้อยรบมาก ก็มีเพียงวิธีนี้ที่จะชนะ
ทหารม้าโจรวัวโค่วระยะห่างจากทัพตนไม่ไกลแล้ว คำสั่งต่างๆ มาสู่สนามรบ ทหารทวนยาวโจรวัวโค่ว ด้านหน้าล้วนมีซามูไรโบกธงเร่งกำลังอยู่ด้านหน้า
แม้เห็นกองทัพใหญ่โจรวัวโค่วมืดฟ้ามัวดิน แต่ทุกหลายพันนาย ไม่ก็ทุกพันนาย ล้วนเว้นช่องว่างระหว่างกัน มองเห็นธงคำสั่งโบก ทหารม้าโจรวัวโค่วเตรียมตัวนานแล้ว ก็จัดทัพม้าขึ้นบุก
“บุกเข้าไปๆ ล้อมสังหารโจรหมิง!!”
คำสั่งออกไป ซามูไรวัวโค่วแต่ละหน่วยพากันตะโกน นำกำลังทหารราบบุกขึ้นหน้า ทุ่งนาปี้ถีก่วนไปทางซ้าย หลายแห่งถูกเหยียบย่ำเป็นดินเหลว ม้าเดินไม่สะดวก กลับเป็นทหารราบคล่องตัวกว่าหน่อย โจรวัวโค่วด้านหน้ายังคงบีบพื้นที่เข้ามาเป็นรูปครึ่งวงกลม
“โจรวัวโค่วไม่ชำนาญ พวกเราเพียงแค่บุกเข้าไปกองหนึ่ง โจรวัวโค่วแตกกองหนึ่ง อต่ย่อมถูกกองอื่นอุดทางไว้ไม่กระจัดกระจาย ถึงตอนนั้นขบวนทัพม้าเราวิ่งไม่เร็ว ย่อมมีภัย!!”
สำหรับพวกขุนพลตระกูลหลี่แล้ว สถานการณ์การบเช่นนี้แม้ว่ากดดัน แต่ก็ไม่เพียงพอจะทำให้พวกเขาเสียการควบคุม หลี่หรูซงบนหลังม้ายังเหมือนปกติ ประเมินสถานการณ์ตรงหน้า รองแม่ทัพและขุนพลจู่โจมข้างๆ ก็ล้วนมีท่าทีไม่ต่างกัน หลี่ซานสือเอ่ยถามขึ้นว่า
“ท่านแม่ทัพ ยังไม่มีระยะวิ่ง หรือว่าหันกลับไป!!”
หลี่หรูซงส่ายหน้าขึ้นเสียงดังว่า
“ดินโคลนบัดซบพวกนี้ ไม่อาจกลับหลังหันได้ หากหันกลับมีแต่ตายสถานเดียว ถ่ายทอดคำสั่งข้า ระยะสองร้อยก้าวใช้ปืนรังผึ้ง ยิงทัพศัตรูกระจายไปก่อน พวกเราค่อยบุก!”
คำสั่งออกไป ทหารถ่ายทอดคำสั่งนำธงคำสั่งออกไปถ่ายทอดคำสั่ง สี่พันทหารม้าล้วนทหารเก่งกล้าตระกูลหลี่ ล้วนรับมือกับคำสั่งได้รวดเร็วแม่นยำ คำสั่งมาถึง ทุกหน่วยก็ผ่อนกำลังม้า แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเร่งความเร็วบุกเข้าไป
สองฝ่ายเว้นระยะห่าง ทหารม้าที่เร่งความเร็วมาพวกนั้น หลังวิ่งเว้นระยะห่างก็ลงจากหลังม้า หลายคนเร่งมือปลดหีบไม้บนหลังม้าลงไป หีบไม้เบื้องหน้าล้วนมีไม้ทำรูปสามขา หลายคนออกแรง นำสามขาปักลงดิน นำหีบไม้ด้านหนึ่งเล็งไปทางกำลังโจรวัวโค่วที่กรูกันมา
ด้านนั้นสามารถมองเห็นแถวลูกธนูเรียงเป็นชั้นๆ มองแล้วเหมือนกระบอกบรรจุลูกธนู แต่อีกด้านนั้น กลับเป็นรูเหมือนรังผึ้งเปิดออก และยังมีเชือกชนวนติดไว้กับตัวลูกธนู
พอจัดการเสร็จ ก็ตะโกนดัง กองทัพใหญ่ด้านหลังผ่อนกำลังฝีเท้าม้าลง แต่ยังคงเข้าใกล้ไม่หยุด ร้อยกว่าหีบไม้ล้วนจัดวางเสร็จ ระยะยิงนี้มีคนใช้ดินปืนโรยพร้อมโยงเชือกชนวน จ่อเข้ากับคบเพลิงที่เตรียมไว้ จากนั้นพากันขึ้นหลังม้า
มีคนตะโกนดัง ทหารม้ากองกำลังหมิงล้วนใช้คบไฟจุดชนวน จากนั้นวิ่งกลับมา ทหารราบโจรวัวโค่วเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เสียง ฟู่ ดังไปทั่วสนามรบ กลบเสียงไม่มิด พอเสียงนี้ดับไป สายชนวนใกล้จะมอดหมด หีบไม้พวกนั้นเริ่มสั่นไหว ลูกธนูพร้อมควันเริ่มพุ่งออกมาสี่ทิศ เสียงหวีดดังไปทั่วสนามรบ
ใช้ดินปืนผลักดันธนูในนั้นให้พุ่งออกจากหีบไม้ เรียกว่าปืนรังผึ้ง เพราะมีดินปืนเป็นตัวนำ ดังนั้นลูกธนูจึงมีความเร็วและระยะยิงที่ดีว่าธนูทั่วไป ความแม่นไม่มี แต่ทว่าสนามรบเช่นนี้ แต่ละแห่งล้วนมีแต่ทัพศัตรู ขอเพียงเล็งถูกทิศ ย่อมสร้างอานุภาพสังหารสูง
โจรวัวโค่วที่บุกมาด้านหน้าไม่คิดเลยว่าจะมีอาวุธเช่นนี้ ธนูแต่ละดอกตอนยิงปะทุออกมา คนไม่น้อยถึงกับยืนมองอึ้ง
เสื้อผ้าและเกราะหนังบนตัวพวกเขา ไม่อาจจะต้านทานการยิงของปืนรังผึ้งไฟเช่นนี้ได้ พวกทหารราบแถวหน้าหลายแถวล้วนล้มลง แต่ก็มีที่โชคดีไม่โดนยิง หากหันกลับก็ต้องร้องโหยหวน พวกเขาล้วนตกใจกับสภาพรอบล้อมเช่นนี้
ปืนรังผึ้ง ธนูไฟ ในเวลาสั้นๆ เพื่อนทหารแถวหน้ารับเอาไว้แล้ว ทหารด้านหลังก็ก้มตัวหลบ สถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนพากันแตกตื่น ไม่อาจครองสติอยู่ได้อีก คนที่ตั้งสติได้ล้วนพากันวิ่งหนี
ในสภาวะวุ่นวายสับสนนี้กินเวลาไม่นาน เพราะแถวหน้ากระจัดกระจาย กองหลังที่ตามมาจัดกำลังป้องกันทหารถอยหนี ระยะห่างที่ท้ายออกไปอีก ยังไม่ได้วุ่นวาย กองกำลังเหล่านี้ยังคงรูปแบบปะทะศึก
สถานการณ์แตกกระจัดกระจายหยุดลงอย่างรวดเร็ว ทหารพ่ายกระเจิงรวมตัวกลับมา หลี่หรูซงชักดาบยาวตนออกมาแล้ว เขาสามารถมองเห็นโจรวัวโค่วถูกปืนรังผึ้งระดมยิง กองทัพใหญ่ตรงหน้าล้วนอลหม่านกระเจิดกระเจิง แต่มองจากภาพรวมแล้ว สองฝ่ายแตกกระจายและรับมือกันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ระยะหนึ่ง หลี่หรูซงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกระแทกท้องม้า กวัดแกว่งดาบฟันไปด้านหน้า
นี่เป็นคำสั่ง ทหารม้ากองกำลังหมิงจากหน้าไปหลัง แต่ละคนล้วนปะทุอารมณ์คำรามตะโกนดังก้อง แต่ละคนล้วนเร่งทะยานม้าไปด้านหน้า ทหารม้าจะเร่งกำลังบุกแล้ว!!
ทหารโจรวัวโค่วยังไม่ทันได้ฟื้นคืนจากธนูไฟที่แหวกอากาศมาบนสนามรบเมื่อครู่ อยู่ๆ ล้วนเริ่มมีกำลังเคลื่อนไหวรุนแรง ทหารม้ากองกำลังหมิงกองใหญ่ราวกับคลื่นถาโถมเข้าใส่ อย่าว่าแต่เป็นทหารราบ ซามูไรบางคนยังไม่ทันตั้งตัวได้ ก็ล้มก้นกระแทกพื้น
ธนูไฟเมื่อครู่ทำให้พวกเขาแตกตื่นตกใจ ตอนนี้ทหารม้าเช่นนี้บุกมา ยิ่งทำให้พวกเขาไม่รู้รับมืออย่างไร หลายคนยืนอึ้งกับที่ ถอยหลังก็ไม่อาจหนีทัน ทหารราบในสถานการณ์นี้ย่อมวิ่งหนีทหารม้าไม่พ้น ทำอย่างไรดี ถูกบีบไร้หนทาง มีคนเริ่มบ้าคลั่ง ตะโกนเอ็ดตะโรดังก่อนจะเงื้ออาวุธวิ่งเข้าใส่
ขบวนทัพม้ากองกำลังหมิงหลายคนน้าวธนูพร้อม ธนูราวห่าฝนพุ่งแหวกอากาศไป ทำเอาพวกบ้าคลั่งตรงหน้าสูญสิ้น จากนั้นก็กวัดแกว่งดาบเข้าปะทะ กองหน้าโจรวัวโค่วด้านหน้าก็ต้านทานไม่อยู่ทันที หลายคนถึงกับถูกม้าเหยียบ กลายเป็นก้อนเนื้อเละๆ กองหน้าโจรวัวโค่วแตกกระเจิงแล้ว