องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1111 บุกขึ้นหน้า ตกหลุมกับดัก
ทหารม้ากองกำลังหมิงส่งเสียงร้องดัง ศัตรูไล่มาด้านหน้าถูกตัดหัว แทงสังหาร โจรวัวโค่วด้านหน้าไร้แรงต้านทาน มีหลายคนถูกบีบให้จนมุม ตะโกนหันหลังหนีเอาตัวรอด แต่ยังคงถูกคนแทงจากที่สูง หลายคนยังถูกไล่ออกวิ่งไปสี่ทิศ แตกกระเจิงไม่เหลือสภาพ
ทหารม้ากองกำลังหมิงเดิมยังรวมตัวกัน แต่เพราะไล่ล่าศัตรูเริ่มกระจัดกระจายกัน แต่หลังกองหน้าศัตรูยังคงมีแถวทัพทหาร มีช่องว่างระหว่างทัพ ซามูไรกับทหารราบล้วนตะโกนดัง ให้ทหารที่หนีกระจัดกระจายออกจากพื้นที่ว่างด้านหน้า ไปเรียงแถวกันด้านหลัง หากมุ่งเข้าใส่ทัพตนก็ย่อมถูกสังหารแทน
ขบวนทัพม้ากองกำลังหมิงที่วิ่งทะยานเข้ามาเริ่มผ่อนกำลังลงแล้ว ทหารแตกพ่ายด้านหน้ายิ่งลดลงเรื่อยๆ กลับมีกองปืนใหญ่วัวโค่วปรากฎขึ้นแทน
เนินสูงใกล้ปี้ถีก่วน ซามูไรฮาตาโมโตะนับพันในเกราะชั้นดีถือสัญลักษณ์อุมะ จิรุชิ ที่เรียกว่า อุมะ จิรุชิ[1]ก็คือธงประจำตัวขุนพลทหารโจรวัวโค่ว บ้างเป็นธง บ้างเป็นสิ่งสัญลักษณ์ แสดงตำแหน่ง ก็เหมือนกับธงแม่ทัพ
พวกที่คุ้นกับกระบวนการโจรวัวโค่วก็จะมองอุมะ จิรุชิเหล่านี้ก็จะรู้ว่าโคนิชิ ยูกินากะ คุโรดะ นากามาสะ หรืออาจได้เห็นแม่ทัพใหญ่โจรวัวโค่ว อุคิตะ ฮิเดะอิเอะ หรือถึงกับได้เห็นโคบายากาว่า ทาคากาเกะแห่งกองรบหก
“ท่านขุนพลทุกท่าน โจรหมิงกำลังแข็งแกร่งมาก พวกเรา…พวกเราถอยกลับไปเมืองโซอุลรักษาการณ์ดีกว่าไหม!”
ถูกยกให้เป็นหัวหน้าอย่างขุนพลร่างอ้วนแต่งการหรูหราที่สุดในนั้นกล่าวติดอ่างขึ้น พอเขาพูดออกมา ซามูไรฮาตาโมโตะด้านนอกรอบๆ ล้วนอดไม่ได้ก้มหน้าลง บ้างก็ปิดบังสายตาดูแคลนตน บ้างก็รู้สึกละอายใจแทน
โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะสีหน้าฉายแววดูแคลน ไม่สนใจคนผู้นี้ หันไปมองชายวัยกลางคนทางซ้ายโดยไม่ได้นัดหมาย ชายท่าทางหนักแน่นอายุราว 40-50 ปี ไหล่กว้าง ขาสั้น ดูแล้วเป็นรูปสี่เหลี่ยม กำลังยืนหันข้าง กล่าวว่า
“ท่านอุคิตะ ท่านว่าโจรหมิงยามนี้กำลังรบดุเดือด แต่ท่านไม่ได้สังเกตหรือว่า โจรหมิงที่บุกเข้ามาเหมือนถูกดูด พวกเขาด้านหลังหมดแรงแล้ว!”
อุคิตะ ฮิเดะอิเอะมองไปอย่างหวาดๆ ไม่อาจพบเห็นอันใด โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะอย่างไรก็ออกสนามรบมานาน ล้วนรู้สึกได้ดังว่า ความเร็วการบุกกองกำลังหมิงเริ่มช้าลงแล้ว และเริ่มแตกกระจายแล้ว
“พี่น้องเราโต้กลับก็ยามนี้!”
เหมือนประสานรับคำพูดโคบายากาว่า ทาคากาเกะ ได้ยินปืนใหญ่วัวโค่วกับปืนกระบอกยิงตูมดัง บนสนามรบสียงดังอึกทึก ควันขาวลอยปกคลุม
“ขอท่านอุคิตะมีคำสั่ง ทหารม้ากับซามูไรทุกหน่วยล้วนพร้อมบุกแล้ว จัดการล้อมทหารม้าโจรหมิง ย่อมสามารถทำลายขบวนทัพม้ากองโจรหมิงนี้ราบคาบได้!”
โคบายากาว่า ทาคากาเกะกล่าวเสียงดัง ว่าขออุคิตะออกคำสั่ง ยังไม่ทันที่อุคิตะจะขยับ ซามูไรรอถ่ายทอดคำสั่งก็วิ่งลงเขาไปแล้ว แม่ทัพใหญ่อย่างอุคิตะ ฮิเดะอิเอะไม่สนใจอันใด เพียงพยักหน้าเห็นชอบ กุมหน้าผากกล่าวว่า
“อาจเพราะเช้านี้ถูกลม ตอนนี้ข้ารู้สึกหน้ามืดตาลาย สภาพเช่นนี้บัญชาการไปเกรงว่าจะเสียการ ไม่สู้ให้โคบายากาว่า มาทำหน้าที่แทน…”
น้ำเสียงเริ่มเบาลง คนรอบๆ ได้แต่สีหน้าดูแคลนหนักขึ้น แต่ทว่าโคบายากาว่า ทาคากาเกะสีหน้ากลับเป็นห่วง คำนับกล่าวว่า
“สุขภาพท่านสำคัญยิ่ง รีบกลับเข้าเมืองไปพักดีกว่า ที่นี่มอบให้ข้าดูแลก็พอ!”
กล่าวจบ ก็ทำเป็นไม่เห็นสีหน้าลิงโลดของอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ หันไปกล่าวกับซามูไรฮาตาโมโตะหลายคนว่า
“ยังไม่ส่งใต้เท้ากลับเข้าเมืองไปพักผ่อนอีก เชิญหมอในกองมาดูแลด้วย…”
“เกรงใจจริงๆ ที่นี่ก็ขอให้ใต้เท้าทุกท่านดูแลแทนแล้ว”
อุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ทำทีเสแสร้งไปก็ทำเป็นเดินอ่อนแรงไป พวกโคบายากาว่าคำนับส่ง จากนั้นก็หันมาดูสนามรบต่อ โคบายากาว่า ทาคากาเกะกำลังจะออกคำสั่ง กลับได้ยินไม่รู้มีคนกล่าวจากที่ใดว่า
“เจ้าพวกสวะ หากไม่ใช่มารดามันกับท่าน…”
สีหน้าโคบายากาว่า ทาคากาเกะดุดันกวาดสายตามมอง รอบๆ เริ่มเงียบกริบ ตอนนั้นเอง โคนิชิ ยูกินากะลังเลครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“ใต้เท้าโคบายากาว่า คนของเราเบื้องหน้าบาดเจ็บล้มตายไปมากแล้ว ทหารม้าโจรหมิงแข็งแกร่งเกินไป หากพวกเราใช้กำแพงเมืองเมืองโซอุลเป็นกำบัง ปล่อยให้ทหารม้าโจรหมิงใช้เสบียงหมดค่อยลงมือโจมตี ถึงตอนนั้นขวัญทหารโจรหมิงหมดสิ้น ผลการรบอย่างไรก็ย่อมยิ่งใหญ่!”
โคบายากาว่าค่อยๆ ส่ายหน้า กล่าวว่า
“ไม่เหมาะ ตั้งแต่โจรหมิงออกรบมา ทหารเราก็ไม่เคยชนะ จากจังหวัดพยองอัน จังหวัดฮวังแฮตลอดทางถอยมาเรื่อยถึงที่นี่ บาดเจ็บล้มตายยิ่งมาก หากยังไม่ชนะอีก ทหารเก่งกล้ากองกำลังหมิงกินรวบแน่ ทัพเราไม่อาจมีกำลังใจฮึกเหิมได้อีก จากนี้คงต้องมีแต่แตกพ่าย ถึงตอนนั้น ทุกคนที่บาดเจ็บล้มตายก็จะไม่เพียงแค่เท่านี้แล้ว!”
ถูกโคบายากาว่ากล่าวเช่นนี้ ทุกคนล้วนอึ้งไป โคบายากาว่ายังชี้ไปบนสนามรบกล่าวว่า
“ทหารม้าวิ่งไม่ไหว ถูกกำลังคนเราที่ได้เปรียบล้อมไว้แล้ว จะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว เวลาสำคัญตอนนี้ ก็เหลือแค่ว่าเราตัดสินใจแน่วแน่เพียงใดแล้ว กำลังทุ่มเลงไปได้มากเท่าไรแล้ว!”
กล่าวจบ โคบายากาว่า ทาคากาเกะก็หันไปตะโกนดัง
“ฮิเดคาเนะ เจ้านำกำลังฮาตาโมโตะเราเข้าสู่สนามรบ จะต้องนำหัวแม่ทัพโจรหมิงกลับมาให้ได้!”
ทหารที่ยืนข้างโคบายากาว่า ทาคากาเกะนายหนึ่งรับคำทันที รีบวิ่งลงเขาไป ซามูไรฮาตาโมโตะชุดเกราะล้วนติดตามไป
พอเห็นโคบายากาว่า ทาคากาเกะใช้ทหารเก่งกล้าตนเอง โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะก็ออกคำสั่งตาม ขุนพลทหารที่อุคิตะ ฮิเดะอิเอะทิ้งไว้ที่นี่หลายคนเริ่มเข้าสู่สนามรบ
****************
หลี่หรูซงฟุบตัวไปด้านหน้า ทวนยาวด้านหลังที่แทงมาแทงเอาอากาศ แต่ด้านหน้ายังมีศัตรู ซามูไรผู้หนึ่งสองแขนกำดาบยาวยกแล้วฟันทันที ซามูไรวัวโค่วร่างไม่สูงนัก แต่พอโดดก็ไม่ได้เตี้ย กอปรกับดาบมีความยาวก็พอที่สร้างคลื่นขมขู่ได้
หลี่หรูซงสองขากระแทกท้องม้า แทงขอเกี่ยวม้าใส่ ม้าเจ็บก็ทะยานตัวขึ้น ดาบโจรวัวโค่วฟันมา ดาบในมือหลี่หรูซง ตวัดมา คอซามูไรถูกฟันขาดไปครึ่ง เลือดสาดกระเซ็น ศพลอยคว้างก่อนร่วง ด้านหน้ายังคงมีทหารราบสองสามคนตะโกนดังก่อนจะแทงทวนใส่ หลี่หรูซงคิดหันม้าหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เห็นว่ากำลังปะทะแล้ว ด้านหลังก็มีเสียงแหวกอากาศมาหลายเสียง ทหารราบด้านหน้าล้วนถูกยิงตาย
“ท่านแม่ทัพ โจรวัวโค่วมากเกินไป พวกเราไม่อาจบุกขึ้นหน้าได้แล้ว!”
ได้ยินเสียงคนด้านหลัง หลี่หรูซงถอนหายใจยาว หันไปมอง ทหารติดตามเขาตามมาแล้ว คนส่วนใหญ่ใบหน้าล้วนมีแต่คราบเลือด สกปรกกระดำกระด่าง หลี่หรูซงพยักหน้า กระตุกบังเหียนก่อนจะหันกลับ กล่าวว่า
“รวบรวมกองกำลังเรา ฝ่าออกไป!!”
กระแทกม้า ม้าก็วิ่งออกไปทันที ออกจากสถานการณ์ตรงนี้ได้ชั่วครู่ ก็มีทหารม้าโจรวัวโค่วไล่ตามมา
ทัพหน้าโจรวัวโค่วถูกสังหาร ทหารม้ากองกำลังหมิงหลังจากสลายทัพหน้าได้ราบคาบแล้ว ก็พบว่าไม่ได้ทำให้ทัพใหญ่โจรวัวโค่วแตกกระจัดกระจาย กลับเป็นตนเองตกเข้ามาในหลุมกับดัก
แรงบุกอ่อนกำลัง ถูกปืนใหญ่วัวโค่วยิงมุมแหงนใส่อีก บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย กองกำลังก็เริ่มหยุดชะงักและวุ่นวายสับสน เพราะใช้คนน้อยสู้คนมาก ดังนั้นหลี่หรูซงไม่มีทางหนีอีกแล้ว แต่ทหารม้าบุกมากองใหญ่เพียงนี้ ด้านหน้าหยุดชะงัก ด้านหลังก็ไม่อาจรวมกำลังได้ชั่วคราว
หน้าหลังเบียดเสียด ทั้งกองกำลังพริบตาก็ไม่อาจขยับไปไหนได้อีก ยิงไม่ต้องพูดถึงทัพหน้ากองกำลังหมิงที่กระจัดกระจายไปตั้งแต่ตอนไล่โจมตีแล้ว
ใช้ทัพหน้าสลายกำลังบุกทหารม้า ใช้ปืนใหญ่วัวโค่วสร้างแรงสังหาร อาศัยจังหวะที่ไม่ทันได้หลบ ก็แทรกเข้ามาและแบ่งแยกกำลังออกจากกัน วิธีการรบโจรวัวโค่วแสดงให้เห็นแล้ว ล้วนได้ผลที่เรียกว่าดังคาด
ข้อได้เปรียบเรื่องกำลังทหารของทหารราบโจรวัวโค่วประสานกำลังกับทหารม้า เริ่มล้อมทหารม้ากองกำลังหมิง ทหารม้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว ไม่อาจอาศัยความเร็วบุกทะลวงได้อีก ตอนนี้ได้เวลาเข้าปะทะสังหารแล้ว
แต่อย่างไรก็เป็นพวกขุนพลเก่าแก่ตระกูลหลี่ ทหารม้าเหล่านี้แม้ถูกแยกออกและล้อมไว้ ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอันใด สองฝ่ายเข้าปะทะ อาศัยอาวุธในมือ จากที่สูงฟันลงต่ำใส่ทหาราบโจรวัวโค่ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทหารม้ากองกำลังหมิงตัวต่อตัวกับทหารราบโจรวัวโค่ว หรือถึงกับซามูไรวัวโค่วก็ล้วนได้เปรียบ แต่อีกฝ่ายอาจมีถึงสองสามคนหรือสิบกว่าคนรุมคนเดียว บาดเจ็บล้มตายเริ่มค่อย ๆ เห็นผล
ทุกคนล้วนรู้ตอนนี้เช่นนี้ตนไม่อาจหนี และหนีไม่พ้น ได้แต่รวมกำลังกันเข้ามาใหม่ แต่ทว่าม้าวิ่งไม่เร็วแล้ว ได้แต่สังหารไปวิ่งไป
ทหารม้ากองกำลังหมิงในที่สุดก็รู้สึกถึงลักษณะเด่นทหารโจรวัวโค่วก็คืออดทน ตั้งแต่เริ่มถึงตอนนี้ ทหารม้ากองกำลังหมิงบุกไม่หยุด แถวทัพโจรวัวโค่วถอยไม่หยุด แต่ทุกครั้งก็ยันขึ้นมาใหม่ สุดท้ายหลังจากล้มตายไปไม่น้อย ก็สามารถล้อมกองกำลังหมิงไว้ได้
พวกหลี่หรูซงหลายร้อยคน ทหารในสังกัดเขามีแต่เก่งกล้าสามารถ ทหารม้าที่เก่งกล้าที่สุด ล้วนสวมเกราะ มีดดาบหรือธนู ม้าที่ขี่ล้วนเป็นของดีอันดับหนึ่ง ท่ามกลางการรบปะทะซ้ายขวา รวบกำลังที่กระจัดกระจายเข้ารวมกันไม่หยุด แต่ทว่า ทหารโจรวัวโค่วก็ยังล้อมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านหลังมีเสียงปืนใหญ่ดังประปราย สองข้างเริ่มปรากฏซามูไรวัวโค่วชุดเกราะ ถือทวนยาว เข้าใกล้มาเรื่อยๆ
“ท่านแม่ทัพ ฉาต้าโข่วอยู่ทางขวา!”
หลี่หรูซงมองไป ดังคาด รีบตะโกนดังว่า
“บุกเข้าไป…”
วาจาไม่ทันจบก็มีเสียงร้องดังด้านหลังขัดจังหวะ หันไปมอง ทหารติดตามที่ตะโกนเมื่อครู่ถูกคนเกี่ยวร่วงจากหลังม้า ทหารโจรวัวโค่วใช้ขอเกี่ยวแทง ดึงร่วงจากหลังม้า คนที่ถูกเกี่ยวร่วงไปนั้นก็คือหลี่โหย่วเซิง เป็นขุนพลตระกูลหลี่ มีตำแหน่งหน่วยจู่โจม
หลี่หรูซงตวาดด่าเสียงดัง ก่อนจะคว้าธนูยิงใส่โจรวัวโค่วผู้นั้น แต่หลี่โหย่วเซิงก็ยังถูกล้อมไว้ ทั้งฟันทั้งแทง ไม่นานก็ไร้ลมหายใจ ทุกคนคิดหันมาเข้าไปช่วย แต่ไม่ทันได้เคลื่อนไหว ก็มีทวนสั้นจากอีกทางขว้างมา มีคนไม่ทันระวัง ถูกปักร่วงจากหลังม้า หลี่หรูซงกระชากม้าสุดชีวิตบุกไปด้านหน้า เพื่อไปรวมกับฉาต้าโข่ว
……………………………..
[1]อุมะ จิรุชิ” ปรากฏในยุคเซนโกกุ เวลาซามูไรเดินทัพไปรบนั้น พวกนายทัพมักจะใช้ให้บ่าวไพร่ถือธงและสัญลักษณ์ประจำตระกูลตามหลัง อาจใช้ไม้ค้ำชูหมวกศึก