องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1113 เห็นภาพในใจ
เดือนสอง ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซง ผู้บัญชาการเหลียวซีหลี่หรูป๋อนำทัพตีเปียงยางหลังสร้างความชอบกลับไม่ฟังคำสั่งการ นำทัพเองเจ็ดพันบุกเมืองโซอุล ณ ระยะห่างจากเมืองโซอุล 20 ลี้ที่ปี้ถีก่วนปะทะกับทัพใหญ่โจรวัวโค่ว สองฝ่ายสู้กันวันหนึ่ง กองกำลังหมิงพ่ายแพ้เสียทหารม้าไปสองพัน สังหารตัดหัวโจรวัวโค่วได้เจ็ดพัน ขุนพลโจรวัวโค่วเกือบร้อย
ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่หลี่หรูซงตอนถอนกำลังถูกปืนใหญ่โจรวัวโค่วยิงร่วงจากหลังม้า กระดูกขาหัก ดีที่ทหารติดตามพลีชีพเข้าช่วย หนีกันมาทุลักทุเล กลับมารักษาตัวที่เปียงยาง
หลังศึกนี้ โจรวัวโค่วก็ประกาศชัย โอ้อวดว่าขุนพลทหารกองกำลังหมิงสองร้อยกว่า ทหารม้ากองกำลังหมิงสามพันกว่า สูญสิ้นราบคาบ หลี่หรูซงยังถูกธนูยิงตาย ตายไปทั้งหมดรวมสองพัน
ก่อนการรบ กองกำลังหมิงคุมจังหวัดพยองอัน กองหน้าไปยังจังหวัดฮวังแฮ แต่หลังการรบนี้ กองกำลังหมิงถอยกลับแม่น้ำแทดอง ใช้เมืองเปียงยางเป็นจุดรักษาการณ์ โจรวัวโค่วบุกเข้ามาทางใต้จังหวัดพยองอัน โจรวัวโค่วกองรบสองของคาโต คิโยมาสะที่จังหวัดฮัมกยองจากตะวันออกเข้าก่อกวนยังฝั่งตะวันตกไม่หยุด ตอนนี้กองกำลังหมิงในจังหวัดพยองอันได้แต่รักษาแนวติดทะเลทางตะวันตกไว้ ที่โชคดีเรื่องเดียวก็คือ เส้นทางยังไม่ตัดขาด การรักษาเปียงยางยังนับว่ามั่นคง
ตอนนั้นผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงที่รู้ข่าวพ่ายแพ้ในนาทีแรก ตอนนั้นเขายังว่าข่าวไม่แม่นยำ ข่าวลือว่าหลี่หรูซงตาย หลี่หรูป๋อเจ็บหนัก ทุกคนในจวนหลี่เฉิงเหลียงพากันเป็นลม พอตื่นมา วาจากับการกระทำล้วนสับสน
ข่าวไปถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็วเช่นกัน เสียงที่คอยสนับสนุนตระกูลหลี่ล้วนเงียบกริบ ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงกริ้วหนักมาก
หากไม่ใช่หวังทงยื่นฎีกาขออภัยโทษให้ตระกูลหลี่ ยังอ้างว่าไม่อาจเปลี่ยนแม่ทัพยามศึก หาไม่แล้วเมืองเปียงยางเกรงว่าไม่มั่น จึงได้ทำให้ตระกูลหลี่พ้นผิดถูกจองจำได้ แต่ไม่ต้องคนรู้มากยามนี้ย่อมรู้ได้ ผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่กับผู้บัญชาการเหลียวซี สองตำแหน่งนี้หลังศึกนี้ย่อมรักษาไว้ไม่ได้ ขุนพลตระกูลหลี่ชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุค ย่อมสูญสลายสิ้นไปเช่นนี้เอง
ที่ทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่กริ้วหนักไม่เพียงแค่ตระกูลหลี่คิดแต่ตนเองไม่สนใจส่วนรวม แต่ความพ่ายแพ้นี้ยังทำให้แต่ไรมั่นใจเต็มเปี่ยมนั่นหดหาย พวกมากอำนาจวาสนาเตรียมหาความชอบจากการศึกนี้พากันเป็นห่วง และลำบากใจ ทหารม้าเมืองเหลียวโจวเก่งกล้าเพียงนั้นยังพ่ายแพ้ราบคาบเช่นนี้ หวังทงนำกำลังทัพใหญ่จะราบรื่นดีหรือ?
ก่อนออกศึก ที่คนสนใจที่สุดก็คือกำลังใจและคำวิจารณ์ ตระกูลหลี่คิดการพลการเช่นนี้เท่ากับทำลายขวัญทหาร นี่ยิ่งทำให้เงาดำยิ่งปกคลุม
ฮ่องเต้ว่านลี่ตอนนี้ทำอันใดได้ไม่มากนัก ได้แต่ส่งคนไปปลอบขวัญที่อี้โจว ขณะเดียวกันยังเน้นย้ำกับขุนพลทหารทุกหน่วย ต้องฟังการจัดการระเบียบเหลียวกั๋วกง
***************
เทียบกับความวุ่นวายในเมืองหลวง เหลียวซีเงียบเหงาเศร้าสลดมาก อี้โจวในและนอกเมืองเงียบมาก หวังทงนำกำลังทัพใหญ่มาพักได้สิบกว่าวันแล้ว
อี้โจวแห่งนี้อยู่รวมหลายเผ่า ชาวฮั่น มองโกล เผ่าหนี่ว์เจิน เกาหลีล้วนมี พวกเขาเห็นทัพใหญ่ข้ามมามากจนชิน แต่ที่ค่อนข้างทำให้พวกเขาแปลกใจก็คือ ครั้งนี้ทัพใหญ่เหมือนว่าไม่เหมือนครั้งก่อน ระเบียบวินัยเข้มงวดอย่างคาดไม่ถึง ทหารมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นทหารเก่งกล้า แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีโอ้อวดจองหอง หากฝึกกันเรียบร้อยในค่าย แต่ไรไม่เคยวุ่นวาย
กองทัพใหญ่เพียงนี้ หวังทงคัดเลือกอาวุธและจัดระเบียบเรียบร้อย ทุกวันสิ้นเปลืองมาก แต่เสบียงนับว่ายังเพียงพอ
รถม้าสี่ล้อม้าลากสี่ตัวนำเสบียงมาแก้ไขสถานการณ์ได้ไม่ว่า สำคัญก็คือ ซุนโส่วเหลียนแต่ไรเพื่อการค้าตน ยังได้ซ่อมเส้นทางนอกกำแพงเมืองมาถึงเหลียวหนาน เสบียงที่ได้จากโรงบ้านในเจี้ยนโจวกับไห่ซีและโรงบ้านเผ่าหนี่ว์เจินในพื้นที่ก็ล้วนขนส่งมาขายบนเส้นทางเหล่านี้ได้สะดวก
ราชสำนักจ่ายเงินมา เหลียวหนิงเองก็มีสะสมไม่น้อย เงินทองก็มี เกลือกับของจำเป็นไม่ขาด เสบียงอย่างไรก็มีกิน
แต่สถานการณ์ยามนี้ไม่ใช่มากไปกว่าตอนตระกูลหลี่มาขอเสบียงเท่าไร กองทัพที่อี้โจวสะสมเสบียงไม่ขาด แต่ก็ใช้ไม่ขาด เสบียงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไว้ให้ทัพใหญ่ เปียงยางทางนั้นก็ยังต้องขนไปอีก
ระหว่างจังหวัดฮัมกยองกับจังหวัดพยองอันการคมนาคมไม่ดีนัก ดังนั้นโจรวัวโค่วกองรบสองคาโตจึงไม่ค่อยได้มาก่อกวน แต่ระวังไว้ก่อน กองกำลังคุมเสบียงล้วนปรับเปลี่ยนหมุนเวียน หวังทงจัดหน่วยหนึ่งถึงหน่วยเจ็ด ผลัดกันนำเสบียงไปส่ง ยังมีทหารม้าติดตามห้าร้อย
ต้องให้หัวหน้ากองกำลังหู่เวยทุกหน่วยคุ้นชินกับพื้นที่เกาหลี เพื่อเข้าสู่ภาวะสงครามให้เร็วที่สุด เทียบกับพวกหวังทงที่นิ่งสุขุมแล้ว ยามนี้สวีกว่างกั๋วที่เป็นขุนนางบุ๋นคุมกำลังร้อนใจยิ่ง
ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วรู้สถานะตัวเองดีมาก เขาไม่ได้มาคุม แต่มาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทัพใหญ่ เป็นหัวหน้าคุมงานเสบียงกองทัพ เขาร้อนใจราวกับมดในหม้อร้อน มีเสบียงพอแค่สิบห้าวันเช่นนี้เรียกได้ว่าน้อยมาก
ตอนนี้ทั้งเหลียวหนิง รถม้าที่ใช้ได้ก็ถูกสวีกว่างกั๋วระดมมาหมด เสบียงแต่ละแห่งก็มาไม่ขาด แต่การสะสมเสบียงก็ไม่ได้ดีขึ้น สวีกว่างกั๋วหาทางออกไม่ได้สักที สุดท้ายก็ได้แต่ไปพบหวังทง
ในเมืองอี้โจวเพราะมีพระราชาเกาหลีประทับ จึงมีบ้านหลังใหญ่สร้างหลายหลัง ว่ากันว่าคนระดับหวังทงเช่นนี้จะมา สถานะความจริงนั้นสูงยิ่งกว่าพระราชาซอนโจเกาหลี ก็ควรได้อยู่ในเมือง แต่ทว่าหวังทงกลับพักกลางกระโจมแม่ทัพกลางค่าย ทุกอย่างปฏิบัติเหมือนยามออกศึก
สวีกว่างกั๋วเคยมาหลายครั้ง เพราะเขาเองก็นับเป็นคนเหลียวกั๋วกง ดังนั้นหลายเรื่องจึงไม่ต้องปิดบัง สวีกว่างกั๋วมักเห็นพวกพ่อค้าเร่หลายจำพวกเข้าออก เริ่มทำให้เขาแปลกใจ กระโจมแม่ทัพควรเป็นที่ต้องห้ามที่สุด เหตุใดจึงให้คนเหล่านี้เข้าๆ ออกๆ
ต่อมาสวีกว่างกั๋วจึงค่อยเข้าใจ สายพวกนี้ล้วนส่งไปในเกาหลี แผ่นดินหมิงกับเกาหลีมักมีราษฎรไปมาทำการค้า แต่ไรมาแม้แต่ยามสงครามก็ไม่ได้หยุดการค้า อาศัยพวกนี้สืบข่าวได้พอดี
ด้านในรายงาน ตอนสวีกว่างกั๋วก้าวเข้าไปก็เห็นขุนพลทหารเกาหลีเดินออกไป น่าจะเป็นสายสืบข่าว
ตอนคารวะเห็นสีหน้าหวังทงไม่ดีนัก สวีกว่างกั๋วไม่กล้าถาม หวังทงเพียงแสดงท่าทางบอกให้เขานั่งลง กล่าวว่า
“รู้ภาษาญี่ปุ่น…ไม่ คนรู้ภาษาวัวโค่วน้อยมาก คนรู้ก็ปะปนเข้าที่นั่นไปไม่ได้ ข่าวที่สืบมาก็ดูสับสนมาก มักไม่อาจเอาจริงเอาจัง วันนี้ท่านมามีธุระใด?”
“กั๋วกง ครั้งนี้ข้าน้อยมา ยังคิดว่าเพื่อสะสมเสบียง ตอนนี้คิดให้เต็มที่แล้ว อย่างมากก็ได้เสบียงสิบแปดวัน ข้าน้อยไร้สามารถ เสียโอกาสออกศึก เรื่องนี้…”
มาถึงประเด็นนี้ หวังทงเพียงส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า
“มีหลายเรื่องมาก มีบางเรื่องไม่อาจดูแลทั่วถึง เรือใช้ข้ามน้ำ เจ้าดูแลการต่อไปถึงไหนแล้ว?”
เปลี่ยนหัวข้อสนทนา สวีกว่างกั๋วรีบตอบว่า
“น้ำในแม่น้ำละลาย บนผืนน้ำไม่มีแผ่นน้ำแข็งมากเท่าไรแล้ว เรือจะแล่นได้แล้ว ย่อมไม่เสียเวลาทัพใหญ่ข้ามแม่น้ำ”
หวังทงพยักหน้า ยิ้มกล่าวว่า
“ในเมื่อแม่น้ำยาลูล้วนน้ำแข็งละลายแล้ว ท้องทะเลก็แล่นเรือได้แล้วกระมัง!?”
สวีกว่างกั๋วไม่ไม่เหมือนพวกที่เอาแต่ยึดตำรา เขามีความเข้าใจในความเป็นจริงพวกนี้มาก จึงได้ยิ้ม ตอบว่า
“น้ำแข็งล้วนละลายแล้ว ท้องทะเลก็น่าจะละลายนานแล้ว”
หวังทงยิ้ม พิงพนักเก้าอี้กล่าวอย่างสบายอารมณ์ว่า
“ในเมื่อบนท้องทะเลเดินเรือได้แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องร้อนใจเรื่องจัดหาเสบียงอีกแล้ว”
กล่าวจบ สวีกว่างกั๋วฟังแล้วก็สองตาเป็นประกาย เอ่ยถามขึ้น
“กั๋วกง หรือว่าจะขนเสบียงมาทางทะเล”
เห็นหวังทงพยักหน้า สวีกว่างกั๋วอดตบมือไม่ได้ ชมว่า
“หากเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยก็คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ทัพใหญ่ออกศึก เสบียงสามารถส่งมาขึ้นท่าทะเลได้ ยิ่งสะดวก!”
“เจ้าก็คิดต่อได้เองนี่นะ”
ในกระโจมแม่ทัพบรรยากาศผ่อนคลายลงทันที ขนเสบียงมาทางทะเล เรือบรรทุกได้มากไม่ว่า ยังใช้แรงงานคนไมมาก แรงงานสัตว์ไม่ต้องใช้ เทียบกับการขนมาทางบกในตอนนี้แล้ว ไม่รู้สะดวกกว่ากันเท่าไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพื้นที่เกาหลีนี่ยิ่งสะดวกและเหมาะมาก
เกาหลีเป็นเกาะยาว ทัพใหญ่ออกศึก เรือทะเลต้องขนเสบียงอาหารมายังเมืองท่าริมทะเล จากเมืองท่าค่อยขนไปส่งทัพใหญ่ เช่นนี้ก็จะประหยัดแรงงานคนและสัตว์ ความสิ้นเปลืองก็น้อยลงไปมาก ประสิทธิภาพไม่รู้เพิ่มขึ้นเท่าไร
เมื่อก่อนเมืองเหลียวโจว สะสมเสบียงไม่ดีนัก บางครั้งยังขาดแคลน ตอนนี้จากซานตงขนมาเหลียวตง แต่ทว่าเหลียวตงกว้างใหญ่ เรือซานตงขนมาไม่พอ เรื่องขนเสบียงไม่ได้ราบรื่นดังคิด แต่ตอนนี้ กลับไม่น่าเป็นห่วง แต่ไรมาการขนส่งทางทะเลระหว่างเหลียวหนิงกับเทียนจินรุ่งเรือง เอาเรือมาขนเสบียง จากนั้นนำสินค้าที่นี่กลับไป เชื่อว่ามีคนอยากเข้าร่วมการขนเสบียงมาก ตามการคาดเดาของสวีกว่างกั๋ว หวังทงย่อมนัดแนะกับบรรดาพ่อค้าท้องทะเลแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
แก้ปัญหายากไปแล้ว หวังทงเงียบไปครู่หนึ่งกล่าวว่า
“สถานการณ์ตอนนี้ ในยี่สิบวันนี้ เมืองเปียงยางอย่างน้อยยังมีหน่วยกองกำลังหลวงเฝ้าไว้ รวมกับกำลังทหารเมืองเซวียนฝู่กับเหลียวซี เฝ้าที่นี่ได้ไม่มีปัญหา แต่ทว่าจังหวัดพยองอันทั้งหมดไม่แน่ว่าจะสงบ ดังนั้นต้องรีบข้ามแม่น้ำไป ไปตั้งค่ายอีกฝั่งแม่น้ำยาลู เรือกับการขนเสบียง เจ้ารีบไปจัดการ!”
สวีกว่างกั๋วรีบลุกขึ้นรับคำ เดิมทีหารือเรื่องเสบียง คิดไม่ถึงสงคราใหญ่ใกล้เริ่มแล้ว หวังทงใกล้จะต้องนำกำลังทัพใหญ่เข้าสู่เกาหลีแล้ว จากนี้คงมีเรื่องให้ยุ่งอีกมาก
ขณะพูดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก มีทหารติดตามด้านนอกกระโจมเข้ามารายงานว่า
“แม่ทัพใหญ่ รถม้าผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่ใต้เท้าหลี่มาถึงแล้ว”
สวีกว่างกั๋วมองไปยังหวังทงอย่างแปลกใจ หวังทงถอนหายใจ ยืนขึ้นส่ายหน้ากล่าวว่า
“เขาบาดเจ็บหนัก ที่เปียงยางขาดยา เกรงว่าอาจทำให้เสียชีวิตได้ อย่างไรก็ส่งคนไปนำกลับมารักษาตัวดีกว่า!”
“กั๋วกง ตระกูลหลี่มีความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง…”
หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“ไม่ว่าอย่างไรก็ปะทะกับโจรวัวโค่วได้รับบาดเจ็บมา มีความจงรักภักดี ข้าย่อมไม่เอาเรื่องคนตระกูลหลี่”