องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1114 เสียงกลองดัง
ทหารเมืองเซวียนฝู่และเหลียวซีกลับมาถึงแม่น้ำยาลูฝั่งข้างแผ่นดินหมิง ท่าทางก็มิได้หวาดกลัวสนามรบอันใด วินัยทหารก็ส่วนวินัยทหาร แพ้ก็ส่วนแพ้ แต่อย่างไรพวกตนก็ได้รบปะทะกับโจรวัวโค่วผ่านความเป็นความตายมาจริง เลือดเปื้อนเต็มตัวกลับมา อย่างไรวันแรกก็ยังคงมีอารมณ์หยอกล้อกันอยู่ เล่าว่าต้องการพาพี่น้องทหารด้วยกันตีเข้าเมืองโซอุลไปนอนกับสาวๆ เกาหลี วันที่สองก็ถูกปืนใหญ่โจรวัวโค่ว พวกเราล้วนชายชาตรี
แต่ทว่าแม่น้ำยาลูฝั่งแผ่นดินหมิงเห็นค่ายทหารกองกำลังหลวง ได้เห็นทหารกองกำลังหลวงเข้าออก แต่ละคนก็ล้วนอดตกใจไม่ได้ หากเป็นกองกำลังเช่นนี้ไปเมืองโซอุล ตอนนี้ใช่ว่าเข้าเมืองไปได้แล้วหรือ?
แต่ละคนล้วนมีความคิดเช่นไรไม่กล่าวถึง แต่ทุกคนล้วนหมดเรี่ยวแรงเป็นความจริงแท้ ทางเปียงยางนั้น หลี่หรูป๋อกับหลี่หรูเหมยที่เดิมเคยเสียงดังพูดจาใหญ่โตตอนนี้ล้วนเงียบ ทั้งวันเอาแต่เร่งซ่อมกำแพงเมือง เตรียมการป้องกัน เดิมที่ไม่เคยสนใจเรื่องการป้องกัน หันมาทำได้ดี ทหารทุกกองที่ส่งไปล้วนกำชับกำชาอย่างดี กลัวว่าอย่าบุกเข้าใกล้เกินไป เมื่อก่อนพวกชายชาตรีตระกูลหลี่เป็นอย่างไรน่ะหรือ ย่อมเป็นทุกวันอดไม่ได้อยากจะขี่ม้าบุกเข้าไปพันลี้ สังหารพวกศัตรูสร้างความชอบ การกลับตาลปัตรนี้มากเกินไปจริงๆ
การทำทุกอย่างให้มั่นใจไว้ก่อนก็เพื่อผลประโยชน์ทุกคน แต่การเปลี่ยนแปลงกะทันหันหน้าหลังเช่นนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจ สำหรับหลี่หรูซง คุณชายใหญ่ตระกูลหลี่ เดิมตอนอยู่เมืองเหลียวโจวไม่ได้ต่างอันใดกับน้องชายทั้งสองคน วันๆ ดูแต่งิ้ว นำสุนัขและอินทรีออกล่าสัตว์เล่น คิดแต่เป็นแม่ทัพมีชื่อ แต่พอกลับมาก็สุขุมลงมาก ทำอะไรก็ล้วนระมัดระวัง หากไม่ใช่นายท่านใหญ่บ้าคลั่ง ทุกคนจะย่อยยับเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่ไปเมืองโซอุลแล้ว ถูกโจรวัวโค่วมากมายเช่นนั้นล้อมกรอบที่ปี้ถีก่วน หากไม่ใช่หลี่หรูซงบุกฝ่าออกมา จนสุดท้ายสามารถนำทหารติดตามฝ่าทัพใหญ่โจรวัวโค่วผ่านปืนใหญ่ออกมาได้ พี่น้องจะกลับจากปี้ถีก่วนได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ได้ แต่ผู้มีจิตใจหนักแน่นราวหินผาเช่นนี้ ตอนนี้ขาพิการไปข้างหนึ่ง คนทั้งคนก็ราวไร้ความรู้สึก
ตลอดทางจากเปียงยางคุ้มกันมายังอี้โจว หลี่หรูซงเอาแต่นิ่งเงียบ ข้าวกินได้น้อย ทุกวันนั่งเงียบอยู่ในรถใหญ่ ทำเอาทุกคนในใจอึดอัดตามไปด้วย ความอึดอัดยากทนรับไหว ทหารที่คุ้มกันขอยอมกลับไปสู้ตายกับโจรวัวโค่วดีกว่า ไม่อยากมาติดตามในสภาพเช่นนี้เลย
คุ้มกันมาถึงอี้โจว ทุกคนไปเชิญหมอในกองทัพมาดูอาการ เสร็จงานคุ้มกันนี้แล้ว กลับมา มีคนออกจากค่าย ขี่ม้าไปไม่ใช่ไปเกาหลี หากกลับไปบ้านตน มีคนรีบกลับไปเกาหลี พี่น้องที่นั่น ล้วนยันกำลังไว้สุดชีวิต ตนเองไปช่วยด้วยคุณธรรมในใจ
ราชโองการราชสำนักมาถึงอี้โจว ตำแหน่งหลี่หรูซงยังอยู่ แต่ทว่าผู้ใดล้วนรู้ว่าคงรักษาไว้ได้อีกไม่นาน ขุนพลสูญอำนาจเช่นนี้ แม้แต่หมอสนามรบก็ไม่อยากจะตั้งใจรักษา มาดูคร่าวๆ แล้วก็กล่าวเพียงว่าไม่ตาย แล้วก็ออกยุ่งเรื่องอื่นแทน
ทหารติดตามหลี่หรูซงไม่ตายที่ปี้ถีก่วนก็ทิ้งไว้ที่เปียงยาง สิบกว่าคนที่ติดตามมาล้วนโมโหทันที ทนรับไหวได้อย่างไร หากมีคนอายุมากกว่าเข้ามาปลอบใจ บอกว่าไม่แน่ว่าเป็นเจตนาของหมอเช่นนี้ ไม่แน่เป็นเหลียวกั๋วกง ตอนนี้ทุกคนไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็สงบเสงี่ยมไว้หน่อยดีกว่า
ในเรื่องพวกนี้ ท่าทีหลี่หรูซงยังคงนิ่งเงียบ ราวกับไร้วาจา เหมือนว่าหูหนวกตาบอดไปแล้ว ไร้ปฏิกิริยา
คิดไม่ถึงเลยว่า หลังหมอในกองทัพมาตรวจอาการ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ถึงกับวิ่งกลับมา นำลูกศิษย์มาสองสามคน รีบทำการรักษาปรุงยาขมีขมันทันที ให้ทุกคนพากันงง
หลังอาหารกลางวัน พวกหลี่หรูซงจึงได้เข้าใจ เหตุใดหมอสนามจึงมีท่าทีเปลี่ยนหน้ามือหลังมือ ที่แท้เป็นเหลียวกั๋วกงจะมาเยี่ยมผู้บัญชาการหลี่ เรื่องอื่นไม่ว่า ท่าทีเช่นนี้บอกได้หลายสิ่ง คนอื่นๆ จะเพิกเฉยไม่ตั้งใจทำงานได้อย่างไร
ได้ยินข่าวนี้แล้ว พวกตระกูลหลี่ที่เดิมไม่สนใจอันใดก็เริ่มละอายใจ เดิมทีครั้งนี้ออกศึกไม่เกี่ยวอันใดกับพวกเขา เป็นหวังทงยื่นฎีกาให้หลี่หรูซงนำทัพหน้า ตนเองเพื่อแย่งความชอบถึงกับทำให้สูญเสียไปมากเช่นนี้ แต่เหลียวกั๋วกงก็ยังปฏิบัติตอบด้วยคุณธรรมเช่นนี้
หลังจากกลับจากเปียงยาง หรูซงทีเอาแต่นิ่งเบื้อไม่พูดก็ยันกายขึ้นมา ให้ลูกน้องมาแต่งตัวหวีผมให้เรียบร้อย
คนที่มาเป็นระดับสูง นอกจากพวกที่ต้องเฝ้าเหลียวหยางอย่างขันทีเฉินจวี่แล้ว เหลียวกั๋วกงหวังทง รองขันทีคุมกำลังไช่หนาน ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิงสวีกว่างกั๋วล้วนมาถึง นี่เรียกว่าแทบเป็นตัวจริงระดับแนวหน้ากองทัพนี้
คนที่มาหลายคนนี้เมื่อก่อนล้วนเคยพบหลี่หรูซง ไม่ว่าตอนไหนที่ได้พบ หลี่หรูซงล้วนสง่างาม แต่วันนี้ได้พบ ท่าทางอิดโรย ไหนเลยมีสภาพแม่ทัพ นั่งอยู่ได้ด้วยสองมือยันไว้ หลายคนล้วนได้แต่ทอดถอนใจ
“อี้โจวที่นี่ไม่ใช่ที่ดูแลผู้ป่วย ตอนนี้อากาศอบอุ่นแล้ว รถใหญ่ไปช้าๆ ก็จะไม่ส่งผลต่อบาดแผล อย่างไรก็กลับเหลียวหยางไปรักษาตัวดี ๆ ก่อน ตระกูลพวกเจ้ายังต้องการเจ้าดูแล”
หวังทงวาจานี้กล่าวจนทำให้หลี่หรูซงเริ่มหันมาสนใจ พอได้ยิน ทหารติดตามในห้องหลี่หรูซงล้วนถอนหายใจ กลับเป็นหลี่หรูซงที่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาตื่นเต้นอันใด ได้แต่ดูงงและเหม่อลอย ตอบขอบคุณเรียบๆ
บรรยากาศเช่นนี้ พวกหวังทงก็ไม่อยากอยู่นานนัก ถามอาการพอควรแล้ว ก็บอกว่าต้องการอันใดขอให้เอ่ยปาก ล้วนมีคนจัดให้ตามความต้องการ เตรียมตัวเดินทางได้แล้ว
พอถึงหน้าประตู หลี่หรูซงที่เงียบมาตลอด อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น
“กั๋วกง วันหน้าท่านจะจัดการตระกูลหลี่อย่างไร?”
หวังทงเดินไปถึงประตูหันมามองอย่างแปลกใจ ในห้องทหารติดตามตระกูลหลี่ล้วนรีบก้มหน้า ในใจแอบก่นด่า ล้วนมาถึงขั้นนี้แล้ว ไยต้องไปหาเรื่องหวังทงให้รำคาญใจอีก หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“มีเพียงฝ่าบาทที่จะจัดการพวกเจ้าตระกูลหลี่ ข้าทำอันใดไม่ได้…แต่ทว่า ตำแหน่งผู้บัญชาการเจ้าไม่อาจรั้งไว้ได้แล้ว หลี่หรูป๋อเองก็มีความผิด ตำแหน่งผู้บัญชาการก็ไม่อาจรั้งไว้เช่นกัน”
ตระกูลหลี่ทุกคนอึ้งไป กลับไม่อาจไม่ยอมรับว่าหวังทงไม่เลว เรื่องมาถึงขั้นนี้ หากยังคิดเป็นผู้บัญชาการก็เรียกว่าฝันกลางวัน หวังทงกล่าวต่อว่า
“แต่เรื่องนี้ เจ้าเป็นแม่ทัพนำ เจ้ารับผิดชอบทั้งหมด น้องชายเจ้ามีความผิดก็ไม่ถึงกับถอดยศ ตำแหน่งขุนพลอันใดก็คงยังพอมี ไม่ก็มีตำแหน่งในกองทัพอื่น เงินทองในตระกูลเจ้า ย่อมไม่แตะต้อง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมากไป”
ในห้องทุกคนได้ยิน ทหารติดตามบางคนถึงกับลืมธรรมเนียม ถอนหายใจยาวทันที ก็เท่ากับไร้ตำแหน่งยิ่งใหญ่ แต่สายตระกูลหลี่ในเหลียวซียังอยู่ ไม่ล่มสลาย และยังได้ตำแหน่งในกองทัพ เท่ากับงานป้องกันเหลียวซียังคงเป็นตระกูลหลี่ ไม่รุ่งเหมือนก่อน แต่ก็พอมีหน้ามีหน้าที่ยังรักษาไว้ได้
นี่ช่างเป็นความใจกว้าง แม้หลี่หรูซงเองก็ยังถึงกับอึ้งค้าง หวังทงกล่าวจบ ก็เตรียมออกไปจากห้อง หลี่หรูซงจึงได้กล่าวว่า
“กั๋วกง ตอนนี้ตระกูลหลี่หมดสิ้น กั๋วกงคิดเช่นไร?”
ครั้งนี้ทหารติดตามหลี่หรูซงล้วนใช้สายตาไม่พอใจมองจ้องหลี่หรูซง หวังทงหันไปมองอย่างแปลกใจ ยิ้มกล่าวว่า
“ตระกูลหลี่ล้มหรือลุก เกี่ยวอันใดกับข้า จัดการไปตามธรรมเนียม ข้าแต่ไรมาไม่เคยคิดเช่นไร”
กล่าวจบ หวังทงก็ออกไป หลี่หรูซงนั่งอึ้งอยู่บนเตียง คนในห้องรีบวิ่งออกไปส่งแขก มีคนไม่รู้จะกล่าวเช่นใดดี ตลอดทางเป็นห่วงว่าจะโดนลงโทษ แต่พอพบว่าไม่มีเหตุการณ์นี้ ก็ไม่รู้ว่าทำอันใดดี จึงได้แต่อึ้งเป็นเพื่อนหลี่หรูซง
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่ออกไปส่งกลับมา หลี่หรูซงจึงได้สติ ตบเตียงกล่าวว่า
“ดูแสงอาทิตย์ด้านนอกไม่เลว พวกเจ้าประคองข้าออกไปเดินหน่อย”
*****************
“ตระกูลหลี่ ทำเรื่องเช่นนี้ช่างบัดซบจริง แต่เปียงยางอย่างไรก็เป็นพวกเขายึดมา ตอนนี้ยังเฝ้าอยู่ ไม่อาจทำให้พวกเขาจิตใจหวั่นไหว ตระกูลหลี่ยังมีกิจการต่างๆ ในและนอกเหลียวหนิง กิ่งก้านสาขามากมาย ล้วนมีสายสัมพันธ์การค้าทั้งหมู่ชาวบ้านและทหาร หากทำลายเขาทิ้ง เกรงว่าเหลียวหนิงคงไม่สงบ ไม่สู้ปล่อยไว้ มีตระกูลเข้มแข็งเช่นนี้สักตระกูลอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด”
“กั๋วกงกล่าวได้ถูกต้อง หากแตะต้องตระกูลหลี่ ใต้หล้าไม่รู้คนเท่าไรที่จับตาดูอยู่ เงินทองตำแหน่ง ให้พวกเขาค่อยๆ จมไปเอง ก็จะไม่ทำให้เกิดแรงสะเทือนอันใด”
หวังทงกล่าว สวีกว่างกั๋วยิ้มเห็นด้วย ไช่หนานเงียบไป กล่าวว่า
“ความหมายใต้เท้าก็มิใช่แค่เช่นนี้ ตระกูลหลี่อ่อนกำลัง ก็วางใจได้แล้ว ผู้ว่าการมณฑลทางนี้ก็จะได้มีกองกำลังใช้งานสั่งการได้ ทำอะไรได้ดังใจขึ้นอีกหน่อย!”
สวีกว่างกั๋วตบหน้าผาก รีบคำนับหวังทงอย่างนอบน้อมที่สุด พื้นที่เหลียวหนิง หนึ่งผู้ว่าการมณฑล สามผู้บัญชาการ แม้ว่าผู้ว่าการมณฑลใหญ่สุด แต่ความจริงนั้นก็เหมือนว่าผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการร่วมสถานะกัน ตอนนี้จัดการตระกูลหลี่ลงได้ ก็เท่ากับสถานะผู้ว่าการมณฑลสูงขึ้นอีกชั้น วันหน้าก็ทำงานง่าย
“ขอบคุณกั๋วกงที่ช่วยส่งเสริม…”
กล่าวไม่ทันจบ หวังทงก็หัวเราะขัดขึ้นกล่าวว่า
“ไม่ต้องขอบคุณ แม้เจ้าไม่ทันได้เสวยสุขนี้นัก แต่คาดว่าคงได้ปลูกร่มเงาให้ลูกหลานเจ้าเสวยสุขสืบไปแล้ว!”
ได้ยินเช่นนี้ สวีกว่างกั๋วแทบจะคุกเข่าลง วาจาหวังทงนี้แสดงให้เห็นว่าอนาคตเขานั้นยังไปได้อีกไกลหาประมาณมิได้ จะไม่ให้เขาซาบซึ้งใจแทบร้องไห้ได้อย่างไร ในใจได้แต่คิดว่า ตอนแรกผลักดันหวังทง ทางเลือกนี้เรียกว่าไม่ผิดพลาด เรียกได้ว่าบทเขียนได้ยอดเยี่ยม
กลางเดือนสาม หลี่หรูซงออกเดินทางสู่เหลียวหยาง เขาไปเหลียวหยาง แม้ว่าไม่ได้ถูกปลด แต่เป็นถึงหัวหน้าตระกูลหลี่ การเดินทางของเขา พวกหวังทงกลับไม่ได้ใส่ใจนัก หลังหลี่หรูซงจากไปได้สามวัน ตอนกลางวันวันหนึ่ง ที่อี้โจวก็ได้ยินเสียงร้องยินดีมาจากริมแม่น้ำ
ข่าวมาเร็วเป็นที่แน่นอนแล้ว จากเทียนจิน จากซานตง เสบียงขนมาถึงแล้ว ข่าวแพร่ไปทั่วค่ายทหารอี้โจว จากนี้ไป จากกองหลังส่งมากองหน้า ทุกคนเร่งมือ ทุกคนเริ่มไม่หวั่นไหว
วันที่ 18 เดือนสาม หวังทงระยะแปดร้อยลี้เร่งส่งฎีกาไปเมืองหลวง กล่าวว่าทัพใหญ่วันที่ 25 เดือนสามจะออกศึกแล้ว ณ อี้โจวริมแม่น้ำยาลู รวมกำลังเตรียมการ ทุกคนใจเป็นหนึ่ง เตรียมออกศึกปะทะวัวโค่ว
เสียงกลองค่อยๆ ดังถี่ ทัพใหญ่เริ่มเปิดฉากแล้ว