องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1115 เผ่าอูเหลียงฮา
“…โจรวัวโค่วอยู่ในเกาหลีทั้งหมดเก้าหน่วยกองรบ กองรบหนึ่ง 19,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโคนิชิ ยูกินากะ ประจำจังหวัดพยองอัน กองรบสอง 23,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบคาโต คิโยมาสะประจำจังหวัดฮัมกยองกองรบสาม 11,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบคุโรดะ นากามาสะ ประจำจังหวัดฮวังแฮ กองรบสี่ 14,000 หัวหน้าขุนพลกองรบโมริ โยชินาริ ประจำจังหวัดกังวอน กองรบห้า 25,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบฟูกิชิมะ มาซาโนริ ประจำจังหวัดชุงชอง กองรบหก 16,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโคบายากาว่า ทาคากาเกะ ประจำจังหวัดซอลลา กองรบเจ็ด 30,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโมริ ฮิเดโมโตะ ประจำจังหวัดจังหวัดคยองซัง ยังมีกองรบแปด 10,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบอุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ประจำจังหวัดคยองกี กองรบเก้า 12,000 นาย หัวหน้าขุนพลกองรบโทโยโตมิ ทาดาคัตสึเป็นหน่วยเสริมกำลังตั้งประจำที่เกาะอิกิ”
ฟากหนึ่งของริมแม่น้ำยาลูฝั่งแผ่นดินหมิง ขุนพลทหารสั่งการคนและม้า แต่ละกองเดินหน้าข้ามแม่น้ำยาลู เตรียมลงเรือข้ามไป หวังทงข้ามไปก่อนคนแรก ตอนนี้แม่น้ำยาลูฝั่งเกาหลีตั้งกระโจมแม่ทัพแล้ว ยามนี้กำลังฟังรายงานในกระโจมแม่ทัพ
มีบรรดาเจ้าทะเลนำเรือมาแล้ว ไม่เพียงเสบียงมาพร้อม แม้แต่ข่าวก็ล้วนนำมาถึง ประเทศวัวปิดการข่าวไม่อาจเรียกว่ามิดชิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคิวชูกับพวกไดเมียวเกาะอื่นที่ใจไม่เป็นหนึ่ง บรรดาพ่อค้าทะเลได้ข่าวมาเพียงพอที่จะรู้ ตอนนี้กำลังรายงานให้หวังทงฟัง
“กล่าวว่าตั้งค่ายแต่ละแห่ง แต่ความจริงนั้นนำกำลังไม่ตามนี้ แม่ทัพใหญ่พวกเขาคืออุคิตะ ฮิเดะอิเอะ ตามหลักควรตั้งทัพเตรียมการที่เกาะสึชิมะ แต่กลับนำกำลังมาถึงจังหวัดคยองกี แถบเมืองโซอุล…”
“แม่ทัพใหญ่ก็เหมือนตำแหน่งแม่ทัพข้าใช่ไหม?”
“จะเทียบกับกั๋วกงได้อย่างไร ก็แค่ตำแหน่งเท่านั้น แต่ความจริงนั้นแต่ละกองรบวัวโค่วในเกาหลี เป็นโคบายากาว่า ทาคากาเกะคุมกำลังเสียมากกว่า โคบายากาว่า ทาคากาเกะนั่นเป็นขุนพลใหญ่แห่งไซโกกุ ทุกคนล้วนยอมรับ อุคิตะ ฮิเดะอิเอะก็เป็นแค่ชนชั้นสูง ประเทศวัวล้วนมีเรื่องเล่าว่า เขามีตำแหน่งได้ก็เพราะมารดามีอันใดลับลมคมในกับโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ!”
พ่อค้าทะเลนั่นเล่าได้อย่างเมามัน ทังซานกระแอมไอ แสดงท่าทางอยู่ด้านหลัง พ่อค้าทะเลจึงได้สติ รีบเปลี่ยนท่าทีเล่าเรื่องจริงจัง
“นอกจากเหล่านี้แล้ว ยังมีกองทัพเรืออีกสองหมื่น กองทัพเรือนี่มีเก้าพันเป็นคนประเทศวัว ยังมีอีกหมื่นหนึ่งพันเป็นพวกเสิ่นหวั่งกับพวกขี้แพ้รวมตัวกัน”
“หืม?”
ได้ยินเช่นนี้ หวังทงอดส่งเสียงไม่ได้ พ่อค้าทะเลคิดว่าหวังทงสนใจ มากล่าวถึงคนเช่นนี้ต่อหน้าหวังทงเหมือนว่าลืมตัวไปแล้วไม่รู้ทำเช่นไร รู้สึกเครียดมาก แต่ก็เหมือนจงใจ ยามนี้เสียมารยาทกล่าวว่า
“กั๋วกงไม่ต้องเป็นห่วง เสิ่นหวั่งแม้ว่าเข้าข้องเกี่ยว แต่กองเรือกั๋วกงเข้มแข็ง จะว่าไปแล้ว กองเรือรบเกาหลีก็ไม่เลว สามารถเป็นกำลังเสริมให้กั๋วกงได้ดี…”
“หยุดกล่าวเหลวไหล กั๋วกงเป็นห่วง ไม่ใช่เป็นห่วงที่เจ้าว่ามา!”
ทังซานอารมณ์เสียสบถด่าด้านหลัง พ่อค้าทะเลตกใจสะดุ้ง คิดไม่ถึงหวังทงสนใจนั้นไม่ใช่กองทัพเรือโจรวัวโค่ว เงียบไปครู่หนึ่งถามขึ้น
“กองเรือรบเกาหลีแข็งแกร่งหรือ?”
“เรียนกั๋วกง แข็งแกร่งมาก เรือร้อยกว่าลำ ในนั้นมีเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน[1]ห้าสิบกว่าลำ คนนำทัพล้วนเป็นขุนพลทหารเก่าแก่ เหมือนจะชื่อว่า ลีซุน กองทัพเรือโจรวัวโค่วต่อหน้ากองกำลังเกาหลีกองนี้แต่ไรก็ไม่ได้เปรียบนัก ข่าวบนท้องทะเลเล่าว่า ต้องให้กองเรือเจ้าลูกเต่าเสิ่นหวั่งมาช่วยจึงผ่อนสถานการณ์ลงได้ ทว่า อย่าเห็นว่ากองกำลังทางบกเกาหลีเสียเปรียบหนัก แต่บนท้องทะเลนั้นกลับกัน”
ด้านนอกมีเสียงม้าร้องดังแว่วมา ในกระโจมแม่ทัพเงียบมาก หวังทงใช้มือเคาะเบาๆ ก่อนกล่าวว่า
“เมื่อก่อนเหตุใดไม่เคยได้ยินเรื่องกองเรือรบเกาหลี ทรงอิทธิพลอำนาจเช่นนี้ พวกเจ้าเหล่าชาวท้องทะเลเหมือนไม่สนใจอย่างไรอย่างนั้น”
ครั้งนี้ที่ตอบกลับเป็นทังซาน ทังซานคำนับกล่าวว่า
“กั๋วกง เมื่อก่อนกองเรือใหญ่ผ่านมาจากเกาหลีล้วนต้องจ่ายเงินให้กองทัพเรือพวกเขา แต่ทว่าเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน เกาหลีไม่อาจออกทะเลไกล ทางเกาหลีก็ไมได้เป็นเส้นทางทะเลที่น่าไปนัก ดังนั้นจึงไมได้เป็นที่กล่าวถึงเท่าไร”
หวังทงพยักหน้า ครู่หนี่งก็ยิ้ม กล่าวว่า
“การค้าผงฟูกับน้ำตาลก็ดูแลพ่อค้าทะเลผู้นี้มากหน่อย ทางลูซอนก็งดภาษีให้สองปีละกัน!”
กล่าวจบทำเอาเจ้าทะเลที่มารายงานอึ้งไป ก่อนรีบคุกเข่าโขกศีรษะดังปังๆ ผงฟูกับน้ำตาล ยังมีการงดภาษีการค้าที่ลูซอน ในสองปีนี้เขาย่อมร่ำรวยราวล่มเมืองแล้ว เมตตาหวังทงช่างมากมายมหาศาล
ส่งคนออกไปแล้ว หวังทงนั่งอยู่ในกระโจมเงียบไปครู่ อยู่ๆ กล่าวว่า
“ทังซาน แผนการที่มอบให้เจ้าไว้เอาออกมา!”
ทังซานรีบควักเอาจดหมายจากอกเสื้อออกมา หวังทงรับไป ส่งต่อให้หยางซือเฉินข้างๆ กล่าวว่า
“เปลี่ยนสองสามที่…”
หยางซือเฉินกำลังจัดการเขียนรายงานของพ่อค้าทะเลเมื่อครู่ ได้ยินก็รีบวางพู่กันมารับไป
ในกระโจมเริ่มมีงานยุ่ง ไช่หนานรับรายงานจากหยางซือเฉินแล้วก็ตรวจดู นี่เป็นรายงานกองทัพวัวโค่วที่ค่อนข้างละเอียดครั้งแรก
“นับรวมทัพเรือแล้วก็ราวแสนแปดหมื่นคน น้อยกว่าสองแสนเล็กน้อย”
ไช่หนานพึมพำยิ้มกล่าว เริ่มถกกันแล้วจึงไม่มีคนสนใจเขา ตอนกล่าว ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะ ดึงความสนใจทุกคนไป นอกกระโจมแม่ทัพมีทหารติดตามรายงานว่า
“แม่ทัพใหญ่ ใต้เท้าหม่าขอพบ!”
ในกระโจมหวังทง ไม่เรียกเต็มยศ เรียกแค่ใต้เท้าหม่าก็ย่อมเป็นแม่ทัพทหารม้า หม่าซานเปียว หวังทงแน่นอนต้องให้พบ หม่าซานเปียวสวมเกราะเดินเข้ามา คารวะตามธรรมเนียม จากนั้นกล่าวว่า
“ทัพม้าล้วนข้ามแม่น้ำมาแล้ว หากสร้างสะพานลอยน้ำได้ ก็คงเร็วกว่านี้ ตอนนี้เสียเวลาไปไม่น้อย ม้าของขบวนทัพม้าต้าถงยังไม่ชินกับน้ำ ตกใจบนเรือยกใหญ่ ต้องใช้ผ้าดำปิดตาจึงได้เงียบลง”
“แม่น้ำน้ำไหลแรง จะสร้างสะพานลอยน้ำได้อย่างไร รีบพูดเรื่องเป็นการเป็นงานกันเถอะ บุตรสาวเจ้าใกล้ได้วัยแต่งงานแล้ว เหตุใดจึงอารมณ์ร้อนไม่เปลี่ยนนะ”
หวังทงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก จัดการงานในกองทัพเสร็จก็ต้องรายงาน หม่าซานเปียวมา อย่างไรต้องเอ่ยเรื่องอื่นพูดคุย หม่าซานเปียวยิ้มแหะๆ กล่าวอย่างไม่ค่อยสนใจมารยาทว่า
“บุตรสาวข้าน้อยอายุมากไปแล้ว หรือว่าบุตรชายกั๋วกงจะรับเป็นน้อยดี กั๋วกง ร้านสามธาราเจี้ยนโจวมีคนคิดขอพบกั๋วกง”
กล่าวจบ แม้แต่ไช่หนานก็ขมวดคิ้ว ไม่พอใจกล่าวว่า
“เหล่าหม่า นี่มันเวลาอันใดแล้ว ใต้เท้าไหนเลยมีเวลาทำการค้าพวกนี้ เจ้าก็ช่างไม่รู้หนักเบา”
ทุกคนคนกันเอง ตำหนิก็ได้แต่ต่อหน้าเท่านั้น สีหน้าหม่าซานเปียวจริงจังกล่าวว่า
“กั๋วกง ไช่กงกง เถ้าแก่นั่นกล่าวได้มีเหตุผล เขากลัวกั๋วกงไม่ให้พบ ดังนั้นจึงได้มาหาข้าน้อย ข้าน้อยก็รู้สกึว่ากั๋วกงควรให้พบ ไม่แน่อาจได้กำลังเสริม”
ได้ยินหม่าซานเปียวกล่าวเช่นนี้ หวังทงก็รู้สึกน่าแปลก จึงรีบให้เข้าพบ
เถ้าแก่ร้านสามธาราเข้ามาอย่างตื่นตระหนก เขาเดิมทีเป็นคนพื้นที่เหลียวหนิง เป็นคนงานที่พ่อค้ากลุ่มแรกนำเข้ามาทำงาน ต่อมาเพราะขยันขันแข็ง ชำนาญพื้นที่นอกกำแพงเมืองเจี้ยนโจวกับไห่ซี สถานะค่อยๆ สูงขึ้น ครั้งนี้เขามาพบหวังทง กลับไม่ใช่เพื่อประโยชน์ตน แต่ออกหน้าแทนชาวเผ่าหนี่ว์เจินพวกหนึ่ง
หลังหวังทงถล่มเจี้ยนโจว เผ่าหนี่ว์เจินเจี้ยนโจวกับไห่ซีล้วนยอมศิโรราบ แม้ว่าสังหารไปมาก แต่ชนเผ่าส่วนใหญ่กลับไม่ได้โกรธแค้น เพราะการร่วมสงคราม บาดเจ็บล้มตายล้วนอนาถพอแล้ว ชนเผ่ามักไม่อาจอยู่รอด ล้วนถูกชนเผ่าอื่นกลืนกิน ไม่ก็เข้าไปขอสวามิภักดิ์เอง ก็เท่ากับสิ้นเองแล้ว ไม่อาจเรียกได้ว่ามีความแค้นอันใด
กลับเป็นเพราะหวังทงนำทัพมา สินค้าเสบียงอาหารมากมายทะลักเข้ามา การไหลออกของทรัพยากรในแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน หมู่บ้านชนเผ่าที่เกี่ยวข้องล้วนมีชีวิตดีขึ้นไม่น้อย จึงรู้สึกดีกับชาวฮั่น ล้วนมีใจคิดสวามิภักดิ์เมืองกุยฮว่าเฉิง ยุคสมัยนี้เป็นเช่นนี้ ชนเผ่าที่ถูกปราบย่อมถูกควบรวม ผสมผสานเข้ากัน
เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกินพื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่เขาและริมทะเลล้วนมี พื้นที่ใกล้เกาหลีก็มี ทางเหนือจังหวัดฮัมกยองก็มีหมู่บ้านเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี
เดิมเกาหลีป้องกันพวกเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่าที่กระจัดกระจายมากมาโดยตลอด มักนำกำลังออกขับไล่วางเพลิงเสาอม แต่พอถึงสมัยฮ่องเต้เจียจิ้ง สถานการณ์ค่อยๆ เปลี่ยนไป เผ่าหนี่ว์เจินมักรุกรานเข้าเผ่าปล้นเกาหลีแทน ส่วนใหญ่ยังรักษาเขตแดนตนไม่รุกรานกันไว้ ราวกับน้ำบ่อไปรุกน้ำแม่น้ำ
ครั้งนี้ทัพใหญ่โจรวัวโค่วออกศึก กองรบสองโจรวัวโค่วที่จังหวัดฮัมกยองหน่วยของคาโต คิโยมาสะก็ปฏิบัติการรวดเร็ว บุกขึ้นเหนือ ทหารเกาหลีราวเศษสวะ ไม่อาจเรียกว่าต้านทานกำลังอันใด คาโต คิโยมาสะตลอดทางมาก็เร็วมาก ข้ามเขตมาถึงดินแดนเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี
คาโต คิโยมาสะเป็นขุนพลประเทศวัวในระดับตำนาน ก็คิดหาโอกาสสำแดงบารมี วันหน้าอาจก้าวหน้าไปได้อีก พอเห็นหมู่บ้านเผ่าหนี่ว์เจิน ก็นำทัพเข้าตีสิบกว่าวัน สังหารปล้นชิงเป็นสิ่งที่ย่อมเกิด ตัดหัวไปมากมาย
เขาไม่รู้ว่านี่เป็นหมู่บ้านเผ่าหนี่ว์เจิน หรืออาจเป็นเพราะเกาหลีพูดผิดๆ ถูกๆ คิดไปว่าเป็นมองโกลเผ่าอูเหลียงฮาที่แสนร้ายกาจ ตอนนั้นทัพมองโกลราชวงศ์หยวนยกไปตีประเทศวัว แต่เพราะประสบเหตุพายุตอนข้ามทะเลไปประเทศวัว จึงพลิกสถานการณ์จากแพ้มาชนะได้ ตอนนี้ยังคงเป็นที่กล่าวถึง หากสามารถโจมตีเผ่ามองโกลได้ ตัดหัวมาได้ ก็ย่อมเป็นความชอบยิ่งใหญ่ เกรียงไกรหาใดเทียม
ชาวเผ่าหนี่ว์เจินชายหญิงแก่เด็กล้วนถูกโจรวัวโค่วสังหาร ทีเหลือก็แน่นอนย่อมไม่เลิกรา รวมกำลังคิดล้างแค้น แต่โจรวัวโค่วอย่างไรก็อยู่ในแผ่นดินเกาหลี การต่อสู้ขับไล่นอกแผ่นดินตนเช่นนี้ ยังต่อสู้กับทัพใหญ่แสนกว่า แต่ละเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีล้วนไม่กล้าเคลื่อนไหวพลการ
หวังทงนำกำลังทัพใหญ่เข้าเกาหลี ข่าวนี้แพร่ไปทั่วนานแล้ว หวังทงเป็นใคร ชื่อเสียงเกรียงไกรทั่วแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน บุคคลราวเทพสังหาร ติดตามบุคคลเช่นนี้ออกศึก ย่อมแก้แค้นได้ ทำให้ชนเผ่ามาติดต่อคนร้านสามธารา มากันเป็นทอดๆ ขอมาพบหวังทง…
………………