องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1116 ปรับเล็กก่อนออกศึก
ได้ฟังเถ้าแก่รายงาน หวังทงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่าต้องการพบกับหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจิน
พื้นที่ตั้งทัพใหญ่ คนไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ล้วนสังหารสิ้น นับประสาอันใดกับชายฉกรรจ์เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซี หากไม่ใช่เถ้าแก่นำมา คนเหล่านี้ระยะไม่ไกลนักก็คงถูกสังหารทิ้งด้วยธนูว่าเป็นสายศัตรูไปแล้ว
ก่อนพวกเขาถูกนำตัวมายังกระโจมแม่ทัพ ล้วนเคร่งเครียดมาก ครั้งนี้ที่ต้องการพบก็คือหวังทง หวังทงเป็นใคร ระดับใด เทพสังหารนำทัพใหญ่กวาดล้างเจี้ยนโจวหมดสิ้น ไห่ซีที่ใกล้เขตชาวฮั่นยังดี เผ่าหนี่ว์เจินตอนเหนือกับชนเผ่าในป่านั้นล้วนมีตำนานเล่าว่าหวังทงรูปร่างสูงร้อยจ้าง หัวเป็นพยัคฆ์ ตัวเป็นมนุษย์
“นี่คือแม่ทัพใหญ่เรา!”
มีคนแนะนำ ชายฉกรรจ์เผ่าหนี่ว์เจินสามคนที่เข้ามาไม่ทันได้มอง ก็รีบคำนับ ชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่รู้ธรรมเนียมได้แต่โขกศีรษะ
“ไม่ต้องมากพิธี ข้าถามพวกเจ้า อยากตามทัพใหญ่ไปล้างแค้นไหม กลัวตายไหม?”
หวังทงถามอย่างนุ่มนวล ชายวัยราว 40 เงยหน้า เห็นว่าหวังทงไม่ได้มีท่าทีเหี้ยมโหด แค่ขุนนางบู๊กำยำ ก็อึ้งไปครู่ ก่อนจะรีบตอบเสียงดังว่า
“ครอบครัวญาติมิตรทุกคนล้วนถูกเดรัจฉานสังหารย่ำยี ทุกคนหากไม่แก้แค้น ย่อมไร้หน้าไปพบเทพเจ้าในปรภพ แม้ไปรนหาที่ตาย ก็ต้องสู้กับเดรัจฉานนั่นสักครั้ง ไม่กลัวตาย”
ภาษาฮั่นพูดแข็ง ๆ ชายผู้นี้เอาแต่ลอบสังเกตหวังทง คิดจะดูว่าตำนานชาวฮั่นผู้นี้แท้จริงแล้วมีลักษณะเช่นใดกัน อายุราวสามสิบได้ ปกติชาวฮั่นร่างสูงใหญ่ สีหน้านิ่งสุขุม แต่เหมือนมีอันใดไม่ถูกต้อง ตอนเริ่มต้นดูเหมือนราวสามสิบ แต่ท่าทางและการวางตัวเหมือนห้าสิบกว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เหมาะกับอายุ และความรู้สึกเหมือนผ่านโลกมามาก
ไม่กลัวตาย นับเป็นชายชาตรี พวกเจ้าในเมื่อไม่กลัวตาย ตนเองไปเองก็แล้วกัน ไยต้องมาขอให้ข้านำไปด้วย”
หวังทงยิ้มถามขึ้น พูดถึงตรงนี้ ตัวแทนเผ่าหนี่ว์เจินเบื้องหน้าลังเล สภาพการณ์นี้ เจ้าไม่อาจกล่าวว่าตนเองเกรงกลัวปืนโจรวัวโค่ว หรือว่ากำลังโจรวัวโค่วมาก ทางเกาหลีเองก็เกรงอิทธิพลอำนาจเผ่าหนี่ว์เจิน หากชาวเผ่าหนี่ว์เจินต้องการรวมกำลังเกาหลีลงใต้ อย่าเห็นว่าเกาหลีตอนนี้ถูกโจรวัวโค่วรุกราน ถึงตอนนั้นร่วมมือกันก็ย่อมเป็นได้
หัวหน้ากลุ่มผู้นั้นฝีปากดีจริง นิ่งไปพักหนึ่ง กล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ พื้นที่ไห่ซีเราเป็นของแม่ทัพใหญ่ ต้องฟังแม่ทัพใหญ่ ไม่กล้าเคลื่อนไหวพลการ แม่ทัพใหญ่นำพวกเรา พวกเราจึงกล้าไปแก้แค้น”
เจี้ยนโจวนอกกำแพงเมืองกับไห่ซี ตอนนี้เป็นโรงบ้านกับการค้าชาวฮั่นผสมผสานหมู่บ้านชาวเผ่าหนี่ว์เจิน ค่อนข้างซับซ้อน โรงบ้านชาวฮั่นในครอบครองเครือข่ายสามธาราไม่น้อย ตอนแรกที่ทุกคนไป ล้วนคิดจับมาเป็นทาส
แต่ทว่าเผ่าหนี่ว์เจินก็เป็นพวกทำนาเพาะปลูกอยู่แล้ว วิธีชีวิตคล้ายกับชาวฮั่น กำลังการต่อสู้กับความมุ่งมั่นก็ไม่ได้ด้อย แม้ว่าตอนนี้ถูกตีพ่าย แต่หากคิดจับมาเป็นเชลยทาส ก็คงต้องยุ่งยากบาดเจ็บล้มตายมาก ทุกคนก็ล้วนเปลี่ยนแนวคิด ส่วนใหญ่ใช้การจ้างและค่อยๆ ซื้อใจ
แน่นอนในเวลาสำคัญ ผู้คุ้มกันแต่ละบ้านอย่างไรก็ต้องวางเพลิงสังหารคน แต่ทว่านานวันเข้า นับว่าเป็นความเมตตาคุณให้กัน ชาวเผ่าหนี่ว์เจินกลับยิ่งภักดี มีหมู่บ้านมาขอร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มพ่อค้าและโรงบ้าน เข้าไปจับคนในเขาออกมาเป็นทาสรับใช้แทน
พื้นที่นอกกำแพงเมืองแน่นอนเน้นกำลังเป็นหลัก ที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธนั้นก็คือใช้งานได้ดีที่สุด กลุ่มพ่อค้าสามธาราแน่นอนยิ่งใหญ่สุด ในมือมีผู้คุ้มกันมากสุด เงินทองมากสุด มีธรรมเนียมมากสุด ยังมีเรื่องผลแห่งชัยของหวังทงในตอนนั้น หลายปีมานี้ เผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่านอกกำแพงล้วนรู้สึกตนเองอยู่ใต้การควบคุมของหวังทง ตนเองอยู่ในพื้นที่ของหวังทง
คนผู้นี้กล่าวเช่นนี้ หวังทงนั่งอยู่ก็หัวเราะดัง หยุดหัวเราะแล้วก็เปลี่ยนบทสนทนาว่า
“พวกเจ้ามีคนเท่าไรออกศึกได้?”
“แต่ละเผ่ารวมกำลังแข็งขัน! อย่างไรก็ต้องได้ห้าพันกว่าคน!”
ได้ยินจำนวนนี้ หวังทงอึ้งไป เอ่ยถามขึ้น
“ขี่ม้าเป็นเท่าไร?”
“1,500 กว่าพอได้”
“เลือกมา 3,000 ที่เก่งกล้าที่สุดไป เจ้ากลับไปรวมกำลังก่อน ไปรอที่หุบเขาไป๋หลัง อีกสี่วัน จะมีคนไปสมทบกับพวกเจ้า”
หวังทงเคาะโต๊ะเบาๆ สุดท้ายตัดสินใจ หลายคนเบื้องหน้าฟังเข้าใจแล้ว แต่ก็รู้สึกอึ้ง คนหนึ่งเงยหน้าท่าทางระแวดระวังกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ ทหารเราร่วมออกศึกกับทัพใหญ่หรือ?”
“กัวป๋อเล่อ เจ้าเป็นบ้าอะไร แม่ทัพใหญ่ล้วนจัดการแล้ว ยังไม่โขกศีรษะขอบคุณอีก!”
เถ้าแก่ที่ฟังอย่างเดียวมาตลอด ได้ยินวาจานี้ก็อดไมได้กระซิบด่า พวกไม่รู้งาน มาจากป่าเขาพวกนี้ช่างไม่รู้ธรรมเนียม เหลียวกั๋วกงกล่าวกับเจ้ามากเช่นนี้ ยังเตรียมการให้เจ้าเช่นนี้ ถือว่าให้หน้ามากแล้ว ยังมาถามนี่นั่น ช่างไร้สมองจริง
คนเบื้องหน้าหลายคนล้วนรู้ตัว โขกศีรษะขอบคุณทันที ในเมื่อรับแล้ว ก็ย่อมรีบถอยออกไปเตรียมตัว พวกเขาเองก็งงเหตุใดหวังทงให้ไปรอที่หุบเขาไป๋หลัง ที่นั่นเป็นพื้นที่ติดกันระหว่างจังหวัดฮัมกยองกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีนับเป็นที่ราบหุบเขา รวมกำลังเหมาะมาก เมื่อก่อนแต่ละเผ่าประชุมกันก็มักมากันที่นี่
“ชาวเผ่าหนี่ว์เจินตอนนี้ยังมีนิสัยบุ่มบ่าม ไร้การอบรม ยังคงมีกำลังไม่น้อย…กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงทางลุ่มน้ำกับทางตะวันตก ต้องใช้คนเหล่านี้มาเป็นผู้คุ้มกันให้มาก…”
หวังทงอยู่ๆ กล่าวขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย มีคนฟังเข้าใจ หยางซือเฉินยกพู่กันขึ้นจด หม่าซานเปียวกลับงง หวังทงก็ไม่คิดอธิบาย เพียงถามขึ้น
“ทัพม้าเราสองพัน…ล้วนใช้ได้ ทหารม้าต้าถงเจ้าคิดว่าใช้งานได้เท่าไร?”
“ผู้บัญชาการหม่ารู้หนักเบา ครั้งนี้พวกเขาส่งทหารเก่าตระกูลหม่ามาไม่น้อย ทหารม้าสามพันน่าจะมีสองพันที่ใช้งานได้ดี”
หม่าซานเปียวในฐานะหัวหน้ากองกำลังทหารม้า ย่อมกระจ่างในเรื่องเหล่านี้ดี เข้าใจอย่างมาก หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“ขบวนทัพม้าเราเลือกมาหนึ่งพัน ทหารม้าต้าถงหนึ่งพัน เจ้านำกำลัง ทหารม้าที่เหลือให้เลือกหมากุ้ยจากต้าถงผู้นั้น มาดูแลต่อ ไช่กงกงเตรียมสารส่งไปยังเผ่าหนี่ว์เจิน ว่าทัพใหญ่ต้องการรวมกำลังทหารม้า ‘ผู้กล้า’ ในสี่วันให้พวกเขานำเสบียงและอาวุธไปสมทบที่หุบเขาไป๋หลัง มาช้าไม่รอ ท่านหยาง ไปตามหลี่หู่โถวมาหน่อย!”
พูดไป ๆ พริบตาก็กลายเป็นถ่ายทอดคำสั่ง ทุกคนแม้ว่ารู้สึกกะทันหัน แต่ก็ยังคงรีบทำตามไม่รอช้า ไม่นาน หลี่หู่โถวก็มาถึงในกระโจม ตอนนั้นขุนพลหนุ่มน้อยกลายเป็นชายชาตรีรูปร่างสูงใหญ่แล้ว หน้าตาหล่อเหลามีสง่า เห็นแล้วทำให้คนต้องนึกชม พอคารวะแล้ว หวังทงก็ยิ้มให้เขาเข้ามาใกล้
บนโต๊ะตัวใหญ่พอสมควรปูแผ่นที่เกาหลีอยู่ ประเทศเล็ก ๆ ก็มีประโยชน์แค่ประเทศเล็กๆ แผ่นดินหมิงมิได้มีแผนที่ครบถ้วนทั้งหมด พ่อค้าทะเลกลับรู้พื้นที่เกาหลีดีมาก มีแผนที่ไว้พอสมควร
“หลังจากทั้งกองทัพข้ามแม่น้ำมาแล้ว เจ้ารีบนำกำลังลงใต้ ตั้งทัพที่เปียงยางเป็นหลัก ครั้งนี้รถใหญ่นำไปให้พอ ตลอดทางให้ใช้เสบียงที่นำไป รอเจ้าถึงเปียงยาง ก็จะมีกองเรือจากท้องทะเลนำเสบียงมาให้เจ้า…”
หวังทงวาดนิ้วมือลากจากอี้โจวไปยังเปียงยาง หลี่หู่โถวมองอย่างละเอียด นี่เป็นเรื่องปกติทางการทหาร ไม่ได้มีอันใดแปลก
“เจ้าตั้งทัพที่เปียงยางแล้ว รีบแบ่งทหารไปยังจังหวัดฮัมกยองทางตะวันออก เห็นนี่ไหม ที่นี่ ข้าต้องการให้เจ้าทำก็คือ ในสิบวัน เส้นทางนี้ต้องสร้างแนวป้องกัน เฝ้าคุมเส้นทางคมนาคมไว้ ให้ตัดเส้นทางเหนือใต้ทางบกของเกาหลี เจ้าเตรียมทำเช่นไร?”
หวังทงตอนกล่าว นิ้วก็ชี้ไปที่เปียงยางเป็นจุดสุดท้าย ก่อนจะวนขวา หลี่หู่โถวคิดครู่หนึ่ง พยักหน้ากล่าวว่า
“ขอเพียงเสบียงตามมาทัน ไม่ยาก จัดสามหน่วยไปยังจังหวัดฮัมกยอง ข้าน้อยนำกำลังสี่หน่วยอยู่เปียงยาง รวมกับทหารที่เหลือ เพียงพอปิดทาง”
ตอนนั้นเด็กชายที่ทุกเรื่องล้วน ตอนนี้กลายเป็นขุนพลใหญ่ที่มีความคิดแผนการในใจ หวังทงยิ้มพอใจ
“เจ้าเตรียมจัดส่งผู้ใดไปที่นั่น?”
“ถานปิงหนักแน่น ลี่เทาชำนาญการรบ สองคนร่วมมือกัน ส่งไปเหมาะที่สุด ข้ายังเตรียมให้ทหารราบเมืองจี้โจวเข้าร่วมด้วย เช่นนี้ยิ่งมั่นใจยิ่งมาก!”
หวังทงพยักหน้าพอใจ กล่าวว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะมอบคำสั่งให้เจ้า รีบออกเดินทาง”
หลี่หู่โถวลังเลครู่หนึ่ง มองทุกคนในกระโจม หวังทงโบกมือกล่าวว่า
“ล้วนคนกันเอง ไม่มีอันใดไม่อาจกล่าว”
“แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยขอล่วงเกิน ข้าน้อยคิดว่า ด้วยกำลังทัพเราไยต้องเสียเวลาสิ้นเปลืองแรงอ้อมไปเช่นนั้น ขอเพียงลงใต้ ปะทะศัตรูก็พอ เกาหลีพื้นที่แคบๆ ทัพใหญ่เราลงไป พวกทหารโจรวัวโค่วย่อมไร้ที่หลบ ได้แต่ต้องรบตัดสินแพ้ชนะกับเรา ทัพใหญ่ปะทะกัน กองกำลังหู่เวยใต้หล้าไร้ศัตรูต้านได้”
“เจ้ากล่าวได้ไม่ผิด พวกเราบีบไป โจรวัวโค่วไร้หนทางถอย แน่นอนต้องต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะกับเรา แต่ทว่า ไร้หนทางถอยจริงหรือ?”
หวังทงยิ้มกล่าว ชี้ไปอีกทางของแผนที่เกาหลี วาดวงกลม หลี่หู่โถวเข้าใจทันที หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“รอพวกเขาไร้ทางถอยจริงๆ ก่อน ตอนนั้นก็จะได้เป็นเวลาตัดสินแพ้ชนะ สำหรับตอนนี้ ต้องจัดการกำจัดคาโตอะไรนั่นที่จังหวัดฮัมกยองก่อน จะได้ไม่ต้องคอยระวัง”
กล่าวจบ หวังทงยกมือตบบ่าหลี่หู่โถว กล่าวว่า
“จังหวัดฮัมกยองเส้นทางนี้ ข้านำกำลังทหารม้าไปตี ทัพใหญ่นี้ก็มอบให้เจ้าคุมไป จำคำข้าไว้ เรื่องสำคัญครั้งนี้ไม่ใช่ยึดพื้นที่ได้เท่าไร แต่สังหารศัตรูได้เท่าไร สำคัญที่อุดเส้นทางหนีไว้ ตอนนี้ลงใต้เร็วไป กลับบีบโจรวัวโค่วมากไป ไม่ได้ผลการรบที่ยิ่งใหญ่เท่าไร เจ้าเข้าใจไหม?”
หลี่หู่โถวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ประสานมือคำนับกล่าวว่า
“ขอแม่ทัพใหญ่วางใจ ข้าน้อยจะต้องทำได้”
หวังทงบีบมือแรง ยิ้มกล่าวว่า
“ข้าวางใจเจ้ามาก เจ้าจะต้องทำได้”
กล่าวจบ ทุกคนในกระโจมแม่ทัพพากันหัวเราะขึ้น บรรยากาศผ่อนคลายทันที หลี่หู่โถวหันกลับไปมองแผนที่ หวังทงกลับมองไปทางตะวันตกกล่าวเบาๆ ว่า
“ตอนนี้เรื่องสำคัญอยู่ที่ท้องทะเลแล้ว!”