องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1121 รบทะเล
สำหรับโจรวัวโค่ว สิ่งที่เน้นย้ำในการศึกนี้ก็คือรุกรานครองเกาหลีทั้งหมดให้รวดเร็ว ยึดครองให้สมบูรณ์แล้ว จากนั้นค่อยใช้เป็นฐานโจมตีแผ่นดินหมิง
เป้าหมายการรบก่อนหน้าอยู่บนบก ไม่อาจสนใจบนท้องทะเล ถึงกับปล่อยให้ขุนพลทัพเรือลีซุนจังหวัดซอลลานำเรือห้าสิบกว่าลำ ตลอดทางยังรวมกองเรือจากจังหวัดคยองซังกับจังหวัดชุงชองมารวมกัน พอมาถึงอินชอน ก็มีเรือถึง 135 ลำแล้ว
กองเรือรบเกาหลีที่เก่งกล้าอยู่ที่จังหวัดซอลลากับจังหวัดคยองซัง แต่จังหวัดซอลลาตำแหน่งสูงสุด หากครั้งนี้แต่ละกองเรือที่มารวมตัวกัน ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่าขุนพลทัพเรือลีซุน แน่นอน หัวหน้ากองเรือรบนี้ก็คือขุนพลทัพเรือลีซุน
เรือพานโอกซอนกับเรือคอบุกซอนแล่นไม่เร็ว และเป็นเพราะพระราชาเกาหลีเสด็จหนีเร็ว กองเรือรบเกาหลีเร่งตามมาอินชอนตอนนั้นก็รู้ว่าพระราชาเกาหลีกับขุนนางใหญ่ไปถึงแผ่นดินหมิงแล้ว พวกขุนพลทัพเรือลีซุนทำอันใดไม่ได้ ก็ได้แต่ส่งคนไปติดต่อพระราชาตน จากนั้นก็รอเปิดศึกท้องทะเล
พวกเขาเคลื่อนไหวที่อื่นยังดี แต่ที่การมาเคลื่อนไหวที่อินชอนนี่ โจรวัวโค่วไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ เมืองโซอุลเป็นพื้นที่โจมตีเกาหลีหลักของโจรวัวโค่ว ไม่อาจปล่อยไว้ได้เด็ดขาด
โจรวัวโค่วล้วนดูแคลนกำลังทหารเกาหลีมาก เพราะกำลังทางบกของเกาหลีเหลวแหลกอย่างที่สุดจริงๆ คิดว่ากองทัพเรือก็คงไม่ได้ต่างกันเท่าไร น่าจะล้วนเละเทะพอๆ กัน
คิดไม่ถึงพอปะทะกันกลับพบว่ารบยากเพียงนี้ กองเรือโจรวัวโค่วยี่สิบกว่าลำ เป็นครั้งแรกที่ต่อสู้กันถูกล่มไปสิบห้าลำ ที่เหลือถูกเผาทำลายไปหมด
จากปูซานขนเสบียงทางบกมายังเมืองโซอุลเห็นชัดว่าไม่สู้เส้นทางทะเลมาถึงอินชอนแล้วค่อยใช้เส้นทางน้ำไปเมืองโซอุล โจรวัวโค่วรวมกำลังกองเรือเก้าสิบกว่าลำมุ่งมา
ครั้งนี้การต่อสู้กับครั้งก่อนไม่ได้ต่างกันมาก เรือคอบุกซอนห้าลำบุกเข้าชนกองเรือโจรวัวโค่ว ตรงกลางแตกออก เรือพานโอกซอนพายไปรอบๆ เข้าชนให้จมและวางเพลิงต่อเนื่อง หลังศึกนี้ โจรวัวโค่วสูญทหารไปสี่พันกว่า นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ บนท้องทะเล หัวหน้ากองรบแต่ละคนล้วนตกใจ ข่าวถึงกับส่งกลับไปยังเกาะของโจรวัวโค่ว บรรดาไดเมียวล้วนโมโหอย่างมาก ประเทศวัวคิดจะสู้ต่อที่เกาหลี แต่ตอนนี้ดูแล้ว เส้นทางทะเลไม่อาจถูกตัดขาด เกาหลียากจนแร้นแค้นถึงขั้นนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง ทัพใหญ่แผ่นดินหมิงททางเหนือก็ไล่บี้ลงมาแล้ว การขนเสบียงและถึงกับถอนกำลังทหารกลับล้วนต้องใช้เส้นทางทะเล ตัดขาดเส้นทางทะเล ก็เท่ากับเรื่องใหญ่ราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว
ท่ามกลางสถานการณ์ตอนนี้ มีคนคิดถอนกำลังออกจากเกาหลีแล้ว แต่ทว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยชิที่แต่ไรก็วิเคราะห์กระจ่างตอนนี้กลับดึงดัน ตอนลองไปเลียบเคียงถูกด่ากลับมา ทุกคนล้วนกลัวหัวหด มีข่าวแพลมออกมาว่า ตระกูลโทกูงาวะ อิเอยะสึรวมกำลังส่งบุกเกาหลีต่อเนื่อง บรรดาไดเมียวไซโกกุกับคิวชูแอบก่นด่า ไม่สนใจจัดการภูมิภาคคันโต มาตีเกาหลี ช่างไม่รู้จักเรื่องแท้จริงแล้วกล้าทำจริง
กองทัพเรือปะทะกันเสียหายสองครั้ง ล้วนเป็นทหารเก่งกล้าที่สุดของโจรวัวโค่ว ล้วนโจรสลัดมีชื่อเก่งกล้า ผู้ใดจะคิดว่าสู้ได้เละเทะเช่นนี้
หากเป็นสถานการณ์ปกติ คนเหล่านี้ไม่ได้ คนอื่นก็ยิ่งไม่ได้ กองเรือเสิ่นหวั่งก็เป็นกองทัพเรือโจรวัวโค่ว
การรบครั้งที่สามที่อ่าวใกล้กับระหว่างจังหวัดคยองกีกับจังหวัดชุงชอง ในอ่าวนั้นมีโจรวัวโค่วห้าพันกว่า ถูกกองเรือรบเกาหลีอุดไว้ในนั้น
เริ่มแรกโจรวัวโค่วยังคิดต่อสู้ แต่ไม่อาจมีกำลังโต้กลับได้ วิธีการรบพวกเขาก็แค่เข้าใกล้แล้ววางเพลิงกับโดดข้ามเรือ ซามูไรวัวโค่วคิดตายเพื่อชาติ บุกเข้าไปอย่างกล้าหาญ แต่ตรงหน้าไม่อาจปีนขึ้นไปไม่ว่า ยังคงตกสภาพเดิมๆ ก็คือถูกชนล่มเรือแล้วยิงสังหาร
เรือล่มไปได้เกือบสิบลำแล้ว เรือรบที่เหลือได้แต่หดหัวกลับไป คิดจะอาศัยการป้องกันจากฝั่ง แต่บนฝั่งมีอันใด หรือว่าธนู ปืนใหญ่วัวโค่วกับปืนกระบอกสามารถทำให้เรือเช่นนี้เสียหายได้ กองเรือรบเกาหลีสังหารอย่างดุเดือด บุกเข้ามาในอ่าวแล้ว
เรือในอ่าวไม่อาจต้านทานกำลังได้ แต่ทว่าทหารอย่างไรก็มีโอกาสโดดขึ้นฝั่ง ทุกคนได้แต่หน้าดำคอตกขึ้นฝั่งไปดูเรือตนเองถูกเผาไปทีละลำ
ขณะกองเรือรบเกาหลีได้รับชัยชนะและกำลังจะจากไปอย่างลอยนวลนั่นเอง กองเรือเสิ่นหวั่งก็มาถึง เปิดศึกในบริเวณอ่าวนั่นเอง
กองเรือเสิ่นหวั่งรวมเจ็ดสิบกว่าลำ เรือกวางตุ้งเป็นหลัก เรือกวางตุ้งแผ่นดินหมิงขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเรือรบโจรวัวโค่ว แล่นได้เร็วกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดคนเสิ่นหวั่งล้วนชำนาญการบนท้องทะเลมานานปี การรบบนท้องทะเลเก่งกล้ากว่ากองเรือโจรวัวโค่วมาก
การต่อสู้พอเริ่มต้น เรือคอบุกซอนกองเรือรบเกาหลีก็บุกเข้าชนกองเรือเสิ่นหวั่ง คิดจะทำให้กองเรือฝ่ายตรงข้ามวุ่นวาย จากนั้นค่อยเข้าชนเข้าสังหาร
แต่ทว่าทางเสิ่นหวั่งกลับปล่อยเรือเพลิง เรือเพลิงนี้เป็นเรือกวางตุ้งเล็ก หัวเรือมีตะปูเหล็กใหญ่ เรือมีตะปูเหล็กเป็นดังกรงเล็บ ปะทะชนเข้าไป ตะปูตอกเรือตรงข้าม เกี่ยวเรืออีกฝ่ายเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มจุดไฟ เรือสลัดไม่หลุด ก็ได้แต่ไหม้จมไปด้วยกัน
คนเสิ่นหวั่งหลบการปะทะชนของเรือคอบุกซอน ปล่อยเรือเพลิงไปแล้ว เรือเพลิงประกบติดเรือพานโอกซอนได้สาม ที่เหลือสลัดหลุด จากนั้นก็จุดไฟเผา
โจรสลัดชาวฮั่นเก่งการเดินเรือมากกว่าโจรวัวโค่วกับเกาหลีมาก เรือคอบุกซอนปะทะชน เดิมยังเป็นกองเรือที่รวมตัวกันแน่น ก็เริ่มกระจายตัวออก
แต่ก็มีปัญหา เรืออาศัยแรงลมหากตั้งการเปลี่ยนทิศทาง ตามลมยังดี แต่หากไม่ตามลม ก็ย่อมต้องวนรอบก่อน ปล่อยใบเรือ เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนพายเข้าใส่ ระยะห่างไม่มากแล่นได้ดี มีเรือสองลำหลบไม่ทัน ได้แต่ถูกชน ยังมีอีกสองลำถูกเผา ดีที่หนีออกไปไกลแล้ว จึงได้รีบพากันดับไฟ
ทันใดก็มีเรืออีกสองลำแล่นเข้ามา เรือนี้ดูแล้วเหมือนเรือตะวันตก แต่ขนาดไม่อาจเทียบเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน ตอนชนกันย่อมเสียเปรียบ กองเรือรบเกาหลีก็คิดเข้าปะทะชนดุเดือด แต่ทว่า เรือพวกนี้มีปืนใหญ่
เสิ่นหวั่งตอนอยู่เทียนจินสั่งต่อเรือการค้าติดอาวุธก็มีโอกาสได้นำมาใช้ประโยชน์ในการนี้ ตอนเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนเข้าใกล้ ปืนใหญ่ยิงพร้อมกัน
ไม้หนาเพียงพอสามารถต้านทานการยิงปืนใหญ่ แต่เรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนก็มีรูมากมาย รูเหล่านี้กับบริเวณโดยรอบเปราะบางมาก โดยเฉพาะช่วงตัวเรือที่มีไม้พายยื่นออกไปได้ จุดนั้นของเรือเป็นจุดแล่นเรือ เพราะไม้พายต้องใช้ท่อนใหญ่ ทางนี้จึงเป็นจุดเปราะบางที่สุด เรือสองชั้น ชั้นสองมีปืนใหญ่ไว้ยิงได้พอดี ตำแหน่งไม้พาย ระลอกสองปืนใหญ่ยิงไป มีเรือพานโอกซอนสองลำสิ้นกำลังต่อสู้ ยิ่งยุ่งยากก็คือ เรือที่ไร้แรงขับเคลื่อนยังไม่อาจยกใบเรือขึ้นทัน ก็มีเรือโจรสลัดเข้ามาใกล้ โยนผ้าอาบน้ำมันชุ่มม้วนด้วยพรมโยนขึ้นมา เรืออื่นไม่รอช้ารู้ทันที กองพรมนี้ย่อมต้องโยนทิ้งทะเล แต่สำหรับเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอน เกราะรอบนอกเรือเพื่อป้องกันการปืนขึ้นมา ล้วนทำเป็นขอเกี่ยวและเหล็กแหลม ผ้าย่อมเกี่ยวติดได้ง่าย จานั้นยิงธนูไฟเข้าใส่ก็เรียบร้อย
เรือพานโอกซอนหลายลำลุกไหม้ เรือคอบุกซอนล้วนเร่งหนีให้ไกล พวกเขาไม่อาจต้านทานปืนใหญ่ศัตรู ศูนย์กลางบัญชาการกองเรือตอนนี้เป็นเรือคอบุกซอนห้าลำ ไม่อาจสูญเสียได้
เรือพานโอกซอนก็ช่วยไม่ได้แล้ว ใช้ดาบและขวานฟันส่วนที่ติดไฟทิ้งแล้ว เรือใหญ่อีกฝ่ายก็มาใกล้แล้ว วิธีตอนนี้ก็ได้แต่ปะทะกันตัวต่อตัวแล้ว
แม้ว่ามีใจสละชีพเพื่อแผ่นดิน แต่กองเรือรบเกาหลีในเรื่อการต่อสู้ตัวต่อตัวนี้ก็ไม่มีค่าควรกล่าวถึงจริงๆ พอยกเสากระโดงเรือขึ้น ก็ถูกปืนใหญ่กองเรือเสิ่นหวั่งกวาดยิงไปรอบ จากนั้นซามูไรประเทศวัวก็ถือดาบบุกเข้ามา ตอนซามูไรประเทศวัวบุกขึ้นมา การต่อสู้คือจบสิ้นแล้ว
ที่ยุ่งยากก็คือ เรือเพลิงพวกนั้น ยังมีเรือปืนใหญ่เสิ่นหวั่ง กองเรือรบเกาหลีเสียหายไปสิบกว่าลำ พอเรือคอบุกซอนลำหนึ่งถูกเผา กองเรือก็ได้รับคำสั่งให้ถอย
ในตอนนั้นจะหนีไหนเลยจะง่ายดาย กองเรือรบเกาหลีแบ่งส่งเรือพานโอกซอนออกมาสิบลำ ขวางบนท้องทะเล เตรียมสู้ตาย เพื่อให้ทัพใหญ่หนี
กองเรือเสิ่นหวั่งเสียเรือใหญ่ไปห้า เรือเล็กไปสาม ก็จัดการทำลายเรือพานโอกซอนสิบลำได้หมด แต่ศัตรูสู้ตายเช่นนี้ พวกเขาไม่คิดจะทำให้ตนเองเสียกำลังมากนัก ก็ไม่ได้ไล่ตามต่อ
แต่หลังศึกนี้ กองเรือรบเกาหลีก็ไม่กล้าออกมาเคลื่อนไหวบนท้องทะเลที่โจรวัวโค่วยึดครองอีก ที่นั่นล้วนอยู่ในการครอบครองของกองเรือเสิ่นหวั่ง
เพราะต้องรับรองความปลอดภัยเส้นทางทะเล ประเทศวัวประกาศแต่งตั้งไดเมียวใหม่ เสิ่นหวั่งรวยใหญ่ ขนเสบียงจากประเทศวัวไปยังเกาหลี ไม่ได้ทำเปล่า หากได้ผลประโยชน์มาก
******************
ต้นเดือนห้า ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 21 ขุนพลทัพเรือลีซุนกองเรือรบเกาหลีรวมกำลังที่อ่าวไห่ซีกับกองเรือรบแผ่นดินหมิง เริ่มลงใต้ไปยังอินชอน เตรัยมปิดเส้นทางทะเลของจังหวัดคยองกี
กองเรือรบเกาหลีเดิมพอรู้ถึงกองทัพเรือแผ่นดินหมิง ก็ให้ค่าไม่มากนัก ในสายตาพวกเขา กองทัพเรือหมิงถึงกับอ่อนแอยิ่ง ช่างไม่มีค่าควรเอ่ยถึง ขุนพลทัพเรือลีซุนเคยกล่าวกับหลานชายตนเองว่า บนบกกองกำลังหมิงไร้คู่ต่อสู้ แต่บนท้องทะเล ยังต้องอาศัยชายชาวเกาหลีเรา แม้ว่ากองทัพเรือหมิงมาช่วย กองทัพเรือนั่นก็เกรงว่าสู้กับกองเรือเสิ่นหวั่งไม่ได้
แต่ทว่าพอได้เห็น ขุนพลทัพเรือลีซุนก็พบว่าความคิดตนล้าหลังไปมาก กองเรือกองกำลังหมิงจำนวนถึงสองร้อยกว่า คุณภาพเรือยังเรียกว่าน่าตกใจ ดูเรือแล้วอายุน่าจะไม่เกินสิบปี มีปืนใหญ่พร้อม ที่ทำให้ขุนพลทัพเรือลีซุนต้องหนังตากระตุกก็คือเรือใหญ่หลายลำนั่น
เรือใหญ่เช่นนี้เป็นแบบตะวันตก แต่ขนาดนั้นช่างน่าตกใจ เพราะเรือคอบุกซอนกับเรือพานโอกซอนเป็นเรือรบใกล้ฝั่งทะเล ดังนั้นจึงต่อใหญ่ แต่เรือใหญ่กองกำลังหมิงใหญ่กว่าเรือคอบุกซอนมาก ตัวเรือยิ่งใหญ่กว่า ใบเรือก็ยิ่งใหญ่กว่า ยังมีปืนใหญ่สองข้างลำเรือ ยิ่งทำให้น่าตกใจ
นอกจากเรือปืนใหญ่เช่นนี้ ยังมีเรือเล็กหลายลำ แต่ก็มีรูปแบบการต่อคล้ายกัน เรือ ‘เล็ก’ เช่นนี้นับดูแล้วมีปืนใหญ่ร่วมยี่สิบขึ้นไป
ออกจากเมืองท่าจังหวัดพยองอัน ขุนพลทัพเรือลีซุนก็เงียบไปมาก ถึงกับกล่าวกับหลานตนว่า
“แผ่นดินหมิงมีกองทัพเรือเช่นนี้ เกรงไม่ใช่วาสนาเกาหลี!”