องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 1125 ถ่วงเวลา เข้าโจมตี
“พลปืนใหญ่ ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะบรรจุกระสุนเสร็จ!?”
หลี่หู่โถวบนหลังม้าตะโกนดัง ตอนนี้สามารถมองเห็นลายธงสัญลักษณ์ทัพใหญ่โจรวัวโค่ว พอเขาถามจบ ก็มีทหารติดตามขี่ม้าออกไป ไม่นานก็กลับมารายงานว่า
“ใต้เท้า กองปืนใหญ่ทางนั้นตอบว่า ตอนข้าน้อยมารายงานใต้เท้า ปืนใหญ่สิบกระบอกพร้อมยิงแล้ว!”
หลี่หู่โถวยิ้มพยักหน้า ยกมือขึ้นโบกสั่งการ
“ยิง ระลอกสองยิง ปืนใหญ่ทั้งหมดหยุดหลังยิงระลอกสาม แต่ละหน่วยเตรียมบุก!”
ทหารติดตามข้างกายกับทหารถ่ายทอดคำสั่งพากันแยกตัวออกไปถ่ายทอดคำสั่ง คำสั่งตะโกนดังแล้วก็เริ่มโจมตี ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน น่าจะเป็นปืนใหญ่กระสุนหกชั่งขึ้นไป พื้นดินสั่นสะเทือน กระสุนปืนใหญ่ลอยละลิ่วข้ามไปกลางท้องฟ้า
เสียงแหวกอากาศไม่นานก็ไม่ได้ยินอีก เพราะเสียงตูมดังกลบไปทั่ว หลี่หู่โถวยกมือป้องตามองไป เหยียบบังโกรนม้ายกตัวยืนขึ้นมอง พึมพำว่า
“ทำไมรู้สึกว่าชมฉากแบบนี้ไม่เคยพอเสียที!”
ธงทหารโจรวัวโค่วหนาแน่นราวป่าไม้ ไม่เพียงแต่ใช้ธงคำสั่งเคลื่อนทหาร ทหารกับซามูไรยังมีธงอื่นๆ ที่แตกต่างสี่เหลี่ยมหลายแบบเพื่อแยกสังกัดพวกเขาเสียบไว้ด้านหลัง ธงโบกสะบัดหนาแน่นทั่วบริเวณ
ปืนใหญ่กองกำลังหมิงดัง ทหารโจรวัวโค่วกองรบหนึ่งโคนิชิ ยูกินากะได้ยินเสียงปืนใหญ่ยิงก็หวาดกลัว อดหยุดเดินหน้าไม่ได้
แต่คนมากกมายไม่ได้คิดเช่นนี้ กองกำลังหมิงด้านหน้าไม่มาก แม้แถวเรียงตัวกันแน่น แต่มองไกลๆ จำนวนน้อยกว่าฝ่ายตนมาก และยังจัดแถวไม่เสร็จ เป็นโอกาสดีในการเข้าโจมตี ข่าวเส้นทางทะเลถูกตัดขาดแม้ถูกปิดข่าวไว้แน่นหนา แต่บรรยากาศร้อนใจก็เริ่มปกคลุมอย่างไม่รู้ตัว สถานการณ์เช่นนี้ บรรดาซามูไรล้วนมุ่งมั่นในชัยชนะมากกว่าผู้ใด
หากมีคิดลังเลไม่เดินหน้า คนด้านหลังก็จะฟันทิ้ง ยิ่งไม่ต้องพูด ยามเคลื่อนกำลังทัพใหญ่ การที่คนสองคนหรือถึงกับร้อยสองร้อยคนเคลื่อนกำลังไม่เหมือนกัน ล้วนไม่อาจทำให้ทัพใหญ่สั่นคลอน
ทุกอย่างล้วนเป็นเช่นนี้ก่อนกระสุนปืนใหญ่ยิงตก เสียงลูกเหล็กแหวกอากาศมาตกพื้น ซามูไรวัวโค่วกับทหารราบล้วนเห็นเส้นทางพุ่งมาของกระสุนปืนใหญ่ เห็นกระสุนปืนใหญ่มุ่งมายังกองกำลังตน หลบก็หลบไม่พ้นแล้ว
เริ่มมีเสียง ‘ฟุบ’ เช่นนี้ พาดผ่านร่างมนุษย์ กวาดเอาอวัยวะไปด้วย ไม่ใช่เสียงที่ดังบาดหูสักเท่าไรนัก จากนั้นก็เป็นเสียงร้องโหยหวน เสียงร้องโหยหวนฟังน่าอนาถ สภาพที่กองกำลังหมิงทางนี้เห็นก็คือ ธงหนาแน่นเป็นทิวแถว อยู่ ๆ ล้มพรึ่บลง ทีละแถว
กระสุนปืนใหญ่ผ่านร่างคนไม่รู้เท่าไรแล้วก็ตกลงบนพื้น พื้นที่ไห่ซีกับแคซองติดทะเล อากาศในตอนนี้ชื้นมาก พื้นดินไม่ได้แข็งมาก กระสุนปืนใหญ่ตกแล้วก็กระเด็นกระดอนไปได้ไม่ไกลนัก หากยังเปลี่ยนทิศทางได้อีก
อานุภาพปืนใหญ่แรงเพียงพอ แม้ดินจะดูดซับแรงกระแทกไปบางส่วน แต่ก็ยังฉีกร่างคนได้อยู่ดี ยังคงสังหารต่อเนื่อง
ปืนใหญ่ระลอกแรกยิงไป โจรวัวโค่วทัพหน้าที่กรูกันออกมาเริ่มช้าลง แต่การยิงก็มิได้หยุด กระสุนปืนใหญ่ขนาดใหญ่บรรจุได้ช้าสักหน่อย
รอจนตอนที่เสียงดังตูมสนั่นกว่าเดิม กองกำลังโจรวัวโค่วก็ไม่อาจระงับความแตกตื่นได้อีกต่อไป กองกำลังทั้งกองเริ่มวุ่นวาย โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกระสุนปืนใหญ่พาดผ่าน ซามูไรกับทหารราบเห็นฝ่ายตนถูกกระสุนปืนใหญ่ถล่มยิงอนาถ พวกเขาเองก็รู้ เกราะไม้ไผ่กับเกราะหนังบนตัว ทวนยาวกับดาบยาวในมือ หรือแม้แต่ความกล้าหาญที่เคยมีมา ล้วนไม่อาจทานเสียงปืนใหญ่ก้องกัมปนาทนี้ได้
แต่หากหนีหรือกระจัดกระจายก็ไม่ได้หมายความว่าจะพ้น กระสุนปืนใหญ่ที่ยิงมานี้ไม่ได้เป็นทิศทางเดิมเมื่อครู่ ปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่งตกลงพื้น กระแทกลึกมาก ไกลมาก
ปืนใหญ่ยิงมาทั้งหมดสามระลอก รอบที่สอง ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังติดกันไม่หยุด ทัพใหญ่โจรวัวโค่วบุกหน้ามารู้สึกแต่ว่าปืนใหญ่ไม่ได้หยุดยิง ล้วนไร้จุดสิ้นสุด
เสียงลูกเหล็กแหวกอากาศมาเช่นนี้ คนไม่อาจหนีรอด ได้แต่วิ่งหนี พื้นที่โจมตีปืนใหญ่ว่างเปล่าแล้ว แต่ละคนล้วนวิ่งหนีสี่ทิศ แต่ไม่มีพวกที่ถูกปืนใหญ่ยิงแล้วยังนิ่งอยู่ได้ สองฝ่ายเบียดเสียด ทั้งกองกำลังวุ่นวายอลหม่านไปหมด
ไม่เพียงแต่กองกำลังโจรวัวโค่วเป็นเช่นนี้ แม้แต่ทหารม้าต้าถงปีกขวาก็เริ่มวุ่นวาย เพราะม้าไม่อาจนิ่งได้ท่ามกลางเสียงดังทรงอานุภาพเช่นนี้ จะต้องบังคับให้อยู่
“ทั้งหมดบุก!”
ปืนใหญ่หยุดยิง หลี่หู่โถวบนหลังม้ามองเห็นภาพอลหม่านด้านหน้าอย่างพึงพอใจ สะบัดแขนลงอย่างแรง พลตีกลองของหน่วยหนึ่งเริ่มตีกลองเป็นจังหวะเดินหน้า พลถือธงก็เริ่มสะบัดธงไปด้านหน้า ราวกับว่าเป็นสัญญาณ มือกลองทุกหน่วยตีจังหวะเดินทัพเดียวกัน
รองหัวหน้าหน่วยหนึ่งถานต้าหู่ก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง สามหน่วยกำลังที่ตั้งหลักมั่นคงดังเขาไท่ซานเมื่อครู่ ยามนี้ราวกับสะเทือนครู่หนึ่งแล้วก็ค่อยๆ ก้าวกดดันขึ้นหน้า
“พลปืนไฟขึ้นหน้า ตั้งสามแถว พร้อมยิงทุกเมื่อ!”
พลปืนไฟตะโกนดัง พลปืนไฟยืนประจำอยู่สี่มุมพลทวนยาวทยอยกันวิ่งออกมาด้านหน้า ไปหยุดที่ระยะห่างทวนยาวห้าสิบก้าว เริ่มแรกก็รักษาเดินทัพไปพร้อมกับพลทวนยาว เดินหน้าไปพร้อมกัน พยายามรักษาสมดุลให้มากที่สุด
ตอนนี้หลายหน่วยล้วนเป็นทหารเก่ากับทหารใหม่ผสมกัน ทหารเก่าส่วนใหญ่เป็นนายกองธงเล็ก ไม่เช่นนั้นอย่างน้อยก็ต้องระดับหัวหน้าส่วน พวกเขาเห็นอะไรมามาก แต่ละคนนิ่ง แต่ทหารใหม่พวกนั้นแม้ฝึกซ้อมกันมายากลำบากตรากตรำ แต่เห็นคนตรงหน้าราวกับคลื่นมนุษย์กองภูเขาบี้มา ก็ยังรู้สึกเครียดอยู่มาก
“ดูซิว่ารังเพลิงมีดินปืนไหม ดูสิว่าเชือกไฟยังติดอยู่ไหม ที่เหลือจะมีอันใดต้องกลัว เราเดินฝ่าออกไปมั่นคงแน่วแน่ แน่นอนมีพี่น้องด้านหลังเราคอยเสริมเราอยู่ แต่ก็อย่ายิงมั่ว ๆ ล่ะ ไม่งั้นกลับไปลงโทษทางวินัย!”
สามารถกล่าวสัพยอกเช่นนี้เตือนทุกคนเรียกได้ว่าจิตใจไม่เคร่งเครียดเท่าไร คนส่วนใหญ่ล้วนเงียบเดินหน้าไปกับทัพใหญ่ ฝึกมาเพียงพอทำให้แต่ละคนล้วนทำไปตามสัญชาตญาณ ตอนฝึกไม้พลองและแส้ทำให้พวกเขารู้ว่าควรทำเช่นไร
***************
“ท่านแม่ทัพ…”
กองบัญชาการกองหลังทหารโจรวัวโค่ว โคนิชิ ยูกินากะกับคุโรดะ นากามาสะทั้งสองคนสีหน้าล้วนไม่ดีนัก ซามูไรระดับสูงใบหน้ามีบาดแผลกำลังคุกเข่าเรียกขึ้นอย่างร้อนใจ สูญเสียมากไป ไม่อาจต้านทานได้ วาจายังไม่ทันกล่าว โคนิชิ ยูกินากะก็สะบัดพัดศึกตวาดว่า
“กองกำลังดาบซามูไรขึ้นหน้าโจมตี กองซามูไรฮาตาโมโตะจับตา ผู้ใดถอยตัดหัวได้ทันที!”
“ข้ารู้เจ้าต้องการกล่าวอันใด พวกเราตอนนี้ไร้ทางถอยแล้ว กลับไปเมืองโซอุล ก็ต้องคว้านท้องเป็นจุดจบอยู่ดี เพื่อให้ได้กลับไป สู้ตายเถอะ!”
พูดถึงตรงนี้ โคนิชิ ยูกินากะหลั่งน้ำตาแล้ว คุโรดะ นากามาสะเห็นแล้ว ก็ออกคำสั่งจัดการไม่ต่างกัน
ซามูไรที่คุกเข่าที่พื้นผู้นั้นเห็นดังนี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง กลับไม่ได้กล่าวต่อ ลุกขึ้นหันหลังกลับ กำลังจะออกสู่สนามรบอีกรอบ แต่พอเดินไปได้สองสามก้าวก็ได้ยินโคนิชิ ยูกินากะด้านหลังตะโกนมาว่า
“โอโนะ บุกเข้ากลางกองกำลังโจรหมิงทำให้เกิดความชุลมุน จึงจะทำให้ปืนโจรหมิงไม่อาจสำแดงอานุภาพได้อีก!”
ซามูไรผู้นั้นพยักหน้าหนักแน่น รีบวิ่งออกไปขึ้นมากลับไปยังสนามรบที่ดุเดือด สีหน้าโคนิชิ ยูกินากะแม้ว่าไม่ดีนัก แต่ก็ยังมองไปไกลยังสนามรบกล่าวว่า
“แม้ว่าเริ่มแรกพวกเราเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ใช่ว่าพวกเราไร้โอกาส โจรหมิงทิ้งโอกาสให้เราแล้ว ตอนนี้ไม่ใช้ทหารม้า ไม่ใช้ปืน ขอเพียงพวกเราบุกเข้าไปได้ ซามูไรนักรบเราได้มีโอกาสแสดงฝีมือได้”
คุโรดะ นากามาสะพยักหน้าเบา ๆ เห็นด้วย กล่าวเด็ดเดี่ยวว่า
“วันนี้เป็นโอกาสพลิกสถานการณ์เกาหลีครั้งใหญ่!”
*****************
ทัพใหญ่สองฝ่ายกำลังปะทะพัวกัน พลปืนใหญ่วัวโค่วยิงปืนใหญ่มาเมื่อครู่เสียหายไม่น้อย ช่วงชุลมุนก็ได้รวมกำลังกันเสร็จ
ทหารม้าโจรวัวโค่วเดิมทีจัดกำลังเตรียมเข้าปะทะกองกำลังหมิงระลอกแรก แต่พอเห็นปืนไฟอีกฝ่ายเรียงแถวเป็นระเบียบเช่นนี้ ก็ระงับความเร็ว ให้พลปืนใหญ่วัวโค่วขึ้นไปก่อน
สถานการณ์เช่นนี้ พลปืนใหญ่วัวโค่วสามารถมองเห็นปืนไฟตรงข้ามไกลจากตนเองมาก ได้แต่กัดฟันเดินหน้า พวกซามูไรตะโกนเร่ง ไม่อาจไม่เคลื่อน
“หยุด~~~”
สองฝ่ายเข้ามาในรัศมีพอแล้ว หัวหน้าหน่วยปืนไฟกองกำลังหู่เวยสั่งดัง พลปืนไฟแถวแรกคุกเข่าลง แถวสองประทับปืนไฟไว้บนไม้ง่ามรอยิง
“เตรียมพร้อม~~~~”
ในตอนนั้นเอง พลปืนใหญ่วัวโค่วยิงก่อน ล้วนในระยะยิง พลปืนใหญ่วัวโค่วเริ่มแตกตื่นแล้ว ปืนในมือเริ่มไม่อาจควบคุม ทุกคนรู้อานุภาพปืนตรงหน้าเป็นอย่างไร พวกเขายิ่งรู้ว่าตอนยิงมาจะมีสภาพเช่นไร ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนล้วนคิดจะยิงก่อน
รีบร้อนยิง มือไม้เปะปะ แต่กระสุนยิงไป พลปืนไฟแผ่นดินหมิงก็มีบาดเจ็บล้มตาย แต่การเคลื่อนไหวของพลปืนไฟก็ยังคงอยู่ ถึงกับล้วนไม่ได้มองไปยังเพื่อนทหารข้างกายแม้แวบเดียว สนใจแต่เตรียมยิงของตนไปให้ดี มีทหารใหม่สีหน้าล้วนซีดหลังเห็นเลือด รู้สึกว่าตนเองกลัว แต่ร่างกายกับมือก็ยังคงปฏิบัติการต่อไปอย่างไม่สั่นไหว เตรียมยิง
การเคลื่อนที่ไร้ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ซามูไรวัวโค่วกับทหารราบล้วนหวาดกลัวจับใจ พลปืนใหญ่วัวโค่วโยนปืนทิ้ง ส่งเสียงร้องดังอย่างไม่อาจระงับความกลัวได้ ไม่สนใจจะวิ่งขึ้นหน้า แม้แต่ซามูไรก็ลืมฟันทิ้ง ล้วนพากันอึ้งไป
“ยิง!!”
ขุนพลทหารตะโกนคำสั่งดัง อาวุธในมือตวัดลง ‘เปรี้ยง’ ยิงดัง จากนั้นก็เสียงปะทุระเบิดดังไปทั่ว ทหารโจรวัวโค่วเริ่มพากันล้มลงทีละแถว ปืนไฟสามแถวยิงจบ พลทวนยาวด้านหลังก็บุก พลปืนไฟเริ่มถอย พวกบาดเจ็บล้มตายล้วนถูกประคองไม่ก็แบกกลับรอดมาตามช่องว่างระหว่างแถว
“ทวนราบ!!”
มีคำสั่งดัง พลทวนยาวจากหน้าไปหลังยกทวนแนวราบ เริ่มเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ตามหลักโจรวัวโค่วยามนี้ควรจะบุกสู้ตาย แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นเมื่อครู่บาดเจ็บล้มตายระเนราดด้วยปืนหมด แต่ละคนล้วนลังเลชั่วครู่ จากนั้นค่อยส่งเสียงร้องบ้าคลั่งบุกเข้ามา!
“กองกำลังหู่เวย บุก!!!!”
นายทหารตะโกนดัง นายทหารแผ่นดินหมิงที่เหลือคำรามพร้อมกัน
“บุก!!”