องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 777
หลังวันที่ 28 เดือนหนึ่ง ปีที่ 12 ในรัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่ พื้นที่เมืองกุยฮว่าเฉิงไปจรดเมืองต้าถงก็เงียบสงบ พ่อค้าจากมณฑลซานซีมาเมืองกุยฮว่าเฉิงกันยิ่งมากขึ้น
ผู้บัญชาการมณฑลทหารซานซีเวิงวั่นต๋า ผู้ตรวจการเมืองต้าถงเหมยเหวินจิ้น รองแม่ทัพหม่าต้งเมืองต้าถงยามนี้รู้ถึงสถานการณ์มั่นคงแล้ว ความดีความชอบเช่นนี้ ผลประโยชน์ตรงหน้าเช่นนี้ หากยังลังเลคงไม่อาจไขว่คว้าประโยชน์อันใดไว้ได้อีก
ด้านหนึ่งก็ส่งคนไปรายงานด่วนยังเมืองหลวง ด้านหนึ่งก็ทำตามหวังทงสั่งการ เริ่มแรกส่งทหารไปยังเมืองกุยฮว่าเฉิงเพื่อรักษาความสงบ
ตอนนี้ไม่สงบมากนักก็จริง แต่วันนั้นที่หวังทงตีทัพศัตรูแตกพ่ายและสังหารข่านศัตรู กระทำการได้รวดเร็วมาก กำลังหลักของเผ่าอันต๋าไม่ถูกทำลายราบนอกเมือง ก็ถูกสังหารตอนบุกเข้าเมือง ทหารที่เหลือรอดประปรายตอนนี้ก็เป็นทหารพ่ายศึกกองเล็กๆ กลายเป็นกองโจรม้า ไม่มีกำลังจะสู้รบอันใดอีก คนก็น้อย ผู้คุ้มกันขบวนการค้าสามารถรับมือได้
แม้ว่าพ้นเดือนหนึ่งจึงจะนับว่าพ้นเทศกาลปีใหม่ แต่พ่อค้าจากที่ต่างๆ ในมณฑลซานซีก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว ยามนี้หากยังไม่ไปดูเมืองกุยฮว่าเฉิง ไม่ไปดูว่ามีโอกาสทำกำไรอันใด ก็เรียกว่าโง่เต็มที
บรรดาพ่อค้าใหญ่ตั้งกองคาราวานตนเอง พ่อค้าเล็กก็รวมตัวกันมายังเมืองกุยฮว่าเฉิง
วันที่ 3 เดือนสองทั้งวัน ผู้แทนพระองค์ควบตำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลทหารหวังทงอยู่ในกระโจมทหารในเมืองกุยฮว่าเฉิงต้อนรับบรรดาคนที่มาจากมณฑลซานซี เป็นพ่อค้าและบุคคลระดับแนวหน้าราว 5,000
พื้นที่กว้างขวางอย่างมาก รอยเลือกที่พื้นถูกทหารนำดินมากวาดกลบไปนานแล้ว รอบๆ ล้วนมีกระโจมใหญ่ตั้งอยู่ หากกลัวหนาวก็เข้าไปพักได้ ด้านในมีน้ำชาร้อนและของว่างไว้รอต้อนรับ
นอกกระโจมมีสองสามจุดปักนั่งร้านเหล็กไว้เผาแพะย่างทั้งตัว พ่อครัวสาละวนกับการสาดเครื่องปรุงไปบนตัวแพะ น้ำมันถูกเผาให้หยดออกมาส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนน้ำลายไหลไม่หยุด
กองกำลังหู่เวยพลทวนยาวกับพลปืนไฟคอยเดินตรวจตราในพื้นที่ว่าง เปิดพื้นที่ตั้งปืนไฟ เว้นระยะให้พอรัศมียิง พลปืนไฟยิงปืนอยู่ที่นั่น
ด้านหน้าแขวนเป้าไว้หลากชนิด บ้างก็เป็นหุ่นฟางสวมเสื้อผ้า บ้างก็เป็นหุ่นฟางในชุดหนัง ยังมีหุ่นฟางในชุดเกราะ พลปืนไฟยิงไม่หยุด
อานุภาพร้ายกาจของปืนไฟหลายคนเห็นกันครั้งแรก ล้วนพากันมองดูเป็นของแปลกใหม่ ยิ่งแปลกใหม่ก็ดี คิดจะลองยิง ก็สามารถก้าวขึ้นหน้าไปทดลองได้
พลทวนยาวเรียงแถวเป็นขบวนแถวเหลี่ยม ในมือถือไม้พลองยาว ปลายไม้ทาสีแดง เรียกได้ว่าเป็นคมทวน มีคนขี่ม้าแสดงตัวเป็นทหารม้าพวกนอกด่าน แทงใส่ไม่หยุด พลทวนยาวร่วมกำลังต่อต้าน สองฝ่ายปะทะกันช้าๆ ให้คนรอบๆ ได้มองกันอย่างชัดเจน
พ่อค้ามณฑลซานซีกับพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงคุ้นเคยกันมาอยู่แต่เดิม พ่อค้ามณฑลซานซีเองก็รู้จักกัน แต่เพราะทุกคนยุ่งกับการงานไปเหนือล่องใต้ พบปะกันน้อย ครั้งนี้มาพบกันที่นี่ อย่างไรก็ต้องทักทายกันสองสามคำ สอบถามกันและกัน พวกมาช้าก็ขออภัยคนที่มาเร็ว หรือไม่ก็เล่าถึงเรื่องที่ประสบผลสำเร็จมา เป็นต้น ทั่วลานเต็มไปด้วยความคึกคักไม่ธรรมดา
สภาพครึกครื้นเช่นนี้ เบื้องหลังฉากกลับเป็นเสียงยิงปืนใหญ่ ทุกคนพากันแตกตื่นไปกับเสียงปืนใหญ่ ไม่นานก็มีคนกลับมา มีคนด้านในวิ่งออกไป
“นอกเมืองชมปืนใหญ่กลับมายัง?”
“กลับมาแล้ว ปืนใหญ่ดีกว่าปืนใหญ่ทหารชายแดนอีก สามารถใช้ม้าลากไปได้ด้วย พอตั้งได้ตำแหน่งจัดการเล็กน้อยก็ยิงได้ทันที ยิงได้ไกลอีกต่างหาก”
“ปืนไฟทางนี้ก็ไม่เลว เมื่อครู่เห็นกับตา ทหารกองนั้นเปลี่ยนกระสุนปืนไฟยิงไปร่วมร้อย ยิงออกทุกกระบอก ด้านหน้าเป็นเกราะ เป็นเหล็กเป็นแผ่นๆ หนา ก็ยังยิงทะลุ!”
“มิน่าเล่า ทหารชายแดนเราลำบากมาร้อยแปดสิบปี ทุกปีมีแต่รบเสียเปรียบ ผู้แทนพระองค์นำทัพมาทีเดียว แม้แต่เซิงเก๋อตูกู่เหลิงก็สังหารทิ้งได้ ช่างไม่ธรรมดา…….”
“ไหนเลยแค่ไม่ธรรมดา หัวหน้าผู้คุ้มกันเรา เมื่อก่อนเป็นนายกองอยู่ที่หนิงเซี่ย เมื่อครู่ก็ไปดูมาด้วยกัน บอกว่ากองกำลังนี้ยอดเยี่ยมมาก แม้ไม่มีปืนไฟ ปืนใหญ่ ก็มีทหารทวนยาว ทหารม้านอกด่านไม่ได้เปรียบอันใดยามเผชิญกับพวกเขา!”
ทุกคนอุทานชื่นชม แต่พ่อค้าก็คงเป็นพ่อค้า บทสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นการค้าอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้ารู้จักร้านสามธาราไหม?”
“ถามได้ดีนี่ ผู้ใดไม่รู้จักร้านนี้กันเล่า เดี๋ยวคงจะถามว่ารู้ไหมเป็นกิจการใต้เท้าหวังไหมล่ะสิ!”
“นี่ไม่ใช่ถามชี้นำหรือ? ร้านจิ้นเหอ ร้านหย่งเซิ่ง ร้านทงไห่ เจ้าของเดิมทำความผิด ว่ากันว่าตอนนี้ล้วนเป็นกิจการของใต้เท้าผู้แทนพระองค์แล้ว พวกเจ้าว่า เมืองกุยฮว่าเฉิงอุดมเพียงนี้ ผู้แทนพระองค์จะตัดใจแบ่งให้ผู้อื่นได้หรือ ย่อมต้องกลืนกินไว้เพียงผู้เดียว พวกเรามา สามารถมีน้ำแกงให้ดื่มก็เรียกได้ว่าขอบคุณฟ้าแล้ว!”
“เหล่าพาน วาจานี้ไม่ถูกนะ พี่น้องเราทำการค้าที่นี่ มักไปเทียนจินบ่อยๆ ที่นั่นจึงเรียกได้ว่าภูเขาทองทะเลเงิน เรือใหญ่บนทะเลเยอะพอกับแพะแกะของพวกนอกด่านบนทุ่งหญ้า ลากเงินมา นำสินค้าไป รุ่งเรืองเพียงนี้ ร้านสามธาราไม่ได้กลืนกินร้านไหนสักร้าน กลับสร้างหน้าร้านให้อย่างดี ทำให้สะดวกสบาย ทำให้ทุกคนได้ทำการค้าร่วมกัน ทุกคนรวยกันไปตามๆ กัน เมืองกุยฮว่าเฉิงนี้ข้าว่าก็คงเหมือนกัน ไม่เช่นนั้น ไยต้องให้ร้านพวกนั้นส่งเทียบเชิญพวกเรามาด้วยเล่า!”
“อย่างไรพี่ชายก็เห็นอะไรมามากกว่า ใต้เท้าผู้แทนพระองค์หากคิดจะฮุบไว้คนเดียว การค้าที่เทียนจินก็คงไม่มีคนนอกเข้าร่วมทำการค้ามากมายเพียงนั้น เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวก็มีพ่อค้าท้องถิ่นทำการค้ากับพวกทุ่งหญ้านอกด่าน ก็ไม่เห็นว่าพวกหวังทงจะขัดขวางอันใด”
“สองท่านโต้เถียงกันได้ประโยชน์อันใด หนิวเกินกัง คนผู้นี้ พวกท่านเคยได้ยินชื่อไหม?”
“ผู้ที่ตั้งแต่รุ่นบรรพชนก็มาสวามิภักดิ์อยู่กับพวกนอกด่านงั้นหรือ?”
“ตอนนี้เขานำไปแล้ว พอเมืองกุยฮว่าเฉิงแตก เขาก็ไปขอพบหวังทงก่อนแล้ว ได้ผลประโยชน์ในทันที นำกำลังตนเองตามกองทหารออกไปกวาดล้างเผ่าใหญ่ กวาดต้อนฝูงสัตว์มหาศาลกลับมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแรงงานคนกับประโยชน์ที่กวาดต้อนมาได้อีก…”
“เรื่องเช่นนี้ข้าได้ยินมา เขาได้ของติดไม้ติดมือมาไม่น้อย เมื่อวานยังไปดูของมากับเหล่าซุน ในเมืองมีพ่อค้าที่มีกำลังของตนเองหลายคนพวกนั้น ครั้งนี้นำกำลังออกไปแย่งชิงมาได้ก้อนโตกันไม่น้อย!”
“มารดามันสิ อยู่บนแผ่นดินไร้กฎหมายมันดีเช่นนี้นี่เอง หากเป็นแผ่นดินหมิงเราเลี้ยงดูกำลังพวกนี้ไว้ ทางการก็มาหาเรื่องแล้ว!!”
พ่อค้าส่วนใหญ่ล้วนอิจฉาตาเป็นมัน สงครามใหญ่เพียงนี้ ทุกคนย่อมหาทางซ่อนตัวกันให้จ้าละหวั่น กลัวทหารจะทำร้ายเอา ถึงตอนนั้นทรัพย์สินที่หามาคงสูญเปล่า ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้พวกที่ไม่หลบ หรือหลบไม่ทัน ก็พากันร่ำรวยกันไป ทุกคนเริ่มคิดกันว่าสงครามก็ทำให้รวยได้ด้วยหรือนี่
เช่นร้านสามธารา ก่อนสงครามก็รวบรวมเสบียงให้ทหาร ไม่ทำกำไรอันใด ยังต้องส่งแรงงานมาช่วยอีก ย่อมขาดทุนหนัก ตอนนั้นทุกคนก็เข้าใจเช่นนี้ ตอนนั้นคิดว่าร้านสามธาราสนิทกับหวังทง ขาดทุนเพื่อทางการ เขายอม คนอื่นจะไปยุ่งทำไม
พอมาถึงตอนนี้ ทุกคนเริ่มมองย้อนกลับไป ไม่ได้ขาดทุนแม้แต่น้อย คำนวณของที่ได้จากเมืองกุยฮว่าเฉิง ย่อมเรียกได้ว่ากำไรหลายเท่า ร่ำรวยใหญ่แล้วนี่!
เรื่องนี้เปลี่ยนความคิดทุกคน กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกลองดังขึ้น มีคนตะโกนดังมาว่า
“ใต้เท้าหวังมา!!”
ได้ยินเช่นนี้ พ่อค้าทุกคนในที่นั้นก็พากันเงียบลง มองไปทางปากทางพื้นที่โล่งด้านหน้า ครั้งนี้ไม่เห็นหวังทงมาพร้อมกับกองกำลังอันใด กลับเป็นเพียงแค่ทหารม้าติดตามมาสิบกว่านายเท่านั้น รถใหญ่ทยอยกันเข้ามา
มีคนมากประสบการณ์แอบวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ ว่า
“เห็นยัง นี่ก็คือรถใหญ่กองกำลังสังกัดวังหลวง ของดีนะเนี่ย! เทียบกับรถใหญ่ที่พวกเราใช้แล้วบรรทุกของได้มากกว่าถึงแปดส่วน ครั้งเดียวขนได้มากมาย ว่ากันว่ามีคนที่ซานซีทำเลียนแบบแล้ว”
เสียงกลองดังขึ้นอีก ทุกคนเงียบ ทหารร้องตะโกนให้ทุกคนออกไปยืนรอบๆ ทุกคนย่อมทำตาม แต่ก็รู้สึกงง ในใจคิดว่าจะทำอะไรกันนี่
พลทวนยาวกับพลปืนไฟแสดงการรบก็ไปจัดแถวหน้ารถใหญ่ ทหารม้ากลับไปจัดแถวยืนอีกด้านของสนาม มีคนบนรถม้าตะโกนว่า
“ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ระยะห่างเท่าไรจึงมองเห็นทหารม้านอกด่าน?”
มีคนตะโกนตอบว่า
“หากใส่ใจละเอียด ระยะพันก้าวก็เห็นได้ หากไม่ ห้าร้อยก้าวก็เห็นได้!”
บรรดาพ่อค้าในสนามนั้นเดินทางค้าขายบนทุ่งหญ้านอกด่านมากประสบการณ์ ย่อมเข้าใจ แต่ตอนนี้เหมือนเล่นงิ้วกันมากกว่า ทุกคนชมอย่างสนใจ ทางนั้นพูดจบ ก็มีคนขึ้นไปยืนบนรถใหญ่ชี้ไปที่ทหารม้าตะโกนว่า
“มีโจรมา!!”
ทหารม้าเริ่มแรกก็ค่อยๆ ย่องม้าเข้ามาใกล้ แต่คนที่รถใหญ่ก็เริ่มสาละวนปลดม้าออก จากนั้นใช้ไม้แผ่นใหญ่ต่อๆ กันไปตามตัวรถ พลปืนไฟปีนขึ้นไปบนรถแสดงท่าทางยิง พอทหารม้าเข้าใกล้ก็หยุด มีคนตะโกนว่า
“ทหารม้าพวกนอกด่านบุกทะลวงค่ายรถศึกไม่ได้ ห่างออกไปมีพลปืนไฟกับพลธนูเรา เข้าใกล้ก็มีพลทวนยาวและดาบแทงออกไป พวกเขาเข้ามาไม่ได้ เสือย่อมไม่อาจกินเม่นหนามแหลมได้!!”
กล่าวจบ ทุกคนในที่นั้นก็ฮากันครืน มีคนสมองไวคิดได้ว่า ของพวกนี้หากเราทำได้ วันหน้ามีไว้ เดินทางไปที่ใดบนทุ่งหญ้านอกด่านไม่ได้บ้าง
“ทุกท่าน ข้าคือหวังทง!”
ทุกคนรอคอยอยู่ว่ารายการถัดไปคืออันใด ทหารม้าก็หันทิศทาง ไปจัดแถวหน้ารถใหญ่ พลทวนยาวกับพลปืนไฟก็เรียงแถวเรียบร้อย บนรถมีคนเพียงคนเดียวยืนอยู่ คนผู้นี้สวมเกราะ รูปร่างสูง กำลังประสานมือทักทายไปยังสี่ทิศ
ภาพนี้ทำทุกคนตกตะลึง พ่อค้าด้านล่างไม่กล้าเสียมารยาท ทุกคนคำนับตอบพร้อมกัน กล่าวว่า
“ข้าน้อยคารวะใต้เท้าผู้แทนพระองค์!”
“ทุกท่าน มาไกลถึงเมืองกุยฮว่าเฉิง หลังสงครามก็จะเละเทะสักหน่อย ไม่มีอันใดต้อนรับทุกท่าน ขอทุกท่านโปรดอภัย”
กล่าววาจาตามมารยาทกันเสร็จ หวังทงก็กล่าวต่อว่า
“ทุกท่านคิดว่าตนเองมาช้าไปใช่หรือไม่ ที่ควรได้ถูกเอาไปแล้ว ที่ควรแย่งได้ก็มีคนแย่งไปแล้ว โอกาสได้ทรัพย์สินฟรี ๆ นั้นไม่มีแล้วใช่หรือไม่?”
ทุกคนพากันเงียบ ก่อนจะมีคนหัวเราะดัง ใต้เท้าผู้แทนพระองค์พูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทุกคนไม่กลัวกันแล้ว หวังทง กล่าวว่า
“ทุกท่าน มีของบางอย่างจะขาย!!”