องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 778
ทุกคนเคยพบขุนนางระดับผู้ว่าไปจนถึงเจ้ากรมปกครอง ผู้ตรวจการ ทุกคนเป็นพ่อค้าใหญ่ ขึ้นเหนือล่องใต้ อย่างไรก็ต้องเคยพบปะสมาคมมา
ขุนนางเหล่านี้ส่วนตัวอย่างไรไม่พูดถึง สถานการณ์ตอนนี้อย่างไรก็มักจะต้องวางท่าให้ยิ่งใหญ่ กล่าววาจาแบบขุนนางให้เป็นทางการ สถานะระดับใต้เท้าหวัง ยังเป็นถึงผู้แทนพระองค์ เป็นถึงผู้บัญชาการมณฑลทหาร เป็นถึงแม่ทัพใหญ่หลายตำแหน่งเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าพอปรากฏตัวก็บอกทุกคนว่ามีของมาขาย
แปลกๆ บอกไม่ถูกก็แล้วแต่ แต่พ่อค้าแสวงหากำไร ก็รีบตั้งสติได้ทันที ในใจคิดว่าแม่ทัพใหญ่มีของอะไรมาขายกันแน่ เงินทองทรัพย์สมบัติในวัง เขาเป็นถึงแม่ทัพ ในเมืองกุยฮว่าเฉิงของอะไรก็ล้วนมีมากมาย สมบัติซีอวี้หรือแผ่นดินหมิง ที่ดีที่สุดก็ต้องอยู่ในมือเขาหมดแล้วตอนนี้ เขาคิดจะขาย ย่อมเป็นของที่ดีที่สุด
มีคนคิดไปไกลถึงว่า ได้ยินมานานว่าข่านพวกนอกด่านมีสาวงามในวังมากมาย มีทั้งจากเปอร์เซีย จากไท่ซี งามสุดยอด ไม่รู้ว่ายามนี้จะเอาออกมาขายหรือไม่
ทุกคนต่างพากันจับตามองไปที่หวังทงบนรถใหญ่ หวังทงมองว่าดึงดูดความสนใจทุกคนได้แล้ว ก็ยืนยิ้มกล่าวว่า
“ทุกท่าน ที่ต้องการขายก็คือของเหล่านี้!”
กล่าวจบก็ผายมีไปด้านหนึ่ง บรรดาพ่อค้าต่างพากันอึ้งไป ไม่มีของอันใดทั้งสิ้น ด้านล่างนั้นไม่ใช่รถใหญ่ ปืนใหญ่ขนาดเล็ก ปืนไฟกับทวนยาวหรือ? แต่พวกที่หัวไวก็คิดได้เรื่องหนึ่งทันที กลัวแต่ว่าฟังที่หวังทงพูดตกหล่นไป
“ปืนไฟนี่ เกราะนี่ ทวนยาวนี่ รถใหญ่นี่ ปืนใหญ่นี่ ล้วนขาย!!”
หวังทงกล่าวเสียงดังกังวาน ประกาศไปทั่วลานราวกับเป็นเรื่องปกติทั่วไป รถใหญ่ที่มีทหารคุ้มกันอยู่ข้างๆ รีบช่วยถ่ายทอดคำพูดออกไปอีกครั้ง กล่าวจบ ทั่วลานด้านล่างก็เงียบกริบ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงซุบซิบคุยกัน มีคนเข้าใจบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังคงงงอยู่ ไม่รู้ว่าเรื่องราวอย่างไรกัน
หวังทงมองสีหน้าทุกคนเบื้องล่าง ยิ้มเรียกคนผู้หนึ่งถามขึ้น
“ท่านผู้นี้สีหน้าสงสัย หรือว่าไม่เข้าใจที่ข้าพูดเมื่อครู่กัน ไม่ต้องคิดมาก ระวังตัวเช่นนั้น ไม่ได้เอาผิดอันใด มีอันใดไม่เข้าใจ ก็ถามมาได้เลย!”
คนที่ถูกหวังทงเรียกถามยืนอยู่แถวหน้า ยามนี้กำลังตื่นตระหนกตกใจ เห็นหวังทงน้ำเสียงนุ่มนวลจึงได้วางใจ ลังเลถามขึ้น
“ข้าน้อยโง่เขลา แม่ทัพใหญ่ พวกข้าน้อยเป็นชาวบ้านธรรมดา อาวุธพวกนี้มีไว้เพื่อการใดกัน?”
วาจานี้ถามแทนใจทุกคน หวังทงพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า
“ทุกท่าน การแสดงการซ้อมรบเมื่อครู่ พวกท่านได้ชมแล้ว? หากมีรถใหญ่นี้ไว้ มีอาวุธพวกนี้ไว้ เดินทางบนทุ่งหญ้าแม้ว่าเจอกับกองโจรม้าหรือกองกำลังย่อยพวกนอกด่านโจมตี ก็สามารถปลอดภัยได้ไม่ใช่หรือ?”
พ่อค้าขึ้นเหนือล่องใต้ย่อมมองรถใหญ่เช่นนี้ออก อาวุธพวกนั้นแท้จริงแล้วคืออันใดกัน พอหวังทงกล่าวเช่นนี้ ทุกคนในที่นั้นก็พยักหน้าตาม แสดงสีหน้าเห็นด้วย
“พวกท่านออกเดินทางนอกด่านขึ้นเหนือไปขายสินค้า ระหว่างทางยาวไกลแม้ว่าลำบาก แต่พวกท่านกลัวสิ่งใดมากที่สุด?”
คำตอบย่อมเหมือนกันอย่างที่สุด ที่เกรงกลัวที่สุดก็คือการโจมตีจากกองโจรม้าพวกนอกด่าน ขอเพียงนำสินค้าไปขายตอนเหนือได้ ก็ย่อมทำกำไรถล่มทลาย แต่ความปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล กำไรกับชีวิตเทียบกันแล้ว หลายคนย่อมคิดถึงความเป็นความตายมากกว่า หวังทงกล่าวเสียงดังกังวานต่อว่า
“เหตุใดเมืองกุยฮว่าเฉิงจึงเป็นพื้นที่สำคัญ เพราะพวกท่านมาจากเมืองต้าถง มาค้าขายที่เมืองกุยฮว่าเฉิง ตลอดทางไม่ต้องกังวลกองโจรม้า ไม่ต้องกังวลการโจมตี สามารถเดินทางได้อย่างสบายใจ ใช่หรือไม่?”
ทุกคนพยักหน้าตาม หวังทงบนรถม้าชี้มือไปยังสี่ทิศ ทุกคนมองตามไป ไม่เห็นอันใด กำลังงงอยู่นั้นก็ได้ยินหวังทงกล่าวเสียงดังว่า
“ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ พวกท่านจะอยู่แค่เมืองกุยฮว่าเฉิงนี้หรือ? พวกท่านลำบากลำบนนำสินค้ามาถึงเมืองกุยฮว่าเฉิง เผ่าอันต๋าซื้อสินค้าพวกท่าน ขายไปยังซีอวี้หรือทะเลทรายตอนเหนือ นี่เป็นกำไรอีกหลายเท่าตัว เงินทองมากมายเช่นนี้ พวกท่านไม่อยากได้หรือ?”
หวังทงกล่าวไป บรรดาพ่อค้าด้านล่างก็กระซิบวิพากษ์วิจารณ์ไป สุดท้ายไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ต่อ ทุกคนกำลังตั้งใจฟังรายละเอียด กลัวว่าจะหลุดอันใดไป
“ทุ่งหญ้านอกด่านกว้างใหญ่เพียงนี้ ไม่รู้ว่ามีชนเผ่าสักเท่าไร เผ่าพวกนี้ย่อมยอมจ่ายหนักเพื่อซื้อสินค้าพวกท่าน ขอเพียงสามารถทำการค้ากับพวกเขาได้ พวกท่านจะได้กำไรเท่าไร พวกท่านจะทำเงินได้เท่าไร ข้าเป็นขุนนาง ไม่ค่อยได้ทำการค้า คิดเรื่องนี้ไม่ถูกเท่าไร พวกท่านลองคิดกันเอง!”
หวังทงพูดใส่เช่นนี้ ทำเอาบรรดาพ่อค้าฮากันครืน เรื่องนี้ผู้ใดก็คิดออก ง่ายมาก ทำกำไรได้เท่าไร ทุกคนปกตินำสินค้ามาขายยังเมืองกุยฮว่าเฉิงหรือนำออกไปค้าขายโดยตรงกับเผ่าต่างๆ นอกด่าน ก็เรียกได้ว่าทำกำไรเต็มไม้เต็มมือแล้ว กำไรสูงเพียงนี้ เมืองกุยฮว่าเฉิงยังเอาไปทำกำไรเพิ่มได้อีก หากขายได้โดยตรง ย่อมกำไรมากขึ้นไปอีก
พ่อค้าเล็กก็แล้วไป หากบรรดาพ่อค้ากลับคิดอยากได้มากที่สุด วาจาหวังทงยังพูดไม่จบ ด้านล่างเพิ่งเงียบลง หวังทงกล่าวต่ออีกว่า
“ตอนนี้รถใหญ่พวกเจ้า จ้างผู้คุ้มกันพวกนั้น จะเดินทางไกลได้อย่างไร เกรงว่าระหว่างทางก็คงถูกปล้นไปแล้ว อย่าว่าแต่กำไรเลย แม้แต่ศพก็จะนำกลับบ้านเกิดได้หรือไม่ก็ไม่รู้ได้?”
วาจานี้เป็นความจริง ผู้คุ้มกันพวกนั้นหากถูกพวกนอกด่านกับกองโจรม้าโจมตี ปกป้องนายจ้างให้หนีไปได้ก็ไม่เลวแล้ว จ้างพวกเขา หนึ่งเพราะกล้าหาญ สองเพราะป้องกันขโมยเล็กๆ น้อยๆ ได้ หากเป็นกองโจรม้าพวกนอกด่านมากกว่า 200 ก็ย่อมแล้วแต่สวรรค์แล้ว
“มีรถใหญ่นี้ พวกท่านสามารถบรรทุกสินค้าได้มากยิ่งขึ้น สามารถป้องกันกองโจรม้ากับพวกนอกด่านโจมตีได้ มีปืนไฟ มีปืนใหญ่เล็ก พวกท่านก็สามารถตีโต้พวกเขาให้ถอยกลับไปได้ มีของพวกนี้ พวกท่านสามารถเดินทางได้ไกล ไปนอกกำแพงนับหมื่นลี้ทำการค้าได้ กำไรก็ยิ่งมากมาย ไม่แน่ยังอาจได้ทองก้อนมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้!”
กล่าวจบ คนด้านล่างก็หัวเราะฮาครืน แต่เหมือนจี้ใจดำพวกพ่อค้าพอดี ที่หวังทงว่ามา สามารถทำให้พวกเขาทำกำไรได้มากขึ้นจริง
หวังทงกล่าวต่อด้วยเสียงดังว่า
“ทุกท่าน ข้าตีเมืองกุยฮว่าเฉิง ได้มาไม่น้อยแล้ว เงินทองทรัพย์สินไม่ต้องพูดถึง ที่นานอกเมืองสุดลูกหูลูกตา สัตว์อีกมากมายนับไม่ถ้วน ยังมีแรงงานคนอีกด้วย นี่มันความร่ำรวยระดับใดกัน ทุกท่านย่อมรู้ดี เมื่อครู่ข้าเดินอยู่ท่ามกลางทุกคน ได้ยินหลายคนทอดถอนใจ โกรธแค้นที่ตนมาช้าไปหน่อย รวยกันน้อยลง ใช่หรือไม่!?”
คนด้านล่างก็หัวเราะฮาครืนอีก หวังทงกล่าวต่อว่า
“ตัวข้านั้นพวกท่านอิจฉาไม่ได้ แต่พวกหนิวเกินกัง พานเซิ่งไฉ เถียนต้าเชียนที่เดิมอยู่ในเมืองพวกนี้ พวกเขาส่งกำลังส่วนตัวออกติดตามกองทหารข้าไปโจมตีเผ่าใหญ่ต่างๆ ยึดทรัพย์สินได้มาไม่น้อย พวกท่านอิจฉาหรือไม่ พวกเขารวยใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าเงินทองมากมายเท่าใด ไม่รู้ว่าได้สัตว์เลี้ยงไปเท่าใด บางคนแม้แต่สาวงามมองโกลก็ได้ไป 10 กว่า มองแล้วอิจฉาตาเป็นมันไหม!!? เสียดายไม่เสียดาย เสียดายที่มาช้าไปหรือไม่ เมื่อครู่ข้าเดินอยู่ข้างล่างได้ยินแต่คนพูดว่า มาช้าไป”
ทุกคนพากันหัวเราะดังลั่น บรรดาพ่อค้าล้วนรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ไม่เพียงแต่รบเก่ง ฝีปากยังเป็นอันดับหนึ่ง พูดความในใจทุกคนออกมาไม่ว่า ยังสามารถโน้มน้าวทุกคนได้อีก
เห็นคนอื่นรวย ตนเองมาสายไป จะไม่อิจฉาได้อย่างไร นี่เป็นความคิดที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ตอนนี้ หวังทงยกมือกดลงให้เงียบ ทุกคนด้านล่างเงียบกริบ ทุกคนรอว่าหวังทงจะว่าอย่างไรต่อ หวังทงกล่าวน้ำเสียงกังวานก้องต่อว่า
“เมืองกุยฮว่าเฉิงมีการจัดสรร พวกท่านคงได้แต่ซื้อขาย คิดจะร่ำรวยโดยไม่ลงทุนคงไม่ได้แล้ว แต่พวกท่านอย่าเพิ่งหมดหวังไป ทุ่งหญ้าหมื่นลี้ ตอนเหนือไร้อาณาเขต ข้านำทัพมาก็ครองแค่เมืองกุยฮว่าเฉิงเล็กๆ ยังมีเผ่าอีกมากมาย ยังมีเงินทองอีกมากมาย มีทั้งคนและสัตว์กำลังรอทุกท่านอยู่ มีรถใหญ่นี้ มีอาวุธนี้ พวกท่านจะมีที่ใดไม่อาจไปถึง!!?”
หวังทงกล่าวจบ ทุกคนไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่เหมือนเมื่อครู่ หากยังคงเงียบกริบ ทุกคนต่างกำลังครุ่นคิดวาจาหวังทงให้เข้าใจ ที่จริงแล้วก็ง่ายมาก ทุกคนสามารถฟังเข้าใจได้ในวินาทีแรก หวังทงก็กล่าวแค่ว่า ทุ่งหญ้านอกด่านมีเผ่าต่างๆ มากมาย พวกเจ้าสามารถไปทำการค้าได้หมด สามารถไปแย่งชิงได้หมด แย่งได้ก็เป็นของพวกเจ้า
ความคิดนี้ทำให้คนตกใจ นอกจากพวกพ่อค้าใหญ่ในเมืองกุยฮว่าเฉิง พ่อค้าจากซานซีล้วนยังคิดไม่ทัน หลายปีมานี้ ทุกคนมีความคิดแต่ในกรอบ พวกนอกด่านบนทุ่งหญ้านอกด่านเท่านั้นเป็นผู้แย่งชิง ทุกคนได้แต่ทำการค้าของตนเองไปดีๆ ลงมือแย่งชิงเป็นเรื่องน่าตกใจยิ่งนัก
ขุนนางมาจากราชสำนักควรจะให้ทุกคนเป็นคนดี อยู่ในกฎระเบียบ เหตุใดจึงส่งเสริมให้ทุกคนไปแย่งชิง นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ
แต่ในใจบรรดาพ่อค้าก็เริ่มหวั่นไหว ทุ่งหญ้านอกด่านเดิมก็เป็นพื้นที่ไร้ขื่อไร้แป ผู้ใดสามารถ ผู้นั้นก็สามารถทำการตามอำเภอใจได้ ไม่มีกฎหมายควบคุม หากมีรถใหญ่กับอาวุธจริง บนทุ่งหญ้านอกด่าน ไม่อาจแย่งชิงก็ไว้ทำการค้า สามารถแย่งชิงได้ก็ไปแย่งเอา เป็นกำไรก้อนโตที่ยิ่งกว่าโต
“แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยขอล่วงเกินกล่าวสักคำ ทหารแม่ทัพใหญ่ฝึกมา ย่อมใช้อาวุธพวกนี้เป็น พวกข้าน้อยจะใช้เป็นได้อย่างไร นำของพวกนี้เดินทางขึ้นเหนือ ใช่ว่าเป็นเหมือนของขวัญมอบให้พวกนอกด่านไปเสียอย่างนั้นหรือ!”
วาจานี้กล่าวได้น่าขัน คนด้านล่างต่างพากันหัวเราะออกมา บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงมาก ไม่มีผู้ใดถามเรื่องแย่งชิงผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่มีผู้ใดถามว่าเรื่องนี้ถูกระเบียบหรือไม่ กลับมีคนถาม ของพวกนี้ใช้การไม่ดีก็เท่ากับไร้ประโยชน์ แสดงให้เห็นว่าทุกคนหวั่นไหวแล้ว
“ไม่ทราบว่าทุกท่านเคยได้ยินบริการหลังการขายวาจานี้หรือไม่ ขายไปแล้วไม่ดูแลเรียกว่าแล้งน้ำใจ ขอทุกท่านวางใจ รถใหญ่ อาวุธที่ขายไปล้วนรวมถึงการสอนให้ใช้จนเป็น และยังมีคนคอยแนะนำเฉพาะ จนพวกท่านใช้การได้ และใช้การได้ดี ยังมีบริการซ่อมบำรุง ขอเก็บแค่ค่าแรงก็พอ ไม่เอากำไรเด็ดขาด!!”
ทุกคนพากันเงียบไป ให้คำมั่นเช่นนี้ ยังประกาศให้รับรู้ทั่วไปอีก คิดแล้วคงไม่หลอกเป็นแน่ แต่ทุกคนก็ยังแปลกใจ หรือว่าใต้เท้าผู้แทนพระองค์ผู้นี้เคยทำการค้ามาก่อน เหตุใดจึงเชี่ยวชาญวาจาในแวดวงการค้าเช่นนี้ได้!