องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 779
บริการหลังการขาย วาจานี้เป็นคำใหม่จริง แต่ความหมายก็ชัดเจนมาก ทุกคนเข้าใจได้ในทันที
ในเมื่อให้คำมั่นเช่นนี้ ที่หวังทงเสนอมานั้นก็ย่อมทำให้ทุกคนต้องไตร่ตรองให้หนัก ทำการค้าในอาณาบริเวณแผ่นดินหมิง ต้องการแค่พนักงานดูแลร้านและหน้าร้าน ไม่ต้องใช้คนมาก แต่ทำการค้าบนทุ่งหญ้านอกด่าน ผู้ใดไม่มีกำลังคนหลายสิบหรือหลายร้อย เรียกว่าคนงาน ออกเดินทางมาบนทุ่งหญ้านอกด่านเกิดเหตุปะทะกัน คนพวกนี้ก็ต้องออกหน้าสู้
หากเดินทางยิ่งไกลก็ยิ่งต้องจ้างคนมาก แต่ก็ทำกำไรได้มากขึ้น หากมีอาวุธและสิ่งของพวกนี้ ทุกอย่างก็ย่อมคุ้มค่า
พ่อค้าที่มารวมตัวกันอยู่บนลานกว้างนี้ พอฟังหวังทงจบ ก็ยังให้เวลาทุกคนได้ไตร่ตรอง เขาโดดลงจากรถม้าไปคุยกับพ่อค้าใหญ่สองสามคน ก่อนกลับเข้ากระโจมไป
แม้หวังทงไปแล้ว แต่พื้นที่นี้ก็ยังมีปืนใหญ่จัดแสดงอยู่ ทหารม้า ทหารราบ ทหารปืนใหญ่ ยังมีปืนไฟ ปืนใหญ่ ชุดเกราะ รถใหญ่ ต่างๆ ล้วนปล่อยให้ชมกันตามสบาย เลือกทดลองกันตามสบาย จัดเพียงทหารคอยอำนวยการ
บรรดาพ่อค้าเริ่มแรกยังมุงดูอยู่รอบๆ แต่พอเห็นทหารใจดี ก็เริ่มเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นไปสนทนาซักถามกัน
หลายคนได้ฟังหวังทงเมื่อครู่แล้ว เมื่อครู่ก็ได้เห็นอาวุธและการฝึกซ้อมรบของทหารก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังดูการแสดงงิ้ว ตอนนี้ต้องตั้งใจดูให้ละเอียด เพื่อทำความเข้าใจให้กระจ่าง
มีคนไปนำเกราะเหล็กและหนังเมื่อครู่ที่เป็นเป้ามาดู มาพิจารณากันอย่างละเอียด และยังขอให้ทหารซ้อมให้ดูอีกรอบ ดูว่าสามารถยิงทะลุเกราะเหล็กนี้ได้หรือไม่
ผลย่อมไม่ผิดจากที่คาด เกราะถูกปืนไฟยิงทะลุ ผลที่ได้ทำให้ทุกคนต่างพยักหน้าพอใจ ยังมีคนลองเดินไปยังเป้าที่ยิงจากมุมที่ยิงไป เพื่อกะระยะอีกด้วย
ใต้หล้าค้าขาย นอกจากการค้ากับในวังและการค้าเกลือที่นั่งนอนรับเงินอย่างเดียวแล้ว พ่อค้าที่เหลือก็ต้องคำนวณกำไรให้ละเอียด ทุกเรื่องต้องผ่านการวิเคราะห์จึงค่อยสรุป เมื่อครู่หวังทงพูดได้สวยหรู แต่พวกเขาก็ยังต้องการการพิสูจน์ก่อน
ทหารในพื้นที่ได้รับคำสั่งมาก่อนหน้านี้ว่า หากถามต้องตอบ และหากรำคาญที่จะทำตามความต้องการของพวกพ่อค้าเด็ดขาด แสดงให้ดูซ้ำๆ ไป เช่น การประกอบแผ่นไม้ป้องกันหน้ารถใหญ่ จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถเตรียมป้องกัน หรือไม่ก็การบรรจุกระสุนปืนไฟเตรียมยิง ทำให้พ่อค้าได้ดูกันอย่างละเอียด
บรรดาพ่อค้าบนลานที่รู้จักกันก็ร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ ใต้เท้าผู้แทนพระองค์พูดมานั้นเป็นอย่างไรบ้าง พวกที่พบเห็นโลกกว้างมามาก ทหารม้าเมืองกุยฮว่าเฉิงมีม้า มีดาบและธนู หลายคนยังมีเกราะ หรือแม้กระทั่งอาวุธตีเมืองขนาดใหญ่ เรื่องพวกนี้พวกเขารู้ดี และพวกเขายังรู้อีกว่า พวกเผ่าเล็กๆ บนทุ่งหญ้านอกด่าน ลูกธนูที่พวกเขาใช้ล่าสัตว์เป็นหัวลูกธนูที่ทำจากกระดูกสัตว์ มีดาบก็สนิมกินเกรอะกรัง ความคมไม่ต้องพูดถึง ล้วนเหลาไม้ปลายแหลมเป็นอาวุธแทนกันโดยมาก เกราะก็ยิ่งหาได้น้อยมาก ใช้เพียงแผ่นหนังทำเป็นเกราะเท่านั้น
เผ่าเล็กพวกนี้อ่อนแออย่างมาก บนทุ่งหญ้านอกด่านที่มักออกมาปล้นชิงขบวนพ่อค้าโดยมากก็เป็นพวกเผ่าเล็กๆ พวกนี้ ก็เพราะยากจนชีวิตไร้ค่า สู้ตายแย่งชิงได้มาก ม้าเร็วควบหนีได้ก็เท่านั้น พวกกองโจรม้าก็ไม่เท่าไร มีเพียงอาวุธไม่กี่อย่างที่ดีกว่าเผ่าเล็กๆ พวกนี้เท่านั้น
หากมีอาวุธที่หวังทงรับปากขายให้ไว้รับมือพวกเผ่าเล็กกับกองโจรม้าก็ยิ่งรับมือได้ง่าย แม้ไม่ไปปล้นชิงพวกเขา แต่เดินทางบนทุ่งหญ้านอกด่านก็เรียกได้ว่ารับประกันความปลอดภัยไร้กังวล
แม้ว่ามีคนไม่น้อยที่เมืองต้าถงกับมณฑลซานซีเคยเห็นรถม้าใหญ่กองกำลังหู่เวย แต่ดูไกลๆ ไม่สู้ดูระยะใกล้ พื้นที่ในมณฑลซานซียามนี้มีรถใหญ่เลียนแบบแล้ว แต่วันนี้ได้เห็นจึงได้รู้ว่ามีหลายจุดที่มีรายละเอียดมากกว่า เช่นว่าสามารถนำแผ่นไม้มาต่อกันเป็นกำบังได้ คัดซีเชื่อมสองล้อรถยังทำจากเหล็กท่อน
ยังมีคนให้ทหารกองกำลังหู่เวยนำถุงดินแบกขึ้นไปบนรถใหญ่ดูว่าบรรทุกเต็มจะได้เท่าไร จากนั้นก็กลับไปวิพากษ์วิจารณ์กัน
“……..บรรทุกของมาเพียงนี้ ยังสามารถเอาอยู่ ยังเดินทางได้ไกลอีก…….”
“…….การค้าชายแดนส่านซีไม่ดี แต่เผ่าทางซีอวี้กลับมีเงินมาก หากสามารถทำการค้าไปถึงที่นั่นได้….”
“…….ปืนไฟนี่ ยังมีปืนใหญ่เล็กนั่น หรือว่าสามารถขายได้ อย่าเพิ่งเห็นว่ามันใช้การได้ดี หากพอถึงมือพวกเราแล้วเกิดไม่ดี ทำอย่างไร…”
“ฟังใต้เท้าผู้แทนพระองค์พูดก็ดี ไม่สู้มาลองตั้งบททดสอบให้ทดลองยิงดู หากใช้ไม่ได้จริงพวกเราก็ไม่เอาก็แล้วกัน หากเขาต้องการทำการค้ากันไปนาน…”
วิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ หากไม่มีผู้ใดคิดไปถึงข้อน่าสงสัยอื่นๆ คิดเพียงแค่รายละเอียดเล็กน้อย หวังทงเหมือนว่าเปิดประตูให้พวกเขาก้าวเดิน ชัยชนะเด็ดขาด ณ เมืองกุยฮว่าเฉิงทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นไม่น้อย ที่แท้พวกนอกด่านก็โจมตีง่ายเพียงนี้ ที่แท้พวกเราก็สามารถทำการค้าออกไปได้ไกลขึ้นอีกได้
ตามที่หวังว่ามา ใช้รถใหญ่ขนสินค้าไป ใช้ปืนไฟคุ้มกันขบวนพ่อค้า ไปทำการค้าไกลออกไปอีก เรื่องนี้ทุกคนไม่สงสัย ตอนนี้ที่ทุกคนสนใจก็คือ ชาวบ้านอย่างตนจะสามารถเรียนรู้การใช้อาวุธพวกนี้ได้อย่างไร
เรื่องนี้นั้น หวังทงยังกล่าวไม่กระจ่าง ทุกคนก็ยังคงสงสัย ที่ใส่ใจคิดมากที่สุดก็คือเรื่องนี้ แต่เปิดงานแสดงให้ชมกันระดับนี้แล้ว ทุกคนก็เข้าใจและรับรู้ข้อมูลมากขึ้น
อยู่กันที่นี่ไม่นาน พ่อค้าในเมืองก็ส่งคนมาเชิญตัวกันไป พวกเขาบ้างก็เคยรู้จักกันมาก่อน บ้างก็คิดจะเริ่มเปิดการค้าขายกัน ของแย่งชิงมาได้มากมายเพียงนั้น หลายอย่างไม่อาจเก็บไว้ในมือได้ ต้องรีบขายเปลี่ยนมือเป็นของที่ต้องการถึงจะดี
****************
ในกระโจมหวังทงก็คึกคักมาก พวกที่มาจากเมืองต้าถงไม่เพียงแต่เป็นพ่อค้ามณฑลซานซี หากยังมีจากเมืองเซวียนฝู่และเทียนจิน
“กู่จื้อปิน ปีนี้ไม่ได้ฉลองปีใหม่เลยล่ะสิ เดินทางมาลำบากอันใดหรือไม่?”
ได้ยินหวังทงยิ้มทักทาย กู่จื้อปินยืนขึ้นยิ้มตอบว่า
“ขอบคุณใต้เท้าที่ห่วงใย นายท่านนำทัพออกรบเป็นตายกับพวกทุ่งหญ้านอกด่าน ข้าน้อยก็แค่รออยู่ที่ซานซี รู้สึกละอายยิ่งแล้ว เพราะบารมีใต้เท้า ตลอดทางมาราบรื่นดีมาก ไม่ประสบเหตุอันใด”
หวังทงพยักหน้า โบกมือให้กู่จื้อปินนั่งลง กล่าวว่า
“ในเมืองมีของที่ได้จากสงครามมาไม่น้อย ต้องรีบขนกลับไป ตอนนี้เส้นทางการค้าตัดขาดมากได้สักระยะแล้ว ในเมืองของหลายอย่างก็ขาดแคลน เจ้ารีบให้คนไปตรวจสอบให้ละเอียด แล้วไปขนมา!”
กู่จื้อปินรีบพยักหน้ารับคำ หวังทงเคาะโต๊ะ กล่าวทีละข้อว่า
“ให้ร้านสามธาราเป็นร้านค้าใหญ่สุดในเมืองกุยฮว่าเฉิงนี้ และให้คุมสินค้าจำเป็นให้อยู่ในมือเราทั้งหมด เรื่องนี้ไม่น่ายาก รีบไปนำคนจากแผ่นดินหมิงมาช่วย ที่นานอกเมืองกับแรงงานก็ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด ให้ใช้ระบบโรงบ้านแบบตอนเหนือของเทียนจินเราไปก่อน”
กู่จื้อปินรีบรับคำ เงียบไปก่อนจะกล่าวว่า
“สถานการณ์นอกเมือง เมื่อครู่ได้ยินพวกเสี่ยวเฉินเล่ามากัน แรงงานทาศพวกนั้นถูกพวกนอกด่านบังคับจนมีชีวิตราวกับสัตว์ ร่างกายหลายคนถูกทุบตีจนดูไม่ได้ ถึงกับใกล้อดตายก็มี ขอใต้เท้าส่งเสบียงไปทางนั้นหน่อย หรือว่าไปขนจากเมืองต้าถงมาตอนนี้เลย แต่เกรงว่าจะไม่ทัน และทางนั้นเพราะทางการระดมเสบียง เสบียงก็ราคาขึ้นไปถึงสามเท่าแล้ว จะระดมขนมาก็เกรงว่าจะสิ้นเปลืองมากกว่า”
หวังทงคิดอยู่พักหนึ่ง ก็หันไปยิ้มให้ไช่หนานกล่าวว่า
“ขันทีไช่ พอเมืองแตก เสบียงพวกนอกด่านมากมายถูกเผาไปหมดใช่หรือไม่?”
ไช่หนานที่นั่งอยู่อึ้งไป ก่อนจะได้สติตามมา หันไปดึงบัญชีที่มุมโต๊ะมา หยิบพู่กันมาแก้ไขสองสามทีก่อนจะกล่าวว่า
“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้อง เสบียงถูกพวกนอกด่านเผาไปแล้ว เสียหายไปมาก ดับไม่ทัน!”
หวังทงพยักหน้า หันไปกล่าวกับกู่จื้อปินว่า
“เสบียงในเมืองวันนี้ก็ขนไปนอกเมืองได้เลย ต้องการแรงงานก็ไปขอยืมจากพวกพ่อค้าในเมืองหลายคนไปก่อน รีบไปช่วยเหลือปลอบขวัญพวกนั้นก่อน แรงงานสองหมื่นพวกนี้ต้องซื้อใจให้อยู่กับแผ่นดินหมิงเรา อย่าได้ปล่อยให้คนชั่วฉวยโอกาส”
เสบียงที่กล่าวว่าถูกเผาทำลายไป ย่อมไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ตัวเลขแก้ไปสองสามที ก็เกลายเป็นเผาไปหมด เรียกได้ว่าแก้ได้ตามใจ เรื่องด่วนเช่นนี้ไม่อาจคิดอันใดให้มากความ
กู่จื้อปินพอได้ยินเช่นนี้ คำนับขอบคุณกล่าวว่า
“แรงงานทาสชาวฮั่นพวกนั้นน่าสงสารมาก เดิมเสี่ยวเฉินคิดว่าพวกเขาแม้ว่ายากจน แต่ที่บ้านน่าจะมีเสบียงสะสมอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจหลังไปถึง วันก่อนมีแรงงานมาขอร้องด้วยตนเอง จึงไดรู้ว่าทางนั้นเป็นกันถึงขั้นนี้ ได้ยินว่าพวกนอกด่านทุกปีจะไม่สนใจว่าใครจะเป็นหรือตาย ขาดก็ไปจับเชลยมาใหม่ นายท่านจัดสรรเสบียงให้ครั้งนี้น่าจะพอให้พวกเขาได้มีกินกันไปจนกระทั่งเก็บเกี่ยวรอบใหม่แล้ว!”
เมืองตีแตกเร็วมาก คนเผ่าอันต๋าคิดจะไปเผาเสบียงทิ้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่ทันการ ไม่อาจเผาได้มากมายเท่าไร ก็ถูกทหารหมิงไล่ตามมาดับได้ทัน เสบียงที่สั่งสมไว้ในเมืองสามารถเรียกได้ว่ามหาศาล แม้แต่นอกเมืองเองก็มีโกดังเสบียงใหญ่อีกไม่น้อย
เผ่าอันต๋าสั่งสมเสบียง และยังเรียนรู้วิธีการตีเมือง คงคิดการใหญ่ แต่หากไม่ใจร้ายใจดี ดีกับพวกทาสให้มากหน่อย ให้พวกเขาได้เป็นกำลังสำคัญของตนเอง หากเกิดการรบกับข้าศึก เกรงว่าคงยากคาดเดาแพ้ชนะ แต่ตอนนี้เสบียงพวกนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือในการซื้อใจของหวังทงเสียแล้ว
หวังทงสบตากับไช่หนาน ไช่หนานกระแอมไอ กล่าวว่า
“เถ้าแก่กู่ ทหารทุ่งหญ้านอกด่านไร้ระเบียบ ไร้ความยำเกรงกฎหมาย ในเมื่อร้านสามธาราต้องการเป็นร้านค้าใหญ่สุด ก็ต้องมีกองกำลังคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน คน ม้า อาวุธ ก็ต้องรีบรายงานตัวเลขมา ตอนนี้ทุกอย่างต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จให้เร็วที่สุดถึงจะดี”
ตอนหวังทงไม่อยู่เทียนจิน ไช่หนานเป็นตำแหน่งสูงสุดในระบบที่หวังทงวางไว้ ไม่ใช่แค่เรื่องการทหาร แต่ยังรวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่มีอำนาจสั่งการด้วย กองผู้คุ้มกันเรื่องนี้หวังทงไม่สะดวกเอ่ยปาก ต้องให้ไช่หนานพูดแทน กู่จื้อปินรีบรับคำ หวังทงจึงได้เสริมว่า
“ผู้คุ้มกันไม่จำกัดแค่ชาวฮั่น คนจากเผ่าเล็ก ๆ หรือพวกจากซีอวี้ พวกเผ่าอู้เหลียงฮา ขอพียงไม่ได้เกิดและเติบโตที่นี่ ก็ใช้การได้หมด แต่มีเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องจำให้ดี โรงผลิตอาวุธใดๆ ห้ามตั้งในเมืองกุยฮว่าเฉิง ตั้งได้แค่ในมณฑลซานซี ยอมจ่ายค่าขนส่งเพิ่ม!”
ขณะคุยกันนั้น ด้านนอกรายงานว่าหยางจิ้นมา รองแม่ทัพหยางจิ้นเมืองจี้โจวเดินเข้ามาในกระโจมคารวะแล้วจึงกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“แม่ทัพใหญ่ ขายอาวุธให้พวกพ่อค้า เรื่องนี้ไม่เหมาะกระมัง”