องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 780
สร้างความดีความชอบบนทุ่งหญ้านอกด่านเพียงนี้ หวังทงย่อมเป็นศูนย์รวมใจของกองทหารอย่างไม่อาจสั่นคลอน นายทหารจากเมืองจี้โจวล้วนให้ความเคารพยำเกรงหวังทงอย่างมาก
ด้วยสถานะรองแม่ทัพเมืองจี้โจว หยางจิ้นเป็นทหารมานานปี ย่อมรู้ดีกว่าความสำเร็จของหวังทงในวันนี้นั้นหมายถึงสิ่งใดจากนี้ ดังนั้นการวางตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมไม่อาจขาดตกบกพร่อง แม้ว่าเข้ามาในกระโจมซักถาม แต่มารยาทก็ขาดไม่ได้ หากวาจานั้นกลับไม่เกรงใจ
“รองแม่ทัพหยาง วันก่อนข้าใช่ว่ากล่าวชัดเจนแล้ว? จะให้เมืองกุยฮว่าเฉิงสงบไปอีกนานได้อย่างไร กองกำลังเราไม่อาจตั้งทัพอยู่ที่นี่ตลอดไป ได้แต่อาศัยคนในพื้นที่เอง ให้ชาวบ้านสามัคคี ขายอาวุธให้พวกเขา ก็เพื่อให้พวกเขาเข้มแข็งปกป้องตนเองได้”
ทุกคนในกระโจมนอกจากไช่หนานที่นั่งนิ่งไม่ขยับแล้ว ที่เหลือก็ล้วนคำนับขอตัวออกไป ท่าทีหวังทงยังคงนุ่มนวล ยิ้มตอบ
เห็นหวังทงไม่ได้โมโห ในใจหยางจิ้นก็รู้สึกคลายกังวลลง แต่ยังคงกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“ชาวบ้านกล้าหาญสามัคคี มีดาบมีธนูก็พอแล้ว แม่ทัพใหญ่ขายปืนไฟกับปืนใหญ่ให้พวกเขา ก็เท่ากับขายอาวุธร้ายกาจกองทัพเรา มอบให้ผู้อื่นง่ายๆ ได้อย่างไร พ่อค้าเดินทางไปมาบนทุ่งหญ้าบ่อยๆ ในนั้นก็มีพวกไม่ถือกฎหมายไม่น้อย หากมีผู้ใดคิดไม่ซื่อ ใช่ว่าจะเกิดเหตุเภทภัยใหญ่หรือ!”
“แม้ข้าไม่ขาย หรือว่าพวกเขามีปืนในมือน้อยกันเล่า? แค่ที่ข้ารู้มา ขันทีคุมอาวุธหลวงในเมืองต้าถงก็ร่ำรวยไปไม่น้อยแล้ว!”
“แม่ทัพใหญ่ อาวุธเมืองต้าถงนั่นมันระดับใดกัน อาวุธในมือแม่ทัพใหญ่ระดับใดกัน จะเอามาเปรียบกันได้อย่างไร อาวุธกองกำลังสังกัดวังหลวงร้ายแรงขนาดไหน พวกข้าน้อยก็เห็นมาด้วยตาตนเอง อาวุธเมืองต้าถงก็แค่ปืนใหญ่ยิงดอกไม้ไฟก็เท่านั้น!”
ได้ยินหยางจิ้นกล่าวเช่นนี้ หวังทงอดยิ้มไม่ได้ หยางจิ้นยังคงยืนยันในความคิดตนเอง หวังทงโบกมือเป็นสัญญาณให้หยางจิ้นนั่งลง กล่าวว่า
“ขบวนผู้คุ้มกันพ่อค้ามีปืนไฟ ทหารแผ่นดินหมิงก็ต้องมีปืนไฟ ผู้ขบวนผู้คุ้มกันพ่อค้ามีปืนใหญ่ ทหารแผ่นดินหมิงก็ต้องมีปืนใหญ่ พ่อค้าคนหนึ่งมากสุดจะมีผู้คุ้มกันได้เท่าไรกัน พันคนก็เรียกว่าหาได้ยากแล้ว กำลังทหารเรามีเท่าไร จำนวนมากน้อยเห็นได้ชัด พ่อค้าแสวงหากำไร เรื่องใดๆ ก็คิดวิเคราะห์ละเอียดที่สุด เรื่องไม่ควรทำพวกนี้ พวกเขาย่อมไม่อยู่ๆ ไปหาเรื่องใส่ตัวหรอก!”
“แม่ทัพใหญ่ หากพ่อค้ารวมตัวกัน ท่านดูวันนี้ในเมือง พ่อค้าซานซีนำผู้คุ้มกันมารวมกับพ่อค้าในพื้นที่ รวมกันแล้วก็หลายพัน หากคิดการไม่ซื่อขึ้นมา คิดตั้งตน….”
ยังพูดไม่ทันจบ ไช่หนานข้างๆ ก็กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ใต้เท้าหยาง ตอนนี้ฮ่องเต้ปกครองแผ่นดิน ใต้หล้าสงบสุข ดำรงชีพเป็นสุข เหตุใดจึงจะมีเรื่องคิดตั้งตนเช่นนี้ได้ วาจาไม่เหมาะกระมัง!”
ถูกดักคอเช่นนี้ หยางจิ้นรีบลนลานยืนขึ้น ประสานมือกำลังจะเอ่ยอธิบาย หวังทงโบกมือ ยิ้มกล่าวว่า
“แค่คุยกันส่วนตัว ขันทีไช่อย่าได้จริงจังไป ขุนพลหยาง พ่อค้าพวกนี้มีกำลังเป็นเอกเทศของตนเอง คิดจะรวมตัวรวมกำลังกันก็ย่อมเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย ขุนพลหยางคิดดู อาวุธในมือบรรดาพ่อค้านำเข้ามาแผ่นดินหมิง พวกเขาจะแย่งชิงอันใดได้ ก็รังแต่จะทำให้ทหารออกมาปราบปรามก็เท่านั้น ยังเกี่ยวพันไปถึงครอบครัว ให้อาวุธพวกเขา ก็เพื่อให้พวกเขาเดินทางไปบนทุ่งหญ้านอกด่านได้ไกลมากขึ้น กล้าปล้นสังหารคนบนทุ่งหญ้านอกด่าน ไม่ต้องกลัวพวกนอกด่านกับกองโจรม้าบนทุ่งหญ้านอกด่าน”
ถูกไช่หนานไล่เรียงเป็นชุดเช่นนี้ ทำเอาหยางจิ้นไม่กล้ากล่าวอันใดต่อ ขันทีไช่เป็นเพียงขันทีคุมกำลังและดูแลเสบียงเท่านั้น แต่ก็เท่ากับเป็นถึงรองแม่ทัพกองกำลังสังกัดวังหลวง ยังได้รับการหนุนหลังจากหวังทง น้ำหนักวาจาก็ย่อมไม่ธรรมดาหวังทงยกน้ำชาขึ้นจิบ คิดอธิบายให้ละเอียดมากขึ้น
“ขุนพลหยางอาจไม่รู้ว่า การค้าทุ่งหญ้านี้กำไรมหาศาล บรรดาพ่อค้าแม้ปล้นชิงแผ่นดินหมิงใช่ว่าจะทำกำไรได้เท่านี้ จะให้เลือกอย่างไร พวกเขาย่อมเลือกได้กระจ่าง และปืนไฟ ปืนใหญ่ รถใหญ่ เกราะ หากคิดเลียนแบบ ก็คงไม่ใช่เรื่องปีสองปีจะทำได้ ผลิต บำรุง รักษา ก็ล้วนต้องอาศัยโรงช่างอาวุธ ข้าคิดจะตั้งโรงอาวุธที่เมืองต้าถงกับเมืองไท่หยวนสองเมืองนี้ ผลิตและบำรุงรักษา ควบคุมให้อยู่ในมืออย่างแน่นหนา ขายปืนใหญ่ไปบนทุ่งหญ้านอกด่านอย่างมากก็ปืนประสุนสองชั่ง ใช้เพื่อป้องกันโจรได้ แต่หากใช้ตีเมืองย่อมไม่พอ และทหารเมืองต้าถงที่มณฑลซานซีเองก็มีปืนใหญ่ เรื่องนี้ยังมีอันใดไม่อาจวางใจอีกหรือ”
หยางจิ้นอึ้งไป ถอนหายใจกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่กล่าวเช่นนี้ วันหน้านานไป เกรงแต่มีคนคิดโลภมากขึ้น เกรงแต่มีคนคิดเป็นอื่น!”
ไช่หนานกำลังจะพูด หวังทงส่งสายตาให้หยุด กล่าวว่า
“ขุนพลหยางคิดเช่นนี้ ก็เพื่อแผ่นดินหมิงเรา ข้าเองก็คิดเช่นนี้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราคิดกันเองในกระโจมตอนนี้ วันนี้ก่อนฟ้ามืด ตามแม่ทัพแต่ละค่ายจะมาหารือในกระโจมนี้กัน!”
หยางจิ้นฟังแล้วลุกขึ้นรีบคำนับ หวังทงกล่าวว่า
“ขุนพลหยางอยู่ชายแดนมานาน รู้จักพวกนอกด่านดี ข้าถามท่านหน่อยว่าวันนี้พวกเราครอบครองเมืองกุยฮว่าเฉิง แม้ว่าจะปกป้องได้อีกสิบปีร้อยปี ที่อื่นจะเป็นเช่นไร?”
คำถามนี้ถามได้โดนใจ หยางจิ้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า
“มาเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ได้ พวกนอกด่านก็คงไปรวมตัวกันที่อื่น สร้างรูปแบบแบบเผ่าอันต๋าขึ้นมา จากนั้นเมืองกุยฮว่าเฉิงที่เป็นเหมือนฐานรุ่งเรืองของพวกนอกด่านมาก่อน พวกเขาย่อมคิดกลับมาแย่งคืน เมืองกุยฮว่าเฉิงที่นี่ย่อมมีสงครามไม่หยุด ราชสำนักคิดว่าไม่ใช่ดินแดนภายในกำแพงเมือง ก็คงไม่ส่งทหารมาช่วย…….”
พูดไปๆ หยางจิ้นเองเหมือนเริ่มหมดแรงจะคิดต่อ กล่าวว่า
“เกรงว่าคงตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย……”
“เมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นแกนกลางของพวกทุ่งหญ้านอกด่าน แย่งชิงมาได้ ก็ไม่ต้องกังวลความปลอดภัยชายแดนตอนเหนืออย่างมณฑลซานซีว่าจะมีพวกนอกด่าน หรือแม้แต่เมืองเซวียนฝู่เองก็ได้ประโยชน์ เมืองกุยฮว่าเฉิงอยู่ในครอบครองแผ่นดินหมิง แต่พวกนอกด่านโจมตีก็เรียกได้ว่าอยู่นอกประเทศเรา จากนี้ชาวบ้านซานซีและส่านซีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลทหารนอกด่านเข้าโจมตีอีก ใช่แล้ว สำหรับพวกเราแล้ว เมืองกุยฮว่าเฉิงย่อมต้องรักษาไว้ เช่นกันสำหรับพวกนอกด่าน ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แต่พื้นที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้หาได้ยากยิ่ง คิดจะมีชีวิตที่สุขสบาย คิดจะสร้างความรุ่งเรือง ก็ต้องได้ที่ผืนนี้มาครอง ขุนพลหยางคิดนั้นใช่ว่าคิดวนแต่ในเรื่องนี้หรือ เหตุใดต้องให้แผ่นดินหมิงปกป้อง คิดแต่พวกนอกด่านโจมตี หรือไม่อาจกลับกันบ้าง!?”
หวังทงกล่าวจบ ในกระโจมก็เงียบกริบ หยางจิ้นตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็สะดุ้ง น้ำเสียงสั่น ถามขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานว่า
“โจมตีอย่างไร บนทุ่งหญ้าเพราะมีเมืองเช่นนี้อยู่ จึงสามารถเคลื่อนทัพใหญ่ได้ หากเหมือนเช่นทางเมืองจี้โจว จะหากำลังพวกนอกด่านที่รวมตัวกันก็ยาก…….”
“หรือว่าขุนพลหยางคิดว่าจะมีทหารกองใหญ่มาโจมตีกัน พวกนอกด่านรุกรานหาเรื่องชายแดนแผ่นดินหมิงก็มีทัพใหญ่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นเผ่าเล็กๆ หรืออาจเป็นแค่กองโจรม้าหลายสิบคน พวกเขาทำเช่นนี้ เหตุใดพวกเราทำไม่ได้ ให้อาวุธบรรดาพ่อค้าไป ถ่ายทอดวิธีการรบกองทัพเราให้ไป ให้พวกเขาออกค้าขายบนทุ่งหญ้านอกด่าน เห็นว่าเหมาะก็แย่งชิงสังหาร เช่นนี้ไม่เรียกว่าโจมตีหรือ?”
ปากหยางจิ้นอ้าค้างเล็กน้อย ที่หวังทงว่ามา เขาไม่เคยคิดถึงเลย เหนือความคาดหมายจริง แต่ก็มีเหตุผล ตอนนี้เขากล่าวอันใดไม่ออก หวังทงกล่าวต่อว่า
“พ่อค้ามณฑลซานซีเดินทางไปทั่วหล้า ค้าขายบนทุ่งหญ้านอกด่าน สามารถทำกำไรมหาศาล เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องมีผู้คนคิดทำการค้าตาม การค้ายิ่งมาก ขบวนพ่อค้าก็ยิ่งมาก ขบวนพ่อค้ายิ่งมาก ผู้คุ้มกันก็ยิ่งมาก เดินทางบนทุ่งหญ้า กองโจรม้าเห็นขบวนพ่อค้าใหญ่ไม่กล้าปล้นชิง เห็นพวกค้าเล็กย่อมลงมือ หรือว่าขบวนพ่อค้ามีปืน เห็นเผ่าเล็กไม่กล้าแย่งชิงกัน ไม่กล้าลงมือกัน เรื่องนี้นานวันเข้า ผู้คุ้มกันมากขึ้น คนรู้จักใช้ปืนก็มากขึ้นตาม หากเกิดเรื่องจริง ก็สามารถจัดตั้งกองกำลังออกต่อต้าน นี่ก็คือที่เรียกว่า แอบซ่อนกำลังไว้กับชาวบ้าน”
หวังทงกล่าวจบ หยางจิ้นถอนหายใจยาว เหมือนว่ากำลังชื่นชม เหมือนว่ากำลังทอดถอนใจ แต่ก็มีคำถามตามมา กังวลกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ พวกชาวบ้านวัยฉกรรจ์ต่อสู้ได้นั้นเป็นอย่างไรข้าน้อยเองก็พอรู้ คนงานของแม่ทัพใหญ่ทิ้งไว้ปกป้องเมืองจี้โจวได้ แต่ที่เหลือไม่เหมือนกัน ก็แค่พวกหมูหมากาไก่เท่านั้น แม่ทัพใหญ่รู้การทหาร ย่อมรู้ดีว่าไม่ใช่ว่าผู้ใดก็จะสามารถใช้อาวุธปืนได้ดีเช่นแม่ทัพใหญ่สั่งการได้ ยามเผชิญกับพวกนอกด่าน ก็เหมือนมอบอาวุธพวกนี้ให้พวกนอกด่านไปเสียอย่างนั้น”
หยางจิ้นไม่สงสัยการดำเนินเรื่องนี้แล้ว แต่ยังคงต้องมั่นใจในรายละเอียดอยู่ เห็นได้ชัดว่าหวังทงกล่อมจนเชื่อตามแล้ว หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“นี่ก็คือสาเหตุที่เรียกทุกคนมารวมตัวกัน คืนนี้เจ้าก็จะรู้เอง!”
เห็นหวังทงมั่นใจเช่นนี้ หยางจิ้นแปลกใจพยักหน้าไม่ถามต่อ กำลังจะพูดก็ได้ยินนอกกระโจมมีทหารรายงานมาว่า กู่จื้อปินร้านสามธาราขอพบ มีแขกมา หยางจิ้นลุกขึ้นอำลาพอดี
กู่จื้อปินเดินเข้ามาในกระโจม เขาไม่ใช่คนนอก หวังทงไม่ต้องกล่าวอันใดปิดบัง เพียงแค่ยิ้มให้ไช่หนานกล่าวว่า
“เห็นกองกำลังมาหลายมณฑลไม่น้อย ทัพเมืองจี้โจวนี่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี แม่ทัพชีคุมกองกำลังนี้มานานปี ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ !”
“แม่ทัพชีเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ซื่อจงไว้วางพระทัยมาก ผ่านมาสามรัชสมัย ย่อมไม่ธรรมดา เถ้าแก่กู่ เหตุใดจึงไปและกลับมาเร็วเช่นนี้?”
ไช่หนานตอบ หากประโยคหลังถามกู่จื้อปินตรงๆ กู่จื้อปินคำนับคำนับยิ้มกล่าวว่า
“นายท่าน ไช่กงกง เมื่อครู่พ่อค้าใเมืองต้าถงกับพ่อค้าในพื้นที่ไหว้วานร้านสาขาเราให้มาที่นี่ บอกคิดจะซื้อที่นาที่นี่ บอกว่าราคาเทียบกับที่นาดีในมณฑลซานซี หรืออาจให้สูงกว่านั้นก็ได้ พ่อค้าพวกนี้ปกติก็ไปมาหาสู่กับเรา ก็ช่วยเหลือกันมา ดังนั้นข้าน้อยจึงได้ช่วยมาสอบถาม”
พอได้ยินเช่นนี้ หวังทงอดยิ้มไม่ได้กล่าวกับไช่หนานว่า
“พวกนี้ช่างคิดได้ดี ที่นามณฑลซานซีดินมีผงฟูมาก ที่นาเทียบได้แค่ที่นาระดับกลางในเหอหนาน เมืองกุยฮว่าเฉิงน้ำท่าสมบูรณ์ ยังมีผงฟูอีก พวกเขาคิดจะใช้ราคาที่นาระดับกลางมาแลกที่นาดีหรือ!”
ไช่หนานส่ายหน้ายิ้ม กู่จื้อปินคิดไม่ถึงเรื่องนี้ จึงได้แต่หัวเราะแหะๆ รีบกล่าวว่า
“ดีที่นายท่านสอนสั่ง ข้าน้อยเองก็ไม่รู้ ข้าน้อยจะรีบไปบอกพวกเขา”
“บอกพวกเขาไปว่า ที่นาที่นี่ ข้าต้องจัดการตรวจนับแล้วนำถวายฝ่าบาท จะมาขายส่วนตัวได้อย่างไร”
กล่าวถึงตรงนี้ หวังทงคิดอะไรได้ จึงกล่าวว่า
“เจ้ายังไม่ต้องรีบตอบไป ไปถามในเมืองก่อน มีคนต้องการซื้อที่นาสักเท่าไร”