องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 782
ก่อนฟ้ามืดตอนทหารหารือกัน หยางจิ้น หม่าหย่งและบรรดานายทหารต่างก็ระวังท่าที ตอนอาหารค่ำ บรรดาพ่อค้าก็นอบน้อมอย่างที่สุด
หากหวังทงไม่เอ่ยถึงที่นา พวกเขาย่อมไม่กล้าเอ่ย ตอนบ่ายกู่จื้อปินได้นำข่าวมาบอกพวกเขาแล้ว ทำเอาคนพวกนี้ตกใจแทบตาย เดิมคิดว่าที่นามากมายได้มาจากสงครามครั้งนี้ หวังทงในฐานะแม่ทัพใหญ่ย่อมยิ่งใหญ่ที่สุดในที่นี่ ทุกคนให้ผลประโยชน์เพียงพอ ไม่แน่ก็อาจได้ที่นามาครอบครองก็เป็นได้
คิดไม่ถึงว่าหวังทงกลับทูลเกล้าถวายที่นาแด่ฮ่องเต้ ทุกคนเข้าครอบครองได้ประโยชน์ใช่ว่ากลายเป็นแย่งที่ดินกับฮ่องเต้หรอกหรือ นั่นเรียกได้ว่ารังเกียจอายุยืนยาวของตนเองเสียแล้วหรือไร
บรรดาพ่อค้าที่มีสถานะพอจะมายังเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ย่อมมีฐานะพอควร สามารถร่วมงานเลี้ยงกับหวังทงได้ ย่อมเป็นพ่อค้าใหญ่ คนระดับนี้ย่อมรู้การควรไม่ควรดี ไม่กล้าวางท่าอวดเบ่งใส่หวังทงผู้ซึ่งเป็นผู้แทนพระองค์อายุน้อยผู้นี้ เพราะว่าตำแหน่งหรือความดีความชอบ หรือแม้แต่กิจการการค้า ร้านสามธาราก็ยิ่งใหญ่กว่ามาก
ไม่ว่าหวังทงจะดำเนินกิจการเองหรือไม่ การมีอยู่ของร้านค้าใหญ่เช่นนี้ ก็พอให้ทุกคนไม่อาจล่วงเกิน
มาถึงกระโจมนี้ สุราเป็นสุราเกาเหลียงร้อนจากร้านตระกูลหลิวแห่งเมืองเซวียนฝู่ อาหารเป็นแพะย่าง หวังทงสีหน้ายิ้มแย้ม ทุกคนจึงรู้สึกผ่อนคลายลงมาก
ทุกคนผ่อนคลายลงแล้ว วาจาก็เริ่มมาก เดิมเพราะเรื่องซื้อที่นาจึงถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยง วาจาจึงวนเวียนแต่เรื่องนี้ พูดไปพูดมา ก็ยังคงเป็นเรื่องนี้
บรรดาพ่อค้าพูดจากันอย่างระมัดระวัง ไม่น้อยสอบถามถึงผลผลิตที่นาว่าจะจัดการอย่างไร ฟังความจากหวังทง ที่นาเมืองกุยฮว่าเฉิงจะเปลี่ยนเป็นที่ทางการ ก็หมายความว่า ผลผลิตที่ได้นอกจากเหลือให้ชาวนาส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็เป็นของราชสำนัก ในนี้จะมีอันใดให้เก็บเกี่ยวอีกหรือไม่ ระยะทางห่างจากเมืองหลวงไกลเพียงนี้ เสบียงขนไปใช่ว่าไม่สมเหตุสมผลหรือ เดาว่าน่าจะขายที่นี่ แลกเป็นเงิน
คิดถึงที่นามากมาย ผลผลิตและการรับซื้อก็ย่อมเป็นตัวเลขมหาศาล สามารถทำการค้านี้ได้ ก็ย่อมทำกำไรก้อนโตมหาศาล ทุกคนย่อมสนใจ
แต่พ่อค้าที่มาที่นี่ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่า หวัง่ทงกลับรับปากว่าผลผลิตที่ได้จะให้พิเศษแก่ทุกคน และยังเอ่ยเรื่องที่นาขึ้นด้วยตนเองเช่นนี้
‘ยังมีที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ แต่ได้ที่ก้อนโตได้’ วาจานี้ทำเอาพวกพ่อค้าหยุดหายใจไปชั่วขณะ ‘ไม่ใช้เงินซื้อ’ ‘ที่ก้อนโต’ ใช่ว่าภูเขาทองทะเลเงินหล่นใส่มือได้ง่ายๆ หรือนี่ ได้ยินใต้เท้าหวังว่ามา ที่นาเกรงว่าไม่เป็นรองเมืองกุยฮว่าเฉิง
หวังทงกล่าวชี้นำให้ทุกคนสนใจแล้ว ก็จิบเหล้าองุ่น วังข่านเมืองกุยฮว่าเฉิงมีสะสมไว้ไม่น้อย เหล้าองุ่นจากซีอวี้ถูกปากหวังทงมาก แต่ไม่ใช่เพราะหวังทงรู้จักดื่มสุราอันใด เพียงแต่ค่อนข้างหวานก็เท่านั้น
บรรดาพ่อค้าต่างตื่นตระหนกเริ่มนั่งไม่ติด พ่อค้าคนหนึ่งมองซ้ายมองขวา กลืนน้ำลายลุกขึ้นยืนประสานมือกล่าวว่า
“ข้าน้อยขอล่วงเกิน ขอถามแม่ทัพใหญ่ ที่ก้อนโตที่ว่านี่คืออันใดกัน พวกนอกด่านบุกเบิกพื้นที่ทำนาหมื่นฉิ่งในและนอกเมืองกุยฮว่าเฉิง แต่ที่อื่นล้วนเป็นทุ่งหญ้า มีสถานที่เช่นนี้ที่ไหนกัน …….”
หวังทงนั่งเป็นประธาน หันหน้าไปทางทิศใต้ เขามองไปทางตะวันตกวาดมือขึ้น ยิ้มกล่าวว่า
“ที่ดินเช่นนี้มีอีกมากมาย พื้นที่ลุ่มแม่น้ำ ไม่ใช่ว่าที่นาดีหรอกหรือ?”
แม่น้ำฮวงโหไหลผ่านส่านซีกับทุ่งหญ้าคดเคี้ยวอ้อมเป็นรูปตัวยูคว่ำ พื้นที่แม่น้ำคดเคี้ยวโอบล้อม พื้นที่นี้เรียกว่าพื้นที่ลุ่มน้ำ ที่นี่ย่อมเป็นทุ่งหญ้าที่สมบูรณ์ของพวกทุ่งหญ้านอกด่าน เป็นพื้นที่ผืนใหญ่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉินมาจนต้นราชวงศ์หมิง ก็เป็นพื้นที่ผลัดกันครอบครองของชาวฮั่นกับชาวเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน
ต้นราชวงศ์หมิงนั้น เจ้ากรมปกครองมณฑลส่านซีก็ปกครองมาถึงพื้นที่นี้ด้วย แต่ต่อมากลับถูกพวกนอกด่านยึดครองไป ตอนนี้อยู่ใต้การครอบครองของเผ่าอันต๋า
ที่ราบลุ่มแม่น้ำที่หวังทงว่ามาก็คือพื้นที่นี้ ในยุคสมัยที่ไม่มีปุ๋ยหรือเครื่องจักรใดนั้น แหล่งน้ำเป็นมาตรฐานสำคัญของการดูว่าที่นาดีหรือไม่ ที่ราบลุ่มแม่น้ำ เพราะว่าเป็นพื้นที่ที่ราบสูงและภูเขาสัมพันธ์กัน สายน้ำไหลผ่าน เป็นประโยชน์ต่อการทดน้ำและการใช้ชีวิตของชาวบ้านรอบๆ มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า ‘แม่น้ำฮวงโหภัยหลากหลาย มีเพียงพื้นที่ลุ่มน้ำที่ได้ประโยชน์’กล่าวก็คือแม่น้ำฮวงโหมีประโยชน์ที่สุดก็ตรงพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำนี่เอง
ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นมา ที่ราบลุ่มแม่น้ำก็ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของพวกนอกด่าน การเกษตรรุ่งเรือง แต่อยู่ในครอบครองชาวฮั่น หากถูกพวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนยึดครองไป ก็ย่อมกลายเป็นทุ่งหญ้าและทุ่งเลี้ยงสัตว์แทน
บรรดาพ่อค้ามณฑลซานซีขึ้นเหนือล่องใต้ ย่อมเข้าใจในสภาพภูมิประเทศเช่นนี้ดีอย่างมาก หวังทงกล่าวถึงตรงนี้บรรดาพ่อค้าก็เข้าใจทันที ที่หวังทงว่ามาก็คือที่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้ พอพูดถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำ บรรดาพ่อค้าก็ระบายอารมณ์ออกมาทันที มีคนกล่าวงึมงำว่า
“พื้นที่ลุ่มน้ำเป็นพื้นที่ครอบครองของพวกนอกด่าน จะยอมให้พวกเขาไป……”
“ทัพอันต๋าเมืองกุยฮว่าเฉิงถูกทำลายไปมากเพียงนี้ ที่ราบลุ่มน้ำนั่นยังจะมีกำลังอันใดอีก?”
หวังทงยิ้มถามกลับ ทุกคนอึ้งไป เข้าใจได้ในทันที ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าอันต๋าเป็นใหญ่บนทุ่งหญ้ามาก็ไม่เคยทุ่มกำลังไปที่ที่ราบลุ่มน้ำนั่นสักเท่าไร เพียงแค่ให้ชาวเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนไปใช้ประโยชน์ เป็นประโยชน์แก่กองทัพ หลังสงครามเมืองกุยฮว่าเฉิง พวกทหารหลงเหลือของเผ่าอันต๋าย่อมไม่อาจรวมกำลังกันได้อีก ก็คงเป็นเพียงกองโจรม้าเล็กๆ มีรถใหญ่ ปืนไฟกับผู้คุ้มกันที่เพียงพอแล้ว ก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาอันใด
ได้ยินหวังทงตอบ บรรยากาศก็ผ่อนคลายลงอีก มีคนกลัดกลุ้มอีกว่า
“ที่ราบลุ่มแม่น้ำไม่มีระบบขนส่งน้ำอันใด ทำนากันได้อย่างไรเล่า?”
วาจานี้ไม่ต้องให้หวังทงตอบก็มีคนตอบเขาว่า
“ไม่มีระบบขนส่งน้ำ เจ้าก็ทำเองสิ ใต้หล้ามีเรื่องได้มาง่ายๆ ที่ไหนกัน ระบบขนส่งน้ำเรียบร้อยก็มีอยู่ที่เมืองกุยฮว่าเฉิงนี่เท่านั้น ที่นาพวกนั้นก็ย่อมต้องให้พวกเราไปจัดการกันเอง”
วาจาเหมือนไม่พอใจอยู่สักหน่อย หวังทงยิ้มตอบว่า
“ระบบท่อขนส่งน้ำ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่พวกท่านคิด ฟังจากที่คนเคยไปที่นั่นมาบอกว่า ที่นั่นเหมาะแก่การทำนา ล้วนมีระบบน้ำที่ทำทิ้งไว้มาแต่โบราณ หากไปซ่อมแซมก็ย่อมง่ายมาก”
ที่เรียกว่าระบบท่อขนส่งน้ำนี้ก็คือขุดทางน้ำเท่านั้น การขุดทางนั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก เลือกแหล่งก็ยาก แต่หากมีคนทำไว้ก่อนหน้า งานก็ย่อมง่ายขึ้นมาก
ทุกคนล้วนพยักหน้าเล็กน้อย ในใจก็เริ่มคำนวณ ไปที่นั่นเหมาะหรือไม่ มีกำไรให้กำไรหรือไม่ แต่ทุกคนคิดถึงเรื่องต่างๆ รอบด้านแล้ว ก็มีคนลุกขึ้นประสานมือกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ พื้นที่ลุ่มน้ำที่เหมาะแก่การทำนาตอนนี้ล้วนเป็นทุ่งหญ้า ไม่มีกำบัง ทหารม้าพวกนอกด่านหากบุกมา ชาวนาที่ทำนากันที่นั่นย่อมต้องถูกสังหาร ไปกันเช่นนี้ ทำนาไม่ต้องพูดถึง เป็นเรื่องยากอยู่จริงๆ!”
เป็นปัญหาดังที่คาดไว้ คนผู้นี้ไม่ถาม หวังทงก็ต้องหาโอกาสเอ่ยถึงอยู่แล้ว เขายิ้มกล่าวว่า
“ขายรถใหญ่กับปืนไฟให้ทุกท่าน ก็เพื่อให้ทุกท่านได้เดินทางค้าขายไปไกลได้บนทุ่งหญ้านอกด่าน ในเมื่อชี้นำเส้นทางนี้ให้ทุกท่านแล้ว ก็ย่อมให้ทุกท่านมีโอกาสได้อยู่รอด ทุกท่านไม่ต้องคิดมาก ร้านสามธารา ร้านจิ้นเหอ กับร้านทงไห่จะนำร่องในพื้นที่ลุ่มน้ำไปก่อน ถึงตอนนั้นก็ค่อยดูว่าทำได้ดังที่ว่าไหมก็แล้วกัน”
ในเมื่อหวังทงคิดการเรื่องพวกนี้เสร็จสรรพแล้ว บรรดาพ่อค้าย่อมวางใจ ประเด็นก็คือ ใต้เท้าผู้แทนพระองค์ให้ร้านค้าที่สายสัมพันธ์สนิทไปดำเนินการก่อน นี่แท้จริงเป็นการแสดงให้ทุกคนได้เห็นก่อน หรือว่าทางนั้นมีผลประโยชน์ที่ไร้ขีดจำกัดกันจริงๆ ร้านค้าเหล่านี้จึงได้ลงมือก่อน
หากเป็นก่อนตีเมืองกุยฮว่าเฉิงแตก ที่ร้านสามธาราและร้านค้าต่างๆ ดำเนินการในมณฑลซานซีในสายตาพ่อค้าทุกคนแล้ว ก็แค่ร้านค้าทางการจำเป็นต้องเป็นแบบอย่าง กำไรหรือขาดทุนไม่เป็นไร เพื่องานราชสำนักเท่านั้น แต่พอเมืองกุยฮว่าเฉิงแตก ทุกคนก็เข้าใจทันที คิดถึงผลประโยชน์ที่ได้จากการตีเมืองได้นี้ไม่น้อย บรรดาร้านสามธาราได้ไปเท่าไร กำไรคงมากมายมหาศาลเทียมฟ้า
คิดไปถึงร้านสามธาราที่เทียนจิน ที่เขตปกครองเหนือ ที่เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวอีก ทุกแห่งล้วนทำกำไรดังภูเขาทองทะเลเงิน เคยขาดทุนเสียที่ไหนกัน
เรื่องเช่นนี้หากคิดทั้งหมดแล้ว ทุกคนก็รู้คำตอบในใจแล้ว ร้านสามธาราย่อมไม่ทำการค้าขาดทุน ในเมื่อพวกเขาคิดไปบุกเบิกที่ราบลุ่มแม่น้ำ ทางนั้นย่อมมีกำไรให้กอบโกย
อาหารมื้อนี้กินกันอย่างสุขีถ้วนหน้า แม้สุราเกาเหลียงตระกูลหลิวเป็นสุรามีชื่อ แต่บรรดาพ่อค้าก็ต้องบังคับตนเองให้ดื่มน้อยหน่อย เพราะคืนนี้เรื่องที่คุยกัน มีหลายเรื่องต้องกลับไปคิดให้ละเอียด ยังต้องตามคนมาหารืออีก
***************
วันที่ 12 เดือนสอง เมืองกุยฮว่าเฉิงมีหิมะตกหนัก แต่ผู้แทนพระองค์ถ่ายทอดราชโองการก็ยังคงมาถึงเมืองกุยฮว่าเฉิง
แม้พวกหวังทงไม่รู้ท่าทีราชสำนัก แต่ดูจากผู้แทนพระองค์ถ่ายทอดราชโองการคือโจวอี้แล้ว ทุกคนก็วางใจ ส่งคนคุ้นเคยกันมาถ่ายทอดราชโองการ ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีของฮ่องเต้แล้ว
ชัยชนะใหญ่ในการปราบโจรของหวังทงนี้ ในราชโองการล้วนชมเชยและมีรางวัล ความว่า ‘อำนาจสั่งการทุกเรื่อง ยังคงให้หวังทงผู้บัญชาการมณฑลทหารดูแลเมืองกุยฮว่าเฉิงและเมืองต้าถง ยังคงให้นำกำลังทหารเมืองต้าถงและจี้โจวปราบปรามกองโจรม้า ปฏิบัติการเสร็จ จัดการสถานการณ์ให้เรียบร้อยแล้ว จักมีบำเหน็จรางวัลพระราชทาน…’
แม้ใช้คำว่า ‘ยังคง’ แต่เนื้อหาในราชโองการกลับน่าสนใจยิ่ง เมืองกุยฮว่าเฉิงเดิมไม่ใช่พื้นที่ชายแดนแผ่นดินหมิง ยามนี้กลับกลายเป็นเขตในการควบคุมของหวังทงไปโดยปริยาย เมื่อก่อนก็แค่กองกำลังปราบกองโจรม้าจากเมืองต้าถง แต่ตอนนี้ทหารเมืองต้าถงล้วนให้ขึ้นกับหวังทง
ในความหมายนี้ ตอนนี้ตั้งแต่พื้นที่เมืองกุยฮว่าเฉิงไปถึงเมืองต้าถง ก็เหมือนว่าเป็นชายแดนไปโดยปริยาย เรื่องต่างๆ ล้วนให้หวังทงสั่งการดูแล ราชโองการกล่าวไว้อย่างชัดเจน หวังทงต้องจัดการทุกอย่างที่นี่ให้เรียบร้อย ท่าทีราชสำนักไม่ได้เอ่ยถึงระบบกองทัพของหวังทงว่ามีปัญหาอันใด มีแต่ความนัยให้ยึดครองที่นี่ไว้
แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้เมืองกุยฮว่าเฉิงก็เป็นดังอาหารเลิศรสที่คาบไว้ในปากแล้ว ผู้ใดจะยอมคายออกมาอีกเล่า
“บรรดาขุนนางในราชสำนักถึงกับไม่ได้โจมตีว่าข้าวางอำนาจบาตรใหญ่ ทำลายธรรมเนียมแผ่นดิน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ!”
วาจานี้หวังทงกล้าพูด เมิ่งตั๋วกลับไม่กล้าตอบรับคำ เพียงยิ้มกล่าวว่า
“ใต้เท้าหวังล้อเล่นแล้ว แต่ราชโองการมีลงมาได้ก็ผ่านการขัดแย้งไม่น้อย ใต้เท้าตีเมืองกุยฮว่าเฉิงนี้ เป็นเรื่องสร้างแรงกระเพื่อมใหญ่ในเมืองหลวงจริงๆ !”