องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 792
แม่ทัพเมืองเหลียวโจว หลี่เฉิงเหลียงมีบุตรห้าคน ล้วนเป็นดังลูกเสือร้าย นี่ไม่ใช่เสียดสี แต่เป็นคำชม บอกว่าเป็นลูกเสือตระกูลหลี่ เป็นขุนพลทั้งตระกูล
เทียบกับหลี่หรูซงผู้บัญชาการเมืองเซวียนฝู่แล้ว ที่เหลือสี่คนล้วนชื่อเสียงด้อยกว่ามาก หลี่หรูป๋อตอนนี้อยู่เมืองเหลียวโจว เป็นแค่ขุนพลที่ปรึกษา หลี่หรูเจินเป็นหน่วยหน้าลาดตระเวน
พ่อบ้านติดตามหลี่เฉิงเหลียงติดตามมาจากเมืองเซวียนฝู่ก็เป็นคนที่เกิดในตระกูลหลี่ ตอนนั้นติดตามหลี่เฉิงเหลียงบุกน้ำลุยไฟ พอมาถึงเมืองเซวียนฝู่ หลี่หรูซงแยกจวน พ่อบ้านยังแก้ความเคยชินอยู่นาน จากเรียกว่า นายน้อย นายน้อย ตอนนี้จึงได้เปลี่ยนมาเป็น นายท่าน
นายทหารรายรอบหลี่หรูซงก็ล้วนเป็นทหารสังกัดตระกูลหลี่กันทั้งนั้น ได้ยินพ่อบ้านกล่าวเช่นนี้ก็พากันอึ้งไป หลี่เฉิงเหลียงส่งนายน้อยสามหลี่หรูเจิน มาเพื่อเรื่องด่วนอันใด หากเป็นการติดต่อตามปกติ ส่งจดหมายมาก็ได้นี่?
“ทุกคนกลับไปพักผ่อนรอคำสั่ง!”
หลี่หรูซงหันกลับไปสั่ง ทุกคนรับคำสั่ง หลี่หรูซงรีบสาวเท้าตามเข้าไปในห้องโถงกลาง หลี่หรูเจินรูปร่างสูงใหญ่กำยำ กำลังนั่งรออยู่ พอเห็นหลี่หรูซงเข้ามาก็รีบยืนขึ้น หลี่หรูซงถามอย่างไม่อ้อมค้อมขึ้นว่า
“ที่บ้านมีเรื่องใด? ท่านพ่อสุขภาพแข็งแรงดีอยู่หรือ?”
“พี่วางใจได้ ที่บ้านปกติดี ท่านพ่อร่างกายก็ยังคงแข็งแรงดังเหล็กกล้าเหมือนเดิม”
หลี่หรูเจินยิ้มตอบ หลี่หรูซงโยนแส้ในมือลงบนโต๊ะ สีหน้างุนงงยิ่งหนัก ถามขึ้น
“แท้จริงเรื่องใหญ่อันใด ถึงกับส่งเจ้ามาติดต่อเอง?”
“พี่ใหญ่ เมืองเหลียวโจวต้องการทหาร ทางพี่มีทหารหลายพันนาย บิดากล่าวว่า ให้ท่านเหลือไว้แค่ 400 ที่เหลือให้ส่งกลับไป!”
หลี่หรูซงกำลังจะนั่งลง พอได้ยิน ก็เหมือนว่าก้นร้อนดังไฟเผา ผุดยืนขึ้นทันที จ้องมองหลี่หรูเจินถามเอาเรื่องว่า
“ต้องการเคลื่อนกำลัง ตระกูลหลี่เรามีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า หากทำเช่นนั้นจริง คนพวกนั้นเกรงว่าคงคิดเป็นอื่น ถึงตอนนั้นใช่ว่าถูกกล่าวโทษนำภัยล้างตระกูลมาสู่หรือ!”
“พี่ใหญ่เบาหน่อย คนอื่นได้ยินเข้า แม้ไม่มีภัยก็คงมีภัยแล้ว ท่านพ่อมีคำสั่ง ให้เมืองเหลียวโจวแต่ละหน่วยทิ้งทหารคุ้มกันไว้จำนวนหนึ่ง ที่เหลือให้ไปรวมกำลังกันที่เหลียวหยาง บิดาเตรียมเผด็จศึกกับพวกเผ่าเคอเอ่อชิ่น”
หลี่หรูซงยามนี้นั่งลง หากสีหน้างุนงงถามขึ้น
“ท่านพ่อจะเผด็จศึกกับเผ่าเคอเอ่อชิ่น ยังต้องการกำลังจากเมืองเซวียนฝู่ ครั้งนี้ต้องเคลื่อนกำลังเท่าไร หรือว่าต้องนำกำลังเราไปทั้งหมด?”
หลี่หรูเจินนั่งลงตามตอบว่า
“ไม่เพียงแต่ของพวกเรา ยังมีหลี่ผิงหู หลี่หนิง ซุนโส่วเหลียน ฉินเต๋ออี กำลังพวกเขาที่สู้รบได้ก็เอาไปหมด”
พอได้ยินเช่นนี้ หลี่หรูซงก็ยิ่งนิ่งอึ้งไป เมื่อครู่ตอนกลับมาถึงยังบอกว่า ‘บิดาสอนสั่งได้ดี’ ตอนนี้ได้ยินเรื่องนี้เหมือนไม่ใช่ดังนั้น อึ้งไปก่อนจะกล่าวว่า
“ไหนท่านพ่อบอกบ่อยๆ ว่า หากปราบให้ราบคาบ ก็ไม่มีงานทำ บอกว่าพวกหมูหมากาไก่บนทุ่งหญ้านอกด่าน ทิ้งไว้ก็ไม่เป็นภัยอันใด เอาไว้เอามารบเล่นกันเรื่อย ๆ สามารถทำกำไรและบำเหน็จรางวัลได้ ให้ราชสำนักรู้สึกว่าเรามีค่า”
“พี่ใหญ่ พี่ยังคิดอะไรแบบเดิมอีก เรื่องหวังทงตีเมืองกุยฮว่าเฉิงได้พี่ได้ยินมาแล้วกระมัง ข่าวมาถึงท่านพ่อ ท่านพ่อก็ร้อนใจทันที บอกว่าใต้หล้าล้วนให้ความสำคัญกับทหารเมืองเหลียวโจว เพราะพวกเราเข้มแข็ง ตอนนี้หวังทงจัดการเผ่าอันต๋าราวกับผักปลา หากเราไม่ลงมือ วันหน้าฮ่องเต้กับขุนนางในราชสำนักคงดูแคลนเมืองเหลียวโจว เงินทุกปีเกรงว่าคงได้น้อยลงไปมาก”
หลี่หรูเจินพูดอย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ว่าวาจานี้เป็นการนำวาจาหลี่เฉิงเหลียงมาบอกต่อ หลี่หรูซงส่ายหน้ากล่าวว่า
“เคลื่อนกำลังเมืองเซวียนฝู่มากมายเพียงนี้ไปเมืองเหลียวโจว หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากราชสำนัก เกรงว่าเป็นความผิดใหญ่ จะว่าไป ท่านพ่อใช้กองทัพปราบพวกเผ่าเคอเอ่อชิ่น พวกในราชสำนักย่อมไม่เห็นว่าจะลำบากตรงไหน ย่อมไม่อนุมัติเร็วเพียงนั้น
“ท่านพ่อจัดการเรียบร้อยแล้ว พี่รองนำเงินไปเมืองหลวงแล้ว ตระกูลหม่ากับตระกูลลี่ก็จะอำนวยความสะดวกให้ พี่ใหญ่รีบเตรียมการเถิด!!”
**************
เรื่องบนโลกนี้กลัวที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ ปกติชายแดนเจ้ารายงานตัดหัวร้อย ข้าก็รายงานตัดหัวสิบ ทุกคนพากันยินดีถ้วนหน้า
แม้แต่หม่าฟางซื้อหัวกับหวังทงไปหลายพัน ยังเก็บไว้เอาออกมาปีละสองสามร้อย เพราะเกรงจะเสียธรรมเนียม ถูกคนสงสัย
แต่การกระทำของหวังทงทำลายธรรมเนียมนี้จนสิ้น ชัยชนะใหญ่ครั้งแรกนอกเมืองเซวียนฝู่ หัวก็หลายพัน ทว่าทางเมืองเซวียนฝู่ซื้อไปไม่น้อย แบ่งสรรกันไป จำนวนที่อยู่กับหวังทงจึงไม่น่าตกใจอันใด แต่พอชัยชนะยิ่งใหญ่นอกด่านกู่เป่ยโข่ว รวมกำลังเมืองจี้โจว เมืองเซวียนฝู่และกองกำลังหู่เวยสามทัพ ตัดมาได้นับหมื่น จับตัวได้หลายพัน ความสำเร็จนี้ทำให้ชายแดนอื่นดูไม่ดี
พอมาครั้งนี้หวังทงยกทัพขึ้นเหนือ ตัดไปหลายหมื่น ตีเมืองกุยฮว่าเฉิงแตก เหมือนว่าหลังทำลายล้างเผ่าอันต๋า แต่ละเมืองชายแดนก็เริ่มนั่งกันไม่ติด
ทุกปีมีเหตุผลนี่นั่นต่อราชสำนัก ขอเงินงบประมาณจากกรมทหาร หากไม่เคยเห็นชัยชนะอันใด แม้ว่าสมคบกับขุนนางในกรมทหาร ร่วมกันตักตวงเงินทอง แต่ก็ต้องมีเหตุผลในการขอ
ชายแดนแผ่นดินหมิง ในบัญชีกรมทหาร ทหารน้อยสุดก็ห้าหมื่น แต่หวังทงนำทหารเพียงสามหมื่น ถึงกับมีชัยยิ่งใหญ่นี้ได้ นี่เป็นเรื่องน่าขายหน้ายิ่ง เช่นกันก็แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่ว่า เหตุใดหวังทงทำได้ พวกเจ้าแต่ละคนทำไม่ได้
ชายแดนนั้น เมืองต้าถงอย่างไรก็เข้าร่วมรบครั้งนี้ เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวหลายปีนี้ก็ชนะศึกหลายครั้ง เมืองต่าง ๆ ทางตะวันตกของเมืองต้าถง เช่น หนิงเซี่ย กานซู กู้หยวน พวกนั้น ก็เสียทีข้าศึกบ่อยๆ แม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ แต่พอหวังทงนำชัยชนะใหญ่มา ทำให้เกิดผลอย่างไร พวกเจ้าไม่ว่ายอมรับหรือไม่ ก็ต้องยอมรับ
แต่เมืองเหลียวโจวนั้นแตกต่าง หลี่เฉิงเหลียงตั้งแต่สร้างชื่อที่เมืองเหลียวโจวก็ค่อยๆ มาถึงตำแหน่งสถานะนี้ เขาไม่ได้อาศัยการสมคบคิด ไม่ได้อาศัยดวง หากอาศัยความสามารถในการรบแท้จริง
ตั้งแต่หลี่เฉิงเหลียงนำทัพมา ทางการได้แต่รายงานชนะศึก ผลงานสั่งสม จึงได้มีแม่ทัพพ่อลูกในวันนี้ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นป๋อในวันนี้
เมืองเหลียวโจวกว้างใหญ่ ราษฎรหลายล้าน ที่นาสมบูรณ์ มีผลผลิตมากมาย ราชสำนักกลับไม่ตั้งเป็นเขตปกครองปกติส่งขุนนางบุ๋นมาดูแล กลับให้เป็นฐานที่มั่นทางการทหาร ทุกอย่างในเมืองเหลียวโจวล้วนมอบให้หลี่เฉิงเหลียงดูแลคนเดียว ลูกชายและพรรคพวกเขาก็มีสถานะสูงส่งกัน ควบคุมพื้นที่เมืองเหลียวโจว ที่นาสมบูรณ์นับไม่ถ้วน ราชสำนักก็ปล่อย
แท้จริงแล้ว ด้วยการค้าเมืองเหลียวโจวกับเผ่าอื่น ที่นาที่ผลิตผลได้ และภาษีเกลือ ภาษีชา ยังมีระยะนี้เริ่มทำการค้ากับเทียนจิน รายได้เมืองเหลียวโจวก็เริ่มเพิ่มพูนมหาศาล พอเพียงเลี้ยงดูกองกำลังเมืองเหลียวโจวได้อย่างสบาย แต่ทุกปีราชสำนักยังต้องส่งงบประมาณให้ เมืองเหลียวโจวได้ไปมากที่สุด
การได้รับการปฏิบัติดีเช่นนี้ หนึ่ง เพราะขุนนางในราชสำนักอย่างไรก็คิดว่านอกด่านรกร้างยากจน ไม่ใช่แผ่นดินเรา ไม่ต้องใส่ใจมาก สอง เพราะหลี่เฉิงเหลียงมีผลงานโดดเด่น ราชสำนักต้องให้การดูแล สำคัญที่สุดก็คือ หลี่เฉิงเหลียงรู้หลักการดี
รู้ว่าหากปราบพวกมองโกลกับเผ่าหนี่ว์เจินราบคาบไป การจะได้เกียรติยศเงินทองก็ย่อมไม่มีมาอีก ขอเพียงเผ่าพวกนี้ยังอยู่ ราชสำนักก็ยังต้องการตน
ดังนั้นเผ่าไท่หนิงที่เป็นเผ่าเล็กมีคนแค่สามพันกว่า หลี่เฉิงเหลียงถึงกับรบติดพันอยู่ได้ตั้งห้าปี เผ่าหนี่ว์เจินเข้าปะทะ สองฝ่ายกำลังอ่อนแอ แต่หลี่เฉิงเหลียงก็ไม่นำกำลังเข้าปราบให้ราบคาบทั้งที่ทำได้ แต่ไรไม่เคยลงแรงจริงจัง เอาแต่ช่วยฝ่ายหนึ่งบ้าง กดอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง
การปล่อยให้คาราคาซังเช่นนี้ ปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ ลาภยศเงินทองตระกูลหลี่ก็ย่อมดำรงต่อไป หลี่เฉิงเหลียงรู้ดีกว่า เพียงแค่เลี้ยงดูโจรพวกนี้ไว้ เพียงแค่ธำรงสถานการณ์นี้ไว้ไม่พอ หากตนเองกำลังไม่พอ ก็ย่อมไม่อาจมีชัย เช่นกันย่อมไม่อาจกำราบพวกนอกเผ่า
ดังนั้นนอกจากเมืองจี้โจวแล้ว เมืองหลี่เฉิงเหลียงครองอำนาจจึงเป็นเมืองที่ฝึกทหารเข้มแข็ง กล้าใช้จ่ายเงินลงไป ในบรรดาทหารหมิง เป็นกำลังทหารในสังกัดที่เข้มแข็งที่สุดก็ว่าได้ เครื่องมืออาวุธก็ดีที่สุด ที่เมืองเหลียวโจว คนตระกูลหลี่ไม่ว่าอาวุธหรือชุดเกราะก็ล้วนมีพร้อมให้ทหารถึง 6,000 นายขึ้นไป นับรวมทหารในสังกัดนายทหารทุกท่าน ก็เรียกได้ว่านับหมื่นทหารม้าก็เรียกรวมพลได้ หากนับทหารทั่วไปที่นำมาเป็นทหารได้ กำลังก็น่าจะราวสองหมื่นกว่า
นี่แค่กำลังส่วนกลาง หากนับรวมกำลังที่อื่นๆ มารวมกันอีก กำลังรบเมืองเหลียวโจวคงไม่ใช่ที่พวกเขาแสดงให้เห็นกันอยู่ตอนนี้
หากไม่มีหวังทง วันเวลาแสนสุขนี้คงธำรงไปอีกหลายปี แต่พอมีหวังทง ก็มีการเปรียบเทียบ หวังทงคนยังน้อยกว่า ใช้เงินน้อยกว่าสร้างชัยได้ยิ่งใหญ่เพียงนั้น เช่นนั้นเมืองเหลียวโจวใช้จ่ายมาหลายปี ให้ประโยชน์แก่หลี่เฉิงเหลียงมากมาย ปล่อยปละเมืองเหลียวโจวเช่นนั้นคุ้มค่าหรือไม่ คงทำให้ขุนนางและฮ่องเต้ หรือแม้แต่ใต้หล้าสงสัย สถานะเมืองเหลียวโจว ลาภยศเงินทองตระกูลหลี่คงสั่นคลอน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางเดียวหลี่เฉิงเหลียงทำได้ก็คือไม่เสียดายเงินทองในการรบให้ได้ชัยในครั้งนี้ และไม่อาจเป็นชัยชนะที่แตกต่างจากหวังทงนักจึงจะพิสูจน์ตนเองได้ จึงจะดำรงสถานะตนให้มั่นคงได้
ตอนนี้หวังทงได้ปราบเผ่าอันต๋าราบแล้ว รอบเมืองเหลียวโจวมีศัตรูใด ก็พวกเผ่าหนี่ว์เจินที่ไม่เท่าไร เผ่าไท่หนิงกับเผ่าเฮยซานก็ไม่พอ หนึ่งเดียวที่ลงมือได้ และยังได้รับการช่วยเหลือจากชายแดนอื่นๆ ก็คือเมืองตัวหลุนทางตะวันตกของเมืองเหลียวโจว ตอนเหนือเมืองจี้โจว เป็นพื้นที่ศูนย์กลางเผ่าเคอเอ่อชิ่น และเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าที่สมบูรณ์ที่สุดของชาวทุ่งหญ้านอกด่าน
การเคลื่อนไหวกองกำลังใหญ่เช่นนี้ ปกติราชสำนักต้องมีความเห็นให้รอบคอบ แต่พอมีตัวอย่างหวังทง ทางหลี่เฉิงเหลียงบอกว่าปีนี้ส่งเบี้ยงบประมาณไปพอจะจัดการการรบได้ แม้ขุนนางราชสำนักไม่หวังให้ขุนนางบู๊มีแบบหวังทงอีก แต่ทัพเมืองเหลียวโจวปราบตะวันตกหลังผ่านการวางแผนมากมายก็ได้รับอนุมัติ