องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 797
วันที่ 12 เดือนห้า หวังทงออกจากหน้าประตูสำนักองครักษ์เสื้อแพร คืนวานเข้าวังและออกจากวังมา คนที่ได้เห็นก็ไม่มากนัก คนที่ได้เห็นหวังทงย่อมกระจายข่าวไป บ้างก็คิดว่าไม่จริง หลายคนคิดว่าหวังทงกลับมาก็ย่อมต้องพักผ่อนหลายวันสักหน่อย คงไม่รีบร้อนไปปฏิบัติงานที่ทำการ
ดังนั้นหลังได้เห็นหวังทง คนส่วนใหญ่ล้วนพากันตกตะลึง จากนี้จึงค่อยเข้ามาคำนับทักทาย ข่าวลือส่วนข่าวลือ หวังทงสถานะรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรยังคงอยู่
หวังทงทักทายนุ่มนวล ก้าวเข้าไปด้านใน ยังไม่ทันถึงห้องทำงาน ก็มีนายกองร้อยองครักษ์เสื้อแพรผู้หนึ่งรีบวิ่งมา คำนับทักทายมาแต่ไกล
ผู้นี้หวังทงรู้จัก คนติดตามของผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรลั่วซือกง ด้วยสถานะหวังทงตอนนี้ ลั่วซือกงมาต้อนรับก็สมควร กลับส่งนายกองร้อยมา ตามปกติวิสัยลั่วซือกง นับเป็นเรื่องแปลก
“ใต้เท้าหวัง ผู้บัญชาการลั่วส่งข้าน้อยมาแจ้งข่าวว่า อยู่ๆ รู้สึกเวียนหัว รีบกลับบ้านไปตามหมอมาดูอาการก่อน เรื่องต่างๆ ในสำนักองครักษ์เสื้อแพรมอบให้ใต้เท้าหวังดูแล”
หวังทงขมวดคิ้ว องครักษ์เสื้อแพรเป็นหน่วยงานสำคัญอันดับหนึ่งของราชสำนัก ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรนี้ใครได้มาเป็น ก็ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ แม้บอกว่าตอนนี้หวังทงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว แต่อย่างไรก็ไม่ควรมีละครที่ลั่วซือกงกำลังเล่นอยู่ตอนนี้
เห็นหวังทงขมวดคิ้ว นายกองร้อยผู้นั้นรีบดึงเอกสารสองสามแผ่นออกมามอบให้ พอหวังทงรับไป นายกองร้อยผู้นี้ก็ยิ้มอธิบาย กล่าวว่า
“ผู้บัญชาการลั่วสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่อยากให้เสียการงาน กลับไปก็เขียนฎีกาถวายฝ่าบาทขออำลาจากตำแหน่ง มีเอกสารสองสามฉบับขอใต้เท้าหวังให้ปฏิบัติงานต่างๆ แทน ปิดผนึกอยู่ในห้องทำงานแล้ว ใต้เท้าต้องการ ข้าน้อยจะรีบไปนำมาให้”
บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง หน่วยงานอย่างองครักษ์เสื้อแพรระดับนี้มีการเปลี่ยนแปลง ล้วนต้องมีระเบียบ ตระกูลลั่วซือกงเป็นองครักษ์เสื้อแพรมาหลายสมัย กลับมาทำเหมือนเป็นเรื่องเด็กเล่นเสียได้
หวังทงขมวดคิ้วหนักขึ้น แต่ก็ยังรับเอกสารมากวาดตามอง เขียนไว้ว่าตนเองอยู่ๆ ล้มป่วยกะทันหัน หน้ามืดตาลายไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ เกรงทำให้งานเสียหาย ผิดต่อที่ทรงไว้วางพระทัย ดังนั้นจึงกลับไปรักษาอาการก่อน จากนั้นให้หวังทงปฏิบัติหน้าที่แทนไปก่อน จับเอกสารอ่านไปมา อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเหนียวที่นิ้วมือ ดูให้ดี หมึกยังไม่ทันแห้ง เห็นชัดๆ ว่าเพิ่งเขียนเสร็จไม่นาน
เห็นลายมือก็รู้ว่าเป็นลายมือของคนสนิทลั่วซือกง หวังทงมองนายกองร้อยผู้นี้สองสามที นายกองร้อยผู้นี้ยิ่งก้มหน้างุด สีหน้าพยายามฝืนยิ้ม
“ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปได้แล้ว นำวาจาข้าไปยังผู้บัญชาการลั่ว ให้พักผ่อนรักษาสุขภาพ วันหน้าข้าจะไปเยี่ยม”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ นายกองร้อยผู้นั้นรีบยืนขึ้นออกไป ราวกับได้รับการอภัยโทษ หวังทงรู้สึกมึนงง หันกลับไปมองหยางซือเฉิน หยางซือเฉินส่ายหน้าเช่นกัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
ลั่วซือกงไปรักษาอาการป่วย รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเหรินต้าถงและผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหยางจั้นก็ไม่เห็นหน้า นับดูแล้วไม่ใช่เทศกาลอันใด หากทุกคนมีธุระพร้อมกันก็บังเอิญเกินไปหน่อยกระมัง
หวังทงเดินเข้าไปในห้องทำงานนั่งลง นายกองร้อยโหวเจินแห่งกองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรก็มาขอพบ ตอนหวังทงเพิ่งมาถึงสำนักองครักษ์เสื้อแพรใหม่ๆ โหวเจินเป็นคนแรกสุดที่เข้ามาใกล้ชิด หวังทงไว้ใจ โหวเจินทำงานได้ว่องไวขยันขันแข็ง มักจะมีข่าวมาแจ้งเสมอ มาส่งข่าวเรื่อยๆ
คนผู้นี้มีภาพเป็นคนหวังทง แต่ตอนหวังทงกลับถึงเมืองหลวงก็กะทันหันมาก โหวเจินไม่รู้ เรียกได้ว่าปกติ ข่าวเมื่อคืนก็ใช่ว่าจะมาถึงเขา เขาไม่รู้ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่พอหวังทงก้าวเข้าประตูสำนักองครักษ์เสื้อแพร โหวเจินไม่ได้มาต้อนรับ นี่ไม่ค่อยถูกต้องนัก
เมื่อก่อนโหวเจินเข้ามา หวังทงย่อมยิ้มแย้มอยู่มาก หากวันนี้กลับถามเสียงเรียบขึ้นว่า
“กองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรมีเรื่องอันใดหรือ?”
เห็นปฏิกิริยาหวังทง โหวเจินเองก็หนาวเยือกในใจ แต่ก็ยังปรับอารมณ์ได้ไว ยิ้มกล่าวว่า
“ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับชัยชนะยิ่งใหญ่ของใต้เท้าด้วย สร้างความชอบใหญ่เช่นนี้ ฝ่าบาทย่อมพระราชทานรางวัลใหญ่แน่นอน ถึงตอนนั้นใต้เท้ายิ่งใหญ่เรืองยศไปหลายชั่วอายุคน ข้าน้อยขอแสดงความยินดีล่วงหน้า!!”
โหวเจินเองก็รู้สึกได้ว่าท่าทีหวังทงเปลี่ยนไป กล่าวว่าแสดงความยินดีครั้งที่สองนั้น ก็ลงไปคุกเข่าที่พื้นแล้ว ยิ้มแย้มโขกศีรษะ หวังทงพลิกเอกสารในมือไปมา ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง หากถามขึ้น
“ผู้บัญชาการลั่ว วันนี้มาแล้วยัง?”
โหวเจินอึ้งไป ทว่ารีบตอบว่า
“เช้านี้ผู้บัญชาการลั่วมาแล้ว แต่เมื่อครู่รีบออกไปทางประตูหลัง รองเหรินและผู้ช่วยหยางก็เช่นกัน”
หวังทงพยักหน้า เอาเอกสารไปไว้ที่โต๊ะ กล่าวว่า
“เจ้ากลับไปทำงานก่อน มีเรื่องอันใดข้าค่อยตามเจ้ามา”
โหวเจินรู้สึกได้ถึงความเหินห่างของหวังทง แต่ฉีกยิ้มร่าโขกศีรษะคำนับออกไป
พอโหวเจินออกไป หวังทงก็กล่าวกับหยางซือเฉินว่า
“เพิ่งก้าวเข้ามา ทำไมรู้สึกแปลกไปมาก เจ้าไปตามให้คนชงน้ำชามาหน่อย”
หวังทงมีสายเป็นหูเป็นตาในสำนักองครักษ์เสื้อแพร คนพวกนี้ปกติคนนอกไม่รู้ว่าเป็นสายที่หวังทงวางไว้ ในเมื่อไม่รู้ พูดอันใดก็ย่อมไม่ทันระวัง ข่าวก็ย่อมรวบรวมมาได้
หยางซือเฉินรับคำสั่งออกไป ไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงทักมา องครักษ์เสื้อแพรนายหนึ่งยกน้ำชาเข้ามา พอเห็นแต่งกายแบบทหารทั่วไป คนระดับนี้ในสำนักผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรก็ย่อมเป็นแค่เจ้าหน้าที่รับใช้ ธรรมดาที่สุด ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
พอทหารเข้ามาปิดประตูลง หวังทงก็ถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อมทันที ทหารผู้นั้นวางชาลงยืนครู่หนึ่งก็รายงานเบาๆ ว่า
“ข้าน้อยไม่บังอาจกล่าววาจาเหลวไหล ไม่รู้ว่าพวกใต้เท้าลั่วซือกงเหตุใดจึงรีบจากไปเช่นนั้น”
หวังทงรู้สึกผิดหวัง คนเบื้องหน้าตอบเป็นกลางๆ ท่าทีปกติ กำลังจะออกไป ก็ได้ยินคนผู้นั้นกล่าวว่า
“ก่อนหน้านี้ข้าน้อยได้ยินใต้เท้าลั่วคุยในห้องน้ำชา ตอนยกเข้าไป มีคนรายงานช่าวลือในเมือง ไม่เป็นผลดีต่อการนำทัพขึ้นเหนือของท่าน ใต้เท้าลั่วกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องของทหารในพระองค์ ไม่ต้องสนใจ หลังข้าน้อยได้ยิน ก็ไม่ได้ยินเรื่องพวกนี้อีก และไม่กล้ารับรองได้ วันนี้ใต้เท้าถามถึง ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่”
ได้ยินคนผู้นี้กล่าวเช่นนี้ หวังทงเงียบไปก่อนจะเข้าใจที่มาที่ไปกระจ่าง ยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าทำงานได้ไม่เลว สมองคิดกระจ่างดี ปฏิบัติหน้าที่ดีๆ วันหน้าย่อมมีผลประโยชน์ดีๆ ให้เจ้าไม่น้อย!”
ทหารรีบคำนับขอบคุณ รอทหารออกไป หยางซือเฉินเข้ามา หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“ท่านหยางทำงานที่สำนักองครักษ์เสื้อแพรนี่ทุกวัน กลับไม่ได้ยินเรื่องราวมากมาย ท่านรู้ไหมว่าพวกลั่วซือกงทำไมจึงรีบไปกัน? ข่าวลือหนาหูใน พวกเขาไม่ไปจัดการ เรื่องนี้มีความรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ก็ไม่รู้ได้แล้ว”
หยางซือเฉิน พอได้ยินเช่นนี้ ก็รีบคำนับขอรับโทษ สีหน้าละอายใจ หวังทงโบกมือ แค่นยิ้มกล่าวว่า
“คนพวกนี้อยากให้ข้าล้ม หากข้าถูกเบื้องบนระแวง ตำแหน่งย่อมถูกเรียกคืน ดังนั้นสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อข้าพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ไปจัดการ ยังแอบส่งเสริมลับหลังอีก ตอนนี้เห็นข้ากลับมา รู้ว่าทุกอย่างไม่เป็นผล เกรงว่าข้าจะตำหนิต่อหน้า ดังนั้นจึงหลบไปก่อน!”
************
ข่าวหวังทงกลับมาแพร่กระจายวงไม่กว้างนัก พวกขุนนางบัณฑิตที่อ้างตัวเป็นคนรู้ไปหมดแท้จริงแล้วเป็นพวกการข่าวไม่ได้เรื่องกลุ่มหนึ่ง พวกบัณฑิตที่ยังไม่มีตำแหน่งไม่ต่างกับพวกราษฎรที่ไม่มีความชอบ
ตอนนี้เรื่องที่ราษฎรคุยกันมากที่สุดก็คือ ชัยชนะใหญ่ปราบชายแดนเหนือของใต้เท้าหวัง ราษฎรเมืองหลวงยังจดจำเรื่องราวที่พวกนอกด่านตีมาถึงเมืองหลวงได้อยู่ ล้วนฟังจากรุ่นพ่อรุ่นปู่เล่ามา เผ่าอันต๋านอกด่านตีมาถึงกำแพงเมืองหลวง กองกำลังสังกัดวังหลวงและสำนักอาชาหลวงออกไปต่อสู้ตายไปหลายประตูเมือง
พอคิดถึงทัพใหญ่พวกนอกด่านยกทัพมาแล้ว ทุกคนก็พากันหนาวสันหลัง หวังทงเพิ่งนำทัพไป พวกเขากังวล ตอนข่าวขาดหายไป พวกเขาโมโหโกรธแค้น พอได้ยินชัยชนะยิ่งใหญ่ของหวังทง สังหารเผ่าอันต๋าแทบสิ้น พวกเขาก็ดีใจจากใจ
ข่าวชัยชนะยิ่งใหญ่มาถึงเมืองหลวงได้ระยะหนึ่งแล้ว ทว่าเรื่องที่คุยกันตามท้องถนนก็ยังคงเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ดังเดิม เรื่องสนทนาในร้านน้ำชาหรือในโรงงิ้ว ขอให้เป็นเรื่องชัยชนะใหญ่ก็ล้วนเรียกความสนใจจากทุกคนให้ร่วมวงสนทนาได้
เทียบกับความดีใจในหมู่ชาวประชาแล้ว พวกบัณฑิตกลับแตกต่าง ร้านค้าระดับสูงสักหน่อย เช่นร้านน้ำชา ร้านสุรา หรือสมาคมต่างๆ รวมทั้งหอคณิกา และตามจวนบัณฑิตขุนนาง สถานที่มีบัณฑิตชอบไปรวมตัวกัน กลับคุยเรื่องชัยชนะใหญ่ครั้งนี้ของหวังทงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เริ่มจากต้องการสร้างความชอบเพื่อตัวเอง ไม่สนใจภัยใต้หล้า ในที่สุดก็ได้รับผลกรรมไป ตายภายใต้เงื้อมมือพวกนอกด่าน ช่วยแผ่นดินหมิงขจัดภัยร้าย มาถึงตอนนี้ หวังทงอ้างความชอบลืมตน ปล่อยปละวินัยทหาร จิตใจโหดเหี้ยมชั่วร้าย จะต้องเป็นภัยต่อแผ่นดิน……
มีบัณฑิตรักชาติผู้หนึ่งกล่าวว่า หวังทงขยายอิทธิพลแผ่นดินกว้างไกล ช่างเหมือนสมัยฮั่นและถัง หากคนที่ออกมาพูด ก็ถูกคนต่อต้านว่าสมองเลอะเลือน นานวันเข้า ผู้ใดก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งที่ค้านกับความคิดทุกคนอีก
ณ สมาคมซูโจวในเมืองหลวง กระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงที่สุด บัณฑิตที่อยู่เมืองหลวงตื่นเช้ามากันที่นี่ ชงน้ำชาอ่อนๆ เริ่มบทสนทนาสัพเพเหระ หลายวันก่อนได้ฟังขุนนางบัณฑิตชิงหลิวสองคนป่าวประกาศ ตอนนี้เป็นรายการสำคัญที่ทุกคนรอคอย สองคนนี้เป็นคนของเสนาบดีเหยียนชิง คนหนึ่งอยู่กรมพิธีการ อีกคนอยู่กรมอากร ล้วนเป็นนายกอง มีอาจารย์เช่นเหยียนชิงหนุนหลัง วันหน้าย่อมมีอนาคตไกล
บุคคลเช่นนี้ ทุกคนย่อมอยากประจบเอาใจ มีน้ำใจกันไว้ วันหน้าอาจได้ประโยชน์ และสองคนนี้ก็พูดจาได้ไม่เลวจริงๆ กล่าวได้น่าฟัง หวังทงเป็นขุนนางบู๊ต่ำต้อย อาศัยวิชามารเอาพระทัยฝ่าบาท อาศัยอันใดได้ตำแหน่งสูงเช่นนั้น และยังมีความชอบเช่นนั้นอีก
“ทุกท่าน คนเช่นหวังทงจิตใจชั่วร้าย เหตุใดมีชัยชนะใหญ่กลับมาจึงได้ปล่อยปละวินัยทหารเช่นนั้น ก็เพราะคิดแผนชั่วไว้ ทุกท่าน…….”
การกล่าวกำลังจะเริ่ม ทุกคนกำลังล้อมวงฟัง พูดได้ไม่กี่คำ ด้านนอกก็มีคนตะโกนดังมาว่า
“ใช่จางป๋ออวี่กับหลี่กวงถิงไหม?”
ทุกคนมองตามเสียงไป เห็นทหารองครักษ์เสื้อแพรสองสามนายยืนอยู่ด้านนอก……
Comments for chapter "ตอนที่ 797"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
yoyo
เรียบร้อยไอ้พวกมือไม่พายเอาตีนราน้ำ