องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 810
ผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงนำทัพเมืองเหลียวโจวออกศึกยึดเมืองตัวหลุน หากไม่มีการนำชัยเหนือเมืองกุยฮว่าเฉิงของหวังทงมาก่อน เกรงว่าคงเป็นครั้งแรกของแผ่นดินหมิงเกือบร้อยปีมานี้ ใต้หล้าย่อมให้ความสนใจ
ตั้งแต่การรบที่อิงโจวสมัยรัชศกเจิ้งเต๋อมา แผ่นดินหมิงก็ไม่เคยเคลื่อนทัพใหญ่เช่นนี้ ทว่าหวังทงนำทัพสามหมื่นออกปราบเมืองกุยฮว่าเฉิง ทำลายราบ หลี่เฉิงเหลียงนำทัพปราบตะวันตก จึงไม่ได้ดูอลังการอันใด ชัยชนะใหญ่ของหวังทงเช่นนี้ ทำให้การออกรบของหลี่เฉิงเหลียงไม่เพียงแต่ไม่มีคนสนใจ กลับทำให้รู้สึกหวาดกลัว
ทัพใหญ่ออกศึก แพ้ชนะยากคาดเดา หากหวังทงพิชิตเหนือ หลี่เฉิงเหลียงพิชิตตะวันตก หลี่เฉิงเหลียงอยู่ในอำนาจวาสนามาหลายปี หลายปีบนชื่อเสียงเกียรติยศ ทั้งตระกูลหลี่คงต้องถูกสงสัยแล้ว
ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรคนใหม่หวังทงนำชัยกลับมา มีอิทธิพลมากในราชสำนักเช่นนี้ คนที่รู้สึกว่าถูกหวังทงคุกคามส่วนใหญ่ล้วนอยากให้หลี่เฉิงเหลียงนำชัยชนะใหญ่กลับมา
มีเพียงชัยชนะใหญ่พิชิตตะวันตกของหลี่เฉิงเหลียงเท่านั้นจึงจะทำให้ชัยชนะของหวังทงไม่เป็นที่แสบตาผู้อื่น จึงสามารถทำให้ความระแวงของราชสำนักต่อรางวัลพระราชทานของหวังทงว่ามากไปหรือไม่ ว่าให้อำนาจมากไปหรือไม่นั้นเบาลง
หลังพิธีสวนสนามฉลองชัย ขุนนางใหญ่ในราชสำนักต่างก็ยิ่งร้อนใจ หลายวันต่อมา ข่าวที่พวกเขาต้องการจากตะวันออกเฉียงเหนือก็มาตามคาด ผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงนำทัพออกปราบเมืองตัวหลุนของเผ่าเคอเอ่อชิ่น รายงานด่วนชัยชนะใหญ่มายังเมืองหลวง
ข่าวแบ่งเป็นสองสาย หนึ่งส่งไปยังกรมทหาร หนึ่งส่งเข้าวัง ข่าวทางกรมทหารก็เป็นที่รู้กันอย่างรวดเร็ว แพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงนำทัพออกปราบตะวันตกเลือกเวลาได้ดี มีเผ่าบนทุ่งหญ้านอกด่านโดนปราบนำร่องไปก่อน ตั้งแต่ออกจากเมืองเหลียวโจวก็กวาดทุ่งหญ้านอกด่านไปตลอดเส้นทางเสียราบคาบ
เผ่าเล็กมากมายมีเพียงสามทางให้เลือก หนึ่งรบจนตาย สองหนีตายไปก่อน สาม สวามิภักดิ์ทัพหมิง ก่อนสงคราม เมืองเหลียวโจวก็มีหัวศัตรูราวสามพันแล้ว
เผ่าอันต๋าไม่อาจไร้เมืองกุยฮว่าเฉิง เผ่าเคอเอ่อชิ่นก็เช่นกันไม่อาจไร้เมืองตัวหลุน ไม่มีทุ่งหญ้าอุดมผืนนี้แล้ว คนนับแสนนับหมื่นจะไปรวมตัวกันที่ใด ไม่อาจรวมเป็นหนึ่งกันได้อีก บนทุ่งหญ้านอกด่านอยู่กันกระจัดกระจายก็เท่ากับสิ้นแล้ว
เผ่าเคอเอ่อชิ่นที่ถูกดูแคลนมาตลอดยามนี้สัญญาไว้มากมาย ร่วมสานสัมพันธ์กับแต่ละเผ่าใหญ่บนทุ่งหญ้าตะวันออกเพื่อขอกำลังมาต่อสู้กับทหารหมิง
เผ่าอันต๋าถูกทำลายลง ราชนิกุลสูญสิ้น ท่านชายในราชนิกุลมากมายถูกสังหาร ข่าวนี้แพร่มาถึงที่นี่ แต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้าย่อมตกใจ อยู่ๆ ทหารหมิงก็มีกำลังเข้มแข็งเช่นนี้ได้ ประเด็นสำคัญก็คือ แต่ไรไม่เคยรุกเข้ามา อยู่ๆ แผ่นดินหมิงกลับมีกำลังโจมตีเช่นนี้ได้ แผ่นดินผืนใหญ่เช่นนี้อยู่ๆ รบเก่งขึ้นมา ทุ่งหญ้านอกด่านจะไปต่อต้านได้อย่างไร
มีคนเล่าว่าที่เมืองกุยฮว่าเฉิงดูแลคนเผ่าอื่นที่ไม่ใช่เผ่าอันต๋าอย่างดี ก็มีคนนำพาเผ่ามาลองเสี่ยงโชคกันดู แต่ก็มีคนไม่น้อยที่พยายามห่างจากเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ไกลเท่าไรยิ่งดี
พอหลี่เฉิงเหลียงนำทหารเมืองเหลียวโจวออกรบ พวกตะวันออกบนทุ่งหญ้านอกด่านก็พากันแตกตื่น ไปทางตะวันตกก็เป็นเมืองกุยฮว่าเฉิงที่แผ่นดินหมิงยึดครองไปแล้ว ที่นั่นว่ากันว่าเป็นที่ตั้งกองทัพของหวังทงอยู่ในตอนนี้ หวังทงมีชื่อเสียงบนทุ่งหญ้านอกด่านว่ารบไม่เคยพ่าย ขึ้นเหนือไปก็มีแต่ทะเลทราบ ยามนี้ม้าวัวผอมแห้งกันมาก ออกทุ่งหญ้านอกด่านไปไม่รู้จะตายอีกกี่คน ตายอีกกี่ตัว ไปทางนั้น ทหารเมืองจี้โจวก็แตะต้องไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ทันรู้ตัว เผ่าเคอเอ่อชิ่นก็ถูกบีบสิ้นหนทาง แต่ข่านเผ่าเคอเอ่อชิ่นครั้งนี้เรียกรวมกำลังไม่ได้ลงแรงอันใด กับเผ่าต่างๆ ก็มิได้ให้คำมั่นสัญญาผลประโยชน์อันใด ความอยู่รอดยามนี้ทำให้ทุกเผ่าบนทุ่งหญ้านอกด่านรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน
เผ่าใหญ่ต่างๆ เช่น เผ่าฮาลาชิ่น เผ่าตั่วเหยียน ก็ล้วนส่งกำลังตนเองมาช่วย เผ่าตั่วเหยียนยังได้ชื่อว่ากำบังแผ่นดินหมิง เป็นพันธมิตรแผ่นดินหมิงบนทุ่งหญ้านอกด่าน แต่ครั้งนี้กลับส่งทหารม้ามาช่วยเผ่าเคอเอ่อชิ่น
ตะวันออกของเมืองตัวหลุน ทหารม้าพวกนอกด่านรอรับทัพเมืองเหลียวโจวถึงห้าหมื่นนาย ทัพหลี่เฉิงเหลียงกับคนของเขาราวหนึ่งหมื่น ยังมีทหารติดตามจากเมืองเหลียวโจวอีกเกือบหมื่น นี่เป็นทหารเก่งกล้าถึงสองหมื่น นอกจากนี้ยังมีทหารที่ส่งมาอีก ทัพใหญ่นี้จึงมากกว่าหกหมื่น
ทหารม้าพวกนอกด่านแม้มีห้าหมื่น แต่เทียบกับทหารกล้าเมืองเหลียวโจวแล้วก็พอกัน การรบศึกนี้เมืองเหลียวโจวมีแววแห่งชัยชนะอยู่มาก…….
ผลการรบก็เป็นไปตามวิเคราะห์บนกระดาษนี้ เมืองเหลียวโจวได้ชัยชนะยิ่งใหญ่
****************
“เรื่องที่เราได้ทำในปีนี้ ตอนบวงสรวงบรรพชนจะให้กล่าวถึงในคำเซ่นสรวงด้วย”
ตอนรายงานมาก็บ่ายแล้ว ฮ่องเต้ว่านลี่ประทับอยู่กับพระสนมเอกเจิ้ง ค่อนข้างดีพระทัยมาก ต่อหน้าขันทีและขุนนางราชสำนักต้องเก็บท่าที แต่ต่อหน้าผู้หญิงของตน ฮ่องเต้ว่านลี่ก็เผยความเป็นพระองค์ออกมามาก
พระสนมเอกเจิ้งพระวรกายอ้วนขึ้นไม่น้อยแล้ว ยิ้มมองฮ่องเต้ว่านลี่ ตรัสเบาๆ ว่า
“เป็นเพราะพระปรีชาฝ่าบาท ไม่เช่นนี้จะมีขุนพลกล้าหาญมากความสามารถได้อย่างไร จะได้รับชัยชนะใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร”
ฮ่องเต้ว่านลี่หัวเราะดังลั่น เคาะรายงานด่วนในพระหัตถ์ไปมา ตรัสว่า
“เป็นเพียงรายงานด่วน ผลการรบยังต้องรออีกสองสามวันจึงจะมาถึง ทว่าสำนักบูรพากับองครักษ์เสื้อแพรน่าจะได้รายงานก่อนฟ้ามืด!”
ทัพใหญ่เช่นนี้ สำนักบูรพากับองครักษ์เสื้อแพรย่อมต้องส่งสายสอดแนมเอาไว้ นี่เป็นเรื่องที่เหมือนไม่เปิดเผยแต่ก็รู้กัน ขุนพลทั้งหลายล้วนรู้กันดี
ทัพใหญ่ออกศึกหากเกี่ยวพันถึงจดหมายรายงานราชสำนัก ก็เป็นเรื่องเป็นทางการค่อนข้างมาก แต่รายงานจากสายสืบสำนักบูรพากับองครักษ์เสื้อแพรนั้นกลับส่งรายงานมามากกว่า และข่าวอาจไม่จริงนัก หากมีข่าวมาไม่ขาด เบื้องบนจะได้รู้ข่าวสารใหม่ๆ เร็วที่สุด สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
พระสนมเอกเจิ้งมีพระวรกายเช่นนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ไม่อาจอยู่ต่อ คืนนี้ต้องไปห้องทรงอักษรอ่านฎีกาที่ส่งมาเสียหน่อย
“…….รบครานี้ตัดหัวมาได้ห้าพันกว่า เมืองเหลียวโจวบาดเจ็บล้มตายไปห้าพันกว่า…….”
ฮ่องเต้ว่านลี่อ่านรายงาน พลางส่ายพระพักตร์ ตายพอๆ กัน แต่ผลการรบนี้หากไม่นับชัยชนะเมืองกุยฮว่าเฉิง ใช้มาตรฐานทั่วไปแผ่นดินหมิงของกรมทหารมานับแล้ว ก็เรียกได้ว่าชัยชนะยิ่งใหญ่เช่นกัน หากก่อนหน้าตัดมาสามพัน ทั้งหมดก็รวมแปดพันกว่าหัว ชัยชนะนี้เรียกได้ว่ารุ่งโรจน์เช่นกัน
เผ่าเคอเอ่อชิ่นกับเผ่าบนทุ่งหญ้าประสานกำลังกันถูกตีพ่ายไป ถูกขับไล่ออกไปนอกเขตทุ่งหญ้าเมืองตัวหลุน บรรลุวัตถุประสงค์การรบแล้ว
ตามรายงานสำนักบูรพา ก่อนการรบ ทหารเมืองเหลียวโจวก็มั่นใจเต็มที่ คิดว่าพวกนอกด่านก็ไม่เท่าไร แต่พอออกศึก ขุนพลเมืองเหลียวโจวฉินเต๋ออี่กลับมีผู้ทรยศ
ตลอดทางมีเผ่าเล็กมากมายมาขอสวามิภักดิ์ เมืองเหลียวโจวจัดให้พวกเขาอยู่รอบนอก ตอนออกศึกก็ให้พวกเขากั้นปืนใหญ่อยู่ด้านหน้า สถานการณ์เช่นนี้ เผ่าเล็กพวกนั้นแม้ว่าไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่ทำตาม
แต่ในเมื่อเป็นสหายร่วมรบ การป้องกันจึงหละหลวม ก่อนหน้าออกศึก ก็มีคนเกือบพันจากเผ่าเล็กทางปีกข้างฝั่งฉินเต๋ออี่อยู่ๆ คิดทรยศ
เมืองเหลียวโจวก็ช่างเป็นกองทหารแข็งแกร่ง เกิดเหตุในยามคับขัน อยู่บนสนามรบอีก ทหารติดตามฉินเต๋ออี่รีบรวมกำลังปราบปรามทหารม้าเผ่าเล็กพวกนั้นได้ทันการณ์
แต่น่าตายนัก เผ่าเคอเอ่อชิ่นทุ่มกำลังทหารม้าห้าพันมาทางนี้ ทหารม้าห้าพันนี้เดิมแสร้งว่าเป็นพวกเผ่าอ่อนแอมาของหลบภัย ทหารม้าห้าพันนี้อยู่ๆ มาโจมตี ฉินเต๋ออี่ก็ย่อมต้านทานไม่อยู่ ทหารราบเริ่มแตกพ่าย คนงานก็แตกกระจัดกระจายราวกับแมลงวันไร้หัว
แต่ที่พวกนอกด่านเรียกว่า ทหารม้า นั้นเทียบกับทหารกล้าเมืองเหลียวโจวแล้ว ยังห่างกันไกลนัก หลี่หรูป๋อนำทัพตระกูลหลี่ออกรบ ก็สามารถโจมตีทหารม้าพวกนอกด่านห้าพันแตกกระเจิงทันที
จากนั้นสถานการณ์การรบก็ไม่มีอันใดน่ากังวลอีก ทัพใหญ่เมืองเหลียวโจวมีทหารม้าเบิกทาง ทหารราบตามมาด้านหลัง บุกเข้าใส่ฐานทัพของพวกนอกด่าน
ยามเผชิญกับทหารม้าเมืองเหลียวโจวที่มาในชุดเกราะอาวุธพร้อมและชำนาญศึก กำลังหลักทหารม้าพวกนอกด่านย่อมไม่อาจต้านทานได้ ได้แต่ถอยไปเรื่อยๆ
ทว่าแต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้ารวมกำลังกันก็เหนือความคาดหมายของหลี่เฉิงเหลียง ทหารกล้าเผ่าเคอเอ่อชิ่นใช้วิธีการต่อต้านแบบยอมแลกชีวิตไปด้วยกัน ทำให้กองทหารตระกูลหลี่บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อยด้วยเหตุนี้
พอทหารตระกูลหลี่เริ่มสูญเสียเกินพันนาย หลี่เฉิงเหลียงก็หยุดโจมตี พวกนอกด่านตอนนั้นก็ถูกตีพ่ายไปไม่น้อยแล้ว เอาแต่ถอยทัพอย่างเดียว
ในฐานะแม่ทัพใหญ่แล้ว หลี่เฉิงเหลียงบอกว่ามีชัยแล้ว ต่อมาก็กลับฐานทัพได้ เรื่องนี้ไม่มีใครหาความได้ การรบนี้ทหารราบหมิงกับคนงานตายไปห้าพัน เผ่าเคอเอ่อชิ่นสูญเสียกำลังหลักไปห้าพันกว่า กอปรกับครั้งนี้ออกรบ จากเมืองเหลียวโจวมุ่งตะวันตก บรรดาเผ่าเล็กที่ถูกขับไล่ ถูกตีพ่าย ถูกตัดหัวไปมาก ทุ่งหญ้านอกด่านรวบรวมพื้นที่ได้เป็นผืนใหญ่ สงบสุขไปได้อีกสิบปี ก็นับเป็นความชอบใหญ่เช่นกัน
รายงานจากสำนักบูรพาว่าตัดไปห้าพันกว่า รายงานด่วนก่อนหน้าก็รวมกันก็รวมเป็นแปดพันกว่า ตามธรรมเนียมแล้ว หลังรายงานมายังเมืองหลวง ก็คุยโวเป็นสองหมื่น
หวังทงตัดไปห้าหมื่น ทางนี้ก็ราวสองหมื่นกว่า หวังทงก็อาจคุยโวก็ได้ เทียบกันแล้ว ก็พอๆ กัน
ทว่า คนที่รู้เรื่องดี ความชอบหวังทงเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เทียบกันได้อย่างไร……
“รายงานว่าทหารตระกูลหลี่ตายไปนับพันนาย หลี่เฉิงเหลียงไปจนถึงหลี่หรูป๋อ เจ็บปวดใจเสียดายยิ่งนัก ดีนะ ทหารพวกนี้เป็นเงินเลี้ยงดูจากราชสำนัก ถึงกับเป็นสมบัติส่วนตัวไปได้”
ฮ่องเต้ว่านลี่ทอดพระเนตรแล้วก็เพียงแค่นยิ้มเยียบเย็น จางเฉิงยิ้มกล่าวว่า
“ฝ่าบาทตามรายงานสำนักบูรพา ตอนนั้นหวังทงนำกองกำลังหู่เวยบุก ทัพเมืองจี้โจวกลับรักษาที่มั่นตนเองไว้”
ฮ่องเต้ว่านลี่ถอนหายใจ ตรัสว่า
“เมืองเหลียวโจว ครั้งนี้มีแต่ทหารกล้าออกศึก พวกเผ่าเคอเอ่อชิ่นแย่กว่าพวกอันต๋าตั้งเท่าไร แต่ก็ยังรบออกผลเช่นนี้ได้ ฉายาที่ได้ไปว่ายอดแม่ทัพชายแดน คิดไม่ถึงว่าเทียบกับหวังทงแล้ว……”
ตรัสถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็เงียบไป วางเอกสารในพระหัตถ์ลง พิงพนักที่ประทับ จางเฉิงรู้สึกงง หากเป็นเมื่อก่อน ฮ่องเต้ว่านลี่ย่อมต้องตรัสให้จบ หรือไม่ก็เสียดสี หรือไม่ก็ชมเชย อยู่ๆ เหตุใดจึงเงียบไป
“ถึงกับแข็งแกร่งเพียงนี้ ……”
ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย