องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 814
เสากระโดงเรือที่ซุนต้าไห่ว่ามานั้น เป็นคำพูดแบบรู้กันในวงการโจร หมายถึงพวกโจรที่ผ่านมา ท่าเรือส่วนตัวที่จินโจวมีพวกเสากระโดงเรือ ก็ย่อมหมายถึงว่ามีโจรสลัด
เทียนจินเป็นแหล่งรวมการค้าจากทั้งทางบกและทางทะเล หวังทงเริ่มแรกก็เตรียมป้องกันพวกโจรสลัดไว้แล้ว หลังปะทะกันดุเดือด และใช้ผลประโยชน์ชักจูง จึงได้ทำให้โจรสลัดใหญ่บนท้องทะเลอย่างเสิ่นหวั่งมาเปิดร้านที่เทียนจินได้ จากนั้นก็ค่อยๆ สร้างกำลังตนเองบนท้องทะเล ท้องทะเลเทียนจินจึงค่อยๆ ปลอดภัย จากนั้นก็มีอีกกลุ่มหนึ่งอย่างซาต้าเฉิงมาอยู่เทียนจิน ทำให้ความปลอดภัยบนท้องทะเลยิ่งมีเสถียรภาพมั่นคง
ทว่าทุกอย่างล้วนเป็นความพยายามของหวังทง หวังทงเป็นทุกอย่าง หนักแน่นดังขุนเขาไท่ซาน หากไร้หวังทง ก็ย่อมกระจัดกระจาย เทียนจินผืนงามนี้ ก็ย่อมมีสัตว์ร้ายบนท้องทะเลคิดกลืนกิน
หวังทงนำทัพปราบเผ่าอันต๋า ณ เมืองกุยฮว่าเฉิง ข่าวขาดการติดต่อ ในราชสำนักมีคนมากมายคิดว่าหวังทงตายไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อค้าเทียนจินและคนอื่นๆ แม้ว่ามั่นใจ ก็อดใจเต้นตุ๊มต่อมไม่ได้ มีคนคิดจะเสี่ยงดูสักตั้ง ยากจะไม่หวังในของที่ไม่ใช่ของตน
เทียนจินมีเรือรบของตนเอง มีสายบนท้องทะเล เขตปกครองเหนือ ซานตงและเมืองเหลียวโจวมีอันใดเกิดขึ้น ก็ย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาไปได้
กำลังที่กล้าคิดยึดเทียนจินย่อมมีกองทัพเรือ ทัพเรือที่ใช่ว่าคิดจะแอบซ่อนก็แอบซ่อนได้ ไปมาต้องใช้เวลา ระหว่างทางก็ต้องมีท่าเรือไว้จอดซ่อมเติมเสบียง
กองเรือขนาดนี้ออกเดินทางบนท้องทะเล ก็พอกะเวลาประมาณคร่าวๆ ได้ หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“ที่เทียนจิน ซานตง เหลียวโจวกับเกาหลีทางนั้น เกรงว่าคงไม่มีขบวนเรือใหญ่เช่นนั้น น่าจะเป็นตอนที่มีข่าวขาดการติดต่อแพร่มาจากทางเหนือ ทางใต้เริ่มสั่งสมกำลัง จากนั้นนำกำลังขึ้นเหนือ รอจนมาถึงแล้วจึงได้รู้ว่าข้าปลอดภัยดี ทัพใหญ่กลับถึงเมืองหลวง จึงได้แต่ทิ้งความคิดอย่างเสียไม่ได้”
ซุนต้าไห่ส่ายหน้ากล่าวว่า
“นับดูเวลาแล้ว ก็ราวเดือนหนึ่งเริ่มวางแผน พวกเขาไม่คิดสักหน่อยว่าหากใต้เท้ามีชัยกลับมา พวกเขามากันเช่นนี้ใช่ว่าเสียเวลาเปล่าหรอกหรือ”
“ด้วยผลประโยชน์มหาศาลของเทียนจิน คุ้มค่าที่จะเสี่ยง เจ้าคิดว่าพวกเขากลับมือเปล่าหรือ เห็นเรื่องไม่สำเร็จ ไปขนของให้พวกชาววัวโค่วแทน จากนั้นก็เอามาขายต่อที่เทียนจิน อย่างไรก็ทำกำไรได้ ยิ่งอาจเป็นเพราะเดิมก็มีสินค้านำติดเรือขึ้นมาด้วยแล้ว แย่งชิงได้ก็แย่งชิง แย่งชิงไม่ได้ก็ขายของผิดกฎหมาย”
หวังทงยิ้มกล่าว ท่าทางซุนต้าไห่เริ่มหนักใจ จางซื่อเฉียงก็นำคนไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ไช่หนานก็มาอยู่ทำหน้าที่ในเมืองหลวงตอนนี้ ดังนั้นที่เทียนจินจึงมีเขารับมือแค่คนเดียว บนท้องทะเลมีความอันตรายเช่นนี้ ช่างเป็นภัยร้ายจริง
“ใต้เท้า บนท้องทะเลผู้มีอิทธิพลเช่นนี้ไม่ใช่เสิ่นหวั่งกับซาต้าเฉิงหรือ? เสิ่นหวั่งพักอยู่เทียนจิน ลูกชายซาต้าเฉิงก็ยังอยู่กับใต้เท้า พวกเขากล้าลงมือได้อย่างไร?”
“เสิ่นหวั่งพักอยู่เทียนจินกับการส่งข่าวออกไปไม่ได้เกี่ยวอันใดกัน ใช่ว่ามีลูกชายคนเดียวเสียเมื่อไร ข่าวขาดหายไป เขาก็ถือเสียว่าลูกชายคนนี้ตายไปแล้ว”
หวังทงกล่าวสบายๆ ยิ้มกล่าวว่า
“แต่ก็ใช่ว่าเป็นเขาสองคน อิทธิพลบนท้องทะเลมีไม่น้อย เขาสองคนเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ เทียนจินเราหลายปีมานี้มีพ่อค้ามามากมาย มีชื่อเสียงรุ่งเรืองใต้หล้า คนที่ใจหวั่นไหวคิดครอบครองก็ย่อมมีไม่น้อย เจ้าไม่ต้องกังวลไป แม้ไม่ใช้กำลังพวกซาต้าเฉิงช่วย ทหารเรือในมือเราก็มีกำลังพอจะปกป้องเทียนจินได้”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ซุนต้าไห่จึงได้ยิ้มนั่งลง ในใจทว่าหวังทงรู้สึกงง บนท้องทะเลยังมีกำลังใจคิดบุกเทียนจิน? โจรสลัดที่ตายในเทียนจินก็หลายพันมาแล้ว การข่มบารมีนี้น่าจะเพียงพอแล้ว เป็นผู้ใดกันแน่
คุยเรื่องงานจบ ซุนต้าไห่ก็นั่งลงยิ้มถามขึ้น
“เรียนใต้เท้าตามตรงไม่ปิดบัง ครั้งนี้มาก็เพื่อจะถามเรื่องการเตรียมการงานแต่งให้ใต้เท้า เทียนจินทางนั้นอยากจัดอย่างมาก คิดจะถามว่ามีอันใดให้ช่วยบ้าง?”
“ข้าแต่งงานต้องการพวกเจ้ามาช่วยอันใด?”
หวังทงย้อนถามทำเอาทุกคนหัวเราะฮาลั่น ซุนต้าไห่เองก็หัวเราะตาม กล่าวว่า
“งานแต่งงานใต้เท้าเป็นเรื่องใหญ่ของเทียนจิน ของใช้ทั้งหมด สาวใช้คนงาน เรื่องนี้ทุกคนหารือกันแล้ว ต้องจัดเตรียมให้ใต้เท้าอย่างดีที่สุด ต้องเป็นของชั้นเลิศที่สุด
“ฝ่าบาททรงตรัสว่าจะรับภาระเรื่องแต่งงานข้า กำลังฝากคนในวังไปทูลถาม รอให้ทางนั้นตอบก่อนค่อยดำเนินการ”
***************
หวังทงกำลังสนทนาสบาย ๆ กับพวกซุนต้าไห่ทางนี้ อีกมุมหนึ่งในจวน ทหารติดตามหวังทงก็กำลังฝึกซ้อมและคุยกันอยู่
พวกเขาหลังผ่านสมรภูมิเลือดบนทุ่งหญ้านอกด่าน กลับถึงเมืองหลวงมา ก็รู้สึกเห็นค่าความสงบสุขที่ปกติไม่เคยได้สัมผัส แต่อย่างไรก็เป็นวัยรุ่น ไม่นานก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปหมด ทว่าพวกเขากลับเห็นตรงกันว่า การฝึกปกติแม้ว่าน่าเบื่อ แต่เป็นต้นทุนที่ทำให้รอดชีวิตในสนามรบ พวกทหารหวังทงมาจากตระกูลชั้นสูงไม่น้อย แต่เล็กก็มีคนเอาใจ ไม่น้อยที่คิดว่าฝีมือตนเองก็ไม่เลว การฝึกน่าเบื่อพวกนี้ไม่จำเป็นต้องทำ
แต่พอกลับจากสนามรบ แม้ว่าหวังทงให้พวกเขาหยุดพัก แต่ทุกคนก็ยังขยันฝึกซ้อม ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
หานกังเดิมก็มีสถานะนายกองร้อยแล้ว หลังสร้างความชอบก็คงได้เป็นรองนายกองพัน น้องสาวยังจะได้แต่งงานกับหวังทงอีก ดังนั้นแม้เขามาช้าสุด แต่กลับได้เป็นหัวหน้าของทุกคนไปโดยปริยาย
นอกจากสถานะแล้ว ฝีมือหานกังก็ยอดเยี่ยม เทียบกับพวกเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยได้ออกสนามต่อสู้แล้ว หานกังเป็นทหารที่ออกต่อสู้ชายแดนเมืองจี้โจวกับพวกนอกด่านมาจริง ประสบการณ์นี้ย่อมทำให้เขาต่างจากคนอื่น ทำให้ทุกคนยอมรับด้วยใจ
ยามนี้ทุกคนกำลังเล่นมีดดาบกัน หลังกลับถึงเมืองหลวง ถานเจียงบิดาถานต้าหู่ถานเอ้อร์หู่อยู่เมืองกุยฮว่าเฉิงต่อ ครอบครัวหลี่เสี่ยวเปียวล้วนอยู่บ้านนอก ฉีอู่ระหว่างทางก็ถูกส่งไปกวางตุ้ง หานกังไม่ต้องพูดถึง พอกลับถึงเมืองหลวง น้องชายน้องสาวดีใจอย่างมาก จากนั้นยังมีขันทีหานไท่ผิงที่ดีใจน้ำตาร่วง หลานตนได้ออกรบ เขากังวลมาก พอได้เห็นก็จึงวางใจ
ส่วนเป้าเอ้อร์เสี่ยว หวังทงปล่อยให้พักร้อน ให้ไปเยี่ยมบิดาและพี่น้องที่เทียนจิน ความดีใจไม่ต้องพูดถึง ส่วนซาตงหนิงนั้นกลับแตกต่าง ซาต้าเฉิงตอนนี้ทำการค้ายุ่งอยู่ ไม่ได้อยู่บนแผ่นดินนานนัก วันๆ เอาแต่ออกเรือไปกลับเทียนจินกับเมืองเหลียวโจว
พอได้ข่าวว่าซาตงหนิงปลอดภัย เขาก็ให้คนส่งของขวัญมา จากนั้นก็ไปค้าขายต่อ พอหวังทงได้ยินก็ทอดถอนใจหลายคำ
ชาวท้องทะเลเห็นความเป็นความตายมาจนชิน พอได้ข่าวลูกชายปลอดภัย ก็ไม่ได้มีใจคิดถึงลูกเท่าไร ซาต้าเฉิงส่งมานั้นก็เป็นพวกของทะเลแห้งล้ำค่า หรือพวกของอร่อยราคาแพงจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตามหลักแล้วก็ต้องส่งให้หวังทงด้วยชุดหนึ่ง ที่เหลือก็ให้ลูกชายไปแบ่งกับเพื่อนๆ ดีใจกันอย่างมาก
ซาต้าเฉิงอย่างไรก็เป็นพ่อ แม้ไม่ได้สนิทสนมใกล้ชิด แต่ที่ควรทำให้ก็ทำให้ไม่น้อย รู้ว่าสถานะลูกชายตนต่างจากคนอื่น จึงมักส่งของมาให้ เพื่อให้ซาตงหนิงแบ่งปันกับเพื่อนทหารด้วยกัน ก่อนหน้าส่งของกินมา วันนี้กลับไม่ใช่
เทียบกับเรื่องกินแล้ว พวกทหารติดตามหวังทงสนใจของที่ส่งมาวันนี้กันอย่างมาก
“ดาบประเทศวัวนี่ตีได้ไม่เลว!”
หานกังชักออกมาด้ามหนึ่ง กวัดแกว่งไปมา เป็นนายทหาร ก็ย่อมรู้ความคมของดาบดี ซาตงหนิง กล่าวว่า
“สองด้ามนั้นอย่าแตะต้อง ข้าจะนำมอบให้แม่ทัพใหญ่……พี่หานอาจไม่รู้ ทำการค้าบนท้องทะเล ดาบประเทศวัวเช่นนี้เรียกได้ว่าพิเศษมาก ชาวทะเลทางใต้เรากับผู้กล้าในแผ่นดิน ล้วนพิถีพิถันในการใช้ดาบประเภทนี้”
ถานเอ้อร์หู่ขยับดาบประเทศวัวในมือ กุมตวัดฟันลงด้านหน้า ยิ้มกล่าวว่า
“วิธีใช้ดาบประเทศวัว บิดาข้าก็เคยสอน ทว่าในกองทัพเรา ดาบประเทศวัวใช้การได้ไม่ค่อยมาก สู้กันเองพอได้ แต่นำออกรบเกรงว่าไม่ได้การนัก” ”
“พี่เอ้อร์หู่รู้กระจ่างแท้ แม้แต่ชาวประเทศวัว ทัพใหญ่ออกปะทะกันก็ยังใช้ทวนยาวเป็นหลัก ดาบประเทศวัวใช้เพียงแค่ป้องกันตัวในชีวิตประจำวันเท่านั้น”
ซาตงหนิงเอ่ยถาม ถานต้าหู่ไม่ค่อยสนใจเรื่องดายประเทศวัวสักเท่าไร ดาบหนึ่งสั้น ดายหนึ่งยาว ชักออกมาดูไปมา ก็เก็บคืนฝัก ยิ้มถามขึ้น
“ได้ยินบิดาข้ากับท่านอาบอกว่า ชาวประเทศวัวชอบขี้โม้ มักจะไม่มีอะไรก็ขี้คุยใหญ่โต รวมกันแค่ไม่กี่พันก็บอกว่าศึกใหญ่ ตัดหัวสิบกว่าก็บอกว่าชัยชนะยิ่งใหญ่ กำแพงเมืองอันใดก็ราวกับกำแพงบ้านนอกของเรา”
ทุกคนหัวเราะฮาลั่น ซาตงหนิงก็หัวเราะตาม ทว่ากล่าวเสริมอีกว่า
“ตอนข้าอยู่เมืองผิงฮู่ ก็พอรู้มาบ้าง ห้าสิบปีก่อนก็เหมือนว่าเป็นเช่นนี้ ทว่าสิบกว่าปีนี้มานั้นไม่เหมือนเดิม ไดเมียวผู้ครองแคว้นในประเทศวัวเริ่มเข่นฆ่ากลืนกินกันเอง ตอนนี้ประเทศวัวมีเจ้าผู้ครองแคว้นเพียงสิบกว่าเท่านั้น การต่อสู้ของสองฝ่ายนับหมื่นก็เห็นกันบ่อย มากสุดถึงแสนคนก็มี”
ในลานเงียบกริบทันที พวกโจรสลัดประเทศวัวเป็นภัยร้ายทางตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในใจทหารและชาวแผ่นดินหมิง ก็มักคิดว่าชาวประเทศวัวคนน้อย แผ่นดินหมิงเตรียมการก็ปราบให้ราบได้ ชีจี้กวงกับอวี๋ต้าโหยวก็พิสูจนเรื่องนี้ให้เห็นแล้ว ถานต้าหู่เล่าที่เคยได้เห็นได้ยินมาแพร่หลายทั่วในแผ่นดิน
ซาตงหนิงแต่เล็กเติบโตในประเทศวัว ที่เขาว่ามาก็เห็นด้วยตาตนเอง ทุกคนติดตามหวังทงมานานแล้ว ย่อมเข้าใจอำนาจอิทธิพลใต้หล้า และก็สำนึกในการต่อสู้ออกรบเพื่อแผ่นดินหมิง คิดกันให้ดี เดิมที่ราวกับกระดานเม็ดทรายกระจัดกระจายอย่างประเทศวัว ตอนนี้ถึงกับเปลี่ยนไปแล้ว การเข่นฆ่ากันเองของพวกประเทศวัวทุกคนก็เคยได้ยินมา หากปล่อยให้รวมเป็นหนึ่งได้ ย่อมเป็นภัยใหญ่
“ข้าจำที่อาจารย์ชาวประเทศวัวกล่าวได้ว่า แรกก็มีไดเมียวโอดะ โนบูนางะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมามีไดเมียวโทโยโตมิ ฮิเดโยชิวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เป็นสวรรค์ประทานวาสนาให้ประเทศวัวอะไรพวกนี้”
หลี่เสี่ยวเปียวกับซาตงหนิงเคยสู้กัน แต่สัมพันธ์สองคนไม่เลว หลี่เสี่ยวเปียวไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวประเทศวัว จึงกระซิบว่า
“ตงหนิง เนื้อกวางนั่นยังมีอีกมะ มันอร่อยมาก……”
“เจ้านี่รู้จักแต่กิน แบบเมืองเหลียวโจวยังมี ที่เจ้าอยากกินอันนั้นตอนนี้หาซื้อไม่ง่าย ชาวเผ่าหนี่ว์เจินรบกันวุ่นวาย ของดีทางนั้นมาขายทางนี้ไม่ได้”