องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 818
ลั่วหย่างซิ่งชื่อนี้ ทั่งหลี่ว์วั่นไฉและหลี่เหวินหย่วนล้วนเคยได้ยินชื่อ บุตรชายผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรลั่วซือกง คิดไม่ถึงว่ามาเป็นทหารติดตามหวังทง
หลี่ว์วั่นไฉกับหลี่เหวินหย่วนย่อมรู้เรื่องที่ลั่วซือกงทำตอนหวังทงไม่อยู่เมืองหลวง เคยแอบเล่นลูกไม้ลับหลัง พอหวังทงกลับมาก็ตกใจจนลาออกจากตำแหน่งไปเสียอย่างนั้น เคยมีความหลังเช่นนี้กับหวังทง คิดไม่ถึงว่าเขาจะส่งบุตรชายมาไว้ข้างกายหวังทง
“ใต้เท้า อันนี้คือ…?”
หลี่ว์วั่นไฉพัดไปมา ถามอย่างสงสัย หวังทงยิ้มตอบ
“ถือเป็นการชดเชยมั้ง!”
คำตอบนี้ทำเอาหลี่ว์วั่นไฉอึ้งไป อดีตผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรลั่วซือกงแอบเล่นลูกไม้ ตอนนี้ลาออกจากตำแหน่งไปใช้ชีวิตบั้นปลาย ตอนหวังทงมีอำนาจล้นฟ้า ลั่วซือกงไม่อาจไม่กลัว ส่งลูกชายมาเป็นผู้คุ้มกันข้างกายหวังทง ก็นับว่าได้แสดงความสำนึกของเขา เขาได้เดินแต้มผิดไป บางทีอาจให้รุ่นลูกมาแก้ไข
หวังทงกล่าวจบก็ยืนขึ้น กล่าวว่า
“สองท่านกลับไปก่อน วันนี้ยังมีงานราชการที่ต้องดำเนินการ!”
หลี่ว์วั่นไฉกับหลี่เหวินหย่วนลุกขึ้นกล่าวอำลา หวังทงยิ้มเดินออกไปด้านนอก กล่าวว่า
“ลั่วซือกงสืบทอดตำแหน่งจากวงศ์ตระกูลมาหลายรุ่น รู้ว่าตอนนี้คลื่นลมแรง แต่ยังมีบางคนไร้สมองสิ้นดี!”
คนด้านหลังพากันงง ไม่รู้ว่าหวังทงหมายถึงผู้ใด
***********
กองลาดตระเวนมีภาระหน้าที่มาก มีทั้งรักษาความสงบ มีทั้งแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาท มีหน้าที่สอดแนมชาวบ้าน แต่ลาดตระเวนบนถนนทั้งวัน หน้าที่ที่สำคัญที่สุดก็คือรักษาความสงบ
นายกองพันหลิวเขตปัจจิมกำลังถูกรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเหรินต้าถงสั่งสอน เขตปัจจิมเดิมเป็นพื้นที่พักของคหบดีเมืองหลวง พอเทียนจินรุ่งเรือง ร้านค้าที่นี่ก็เริ่มมีมากขึ้นกว่าก่อน อย่างไรเขตเขตปัจจิมก็ติดกับเส้นทางหลวงจากเทียนจินไปมาเมืองหลวง
ตั้งร้านค้าที่นี่ นำของจากนอกเมืองเข้ามา ส่งของจากในเมืองออกไป ล้วนประหยัดค่าขนส่ง อย่างไรเมืองหลวงก็ไม่ได้เล็กๆ ประหยัดได้ก็ประหยัด
เทียนจินสินค้ามากมาย ชนชั้นสูงเมืองหลวงก็มีมากมาย ร้านค้าเทียนจินก็ทยอยมาเปิดร้านสาขาที่นี่ ทำให้พื้นที่การค้าเขตปัจจิมเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
ถนนหลายสายเริ่มเป็นถนนการค้า ค่าน้ำร้อนน้ำชาก็ยิ่งมาก อย่างไรก็ต้องมีเจ้าถิ่นออกมายื้อแย่งกัน
สำนักรักษาความสงบเก็บค่าป้ายสงบสุขไปแล้ว ส่งมอบให้ศาลซุ่นเทียน ตามธรรมเนียม ก็ไม่ควรมีผู้ใดมาเก็บเงินอีก ไม่เช่นนั้น ทหารกองลาดตระเวนก็จะไปดูและส่งรายงานขึ้นมา ย่อมส่งคนไปจัดการ
แต่เมืองหลวงก็มีความซับซ้อนบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปมา เช่นว่า ข่าวหวังทงออกรบตอนเหนือขาดการติดต่อ เช่นว่า ข่าวราชโองการพระราชทานงานสมรส
“เจ้าก็ปฏิบัติหน้าที่ทหารในพระองค์กับหน่วยงานเรามานาน พี่น้องเราเก็บเงินนิดหน่อย ไม่ได้เอาชีวิตพวกเขาเสียหน่อย เรื่องใหญ่อันใด เจ้าถึงกับส่งคนไปจัดการ น้ำใจพี่น้องเราเจ้ายังจะเอาไว้ไหม!”
หวังทงนำทหารติดตามมาถึงหน้าห้องทำงานเหรินต้าถง ก็ได้ยินเสียงคนกำลังตำหนิรุนแรง เป็นเสียงเหรินต้าถง ยังได้ยินคนหนึ่งพูดตอบเบาๆ ว่า
“ใต้เท้า นี่ไม่ใช่ธรรมเนียมของผู้บัญชาการหรอกหรือ เรื่องนี้ข้าน้อยไปจัดการ อย่างไรข่าวก็ย่อมดีกว่าไปถึงหูผู้บัญชาการ !”
“สมองพังไปหรือเจ้านี่ เสียแรงที่เป็นองครักษ์เสื้อแพรเมืองหลวง ทิศทางลมตอนนี้เจ้าดูไม่ออกหรือ เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นจะเป็นผู้บัญชาการได้อีกกี่วัน เจ้ายังเอ่ยถึงมันอีก ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่ออะไร มิใช่เพื่อพวกเจ้าที่สมองยังโง่งมอยู่หรือ รอให้เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นล้มก่อน ถนนสายนี้ก็ราวกับเนื้อก้อนโต ผู้ใดก็อยากมากัดสักคำ ข้าส่งคนไป ก็เพื่อไปจองที่ไว้ก่อน”
กล่าวอยู่นั้น หวังทงมาอยู่หน้าประตูแล้ว ทหารหน้าประตูเหรินต้าถงกำลังจะรายงาน ก็ถูกหวังทงสั่งให้ปิดปาก หวังทงเข้าไปผลักประตูออก ก็เห็นด้านในมีสองคน
นายกองพันหลิวกำลังหน้าดำคล้ำเครียดยืนอยู่ ส่วนเหรินต้าถงนั่งด่าอยู่ เหมือนว่ากำลังจะตบโต๊ะ แต่พอเห็นหวังทงเข้ามา มือก็ค้างเติ่งไม่ทันได้ยกลง
หวังทงก้าวเท้ายาวเข้ามาในห้อง นายกองพันหลิวรีบลนลานคำนับ เหรินต้าถงที่นั่งอยู่ลังเลครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นยืนขึ้นคำนับ หวังทงไม่เกรงใจ ถามขึ้น
“จำได้ว่าตอนข้ากลับมาวันนั้น ท่านว่าป่วยนี่ หายเร็วเพียงนี้เลยหรือ?”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ข้าน้อยหายดีแล้ว!”
เหรินต้าถงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจวาจาเสียดสีของหวังทง เสแสร้งไม่รู้เรื่องอันใดจากนั้นก็นั่งลง หวังทงยืนกล่าวว่า
“หลายวันก่อน เขตปัจจิมกับเขตทักษิณมีทหารในพระองค์กับพวกว่างงานไปรีดไถ ได้ยินที่ใต้เท้าว่ามาเมื่อครู่ เป็นคนของท่านส่งไปสินะ?”
“ใต้เท้า อย่าได้ฟังผู้อื่นใส่ร้าย ข้าน้อยส่งคนไปก็เพื่อรักษาความสงบ……”
หวังทงกลับไม่สนใจ หันไปถามนายกองพันหลิวกล่าวว่า
“เจ้ารายงานเรื่องที่เจ้าสืบความได้มาหน่อย!”
นายกองพันหลิวหรี่ตามองเหรินต้าถงและหันไปมองหวังทงที่ยืนสบายๆ รีบคำนับกล่าวว่า
“เรียนผู้บัญชาการ หลายวันก่อนในเขตดูแลข้าน้อยมีเรื่องขูดรีดเกิดขึ้นกับหลายร้าน ยังถึงขั้นมีเรื่องลวนลามหญิงในร้าน ข้าน้อยส่งคนไปจัดการ กลับพบกว่า……เป็นนายกองร้อยหนึ่งในหน่วยทหารในพระองค์เรา พวกนักเลงที่เป็นพวกเดียวกันบอกว่าวันนี้ กองลาดตระเวนจะถูกปลดแล้ว วันหน้าหกคิดจะสงบสุขก็ให้พวกเขาจ่ายเงินอะไรพวกนี้ ทหารเราจึงโมโหมีเรื่องลงมือกันขึ้น”
“อย่าได้อ้อมค้อม เป็นผู้ใด?”
ถูกหวังทงเค้นถาม นายกองพันหลิวก้มหน้ากล่าวว่า
“เป็นคนใต้เท้าเหริน”
หวังทงพยักหน้า ยิ้มหันไปทางเหรินต้าถง กล่าวว่า
“ใครอยู่ข้างนอก จับตัวเหรินต้าถงโบยแส้ 50”
เพราะเขายิ้มกล่าว เหรินต้าถงจึงไม่ทันตั้งสติ พอตั้งสติได้ ก็แทบโดดข้ามโต๊ะมา ตวาดด่าว่า
“หวังทง เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาจับข้า เจ้ามีสิทธิ์อันใดโบยข้า เจ้าไม่ดูเสียบ้างว่ามาประจำตำแหน่งนี้ได้นานเท่าไรเอง ข้าเตือนเจ้า…….ปล่อยข้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!!”
พูดไม่ทันจบ ก็ถูกถานต้าหู่กับถานเอ้อร์หู่เข้ามาล็อคตัวไว้ซ้ายขวา เหรินต้าถงตำแหน่งสูง ปกติเพื่อประหยัดแรงจึงไม่พกดาบติดตัวไว้ จะเทียบกับทหารติดตามหวังทงที่เพิ่งกลับจากสนามรบได้อย่างไร ได้แต่ตะโกนส่งเสียงร้องดัง หากไม่มีแรงขัดขืน
“ข้าคือติ้งเป่ยโหว ข้าเป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร เป็นเจ้านายเจ้า เจ้าฝ่าฝืนระเบียบองครักษ์เสื้อแพร จะไม่โบยได้อย่างไร ลงแส้ 50 โบย!”
จับกดพื้นกำลังจะโบย ก็ถูกหวังทงเรียกไว้ ยิ้มเยียบเย็นว่า
“ระยะนี้ที่ทำการเราเริ่มไม่มีตาดูให้ดี ลากออกไปพื้นที่ว่างด้านนอก ถอดกางเกงโบย!!”
ทหารรับคำ เหรินต้าถงปากก็ด่าไม่หยุด ‘หวังทงเจ้าบัดซบ เจ้ากำลังเสียอำนาจแล้ว เจ้ายังกล้า…….’ เสียงด่าออกไปไกล หวังทงหันไปมองนายกองพันหลิว นายกองพันหลิวยกมือปาดเหงื่อ ไม่กล้าเงยหน้า หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“หลิวอวิ๋นเชา เจ้าปฏิบัติหน้าที่ตั้งใจดี อีกสักครู่รับคำสั่งจากข้าไปร่วมกับหน่วยวินัยทหารจับกุมพวกนักเลงที่ไปก่อเรื่องข่มขู่รีดไถร้านค้า จับมาได้ก็ให้สอบสวนให้หนัก แล้วลงโทษทันที !!”
นายกองพันหลิวตัวสั่นไปทั้งตัว รีบคำนับรับคำสั่ง หวังทงเดินออกไปยังพื้นที่ว่างด้านนอก ห้องทำงานองครักษ์เสื้อแพรด้านหน้าล้วนมีลานกว้าง ตอนนี้หน้าประตูห้องทำงานนี้ก็มีคนโผล่หัวออกมาดูตามหน้าต่าง ดูเหรินต้าถงที่ถูกจับตัวกดอยู่ที่พื้น
องครักษ์เสื้อแพรเป็นทหารในพระองค์ เป็นพวกไวต่อการเมืองมากที่สุด ฮ่องเต้ว่านลี่พระราชทานราชโองการสมรสพระราชทาน แม้ว่าหวังทงจะทำตัวปกติ ดูไม่เห็นความผิดปกติ ทุกคนก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน แต่ลับหลังกลับแอบด่าสาดเสียกัน ไม่รู้ว่าคนมากมายเท่าไรดูอยู่ ไม่รู้ว่าคนมากมายเท่าไรคิดจะหาเรื่องให้เป็นเรื่องใหญ่
วันนี้ได้เห็นเหรินต้าถงถูกถอดเสื้อผ้ากดตัวไปกับพื้น เป็นถึงอันดับสองในสำนักองครักษ์เสื้อแพร ทุกคนพากันหวาดกลัว หวังทงวันหน้าไม่ว่าเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจล่วงเกิน
‘เผี๊ยะ’ ฟาดดังชัด ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน เหรินต้าถงเนื้อตัวเริ่มมีรอยปื้นแดงขึ้นมาสายหนึ่ง สองคนถือแส้ ผลัดกันเฆี่ยน เฆี่ยนจนเหรินต้าถงกลิ้งไปมา ส่งเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดไม่หยุด
การโบยเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะทำให้บาดเจ็บหนัก แต่ย่อมทำให้ขายหน้าหมดสิ้นอย่างที่สุด ร่างเปลือยกลิ้งไปมาน่าอนาถวันหน้าย่อมไม่อาจสู้หน้าผู้ใด
หวังทงไพล่มือเดินไปตามระเบียงทางเดิน รอบๆ ห้องทำงานเดิมมีเจ้าหน้าที่แอบดูอยู่ ก็รีบหดหัวกลับไป ไม่มีผู้ใดกล้าสบตา
ลงแส้เฆี่ยนไปได้หลายสิบที เหรินต้าถงถึงกับยังมีแรงพูดอีก ชี้หน้าหวังทงกล่าวว่า
“หวังทง เจ้าบัดซบ วันนี้เหิมเกริม วันหน้า……”
“ลงแส้เฆี่ยนอีก 20 คน ๆ นี้จากนี้ไปข้าขอปลดออกจากทหารองครักษ์เสื้อแพรในพระองค์ ผู้ใดกล้าปล่อยให้เข้ามาอีก ให้ไล่ออกไปด้วย!!”
ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรสามารถเสนอแต่งตั้งรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร แต่ไม่มีอำนาจสั่งปลด หวังทงกล่าวเช่นนี้ กลับไม่มีผู้ใดค้าน ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรับคำพร้อมเพรียง
เหรินต้าถงถูกโบยจนหายใจไม่ทันแล้ว
************
พื้นที่เมืองหลวงแต่ละแห่งเพิ่งมีเรื่องวุ่นวายปรากฏ ก็ถูกปราบอย่างรวดเร็ว เวลาไม่ถึงสองวัน ราษฎรเมืองหลวงก็ได้เห็นพวกนักเลงท้องถิ่นถูกจับมัดด้วยเชือกโยงต่อกัน มีทหารองครักษ์เสื้อแพรคอยไล่ ให้ออกนอกเมืองไป ว่ากันว่าให้ไปใช้แรงงานหนักที่โรงนาตอนเหนือ
โรงหมอหลายแห่งในเมืองหลวงก็ยุ่งกันไม่หยุด มีทหารองครักษ์เสื้อแพรไม่น้อยถูกโบย บาดเจ็บถึงกระดูก น่าอนาถยิ่ง แต่ความวุ่นวายที่เพิ่งเกิดก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรเหรินต้าถงถูกโบย วันรุ่งขึ้นก็มีขุนนางใหญ่คนหนึ่งกราบทูลฮ่องเต้ว่านลี่ เล่าถึงพฤติกรรมหวังทง เกรงว่าจะมุทะลุไปหน่อย ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงตอบง่ายดายอย่างยิ่งว่า
“หวังทงไม่ใช่ติ้งเป่ยโหวหรือ? หวังทงไม่ใช่ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหรือ หรือว่าโบยไม่ได้ รองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรไม่รักษาธรรมเนียม เก็บไว้ทำไม ปลดไปๆ !!”