องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 822
หานกังกับหานเสียและน้องชายสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานาน หานเสียเป็นหญิงจึงดูแลงานการในบ้านและพี่ชายน้องชายมาโดยตลอด ตอนนี้เป็นฮูหยินติ้งเป่ยโหว จวนก็ย่อมให้นางเป็นผู้ดูแล
ดูแลครอบครัวเล็กกับตระกูลใหญ่นั้นต่างกัน ทว่าหวังทงไม่ยาก ส่วนใหญ่เน้นความรวดเร็วเรียบง่ายเป็นหลัก ไม่มีอันใดซับซ้อน
จางหงอิงก็ติดตามนางหม่าดูแลมาระยะหนึ่งแล้ว มีนางคอยช่วย หานเสียดูแลการงานในจวนก็ไม่ได้ต้องลงแรงอันใดมากนัก
หวังทงแต่งภรรยาครั้งนี้ คนที่ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการภายในกลับเป็นซ่งฉานฉาน ซ่งฉานฉานแต่เล็กเป็นบุตรีขุนนาง พอถูกส่งไปสำนักคุมประพฤติหญิง คนในนั้นก็ย่อมเกรงว่าจะล่วงเกินญาติมิตรขุนนางของนาง ไม่กล้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี
ดังนั้นจึงได้แต่เรียนศิลปะเพลงพิณ หมากล้อม ภาพวาด พู่กันจีนเป็นหลัก วันเวลาผ่านไปไม่นาน จางหานก็ได้เรืองอำนาจ ซ่งฉานฉานก็สามารถออกมาเปิดหอฉินก่วนได้
วันเวลาผ่านมาเช่นนี้ การค้าขายกับการคบค้าสมาคมกับผู้คนเป็นงานหลักทุกวันที่ซ่งฉานฉานทำ ต่อมาก็มีงานเป็นสายเก็บข้อมูลให้หวังทง
ทำผลงานไม่น้อย ไม่อาจเรียกได้ว่างานสบาย ทว่างานพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับงานบ้านงานเรือน หากเป็นงานของผู้ชาย ดังนั้นจึงมีคนหัวเราะว่าซ่งฉานฉานเป็นนายกองร้อยสำนักรักษาความสงบ เป็นคนของหวังทง แขกที่ไปหอฉินก่วน มีบางคนจึงเรียกซ่งฉานฉานว่า นายกองร้อยซ่ง เป็นเรื่องหยอกล้อเล่น
ตอนนั้นส่วนตอนนั้น ตอนนี้แต่งงานแล้ว งานการในบ้านอย่างไรก็ต้องทำ นับประสาอันใดกับซ่งฉานฉานที่เป็นหญิงอาวุโสสุด ย่อมต้องไม่ให้เสียจารีต
แต่ปัญหาก็คือซ่งฉานฉานไม่เป็น และก็เก้กังอย่างมาก กลับเป็นหานเสียที่รู้จากหานกังและจางหงอิงที่ได้ยินมา ล้วนรู้ว่าซ่งฉานฉานไม่ใช่เป็นเพียงผู้คุมหอคณิกา แต่ยังทำงานให้หวังทง
สถานะจัดลำดับเรียบร้อย หานเสียกับจางหงอิงไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งอันใด หากเป็นซ่งฉานฉานเองที่รู้สึกแปลกๆ ไม่เป็นตัวของตัวเอง
หวังทงเองก็ไม่ไปเร่งรัด คืนแต่งงานสามสี่คืนแรกผ่านไป ก็ตามซ่งฉานฉานมาคุยส่วนตัว สามีภรรยาคุยกันย่อมเป็นความลับส่วนตัว ทว่าซ่งฉานฉานต่อหน้าหวังทงกลับมีท่าทางระวังตัว แม้ว่าอยู่กันสองคนในห้องหนังสือ แต่ก็ทำท่าทีเหมือนเมื่อก่อนตอนหวังทงถาม นอบน้อมอย่างยิ่ง
ความจริงหากเป็นเมื่อก่อน ซ่งฉานฉานยังวางตัวสบายๆ กว่านี้ต่อหน้าหวังทง แต่ตอนนี้เมื่อสัมพันธ์แนบแน่นแล้ว สถานการณ์เช่นนี้กลับระวังตัวมากกว่า
หวังทงมองท่าทีซ่งฉานฉาน ก็ได้แต่ขำ ยิ้มกล่าวว่า
“ตอนนี้เป็นคนกันเองแล้ว เจ้าวางตัวเช่นนี้เหมือนว่ากำลังถูกลงโทษ เจ้าดูหงอิงสิ สีหน้ายิ้มแย้ม ผู้ใดล้วนเห็น”
ความดีใจของจางหงอิงไม่อาจซ่อนเร้นจากสายตาผู้คนรอบข้าง ล้วนดูออกว่าดีใจมาก แต่ท่าทางเช่นนั้นก็ทำให้หลายคนรู้สึกดีกับนาง แม้ในใจคิดเพื่อตัวเองอยู่ แต่ท่าทางแสดงออกตรงๆ นี้ทำให้เห็นว่านางไม่คิดร้ายกับผู้ใด ไม่จำเป็นต้องกังวลอันใด
“ฮูหยินรองวันแต่งบอกว่า นางไหว้พระอ้อนวอนก็เพื่อขอให้ได้แต่งกับนายท่าน ตอนนี้ก็สมหวังแล้ว จะไม่ดีใจได้อย่างไร ข้าสิจึงหวาดกลัว คิดไม่ถึงว่าในวังจะจัดการเช่นนี้ นายท่านระดับกัน กลับต้องการถูกข้าดึงต่ำลงไปด้วย”
ซ่งฉานฉานพูดไปพูดมาก็กลับคุกเข่าลง หวังทงถอนหายใจกล่าวว่า
“เจ้าคิดมากไปแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ลุกขึ้นพูดเถอะ คนกันเองทำจนเหินห่างไปได้”
ในยุคนี้ ภรรรยาน้อยคุกเข่าให้สามีเป็นเรื่องปกติ แต่หวังทงเหมือนไม่รู้เรื่องนี้ พอซ่งฉานฉานยืนขึ้น หรือเพราะเป็นนางในหอคณิกาจึงรู้จักดูแลร่างกาย กอปรกับอายุไม่อาจเรียกว่ามากไป ซ่งฉานฉานยามนี้ดูเย้ายวนยิ่ง เทียบกับจางหงอิงกับหานเสียที่หัวอ่อนแล้วก็ยิ่งทำให้ดึงดูดมากกว่าอยู่หลายส่วน
พอซ่งฉานฉานยืนขึ้น หวังทงก็หยุดลอบมอง กล่าวว่า
“เจ้าแต่งมาแล้วก็ดี ข้าต้องการคนในครอบครัวที่ไว้ใจได้ช่วยข้าจัดการเรื่องสำคัญ หานเสียกับจางหงอิงยังไม่ค่อยได้เห็นโลกกว้าง เรื่องพวกนี้พวกนางทำไม่ได้ เจ้าก็ต้องช่วยแล้ว”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ซ่งฉานฉานรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่ก็ยังคงวางท่าทีระวังตัวเช่นเดิม หวังทงกล่าวว่า
“เมืองหลวง ในสำนักรักษาความสงบมีคนส่วนหนึ่งที่ข้าสั่งการได้ คนส่วนนี้รวมกับหอฉินก่วนและหอคณิกาต่างๆ และบ่อนพนันในเมืองหลวง ล้วนวางสายเอาไว้เกือบทั่ว ข่าวพวกนี้จะไปรวมกันที่สำนักรักษาความสงบ เจ้ารู้เรื่องแนวนี้ดี สามารถใช้คนพวกนี้ได้ เจ้าจัดการดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดี”
เห็นซ่งฉานฉานตั้งใจฟัง หวังทงกล่าวต่อว่า
“สำนักองครักษ์เสื้อแพร สำนักรักษาความสงบและสำนักบูรพา ข่าวจากสายสืบทุกสำนัก ข้าเองก็รู้ได้ แต่อย่างไรก็เป็นการติดต่อกันในวงปฏิบัติงาน มีหลายเรื่องไม่สะดวกนัก ตอนนี้สถานะข้าต้องการการข่าวยิ่งมาก เจ้าเข้าใจไหม?”
ซ่งฉานฉานรีบคำนับ กล่าวนอบน้อมว่า
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
น้ำเสียงไม่เหมือนสามีภรรยาคุยกัน แต่เป็นผู้บังคับบัญชากับลูกน้อง หวังทงส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า
“เจ้ามาดูแลงานนี้แทนสามีเจ้า ไม่ใช่งานหลวง เรื่องสำคัญต้องมีเพียงข้าที่รู้ เจ้าเข้าใจไหม?”
ได้ยินหวังทงว่า สามีเจ้า สีหน้าเคร่งเครียดซ่งฉานฉานก็เริ่มมีรอยยิ้มหลายส่วน กล่าวอ่อนโยนว่า
“นายท่านสั่งการมา ข้าน้อยย่อมตั้งใจปฏิบัติ”
“ข้าย่อมจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้เจ้า เรื่องกำลังคน ก็ใช้คนของเจ้าให้มากหน่อย ต้องไว้ใจได้ อย่าให้คนอื่นยุ่งเกี่ยวท่านหยาง จางซื่อเฉียง ซุนต้าไห่ พวกเขาแม้ไว้ใจได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเราสองคน แบ่งแยกไว้ก็ดี เสี่ยวเสียกับหงอิงก็ไม่ต้องบอก”
พอได้ยินเช่นนี้ ซ่งฉานฉานกลับรู้สึกดีใจจากก้นบึ้งจิตใจ มีงานลับที่มีแต่ตนเองที่รู้เช่นนี้ แสดงให้เห็นสถานะตนในจิตใจของหวังทง ผู้หญิงเราไม่ว่าเป็นผู้หญิงแบบใด อย่างไรก็คิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้าง
ทว่าซ่งฉานฉานเห็นโลกมามาก สถานะในเมืองหลวงก็ไม่น้อย มีสายรอบตัวไว้ใช้งานเช่นนี้ ให้ตนเองสืบข่าวเช่นนี้ หรือทำงานส่วนตัวใดก็ตาม สถานะหวังทงตอนนี้ย่อมต้องการองค์กรเช่นนี้
คิดถึงว่าหวังทงวางใจตนเองเช่นนี้ ซ่งฉานฉานลังเลครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“มีบางเรื่อง ข้าน้อยไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่”
“พูดมาตั้งมาก ข้าและเจ้าตอนนี้เป็นครอบครัวเดียวกัน มีอันใดควรพูดไม่ควรพูดกัน พูดมาได้เลย!”
หวังทงยิ้ม ซ่งฉานฉานครานี้เขยิบเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยแตะจมูก ทว่าสิ่งที่ซ่งฉานฉานพูดนั้นกลับไม่ได้เป็นดังกลิ่นหอมเย้ายวนที่กำจายมา
“นายท่าน ราชโองการฝ่าบาทก่อนหน้ากับราชโองการที่เปลี่ยนไป ยังส่งนายท่านลงใต้ พระประสงค์นี้ต้องป้องกัน!”
ซ่งฉานฉานกล่าวจบก็มองสีหน้าหวังทง หวังทงเพียงพยักหน้ากล่าวว่า
“เจ้าว่าต่อไป”
“แต่งตั้งข้าน้อยเป็นฮูหยินติ้งเป่ยโหว เมืองหลวงพากันวิจารณ์เป็นเรื่องตลก เรื่องเช่นนี้ นายท่านย่อมไม่รู้สึกดีนัก ในวังย่อมรู้ว่านายท่านไม่รู้สึกดีนัก หากนายท่านไม่รับราชโองการ หรือมีความคิดแค้นใจใด ราชสำนักก็จะว่านายท่านเหิมเกริม คิดลงมืออีกขั้น นายท่านทำตามราชโองการ ก็ทำให้ในวังวางใจ ใช้วิธีราวละครหลอกเด็กเช่นนี้เก็บคืนราชโองการเดิม แต่ใช่ว่าไว้ใจนายท่าน ยังส่งนายท่านลงใต้อีก ทำให้นายท่านไม่อาจกุมอำนาจเมืองหลวงได้”
หวังทงมองซ่งฉานฉาน ค่อยๆ พยักหน้า กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“เจ้าคิดการได้รอบคอบกว่าพวกเขา คนของเราที่นี่ส่วนใหญ่ได้แต่โมโหคิดแค้นใจ กลับไม่รู้เจตนาเบื้องหลังในเรื่องนี้ เจ้าสามารถคิดได้เช่นนี้ไม่เลวเลยจริงๆ”
“นายท่าน ตอนนี้เราควรทำอย่างไร!?”
“ทำอย่างไร ตอนนี้อะไรก็ไม่ต้องทำทั้งสิ้น ไม่ทำอะไร ข้ายังคงเป็นติ้งเป่ยโหวแผ่นดินหมิง ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร หากทำไป ก็คงได้สิ้นสูญหมด ครอบครัวแตกสลายสิ้นทันที”
หวังทงค่อยๆ กล่าวอย่างหนักแน่น
**************
“ขุนนางหกกรมกองทั้งหลาย เรามีพระราชทานเบี้ยหวัดเสริมไปมากมายเพียงนี้ ให้พวกท่านทำงานกลับลากมาถึงตอนนี้ได้ ยังต้องให้เราเลือกส่งคนไปเองอีก!”
ณ พระที่นั่งเฟิ่งเทียนเหมิน ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสอย่างกริ้วจัด ขุนนางใหญ่พากันคำนับรับผิด ฮ่องเต้ว่านลี่กวาดสายพระเนตรมองไปรอบหนึ่งตรัสว่า
“เรื่องเช่นนี้ เราคงได้แต่มอบให้หวังทงไปจัดการจึงวางใจได้ หวังทง เราส่งเจ้าลงใต้ไปจัดการคดีนี้ เจ้ามั่นใจไหม!”
หวังทงก้าวออกมาถวายคำนับ ทูลตอบว่า
“ขอทรงวางพระทัย กระหม่อมจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่าง”
หวังทงลงใต้ไปจัดการ กำหนดตั้งแต่งานแต่งแล้ว ตอนนี้เพิ่งมาแสดงละครเช่นนี้เท่านั้น ขุนนางใหญ่ราชสำนักได้แต่เหยียดสายตามอง
หวังทงตอบก็เป็นแค่รูปแบบ ทว่าตอนทูลตอบนั้น ฮ่องเต้ว่านลี่กลับสังเกตสีหน้าหวังทง ดูว่ามีอันใดคิดป้องกันตัวผิดปกติหรือไม่ ผลก็เหมือนกับตอนที่ลอบมอง หวังทงปกติดีทุกอย่าง
หากบอกว่าคนฉลาดอยู่ในวงการขุนนางหลายสิบปี สีหน้าย่อมไม่แสดงออก สำหรับหนุ่มอายุ 20 กว่านี้ ไม่แสดงออกอันใดเลยนับว่าไม่ง่ายนัก มองไม่ออกว่าหวังทงมีอันใดต่างจากเมื่อก่อน ในพระทัยฮ่องเต้ว่านลี่รู้สึกโล่งพระทัย แต่ก็ยิ่งทรงรู้สึกที่ได้ทรงทำไปก่อนหน้า
จบเรื่อง ขุนนางออกไป หวังทงกลับถูกเรียกไว้ ฮ่องเต้ว่านลี่จิบพระสุธารสชาตรัสว่า
“ลงใต้ไปครานี้ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอันใดให้ได้ ไปเดินเล่นให้สบายใจก็พอ”
เห็นหวังทงจะถาม ฮ่องเต้ว่านลี่โบกพระหัตถ์ อธิบายว่า
“เรื่องตระกูลสวียังมีอันใดต้องตรวจสอบกัน 10 -20 ปีก่อนสั่งสมมา หากสอบกันขึ้น ไม่รู้ว่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วเมืองหลวงเท่าใด ไยต้องลำบากด้วย ลงใต้ไปครานี้ก็ไปดูที่ทำการเมืองต่างๆ ที่ร่ำรวยดู ในเมื่อเทียนจินเก็บภาษีได้มากมายเพียงนี้ พื้นที่เช่นซูโจว หังโจว ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บไม่ได้ เจ้าไปสืบให้เราหน่อย”
แดนใต้ร่ำรวยในใต้หล้า ทว่าภาษีเมื่อเทียบกับเมื่อร่ำรวยอื่นแล้ว กลับต่างกันมาก และครอบครัวขุนนางทางใต้ก็มาก ส่วนใหญ่ล้วนอาศัยตำแหน่งงดภาษี ภาษียิ่งเก็บยิ่งน้อย
หากเป็นเมื่อก่อน ฮ่องเต้ว่านลี่คงได้แต่ยอมรับเงียบๆ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเทียนจินส่งมอบเงินก้อนโตเช่นนั้นได้ ก็ทำให้ทรงรู้สึกไม่อาจยอมได้