องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 827
“ช่างสร้างท่าเรือหลายคนล้วนบอกว่า ท่าเรือโรงต่อเรือเราเป็นที่ตั้งท่าเรือที่ดีที่สุด พวกเขาคุยกันเล่นๆ เช่นนี้”
หวังทงกำลังเดินอยู่บนเรือ ทังซานอธิบายอยู่ข้างๆ หวังทงยิ้มพยักหน้าลงนั่งยองๆ ลูบคลำพื้นเรือ แม้ว่าบนท้องทะเลชื้น ลูกเรือบนท้องทะเลก็มีชีวิตที่เรียกได้ว่าไม่ได้สะอาดอันใด ทว่าพื้นเรือกลับทำความสะอาดเอี่ยม
เห็นท่าทางหวังทง หูอันที่ตามมาด้วยกลับรู้สึกเคร่งเครียดอย่างไม่รู้ตัว เรือบนท้องทะเล ลูกเรือมีหน้าที่สำคัญตามระเบียบอันหนึ่งก็คือเช็ดถูกพื้นเรือบนดาดฟ้าเรือให้สะอาด เพราะลมทะเลมีเกลือมาก อาจทำให้ตัวเรือผุพังได้ง่าย ต้องขยันเช็ดถูกจึงจะรักษาให้ยืนยาวได้
งานนี้สำคัญและหนักหนามาก ชีวิตบนท้องทะเลเดิมก็น่าเบื่อมากพอแล้ว ลูกเรือใช่ว่ามีใจคิดจะทำให้ดี พูดอีกอย่างก็คือ หากพื้นดาดฟ้าเรือดูแลได้ดี ก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าลูกเรือขัดถูกอย่างตั้งใจทุกวัน แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของหัวหน้าเรือ
“หูอัน เจ้าทำได้ไม่เลว เรือติ้งไห่ไม่ใช่เรือเจ้า กลับเป็นเช่นนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าฝึกมาดี!”
ได้ยินหวังทงชม หูอันก็ได้สติถอยไปทำความเคารพแบบทหาร ตอบด้วยภาษาเสียงมาตรฐานติดสำเนียงซานตงอย่างคล่องแคล่วว่า
“ได้ทำงานให้ใต้เท้า ย่อมต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ!”
ที่เป็นสำเนียงซานตง ก็เพราะเรือปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยส่วนใหญ่ล้นเป็นลูกเรือจากเรือโจรสลัดซานตง ภาษาจีนของหูอันแม้เริ่มมีสำเนียงเทียนจินบ้างแล้ว แต่ต่อมากลับเริ่มใช้สำเนียงซานตงเป็นหลัก
หวังทงยิ้มพยักหน้ายืนขึ้นถาม
“เงินเดือนพอไหม ตรงเวลาไหม?”
“เรียนใต้เท้า เงินเดือนออกตรง ทุกคนทำการค้ากลับมา หัวหน้าเรือและลูกเรือก็ได้เงินถึงมือทันที ทุกคนรู้สึกพอใจมาก ล้วนรู้สึกขอบคุณในเมตตาของใต้เท้า”
“สำเนียงเป็นทางการพวกนี้เจ้าไปเรียนมาจากไหนกัน เรียนได้ไม่เลวนี่นะ มีเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องจำไว้ให้ดี นี่เป็นเรือรบ ฝึกฝนอย่าได้ละเลย พวกเจ้าเป็นเรือการค้าติดอาวุธ อาวุธคำนี้ต้องนำหน้าเรือการค้าไว้เสมอ”
ได้ยินหวังทงกำชับ หูอันรับคำเสียงดัง ทังซานข้างๆ ยิ้มอธิบาย กล่าวว่า
“ขอใต้เท้าวางใจ ข้าน้อยติดตามออกทะเลไปเรือหลายลำ ทุกวันไม่จัดการงานในเรือก็จะฝึกฝนหนัก หากไม่ฝึกก็จะตรวจสอบพวกที่ไม่ได้มาตรฐาน หักเงินไม่ว่า อาจจะไม่ให้ขึ้นเรืออีก ตอนนี้บนท้องทะเลกำไรดีเช่นนี้ เป็นงานมีเกียรติ จะไปหาได้ที่ไหน พวกเขาย่อมตั้งใจอย่างมาก”
หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“บอกว่าตอนไปอิ้งโข่วเป่า ระหว่างทางไปเจอโจรสลัดหรือ? จากนั้นถูกปืนใหญ่พวกเจ้ายิง?”
“ใต้เท้าล้อเล่นแล้ว ไหนเลยเรียกว่าโจรสลัด ก็แค่พวกนักเลงเหลวไหลริมทะเลเมืองเหลียวโจว คิดจะทำการค้าที่ไม่ต้องลงทุน คงคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับพวกเราเข้า”
หูอันกล่าว ทุกคนหัวเราะฮาลั่น หวังทงเดินไปกาบเรือ มองไปยังเรือปืนใหญ่ที่จอดอยู่บนท้องทะเล กล่าวว่า
“ตอนนี้เรือปืนใหญ่หยุดต่อแล้ว เริ่มต่อเรือการค้าแล้วล่ะสิ!”
“ขอรับ ตามคำสั่งแรกของใต้เท้า เรือปืนใหญ่แปดลำสร้างเสร็จ ก็ให้เริ่มต่อเรือการค้า การค้าทางทะเลเหนือใต้ล้วนซื่อเรือจากเรา ร้านสามธาราเองก็ต้องการเรือการค้ามาก มีเรือปืนใหญ่เก้าลำแล้ว กอปรกับเรือตระกูลซาอีก ก็เพียงพอรักษาป้องกันเทียนจินแล้ว”
“กวางบิน เจิ้นไห่ ติ้งไห่ เว่ยไห่ เวยไห่ ผิงไห่ ไห่หู่ ไห่เป้า ไห่หลาง มีเก้าลำ รวมกับขบวนเรือซาต้าเฉิง เพียงพอออกทะเลแล้ว”
หวังทงลูบคลำกาบเรือที่มันเงามาก กล่าวน้ำเสียงนิ่ง ทังซานเพิ่งรับคำก็ได้ยินหวังทงกล่าวว่า
“บนท้องทะเลเป็นที่ไร้ขื่อไร้แป กำลังการต่อสู้นี้ไม่อาจคิดว่ามากไป ตระกูลเสิ่นกับตระกูลซาตอนนี้อยู่กับเรา ผู้ใดจะรู้วันหน้าเล่า ดูจากตอนนี้แล้ว ราชาไตรธาราก็ดูสงบเสงี่ยมดี แต่อยู่ ๆ ก็มีตระกูลอื่นโผล่มาอีก ชะล่าใจไม่ได้ๆ “
ได้ยินหวังทงกล่าวจริงจัง พวกทังซานก็ตั้งใจฟัง หวังทงกล่าวต่อว่า
“เรือปืนใหญ่เราก็เหลือที่จากน้ำหนักรับได้สูงสุดไว้ ปกติไม่ต้องติดตั้งปืนใหญ่เต็ม เอาไปสิบกระบอกก็พอ ให้พวกลูกเรือได้หัดยิงปืนใหญ่ด้วย”
ทุกคนรับคำสั่ง แต่ในใจก็แปลกใจ แม้ใต้เท้าหวังประสบเหตุมากมายในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็มาอำนาจวาสนาบารมี ได้ยินเขากล่าวอย่างกังวล กลับไม่รู้สึกถึงความดีใจอันใด คิดให้รอบด้านแล้ว เรียกได้ว่าไม่มีร่องรอยความผ่อนคลายแม้แต่น้อย
ทว่าคนโรงต่อเรือกับคนกองเรือก็ไม่อาจกล่าวอันใดมากนัก พวกเขาต่างจากกองกำลังหู่เวย กองเรือเป็นของร้านสามธารา คนเรือก็ย่อมนับเป็นลูกจ้างร้านสามธารา พูดตรงๆ ก็คือ พวกเขาเป็นลูกน้องรับใช้หวังทง เรือก็คือสมบัติส่วนตัวหวังทง พวกเขาเป็นคนของหวังทง
**************
“ศิษย์ข้าถึงกับได้เป็นท่านโหวที่สูงส่งแห่งแผ่นดินหมิง ยังเป็นขุนนางใหญ่ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ข้าภาคภูมิใจนัก!”
บามองด์ช่างที่เคยสอนหวังทงที่มาเก๊าตื้นตันกล่าวขึ้น ตอนหวังทงไปเมืองหลวง ที่เมืองหลวงก็จัดหาที่พักให้บามองด์ทว่าบามองด์อยู่เมืองหลวงได้ไม่นานก็รู้สึกไม่ชิน เบื่อมากกับธรรมเนียมต่างๆ เปิดร้านที่ท่าเรือเทียนจินน่าสนใจมากกว่า
หวังทงย่อมตามใจเขา จัดหาที่อยู่ให้คนๆ หนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก หวังทงมาเทียนจินครั้งนี้ บามองด์ก็มาพบ
บามองด์ตอนนี้มีลูกลามแล้ว เรียกได้ว่าครอบครัวใหญ่แล้ว วันๆ ก็มีชีวิตชีวาดี ลูกๆ เขาอายุยังน้อย รอให้โตอีกหน่อย หวังทงย่อมเข้ามาจัดการปูทางให้
ถามสารทุกข์สุกดิบกับบามองด์ได้ครู่หนึ่ง บามองด์ก็รู้หน้าที่ว่าควรขอตัวได้แล้ว ด้านนอกยังมีคนไม่น้อยรออยู่ ร้านสามธารา ร้านฝากเงิน โรงต่อเรือ ร้านก่อสร้างและหน่วยรักษาความปลอดภัย ทุกคนในสายกิจการเทียนจินของหวังทงล้วนมารอขอพบ หวังทงอยู่เมืองหลวงมานาน ไม่ค่อยได้มาเทียนจิน โอกาสนี้ ย่อมต้องเปิดโอกาสให้ได้เข้าพบ
ตอนกลางวันกินเลี้ยงกับชาวเทียนจินแต่ละฝ่ายไป ตกค่ำก็ย่อมจัดเลี้ยงกลุ่มเล็กๆ กินอะไรกันง่ายๆ หวังทงมาถึงห้องหนังสือ คนด้านนอกก็มารออยู่ในห้องรับแขกแล้ว รอให้ทหารติดตามมาเรียกตัวเข้าพบทีละคน
คนแรกก็คือจางฉุนเต๋อ หวังทงสร้างเครือข่ายธุรกิจขึ้นมา มีร้านสามธารา ร้านประกันภัยสามธารา ร้านเงินสามธาราเป็นแกนกลาง จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายเพิ่มเติม มีร้านหนัง ร้านผงฟู ร้านก่อสร้าง โรงต่อเรือ เงินทองสั่งสมมากมี
หวังทงเป็นเจ้าของ แต่ยังคงมีภาระงานหลวงอยู่ ไม่อาจมาดูแลได้ทุกวัน ภายใต้ชื่อ ‘สามธารา’ จึงมอบให้จางซื่อเฉียง ซุนต้าไห่ กู่จื้อปินกับจางฉุนเต๋อสี่คนร่วมดูแล
ทว่าในเรื่องการบริหารงาน ก็เป็นกู่จื้อปินกับจางฉุนเต๋อรับผิดชอบ ตอนนี้กู่จื้อปินไปเมืองกุยฮว่าเฉิง จางฉุนเต๋อก็ย่อมกลายเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว
จางฉุนเต๋อต่างจากคนอื่นที่ทำงานให้หวังทง เป็นพ่อตาหม่าซานเปียว นับแล้วก็เป็นรุ่นอาวุโสหวังทง พอเข้ามาในห้องหนังสือ หวังทงก็เกรงใจให้เขานั่ง จากนั้นก็เริ่มสอบถาม
“ร้านค้าใต้ชื่อสามธารา ยังมีอีกมากมายเท่าไรที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย?”
จางฉุนเต๋อตบหน้าผาก เปิดสมุดบัญชีออก กวาดตาอ่านรอบหนึ่งกล่าวว่า
“ใต้เท้าถามเช่นนี้ คิดให้ดีแล้ว นอกจากร้านสามธารา ร้านประกันภัยและร้านเงินที่ใต้เท้ามีหุ้นชัดเจนอยู่ด้วยแล้ว ที่เหลือก็เหมือนไม่แน่ชัดนัก ร้านค้าริมแม่น้ำทะเล ค่าเช่าท่าเรือ ตอนนี้ให้นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรจัดการดูแลชั่วคราว โรงช่างก็เป็นกองกำลังหู่เวยดูแลแทน ส่วนร้านผงฟูกับร้านหนังก็เป็นกิจการร่วมกับตระกูลลี่และตระกูลหม่า แบ่งสรรกำไรกันชัดเจน”
“จัดการให้ชัดเจน ข้าจะอยู่เทียนจินอีกสองสามวัน กิจการร้านค้าและหุ้นส่วนทั้งหมด พวกที่ไม่มีสัญญาก็จัดทำสัญญาให้เรียบร้อย ที่ควรใส่ชื่อข้าก็ใส่ให้เรียบร้อย”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ จางฉุนเต๋ออึ้งไป พยักหน้าหงึกๆ ชมว่า
“ก็คิดกล่าวกับใต้เท้าเช่นนี้นานแล้ว ใต้เท้านำทุกคนต่อสู้ได้มาจนเป็นกิจการใหญ่เช่นนี้ แต่กลับมอบให้ทางการมากเช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะดี ตอนนี้ใต้เท้าสร้างครอบครัวแล้ว คนรอบตัวก็มีครอบครัวต้องเลี้ยงดู ก็ควรคิดถึงว่าจะเหลือสิ่งใดให้คนข้างหลัง”
อายุมากแล้ว ก็ย่อมมีความคิดแบบคนมีอายุ หวังทงยิ้มกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า
“อย่าคิดมากไป ก็แค่ทำหนังสือสัญญา วันหน้าจะได้ชัดเจน เถ้าแก่จาง ก็ทำหนังสือสัญญามา วันหน้าหากกองกำลังหู่เวยหรือองครักษ์เสื้อแพรเทียนจินต้องการใช้ ก็ย่อมต้องให้ ทว่าอย่างไรก็ต้องทำหนังสือให้เป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อยชัดเจน”
สีหน้าจางฉุนเต๋อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าติดๆ กันกล่าวว่า
“ใต้เท้ากล่าวได้ถูกต้องๆ พี่น้องกันยังต้องลงบัญชีชัดเจน เงินทองไม่ทำให้กระจ่าง ไม่ว่าสายสัมพันธ์ใดก็ย่อมเหินห่าง เรื่องส่วนตัวกับเรื่องทางการก็ยิ่งต้องกระจ่าง ไม่เช่นนั้นอาจสร้างความยุ่งยากภายหลังได้”
กล่าวถึงตรงนี้ จางฉุนเต๋อกลับลังเลครู่หนึ่งกล่าวว่า
“ข้าน้อยขอบังอาจสักคำ ใต้เท้าสถานะตอนนี้ เงินทองเข้าออกมากมายเช่นนี้ ยังมีกิจการอีกมากมายเช่นนี้ ทางวงขุนนางจะไม่……”
“ข้าสนใจเงินทองกิจการข้าเอง คนอื่นไม่โมโหหรอก กลับรู้สึกดีใจ กุมอำนาจมากไปมักทำให้ระแวง เงินมากกลับไม่”
สัพยอกกันสักครู่ หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“รบกวนเถ้าแก่จางรีบไปจัดการเถิด หลายวันนี้รีบจัดการได้ก็รีบจัดการ”
จางฉุนเต๋อลุกขึ้นรับคำ สีหน้ายิ้มแย้มออกไป จากนั้นก็เป็นหลิ่วซานหลัง หวังทงปราบลัทธิไตรสุริยันกลับถึงเทียนจิน ระหว่างทางพักโรงเตี๊ยมสามธาราประสบเหตุพวกที่เหลือของลัทธิไตรสุริยันตามมาสังหาร ตอนนั้นเป็นหลิ่วซานหลังรวมกำลังพ่อแม่พี่น้องแถวนี้นออกมาช่วยพวกหวังทงไว้
จากนั้นมา หวังทงก็ได้รู้จักหลิ่วซานหลังและพาตัวมาเทียนจินเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย รับหน้าที่ฝึกฝนกองกำลังชาวบ้านเทียนจินกองนี้
จางฉุนเต๋อเข้ามาก็คำนับ แต่หลิ่วซานหลังเข้ามากลับคุกเข่าโขกศีรษะ คำนับใหญ่ หวังทงให้เขาลุกขึ้น หลิ่วซานหลังไม่กล้านั่ง หากเอาแต่ยืนอย่างนอบน้อม
“หน่วยรักษาความปลอดภัยไร้สถานะก็ไม่ค่อยเหมาะ หากถือเป็นผู้คุ้มกันร้านค้าแต่ละร้าน หลิ่วซานหลัง เจ้ามาเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันร้านสามธาราละกัน!”
หวังทงกล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย