องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 839 เข้าใจผิด คนหัวไว
จางซื่อเหวยเป็นคนอ่านไว จดหมายนี้อ่านจบอย่างรวดเร็ว แสงกลางคืนอ่านหนังสือ อายุเช่นนี้ย่อมรู้สึกเหนื่อยล้า ขยี้ตาไปมา ก่อนจะส่งให้พ่อบ้านข้างกาย
พ่อบ้านรับจดหมายไปอ่าน พออ่านจบ จางซื่อเหวยถามขึ้น
“เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”
“นายท่าน ตั้งแต่นายท่านกลับมา หลี่จื๋อก็มีแค่จดหมายมาถามไถ่ทักทายตามเทศกาลเท่านั้น เทียบกับเมื่อก่อนแล้วก็จืดจางไปมาก ข้าน้อยได้ยินว่าปีหนึ่งมานี้ได้รับการกดขี่ในเมืองหลวงมาก มีจดหมายมาในตอนนี้ เห็นเจตนาชัดเจน นายท่านอย่าได้สนใจดีกว่า”
จางซื่อเหวยยกฝาชาขึ้นกระทบกับถ้วยชา กล่าวเบาๆ ว่า
“เมื่อก่อนฮ่องเต้นอกจากบัณฑิตกับขันที ก็ไม่มีที่พึ่งใดอีก ตอนนี้กลับมีหวังทงให้การสนับสนุน จึงได้มีอำนาจมากขึ้นมา กับเซินสือหังยังมีข้อขัดแย้งลึก…….”
กล่าวถึงตรงนี้ก็นิ่งไป จางซื่อเหวยวางฝาชาลง กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า
“ความดีความชอบเหนือนาย ฮ่องเต้ทรงระแวง สองฝ่ายกำลังเกิดช่องว่าง นี่เป็นโอกาส”
ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ พ่อบ้านที่ยืนนิ่งข้างๆ กลับไปแสดงความเห็น จางซื่อเหวยมองไปนอกหน้าต่าง มีม่านบางกางกั้นแต่ก็เห็นแสงดาวข้างนอกได้ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงได้กล่าวว่า
“หากสถานการณ์เช่นนี้ยังคงต่อไป สามปีจากนี้ ข้าก็คงไม่มีโอกาสได้ฟื้นคืน อย่างไรก็ต้องทำอะไรบ้างจึงจะดี…น้องชายเจ้าไว้ใจได้ไหม?”
พูดเรื่องนี้ พ่อบ้านคุกเข่ากล่าวจริงจังว่า
“น้องชายข้าน้อยตอนนั้นถูกจำคุกประหารชีวิต ได้นายท่านช่วยเหลือ ให้ที่นาทำกิน จึงมีเขาวันนี้ได้ เมตตาของนายท่านแม้แหลกสลายก็ย่อมต้องตอบแทน ขอนายท่านวางใจ เขาไว้ใจได้!”
“ตามเขามา คนที่เราเลี้ยงไว้ทั้งหมดให้ตามไปครั้งนี้ด้วย”
***************
ตอนจางซื่อเหวยกำลังวางแผนอยู่ที่เมืองผูโจว หวังทงกำลังนอนหลับสนิทในเรือของตน เขากำลังพักผ่อน คนอื่นกลับไม่กล้าเอนตัวนอน ทหารหลายร้อยมาจากเมืองสวีโจวกำลังล้อมกองกำลังนายกองพันอี้เอาไว้ คนพวกนี้เป็นคนร้าย
เดิมมีเรื่องเล็กน้อยอยู่ทางฝั่งตะวันตก ไม่สะเทือนถึงฝั่งตะวันออกของเมืองพีโจว แต่หลังต่อสู้กับกลุ่มโจร และกล่าวกันว่าเป็นทหารทางการนำกำลังมาโดยเรือชาวบ้าน จากนั้นก็มีเสียงร่ำร้องไห้เรียกหาบิดามารดากันดังไปทั่ว เสียงปืนไฟแม้ไม่ทำให้สั่นสะเทือนไปทั่ว แต่ทางกำแพงเมืองก็ย่อมได้ยิน
ทหารกำแพงเมืองเมืองพีโจวได้ยินก็พากันหวาดกลัว อย่างไรต้องรายงานผู้ว่าให้รู้ ผู้ว่าตกใจอย่างมาก ยังได้ยินว่านายกองพันอี้นำกำลังทหารไป พวกเขาก็ย่อมไม่กล้านอนต่อ
ทหารป้องกันกำแพงเมืองรวมกำลังกัน ผู้ว่ากับเจ้าหน้าที่อำเภอกำลังอยู่ในเมืองลาดตระเวน ผู้ชายในแต่ละครัวเรือนก็ต้องเตรียมพร้อมหากมีคนร้ายมา
ว่ากันว่าการต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว บนกำแพงเมืองเห็นแต่แสงไฟสว่างบนฝั่งแม่น้ำ อยากจะมองให้ละเอียดก็ไม่ได้ หวาดกลัวกันอยู่ราวหนึ่งชั่วยาม รู้สึกว่าทำเช่นนี้ดูไม่ได้การ จึงส่งคนลงจากกำแพงเมืองผ่านทางตะกร้าหย่อนลงไป ให้ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พอไปดูที่ริมแม่น้ำ ก็เห็นทหารในชุดเครื่องแบบกำลังสาละวนกัน ตอนเหนือของแม่น้ำในเขตปกครองใต้แม้ไม่สงบสุข ชาวบ้านมีฝีมือต่อสู้กันบ่อย แต่ก็ไม่ได้มีโจรอันใดที่จะมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการในเครื่องแบบ พอเห็นเช่นนี้ คนที่ออกมาสังเกตการณ์ใจกล้าไม่น้อย อากาศไม่หนาวมาก ผืนน้ำก็ไม่กว้างนัก จึงถอดเสื้อผ้าว่ายข้ามไปดู
พอว่ายไปอีกฝั่งก็ถูกทหารเมืองสวีโจวจับตัวไว้ พอแสดงสถานะตนก็ถูกขุนพลเมืองสวีโจวทางนั้นเรียกมาฟังเล่าเหตุการณ์ จากนั้นค่อยว่ายกลับไปรายงาน
ขุนนางท้องที่ที่กำลังรออย่างหวาดกลัวกันอยู่ในเมืองได้ยินว่านอกเมืองไม่ใช่โจรก็เบาใจ แต่พอฟังอีกที กลับตกใจยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
ผู้แทนพระองค์ถึงกับถูกซุ่มโจมตีในพื้นที่ตนเอง ดีที่ผู้แทนพระองค์เก่งกล้า สังหารโจรแทน ไม่เช่นนั้นคงต้องถูกสังหารเก้าชั่วโคตรจริงแล้ว ปัญหาตอนนี้คืออธิบายอย่างไรว่ามีสายสัมพันธ์ใดกับโจรกลุ่มนี้ พอได้ยินว่าเป็นกองตรวจการในพื้นที่ และยังเป็นกองทหารในพื้นที่ระดับนายกองพัน ก็ยิ่งแทบกระอักเลือดออกมา เป็นเรื่องในพื้นที่ตนเองจริงๆ
อยู่ๆ ภัยหายนะก็ตกจากฟ้า สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือรอดูว่าใต้เท้าแทนพระองค์จะจัดการอย่างไร เมืองพีโจวติดคลองส่งน้ำ ข่าวก็ไม่อาจปิดบังได้ แต่ที่ได้ยินเกี่ยวกับใต้เท้าผู้แทนพระองค์มานั้น ก็ช่างไม่อาจทำให้รู้สึกดีใจได้เลย
กลางคืนประตูเมืองปิด นี่เป็นธรรมเนียม เปิดไม่ได้ แต่ทว่ากำแพงเมืองกลับมีคนห้อยตัวลงไปไม่หยุด ไปติดต่อเรื่อยๆ ดูว่าเรื่องราวสามารถแก้ไขอันใดได้อีกหรือไม่
**************
หวังทงตื่นมาบนเรือ ฟ้าก็สว่างแล้ว ในเมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นทหารเมืองสวีโจวตัวจริง และยังมาเพราะจดหมายหวังทง ขบวนเรือจึงเข้าเทียบท่า
ขุนพลเมืองสวีโจวเปาหรูซานนำทหารติดตามมาที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นทหารที่เลือกมาดีที่สุดแล้วของกองกำลังในเมืองสวีโจว แต่ละคนล้วนมีฝีมือฉกาจ แต่พอเห็นทหารติดตามหวังทงลงจากเรือมา พวกเขาก็ตะลึงอึ้งไปไม่น้อย ทุกคนสวมเกราะพร้อมอาวุธยาว ความพร้อมเช่นนี้ทำให้พวกเปาหรูซานอิจฉาก็ส่วนอิจฉา แต่ก็ไม่ได้คิดอันใด หากรัศมีที่เปล่งประกายออกมาต่างหากที่ทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ
มีแต่พวกที่เคยออกสนามรบเท่านั้น ผ่านการสังหารมาโชกโชนเท่านั้นจึงจะมีรัศมีเช่นนี้ได้ คนพวกนี้เป็นทหารกล้าแท้จริง พวกเขาตั้งฐานทัพในแผ่นดินหมิง ได้ยินหวังทงออกไปรบสร้างชัยชนะนอกด่านมากมาย อย่างไรก็มักจะรู้สึกสงสัยยิ่ง แต่พอได้เห็นรัศมีทหารติดตามกองนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกเชื่อแล้ว
“รายงานท่านโหว กองตรวจการค้าเกลือที่นี่คิดประสงค์ชิงทรัพย์ไม่ใช่แค่ครั้งแรก จับตัวส่งไปฝังไว้ที่ค่ายทหารแล้ว เรือก็จะทำลายไปทำฟืน ทรัพย์สินเงินทองก็จะแบ่งกันระหว่างสองหน่วยงาน การเดินทางบนลำน้ำนี้ปกติก็มักมีคนหายตัวไป ไม่มีคนคิดว่าเกิดเหตุที่เมืองพีโจว ยิ่งไม่มีคนคิดว่าจะมีทหารทางการก่อคดีเองเช่นนี้”
หวังทงนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ เปาหรูซานยืนรายงานข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้ หวังทงก็อึ้งไป หลุดหัวเราะออกมา ตามคาด คิดมากไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเป็นแค่เรื่องหวังชิงทรัพย์ง่ายๆ แค่นี้ กำลังจะกล่าวอันใดก็มองไปเห็นผู้ว่าเมืองพีโจวกำลังคุกเข่าหมอบนิ่งที่พื้นไม่กล้ากล่าวอันใด
“พื้นที่เจ้ามีคดีใหญ่เช่นนี้ เจ้าเป็นขุนนางตาบอดหรือไง เมืองไหวอันต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าไม่เป็นไร พวกโจรต้องจัดการเช่นก็จัดการไป เจ้าควรรับโทษอย่างไรก็รับโทษไป ข้าจะไม่ยุ่งด้วย”
“ขอบคุณท่านโหวที่ให้ความเป็นธรรมๆ !”
หวังทงกล่าวเช่นนี้ ผู้ว่าก็รีบโขกศีรษะขอบคุณไม่หยุด เกิดเรื่องเช่นนี้ ผู้ว่านี้ต้องออกจากตำแหน่งเป็นเรื่องแน่นอน หากหวังทงกัดไม่ปล่อย ใช้หัวเขามาระบายความโมโหให้ติ้งเป่ยโหวก็ย่อมได้ การจัดการเช่นนี้ไม่ยากเกิดคาดเดา แต่หวังทงกลับไม่เอาเรื่อง ชีวิตเขาก็รักษาไว้ได้แล้ว
“ท่านโหว เช่นนั้นพวกทหารโจรกับพวกหน่วยตรวจสอบค้าเกลือ?”
เปาหรูซานเมื่อคืนมาช่วย ก็นับว่ามีผลงาน เขาย่อมไม่หวาดกลัว ถามขึ้นน้ำเสียงนิ่งเรียบ หวังทงมองไปทางพวกหน่วยตรวจสอบค้าเกลือกับทหารที่ถูกมัดไว้ กล่าวว่า
“ทหารไม่น้อยน่าจะแค่ฟังคำสั่ง พวกเขาไม่ต้องเอาเรื่องต่อ ไปสอบเจ้าคนแซ่อี้นั่นกับพรรคพวก หากเป็นพวกรู้กัน ก็ให้จัดการลงโทษหนักไปตามระเบียบ ส่วนพวกหน่วยตรวจสอบค้าเกลือ พวกเขาเป็นโจรก็สังหารทิ้งไปเลยละกัน!”
เปาหรูซานรีบรับคำสั่ง หันกลับไปบอกกล่าวกับคนของตนสองสามคำ ทหารติดตามเขาก็รีบวิ่งออกไป จัดการตามคำสั่ง นายกองพันอี้ผู้นั้นกับพวกย่อมถูกกวาดล้างริบทรัพย์ทั้งตระกูล ทว่าทหารส่วนใหญ่กลับไม่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนพวกหน่วยตรวจสอบค้าเกลือก็ย่อมเป็นพวกโจรในคราบเจ้าหน้าที่ สังหารทิ้งให้หมดก็จบเรื่อง
สองคนจับโจรหนึ่งคนลากออกไป กดลงบนพื้น จากนั้นพวกที่พอมีความรู้อยู่บ้างก็ย่อมรู้ว่าลำดับถัดไปก็จะสังหารทิ้งแล้ว
คืนวานยังกระหายอยากลงมือ วันนี้แต่ละคนกลับกลัวหัวหด มีคนหนึ่งส่งเสียงร้องขอชีวิต มีคนหนึ่งตะโกนด่าอย่างบ้าคลั่ง เสียงตะโกนร้องเรียกพวกนี้ไม่ได้ทำให้หวังทงรู้สึกอันใด ได้แต่มองอย่างไร้อารมณ์ คนพวกนี้ ไม่รู้มือเปื้อนเลือดมามากมายเท่าไร
“นายท่าน นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ นายท่านบรรพชนข้า ข้าน้อยรู้เรื่องทางใต้นี้ดี สามารถนำทางได้ สามารถเป็นคนนำทางให้ท่านได้ ไว้ชีวิตสุนัขเช่นข้าน้อยเถิด ข้าน้อยยอมเป็นวัวเป็นม้า ร่างแหลกสลายก็ขอรับใช้ท่าน!!”
มีชายร่างผอมเกร็งคนหนึ่งตะโกนไม่เหมือนคนอื่น ทหารที่กำลังลงมือก็หยุดมือ หวังทงก็หันไปสนใจ ยิ้มชี้ไปว่า กล่าวว่า
“นำตัวมานี่!!”
คนทางนั้นก็จับตัวหิ้วราวกับหิ้วไก่มาถึง พอมาถึงก็โขกศีรษะจนเต็มไปด้วยเลือด ร่างผอมราวกับลิงกัง เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ หวังทงเดิมคิดว่าหน้าตาโหววั่นไฉเหมือนลิงมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับคนนี้แล้ว กลับสู้ไม่ได้
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะลงใต้ ไม่แน่ว่าข้าถึงซู่โจวก็ลงเรือแล้ว เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องการคนนำทาง?”
“เรือนายท่านมีแต่เงินทองไม่มีสินค้า เห็นได้ชัดว่าไปปฏิบัติหน้าที่ทางการ บนเรือก็มีใบเรือแขวน เห็นชัดว่าจะลงใต้”
แม่น้ำทางใต้กว้างมาก เรือใหญ่ไม่ต้องใช้การพาย ใช้ใบเรือก็พอ มีใบเรือแขวนก็หมายถึงการเพิ่มใบเรืออีกใบ มีแต่พวกลงใต้เท่านั้นที่จะใช้ และเดินทางบนคลองส่งน้ำ สินค้าขึ้นเหนือล่องใต้ล้วนทำกำไรมาก คนเรือย่อมนำสินค้ามาด้วย ไม่นำสินค้ามาก็ย่อมเป็นเพราะมาปฏิบัติหน้าที่ จากการลงมือของพวกหวังทงบนแม่น้ำ ก็เห็นว่าไม่เคยมาที่นี่
“เจ้าเชี่ยวชาญเรื่องทางใต้หรือ?”
“ข้าน้อยเมื่อก่อนเคยลอบค้าเกลือเถื่อน เขตปกครองใต้ไปมาครบทุกที่ เพราะไม่ได้มีความสามารถใด ไม่อาจอยู่กับนายได้นาน มักต้องเปลี่ยนนาย ไปมาหลายแห่ง ก็เลยเชี่ยว…….”
หวังทงยิ้มพยักหน้า คนผู้นั้นรีบกล่าวต่อว่า
“ข้าน้อยไม่เคยก่อคดี เพราะร่างกายผอมแห้ง ทุกครั้งก็ได้แต่กร่างไปพร้อมกับกลุ่มใหญ่ๆ”
“เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าน้อยชื่อหลูต้า”
หวังทงมองไปทางเปาหรูซานข้างๆ ยิ้มกล่าวว่า
“เจ้านี่คล่องดี รู้จักสังเกต มีสมอง ข้ารับไว้ ที่เหลือสังหารให้หมด!”
เปาหรูซานคำนับรับคำสั่ง โบกมือไปทางนั้น ทหารทั้งหมดก็ยกดาบเลือดสาดกระเซ็น