องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 848 เจ้าเป็นใคร
เดิมจางเหลียนเซิงกำลังซาบซึ้งน้ำตาร่วงซึมอยู่ กำลังโขกศีรษะแสดงความจงรักภักดี พอได้ยินรายงานด้านนอก ก็เหมือนว่ากระต่ายดีใจกระโดดตัวลอย ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าไปมา ก่อนจะจัดแต่งเสื้อผ้าให้ดี กระแอมไอในลำคอ
พอเห็นหวังทงมองอย่างตกใจ จางเหลียนเซิงก็ยิ้มแหะ ท่าทางเฝื่อนๆ อธิบายเบาๆ ว่า
“ใต้เท้า ใต้เท้า ต่อหน้าแม่นางซิ่วเอ๋อร์ต้องรักษาภาพหน่อย ไม่งั้นเสียเกียรติทหารองครักษ์เสื้อแพรในพระองค์หมด…”
คำอธิบายนี้ก็อยากจะหัวเราะไปพร้อมกับร้องไห้เสียจริง เป็นถึงนายกองพันองครักษ์เสื้อแพร จะมีรักษาภาพอันใดต่อหน้านางคณิกาบนเรือสำราญ หวังทงอึ้งไป ทว่าก็ได้สติเร็ว ในยุคนี้ ก็คงเหมือนกับดาราแฟนคลับ
อย่าว่าแต่จางเหลียนเซิง แม้แต่หวังทงยังอยากรู้จักแม่นางซิ่วเอ๋อร์ สถานที่สูงส่งสูงค่ามีระดับ มีเกียรติเช่นนี้ ทำให้คนต้องวางท่าทางเช่นนี้ แล้วแม่นางจะเป็นเช่นไร อยากเห็นเสียแล้ว
พอได้ยินเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง สาวใช้ท่าทางดีสองคนก็เปิดม่านในห้องรับรองออก มีสตรีนางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวเดินเข้ามา
เป็นสาวงามจริง นี่ไร้คำถามสงสัย แต่หวังทงยังต้องกระพริบตา และมองอีกรอบให้ละเอียด บอกเป็นสตรี แต่หญิงที่เข้าร่างสูงมาก เกือบเท่าหวังทง ห่างกันแค่ช่วงศีรษะ รูปร่างไม่ต้องพูดถึง ทำให้หวังทงรู้สึกมึนวูบก็คือหน้าตาของซิ่วเอ๋อร์
ดูแวบแรกก็รู้สึกเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ แต่พอดูให้ดีก็รู้สึกว่าใบหน้ามีความงามเย้ายวน เป็นหญิงงามโดยแท้ ความงามบริสุทธิ์กับเย้ายวนดูเหมือนร่างบอบบาง แต่ที่จริงแล้วกลับมีส่วนเว้าโค้งงดงาม ท่าทางเย็นชามีมารยาท แต่ก็เหมือนความร้อนแรงซ่อนอยู่ หลายอย่างผสมกัน ทำให้ซิ่วเอ๋อร์ยิ่งงดงามหาใดเทียม
หวังทงอึ้งไป ส่ายหน้าอึ้งๆ หน้าตาใบหน้างดงามเช่นนี้ไม่ว่ายามใดก็ย่อมเป็นสิ่งน่าทะนุถนอมของทุกคน มิน่าจางเหลียนเซิงจึงมีท่าทีเช่นนั้น
“ข้าน้อย ซิ่วเอ๋อร์คำนับนายท่านจาง คำนับนายท่านหวัง!”
หวังทงไม่ค่อยได้ออกงานเช่นนี้ แต่ก็รู้ว่าคณิกาอันดับหนึ่งล้วนมีท่าทีเย็นชาราวน้ำแข็ง คิดว่าสูงส่ง เห็นซิ่วเอ๋อร์นี่กลับกระตือรือร้นมาก น้ำเสียงไพเราะ ท่าทางอ่อนโยน แฝงไว้ด้วยความงามหนึ่ง ทำให้ดูแตกต่าง
หวังทงไม่กล่าวอันใด กลับเป็นจางเหลียนเซิงรีบยืนขึ้นยิ้มกล่าวว่า
“ซิ่วเอ๋อร์ออกมาต้อนรับ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง ท่านนี้คือนายท่านหวัง เป็นนายข้าเอง ได้ยินกิตติศัพท์แม่นางซิ่วเอ๋อร์มานาน วันนี้ได้มาฟังบทเพลงของแม่นางซิ่วเอ๋อร์โดยเฉพาะ ขอแม่นางซิ่วเอ๋อร์แสดงฝีมือด้วย!”
ท่าทางจางเหลียนเซิงอยู่ในสายตาหวังทง หวังทงอดไม่ได้ส่ายหน้า ก็แค่สตรีนางหนึ่ง ไยต้องเกรงใจเช่นนี้ ถึงกับต้องอวดอ้างใหญ่โตไปได้ ยังลากตนเองไปอ้างด้วย
ซิ่วเอ๋อร์ก็รู้ความ ตอบอ่อนโยนว่า
“นายท่านจางชมเช่นนี้ ซิ่วเอ๋อร์ก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งแล้ว ให้นายท่านทั้งสองรอนานแล้ว จะรับฟังบทเพลงซิ่วเอ๋อร์ก่อน หรือร่ำสุราก่อน?”
“เอา…”
จางเหลียนเซิงกำลังจะพูด ก็นึกได้ว่านายอยู่ข้างๆ เมื่อครู่เพิ่งแสดงความภักดี ลืมได้อย่างไร ไร้มารยาทจริง นายกองพันจางจึงได้คำนับถามขึ้น
“ใต้เท้าท่านว่าอย่างไรดี?”
“อาหารและสุรามาแล้ว แม่นางซิ่วเอ๋อร์นั่งลงฟังเพลงด้วยกันก็พอ!”
มาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ หวังทงก็มิได้มากพิธีอันใด จางเหลียนเซิงเองก็ดูเป็นพวกนิสัยคุณชายทั่วไป นิสัยเช่นนี้วันหน้าควบคุมง่าย ในสถานที่เช่นนี้ ก็ปล่อยไปตามสบายก็แล้วกัน
ได้ยินหวังทงสั่ง มีคนรับคำสั่งต่อ ด้านนอกก็นำอาหารเข้ามา ซิ่วเอ๋อร์นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องรับรอง พออาหารมาครบ จางเหลียนเซิงก็คำนับสุราก่อน จากนั้นซิ่วเอ๋อร์หันไปพยักหน้าให้สาวใช้ สาวใช้ก็ออกไปตามคนอื่นๆ ให้จัดการโต๊ะบรรเลงพิณ โบราณให้เสร็จ จากนั้นค่อยออกไป
สุราดี อาหารรสเลิศ ซิ่วเอ๋อร์บรรเลงเพลงและขับร้องเอง แต่หวังทงก็มิได้รู้สึกหลงใหลอันใด ใช่ว่านางร้องไม่ดี แต่เพราะเพลงท่องทำนองโบราณเช่นนี้เก่าไปสำหรับหวังทง ฟังแล้วไม่คุ้นหูสักเท่าไร
ทว่าเสียงพิณกับเสียงเพลงก็เสนาะหูอยู่ เสียงบทเพลงนอกเรือสำราญหยุดแล้ว ห้องอื่นๆ ที่คุยกันส่งเสียงหัวเราะดังก็เงียบลงแล้ว จางเหลียนเซิงข้างๆ หวังทงฟังจนเคลิบเคลิ้มราวกับเมาสุรา หวังทงหันไปมอง เห็นอู๋เอ้อร์กับซาตงหนิงอีกมุมหนึ่งก็เคลิบเคลิ้มเช่นกัน ดูท่าแล้วบทเพลงนี้ไม่เลวจริงๆ
หน้าตางดงาม ศิลปะโดดเด่น ทุกอย่างล้วนเหนือกว่าสตรีอื่นนี้ได้มาอย่างไรกัน หวังทงรู้จากซ่งฉานฉานถึงความนัยที่มาแห่งฝีมือศิลปะพวกนี้ไม่น้อย รับเด็กหญิงสี่ห้าขวบจากตระกูลดีที่ล่มสลายหรือจากตระกูลที่มีความผิดมาเลี้ยงดูอย่างดี อบรมแต่เด็ก หน้าตาไม่ได้ ก็จะขายให้เป็นสาวใช้ตระกูลใหญ่ หรือไม่ก็ทำงานรับใช้ตนเองทั่วไป ฝีมือไม่ดี ก็จะขายไปยังหอคณิกาชั้นหนึ่ง พวกที่มีตำหนิมากหน่อย ก็จะขายให้ตระกูลใหญ่เป็นภรรยาน้อย สุดท้ายคัดเลือกไปมา ก็จะมีสองสามคนเป็นตัวเลือก สตรีเหล่านี้อาจเป็นนางคณิกาคนดังหอคณิกา หรือไม่ก็ถูกซื้อไปอยู่ตระกูลใหญ่ด้วยราคาสูง ตอนนี้ซิ่วเอ๋อร์ควรจะอยู่ระดับนี้
ที่เรียกว่า ผู้ที่สามารถโดดเด่นเหนือผู้ใดเกิดท่ามกลางความไม่สงบ สตรีงดงามเช่นนี้เกิดมาจากการถูกคัดออกไปหลายนาง โลกนี้ช่างไม่ง่ายเลย…
“นี่คือแม่นางซิ่วเอ๋อร์หรือ? ไยต้องมาขับร้องบทเพลงให้คนอื่นด้วย!”
หวังทงกำลังนั่งคิดเพลินอยู่ บรรยากาศราวภาพฝันบนเรือสำราญก็ถูกคนข้างห้องเข้ามาตวาดทำลายสิ้น
เสียงดนตรีกับเสียงร้องถูกขัดจังหวะ ซิ่วเอ๋อร์กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า ‘เสียมารยาทน่าละอาย’ หากยังร้องต่อ หวังทงไม่สนใจ หรี่ตา มองไปยังจางเหลียนเซิง นายกองพันจางเผยสีหน้าดูไม่เป็นตัวของตัวเอง
พอฟังเพลงจบ หวังทงพยักหน้าปรบมือขึ้น ยิ้มกล่าวว่า
“แม่นางซิ่วเอ๋อร์ร้องได้ไม่เลว ร้องอีกเพลงละกัน!”
ซิ่วเอ๋อร์กับจางเหลียนเซิงล้วนพากันอึ้ง ซิ่วเอ๋อร์มีชื่อเสียงทั่วแดนใต้ งานเลี้ยงล้วนเชิญนางไปขับกล่อม เป็นเกียรติใหญ่ ร้องจบหนึ่งเพลงแล้ว เจาของงานกับแขกก็จะดื่มให้สองสามจอก จากนั้นนางก็จะจากไป แต่หวังทงกลับกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า ‘ร้องอีกเพลง’ ช่างไม่รู้จักธรรมเนียม
ซิ่วเอ๋อร์ไม่รู้ว่าหวังทงคือผู้ใด ทว่าจางเหลียนเซิงอยู่หนานจิงก็นับว่าเป็นใต้เท้าใหญ่ เขาเชิญแขกที่อายุน้อยกว่ามากมา ก็เห็นได้ว่ามีเกียรติยิ่ง จางเหลียนเซิงนั้นตั้งแต่ซิ่วเอ๋อร์เข้ามาก็เรียกขานเพียงว่าใต้เท้า ไม่เรียกผู้บัญชาการ สตรีนางนี้จึงไม่รู้สถานะหวังทง
จางเหลียนเซิงอึ้งไป ก่อนจะได้สติ รีบคำนับกล่าวว่า
“ขอแม่นางซิ่วเอ๋อร์ขับร้องอีกสักเพลง…”
เขามีท่าทีเกรงใจ หวังทงขมวดคิ้ว ซิ่วเอ๋อร์ไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก สตรีนางหนึ่งขอร้องเสียงเบายิ่งว่า
“ท่านเก้า แม่นางซิ่วเอ๋อร์กำลังรับแขกอยู่ นายกองพันจางจ่ายเงินก้อนหนึ่งมาแล้ว รอซิ่วเอ๋อร์ออกมา ค่อยให้นางเป็นเพื่อนท่านเก้า…”
ด้านนอกมีเสียง เพี๊ยะ ดัง ราวกับถูกตบหน้า ได้ยินเสียง ‘ท่านเก้า’ หัวเราะกล่าวว่า
“แค่นายกองพัน มันตัวอะไรกัน?”
“…นายกองพันจางแห่งองครักษ์เสื้อแพร…”
“นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรนี่มันตัวอะไร นางเฒ่าอย่ามาทำเป็นไม่รู้ดีชั่ว หอหลันฮวานี้หากไม่ใช่กิจการเฉิงหย่งป๋อ ก็จะจับเจ้าโยนลงไปเลี้ยงปลาแล้ว!”
พอเสียงดังจบม่านก็เลิกออกทันที มีชายหนึ่งในชุดผ้าต่วนสีเขียวอ่อนก้าวเข้ามา ชายผู้นี้หน้าตาพอใช้ได้ แต่หว่างคิ้วเหมือนดำคล้ำ เห็นก็รู้ว่าเป็นพวกหลงใหลสุราหนัก เขากวาดตามองคนในห้องอย่างไม่พอใจ ตามมาด้วยยิ้มเดินไปหน้าซิ่วเอ๋อร์กล่าวว่า
“แม่นางซิ่วเอ๋อร์ ต้องมาเป็นเพื่อนแขกธรรมดาเช่นนี้ ลำบากเจ้าแล้วนะ ไปทางข้าดีกว่า บัณฑิตหลายคนกำลังรออยู่!”
จางเหลียนเซิงสีหน้าอึกอัก มีคนเข้ามาจับคนของตน เขากลับไม่กล้าแสดงปฏิกิริยา หน้าผากชุ่มเหงื่อหยด ยิ้มแย้มหันกลับไปมองหวังทง
หวังทงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เขาสังเกตเห็นผิวขาวมากของชายหนุ่ม ผิวเช่นนี้มีแต่ตระกูลสูงในยุคนี้เท่านั้นที่จะดูแลเป็นเช่นนี้ได้ ยังสังเกตหยกห้อยที่เอวว่าเป็นหยกเนื้อดีและฝีมือแกะชั้นดี หวังทงกำลังคิดว่าเป็นคุณชายตระกูลใดกัน
เขาสีหน้านิ่ง แต่จางเหลียนเซิงกลับคิดไปถึงเรื่องอื่น กัดฟัน กล่าวว่า
“แม่นางซิ่วเอ๋อร์เป็นพวกเราเชิญมาก่อน มาก่อนย่อมได้ก่อน เจ้าต้องทำตามธรรมเนียม…”
วาจาไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็หันกลับมา ตอนเข้ามาเขาไม่ทันสังเกตเห็นหวังทงกับจางเหลียนเซิง เอาแต่เดินไปเชิญตัวซิ่วเอ๋อร์ ซิ่วเอ๋อร์ได้แต่ปฏิเสธ สีหน้าลำบากใจ ชายหนุ่มที่หันไปมองไร้รอยยิ้มบนใบหน้าแล้ว แค่นเสียงเย็นจ้องมองจางเหลียนเซิงกล่าวว่า
“เจ้าจำไม่ได้หรือว่าข้าเป็นใคร?”
“…จำได้…”
จางเหลียนเซิงตอบอึ้งๆ ติดอ่าง ชายหนุ่มจึงไม่สนใจหันกลับไปทันที ไปพยายามดึงตัวซิ่วเอ๋อร์ พอถูกถามกลับเช่นนั้น จางเหลียนเซิงกลับไร้วาจาโต้ ยิ้มแห้งๆ หันไปจะกล่าวอันใดสักอย่างกับหวังทง
ท่าทางตอนนี้เหมือนว่าอีกฝ่ายจะข่มอยู่แล้ว ถึงกับไม่เอาไหนเช่นนี้ได้ หวังทงส่ายหน้ามองเขาอย่างเสียไม่ได้ สื่อชีกลับเข้ามารายงานเบาๆ ว่า
“ท่านโหว คนผู้นี้ไม่มีอาวุธ ไม่ใช่พวกฝึกยุทธ์ เมื่อครู่เอะอะแล้วก็พุ่งเข้ามา ทหารติดตามด้านนอกไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้รั้งไว้”
คนเช่นนี้บุกเข้ามา ทหารไม่ทันตั้งตัว เสียหน้าที่มาก อย่างไรสื่อชีก็ต้องให้คำอธิบาย เสร็จเรื่องนี้ย่อมถูกตำหนิ หวังทงพยักหน้า ลุกขึ้นไปคว้ากาสุรา เล็งให้แม่นแล้วก็ขว้างไป
ชายหนุ่มได้ยินเสียงลมวืด ได้สติคิดหลบ หากกานั้นปาเข้าที่ต้นแขนพอดี หวังทงแรงไม่น้อย กาสุราก็ย่อมชนแขนชายหนุ่มแตกกระจาย สุราหกรดเสื้อผ้า เศษกระเบื้องบาดใบหน้าชายหนุ่มเป็นสองแผล
ชายหนุ่มถูกของเขวี้ยงใส่ผงะไปสองก้าว ลูบใบหน้ารู้สึกเจ็บ ยังมีเลือดติดมา ก็อึ้งไป ก่อนจะโมโหหนัก ชี้หน้าจะด่าหวังทง ยังไม่ทันด่า ก็มีลมดังมาอีกวืด จอกหนึ่งปากเข้ากลางหน้าผาก ใบหน้าเลือดอาบทันที กุมหน้าส่งเสียงร้องดัง
หวังทงปัดมือไปมา อ้อมโต๊ะเดินไปยังหน้าชายหนุ่มผู้นั้น ถามขึ้นเบาๆ ว่า
“เจ้าเป็นใคร!?”
Comments for chapter "ตอนที่ 848 เจ้าเป็นใคร"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
yoyo
เอาแล้วแดนใต้ที่โดนดาวไม่กวาดเล่นงานแน่นอน