องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 861 จวนตัว กลับตัวมาทางหวังทง
ชาวน้ำย่อมเน้นเรื่องการลงน้ำสะดวก ยามนี้อากาศร้อนมาก ย่อมสวมเสื้อแขนสั้น บ้างก็ถอดเสื้อเลย สวมเพียงกางเกงง่ายๆ
แต่การแต่งกายเช่นนี้ต่อหน้าอาวุธก็เหมือนกับเปลือยกาย ทหารติดตามหวังทงในชุดเกราะครบ แม้อากาศร้อนจัดอึดอัด แต่ในสนามรบนั้นไร้ตา ป้องกันให้ดีอย่างไรก็ไม่มีผิด
การต่อสู้นี้ยังเป็นยามกลางคืน ไม่มีแสงตะวัน ห่อตัวด้วยเกราะไว้นั้นข้างในยังมีเสื้ออีกชั้นไม่ได้ทรมานขนาดนั้น
เสียงบนพื้นที่ต่อสู้หากฟังให้ดี ยังอาจได้ยินเสียงเคร้งคร้างและเสียงฉึกๆ เสียงเคร้งคร้างย่อมเป็นเสียงอาวุธกระทบเกราะ กลางคืนมืดมิด ทุกคนสู้กันชุลมุน คิดจะหาช่องว่างของชุดเกราะลงมือก็ไม่ง่าย ย่อมต้องส่งเสียงเคร้งคร้างดัง
ทางน้ำนี้บนเรือก็แคบ พวกโจรใช้อาวุธขวาน พวกองครักษ์ของหวังทงใช้ดาบยาวทวนยาว อาวุธปะทะกัน อาวุธโจรย่อมไม่อาจแตะต้องโดนพวกหวังทง หากจะถูกดาบยาวทวนยาวแทงเอาเสียมากกว่า ย่อมต้องมีเสียงฉึกๆ
ทหารติดตามหวังทงอาวุธครบมือ ฝึกมาหนัก ยังออกรบได้ชัยมาหลายครั้งก็ย่อมมีความมั่นใจ หากกลางคืนมีคนล้อมชิงความได้เปรียบ และยังไม่ชำนาญพื้นที่ ทุกคนก็ย่อมรู้สึกใจเต้นอยู่บ้าง แต่พวกหานกังพอกลับมาก็มั่นใจมาก
หานกังนำคนออกไปสังหารเสร็จ ก็กลับมาเข้าทัพ 20 คนรอคำสั่งซาตงหนิง คนของหวังทงไม่กำหนดแกนนำถาวร แต่จะเป็นครั้งเป็นคราไป ครั้งหน้าก็อาจจะไปเป็นทหารธรรมดา ความคิดหวังทงก็ง่ายมาก ก็คือให้ทุกคนได้รับการฝึกฝนให้พร้อม
เดิมพวกโจรได้เปรียบอยู่ ใช้วิธีการล้อมรอบทิศทางไว้ แต่ด้านหน้าสังหารรุนแรง เริ่มจากปืนไฟกับธนูยิ่งกันชุลมุน จากนั้นก็มีทหารกลุ่มเล็กออกปะทะ ชุลมุนต่อ เพื่อรักษาสถานการณ์ให้นิ่ง ก็จะต้องส่งคนจากที่อื่นมายันไว้
คนอื่นๆ คิดหาจังหวะชุลมุนลงมือ ทว่าพลธนูและพลปืนไฟบนหลังคาของกองกำลังหู่เวยมีอยู่ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ลับ แต่สามารถบรรจุกระสุนได้ง่าย น้าวธนูได้ง่าย โจรด้านล่างต่างถือคบไฟ เป็นเป้ายิงโดนแท้ เข้าใกล้ก็ย่อมตาย ได้แต่หัวหดกลับไป
มีคนโยนคบไฟเข้ามา อากาศแจ่มใสไม่ว่า ผ่านพ้นเดือนแปดมา พระจันทร์กระจ่างยิ่ง จะซ่อนตัวได้อย่างไร เห็นทัพม้ามุ่งบีบมาด้านหน้า คนที่เหลือก็ไม่อยากอยู่รอความตาย พากันตามถอยกลับไป
การต่อสู้เช่นนี้ ซาตงหนิงเปลี่ยนไปใช้ดาบยาวแทน พอเขานำคนออกมา พวกโจรก็ถอยไปมากแล้ว หวังทงได้ยินบนหลังคามีเสียงธนูยิงกับปืนไฟประปราย กล่าวกับเฉินต้าเหอว่า
“พวกโจรถึงกับไม่แตกตื่น ดูท่าคงมีอะไรที่ยังไม่เอาออกมาใช้!”
ถูกสังหารถอยกลับไปหลายครั้ง พวกโจรยังถึงกับล้อมวงเข้ามาอีก กลุ่มก่อและการสั่งการนี้ไม่เลว สายตาพลธนูไม่เลว พอได้ยินหวังทงกล่าว ก็หรี่ตามองไป กล่าวว่า
“มีบางคนแต่งกายไม่เหมือนกัน กลางคืนมองไม่ออกว่าเสื้อคลุมใช่ผ้าหรือหนัง ราวกับเป็นคนพวกนี้สั่งการ”
เห็นในบรรดาโจรเสื้อสั้นแขนสั้น มีพวกที่คลุมผมด้วยผ้าแน่นหนา เห็นชัดๆ ว่าเป็นพวกเดียวกัน
“มีพลธนู ทุกคนอย่าแตกตื่น บุกเข้าไปสังหารมันก่อนค่อยถอย!!”
สองคนบนหลังคาวิพากษ์วิจารณ์ กลับได้ยินซาตงหนิงคำรามดัง เจ้ากลุ่มเล็กนั่นรีบเร่งฝีเทาบุกเข้ามา ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดดังถี่มาก หวังทงขมวดคิ้วหันไปตะโกนขึ้นว่า
“เป้าเอ้อร์เสี่ยวนำกำลังออกไปต้านไว้ เอ้อร์หู่กับเสี่ยวเปียวนำกำลังออกไปด้วย!!”
ลูกน้องรับคำพร้อมเพรียงพากันเร่งออกไป ที่จริงแล้วเมื่อครู่ที่ตกใจไม่ได้ส่งผลอันใดกับการนำกำลังออกไปสังหารของซาตงหนิง ตอนนี้เพื่อนทหารออกมาช่วยกัน จึงได้ก้าวขึ้นหน้าไปอีกระยะห่างหนึ่ง
หลายครั้งที่ปะทะกัน สวมชุดเกราะไว้ กองกำลังหู่เวยที่ชำนาญการต่อสู้ย่อมได้เปรียบพวกโจรไม่น้อย พวกโจรส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าปะทะกันตรงๆ ปรากฏว่าองครักษ์ของหวังทงหลายสิบนายปะทะกำลังหลายร้อยนายถอยกลับไป ศัตรูตรงหน้าน้อยกว่าพวกเขา ย่อมไม่อาจมีชัยได้
พอสามกองที่ส่งออกไปรอบแรกกลับมา ซาตงหนิงเงยหน้ารายงานว่า
“ท่านโหว เสี่ยวเถียนโดนยิง ที่เหลือปลอดภัย!!”
หวังทงพยักหน้า ไม่ได้ออกคำสั่งให้อีกกองออกไป ยามนี้พวกโจรก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด คนที่ห่อตัวเองไว้มิดชิดเริ่มไปรวมตัวกัน หวังทงก้มหน้าถาม ซาตงหนิงเงยหน้ารายงานว่า
“เป็นเกราะหนัง คนพวกนี้ไม่ใช่คนในวงการนักเลงบ้านเรา!”
หวังทงตบบ่าเฉินต้าเหอ กล่าวว่า
“ไปได้ พวกเราร่วมกันออกไปสังหารสักรอบ พวกโจรก็คงจะได้เผยสิ่งที่ซ่อนอยู่”
เฉินต้าเหอรับคำ สองคนวิ่งลงบันไดไป บรรดาทหารติดตามอารักขาปรับเล็กน้อย ทหารปืนไฟมีครึ่งหนึ่งหันไปถืออาวุธ
หวังทงถือดาบพัวเตาในมือ ปิดเกราะบนใบหน้าตนลง กล่าวว่า
“อย่าแตกแถว พลธนูกดดันพลธนูโจรไว้ ยิงสังหารไปก็พอ!”
หวังทงกล่าวจบลูกน้องก็รับคำพร้อมเพรียง ตอนนี้บนสนามรบมีคนถูกธนูยิงไปแค่หนึ่ง ช่างฮึกเหิมเสียจริง อยากออกไปปะทะแสดงความสามารถสักหน่อย
พอเดินไปถึงลานด้านหน้าก็ได้ยินคนตรงข้ามตะโกนดังว่า
“ยันขึ้นไปแถวหน้าๆ สู้ตายกับพวกมัน เงินหนึ่งร้อยตำลึง ถึงหยางโจวให้กินเที่ยวกันเต็มที่!!”
กลับชายฉกรรจ์ชุดเกราะหนังมารวมตัวกัน พยายามไล่ต้อนกลุ่มโจรไปด้านหน้า เห็นแล้วก็รู้ว่าให้บุกเป็นทัพหน้ามาก่อน ตนเองรอโอกาสอยู่ด้านหลัง
ทหารทางการ 20 กว่านายกำลังปะทะกับกองกำลังพวกเขาอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ออกมาเกือบร้อย จะสู้ยังไง กลุ่มคนเริ่มแตกฮือ
หวังทงสะบัดดาบให้บุก แต่พอสะบัดดาบออกไป ก็พบกว่าอีกฝ่ายเริ่มชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด พวกโจรด้านหน้าหนีกันกระจัดกระจาย พวกชายสวมเกราะหนังด้านหลังเริ่มหันไปสังหารทิ้ง ยังมีโมโหตะโกนด่าขึ้นว่า
“พี่เลี่ยว ท่านจะทำอะไร!!?”
“นายท่านดีต่อเจ้าไม่น้อย หรือว่าเจ้าไม่อยากอยู่แดนใต้นี้ต่อ!!?”
คนพวกนี้กำลังตะโกนใส่กัน อีกพวกหนึ่งตะโกนว่า
“พวกเจ้าคิดการใหญ่หรือ เสียดายชีวิตพี่น้องที่พลีชีพไป วันนี้จะทวงความเป็นธรรมให้พี่น้อง!!”
อีกฝั่งกลับใช้คนละสำเนียงตะโกนกลับ พวกหวังทงเริ่มแรกคิดว่ามีแผนร้ายอันใด ระยะใกล้เพียงนี้ ก็เห็นว่าลงมือกันจริงๆ สังหารกันทิ้งจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องเท็จ
การต่อสู้ตอนนี้ต่างจากเมื่อครู่ แม้ว่าโจรพวกเดียวกันเอง แต่เทียบกับเมื่อครู่แล้วดูมีระเบียบกว่ามาก มีคนหยิบแหทอดปลาทอดใส่กลุ่มคนชุดเกราะหนัง พอทอดแหออกไป ก็จับได้หลายคน จากนั้นก็คว้าฉมวกและดาบเข้าแทง
จากนั้นอยู่พวกที่ลงมือก็ถอยอย่างเป็นระเบียบ เทียบกับพวกเขาแล้ว เมื่อครู่พวกชายชุดเกราะหนังที่ดูมีฝีมือนั้นตอนนี้กลับไม่เท่าไรแล้ว
เดิมปะทะเดือด สู้กันสักอย่างมีกลยุทธ์ ชายชุดเกราะหนังก็เริ่มแตกพ่าย ไม่ถูกสังหารก็หนี กลางดึกมืดมิดเช่นนี้ หมู่บ้านเชียนเติงเจิ้นเส้นทางน้ำมากมาย โยนอาวุธหลบหนีก็ย่อมติดตามได้ยาก
สถานการณ์เงียบลงไปมาก เสียงโจมตีเอะอะ และเสียงตะโกนพวกโจรเริ่มประปราย ชายชุดเกราะหนังแตกพ่าย จากนั้นชายสองร้อยกว่าคนก็รวมตัวกัน
คนพวกนี้รวมตัวกันเงียบมาก ไม่มีคนถืออาวุธหรือคบไฟ พวกเขาโยนคบไฟไปอีกทาง ให้พอมีแสงสว่างก็พอ คนที่กระจัดกระจาย ยามนี้มาอยู่พร้อมกันอยู่ในบริเวณนี้อย่างไม่ได้นัดหมาย มีคนถือฉมวกมา
“ให้พลธนูกับพลปืนไฟมาให้หมด แหปลานั้นจัดการยาก ต้องรับมือระวัง ฉมวกนั้นก็ยาวกว่าอาวุธเรา และยังเรียวคมแหลม ต้องระวังให้มาก !”
หวังทงสั่งไปเบาๆ บรรดาทหารติดตามอารักขาด้านหลังเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแถว พวกเขารู้สึกว่าพวกตรงหน้าไม่เหมือนกับกลุ่มโจรเมื่อครู่ ท่าทางแตกต่าง ราวกับเป็นทหารเก่งกล้า
พอเห็นโจรด้านหน้าเคลื่อนไหวเข้ามาสองสามก้าว พวกหวังทงก็เตรียมรับศึก กำลังรออยู่นั้น ก็กลับเห็นชายฉกรรจ์หัวโล้นหน้าสุด เข้ามาคุกเข่าลงที่พื้น พวกโจรด้านหลังก็ตามมาด้านหลังติดๆ โยนอาวุธคุกเข่าลงเช่นกัน
ชายฉกรรจ์หัวล้านผู้เป็นหัวหน้ากล่าวว่า
“ ใต้เท้าผู้แทนพระองค์ เมี่ยวลั่งนำคนมาช่วยช้า ขอใต้เท้าผู้แทนพระองค์โปรดอภัย!!”
กล่าวจบก็โขกศีรษะลงกับพื้น โจรด้านหลังก็โขกศีรษะตาม พากันโขกอย่างแรงดังไปทั่ว หวังทงเงียบไป การหักมุมเช่นนี้ทำเอาอึ้งไป หวังทงก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง คิดแล้วก็หยุด ถามขึ้น
“ผู้ใดคือเทพมังกรทะเลสาบไท่หู?”
ชายฉกรรจ์หัวล้านก้าวออกมาคุกเข่าลงคำนับนอบน้อม กล่าวว่า
“ข้าน้อยก็คือเมี่ยวลั่ง ต่อหน้าใต้เท้าผู้แทนพระองค์จะใช้ชื่อบัดซบพวกนั้นได้อย่างไร”
“พวกที่มาล้อมข้านี้หรือว่าไม่ใช่คนของเจ้ากัน? บาดเจ็บล้มตายไปมากเพียงนี้ ตอนนี้มาไม้ไหนกันอีกล่ะ?”
หวังทงถามเสียงเรียบๆ เมี่ยวลั่งโขกศีรษะกล่าวว่า
“ข้าน้อยเดิมก็ทำผิดกฎหมาย ไม่มีหน้ามาเผยตัวตน ข้ากับพี่น้องจึงได้ปิดบังชื่อแซ่หลบซ่อนตัวอยู่ทะเลสาบไท่หูหาปลาเลี้ยงชีพ คิดไม่ถึงว่าถูกคนชั่วชักชวนหลอกมาทำชั่ว ทุกวันนี้กลุ้มใจอยู่ วันนี้กลับถูกพวกมันหลอกมาล้อมโจมตีใต้เท้าผู้แทนพระองค์……”
กล่าวถึงตรงนี้ เมี่ยวลั่งถึงกับมีน้ำเสียงสะอื้น กล่าวว่า
“ล้อมโจมตีใต้เท้าผู้แทนพระองค์เป็นความผิดโทษหนัก เมี่ยวลั่งจะไปร่วมมือสมคบคิดกับพวกคิดการใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร คิดไม่ทำตาม พวกโจรก็อิทธิพลมาก ใต้เท้าหู่บารมีเกรียงไกร ข้าน้อยหาโอกาสนำพี่น้องไปของสวามิภักดิ์นานแล้ว ขอใต้เท้าให้โอกาสพวกข้าน้อยได้แก้ไขตัวเองใหม่ด้วย!!”
กล่าวจบก็โขกศีรษะพร้อมกัน หวังทงส่ายหน้าหลุดหัวเราะออกมา เมี่ยวลั่งกลับกล่าวอีกว่า
“ใต้เท้าโปรดไว้ใจ พวกข้าน้อยโยนอาวุธทิ้งแล้ว สามารถมัดกันเองให้ใต้เท้าได้ตรวจสอบดูได้……”
“ก็หาช่องโอกาสเก่งเหมือนกันนะ…..”
หวังทงพึมพัมเบาๆ
Comments for chapter "ตอนที่ 861 จวนตัว กลับตัวมาทางหวังทง"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
thnugamer
เก่งนะเราอะ