องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 868 หลี่จื๋อหมดสิ้นชื่อเสียง
หลังจากรอข่าวที่เมืองหลินชิง หวังทงก็เริ่มออกเดินทางขึ้นเหนือต่อ แจ้งข่าวข่งรั่วเหมยไปแล้ว ก็นับว่าทำตามที่รับปากคำขอของข่งรั่วเหมยที่ขอให้หวังทงแก้แค้นให้แล้ว
ตามที่สาวใช้เล่ากัน ข่งรั่วเหมยหลั่งน้ำตาเงียบๆ ตลอดบ่าย ตกดึกก็นอนหลับสนิท วันรุ่งขึ้นตอนขบวนหวังทงออกเดินทาง หวังทงก็เห็นนาง สีหน้าหญิงสาวยิ้มแย้ม สีหน้าดีมาก
ออกจากเมืองหลินชิงผ่านเต๋อโจว จากนั้นไปยังเส้นทางเมืองเหอเจียน ตลอดทางพวกหวังทงคุ้นเคยมาก รู้สึกราวได้กลับบ้านแล้ว
พอเข้าเขตชางโจว เขตปกครองใต้ก็มีข่าวมาจากหนานจิงว่าไห่รุ่ยแจ้งป่วย ขออำลากลับบ้านเกิด ราชสำนักมีราชโองการไปแล้ว ขุนนางหนานจิงไห่รุ่ยให้กลับบ้านเกิดได้
สีหน้ายิ้มแย้มข่งรั่วเหมยกับการอำลากลับบ้านเกิดของไห่ลุ่ยนั้นเหตุผลเดียวกัน เรื่องที่ติดในใจมานานหลายปีจบแล้ว หลายเรื่องไม่จำเป็นต้องดึงดันต่อ
**************
หลี่จื๋อเดิมเป็นดาวเด่นที่เจิดจรัสแสงในวงการการเมือง ศิษย์มหาอำมาตย์จางซื่อเหวย ยังเป็นแนวหน้านำพวกจางซื่อเหวยต่อสู้กับพวกจางจวีเจิ้ง ประสานงานหลายฝ่าย ยื่นฎีกาโจมตี พอจางซื่อเหวยได้ชัยใหญ่ เขาก็ย่อมได้รับการแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการเขตปกครอง
ผู้ตรวจการเขตปกครองตำแหน่งไม่สูงนัก แต่ก็เป็นตำแหน่งที่เรียกได้ว่าก้าวกระโดด ตามธรรมเนียมวงการขุนนาง ลำดับถัดไปของเขาก็จะได้เป็นผู้ตรวจการใหญ่ จากนั้นก็จะกลับมาเป็นนายกองประจำกรมแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าสู่คณะเสนาบดีใหญ่
แต่พอจางซื่อเหวยอยู่ๆ ต้องกลับบ้านไว้ทุกข์บิดา เซินสือหังเป็นมหาอำมาตย์ หลี่จื๋อย่อมไร้อนาคตจะเอ่ยต่อ เมืองหลวงมีข่าวลือว่า หลี่จื๋อหลังดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการเขตปกครองแล้ว ก็จะไปเป็นกองตรวจการที่ตะวันตกเฉียงเหนือ หรืออาจต้องไปเป็นผู้ว่าที่กวางตุ้งหรือฮกเกี้ยนแถบนั้น
กองตรวจการกับผู้ว่านี้ว่าไปแล้วก็เป็นตำแหน่งขุนนางท้องที่ที่ทรงอำนาจอยู่ เงินทองไม่น้อย แต่สถานะบัณฑิตจิ้นซื่อเช่นนี้ โดยเฉพาะหลี่จื๋อ ก็ย่อมเท่ากับการลบหลู่
หลี่จื๋อเองก็กำลังไตร่ตรองถึงการกระทำของตัวเองแต่ละก้าวที่ผ่านมา นอกจากโทษชะตาฟ้าแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่พบก็คือหวังทง หากไม่ใช่หวังทง จางซื่อเหวยได้เป็นมหาอำมาตย์ เซินสือหังย่อมไม่อาจได้เป็นรองอำมาตย์ต่อได้ หากไม่ใช่หวังทง จางซื่อเหวยต้องกลับบ้านเกิด คนที่รับตำแหน่งต่อจากจางซื่อเหวยต้องเป็นฝ่ายตน ไม่ใช่ตัดสินใจโดยหวังทง
จางซื่อเหวยกลับบ้านเกิดได้ปีครึ่ง อีกปีครึ่งก็จะได้กลับสู่ราชสำนักรุ่งเรืองอีกครา ในราชสำนักคณะเสนาบดีใหญ่นอกจากสองคนนั้นแล้ว ที่เหลือก็เป็นคนของจางซื่อเหวยทั้งนั้น จางซื่อเหวยย่อมได้เป็นใหญ่ในคณะเสนาบดีใหญ่อีกครา แต่ปัญหาก็คือ หากหวังทงยังอยู่ หวังทงย่อมไม่ปล่อยให้จางซื่อเหวยที่กดตนเองไว้ได้คืนสู่อำนาจเป็นแน่
เซินสือหังอำนาจโดดเดี่ยว หากร่วมมือกับหวังทง จางซื่อเหวยก็ย่อมถูกกดไว้ จางซื่อเหวยถูกกดไว้ อนาคตหลี่จื๋อก็ย่อมแหลกสลายเป็นผุยผง
สถานการณ์ราชสำนักตอนนี้ หยางเหว่ย หวังหลิน ล้วนมีอำนาจตนอยู่ในมือ ตำแหน่งในราชสำนักย่อมไม่พอจัดสรร ไหนเลยจะมาคิดถึงเขา หลี่จื๋อคิดไปเป็นพวก กลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา โอกาสเดียวของเขาก็คือจางซื่อเหวย
ตอนหวังทงได้ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ชื่อเสียงโด่งดัง ฮ่องเต้กลับมีราชโองการนั้นออกมา จากนั้นยังให้หวังทงออกจากเมืองหลวง หลี่จื๋อคิดเองว่าโอกาสตนเองมาถึงแล้ว เขาปิดประตูคิดไปวันหนึ่ง จึงได้จัดเตรียมแผนการต่างๆ นานาออกมา
แต่วิธีการต่างๆ ในการกระพือกระแสก็ย่อมมีจำกัด แถบหนานจิงแม้มีธรรมเนียมเฉพาะ แต่ก็เป็นแผ่นดินหมิง ชนชั้นสูงมีเรื่องก็ย่อมไม่มีเรื่องใหญ่โต การตัดสินใจหลักที่แท้ก็ยังคงหวังพึ่งพาจางซื่อเหวย
เป็นศิษย์จางซื่อเหวย เป็นคนสนิทที่สุดไว้ใจที่สุด หลี่จื๋อย่อมรู้ว่าในมือจางซื่อเหวยมีมือสังหารเดนตาย มักให้ไปทำเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผย เขาเสี่ยงภัยเขียนจดหมายก็เพื่อไปลองดูว่ามีโอกาสไหม
พอรู้ว่าหวังทงจะกลับจากแดนใต้ มาถึงเมืองหลินชิงแล้ว ความหวังในใจหลี่จื๋อก็พังทลายสิ้น อาจารย์ตนเองที่เมืองผูโจว มณฑลซานซีส่งคนไปจัดการให้แล้วหรือยังกันแน่ หลี่จื๋อไม่รู้ แต่หวังทงปลอดภัยกลับมา ก็พอจะบอกอะไรได้กระจ่างแล้ว
หลี่จื๋อรู้สึกหมดหวังไปหมด เดิมเขาเป็นผู้นำขุนนางบัณฑิตในเมืองหลวง แต่ตอนนี้กลับถูกขับออกจากวงการมาเรื่อยๆ รู้สึกเงียบเหงาเศร้าใจยิ่งนัก
พอถูกขับออกนอกวง หลี่จื๋อไม่กล้าจากกลุ่มไปไหน หากตอนนี้ไม่เดินไปตามกระแสหลัก ก็ย่อมจบสิ้นแน่แล้ว
หวังทงกลับมา ในเมืองหลวงมีคนแพร่ข่าวลือว่า หวังทงส่งคนไปถล่มตระกูลสวีเมืองซงเจียง การกล่าวหาเช่นนี้ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อ ขุนนางท้องที่หนานจิงกับแดนใต้ล้วนบอกว่าเป็นโจรสลัดเข้าโจมตี ยังมีหลักฐานอยู่ที่ตระกูลสวีมากมาย ชนชั้นสูงแผ่นดินหมิงอย่างผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรจะไปทำเรื่องโหดเหี้ยมเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร
หากการตำหนิหาเรื่องหวังทงเป็นการบ้านของขุนนางบัณฑิตเมืองหลวง เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน หลี่จื๋อเขียนฎีกาสงสัยการกระทำหวังทงที่แดนใต้ แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว
เส้นทางขุนนางแม้ว่ามืดมน ทว่าตำแหน่งผู้ตรวจการเขตปกครองก็ยังเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจอยู่ ความสัมพันธ์ต่างๆ ก็ยังต้องประสานรอบด้าน หลี่จื๋อดำรงตำแหน่งมาปีกว่า ค่อยๆ สั่งสมบารมีมาไม่น้อย
เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองหลวง ยังไปเที่ยวท่องกลอนเขียนบทกวีที่หอคณิกา แสดงสามารถอยู่บ้าง แต่ไม่แน่ว่าได้โอบกอดสาวงามกลับบ้าน หากตอนนี้ ไม่ต้องยุ่งยาก มีคนส่งมาถึงที่
วันที่ 2 เดือนสิบในห้องก่อไฟผิงไว้แล้ว ยามนี้ต้องสวมชุดนวมหนาเป็นก้อนกลมกันหนาวแล้ว หลี่จื๋อเดินไปเดินมาในที่ทำการแล้วก็กลับมาบ้าน ก่อนหน้านั้นเมืองเป่าติ้งมีคนส่งเงินทองมาให้ ขอให้เขาช่วยดูแลการจัดการซื้อขายที่ดินหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือส่งสาวงามเมืองต้าถงมาให้ด้วย
หมกมุ่นมาหลายคืน หลี่จื๋อรู้สึกปวดเอวปวดหลัง กินไม่ค่อยลง ดังนั้นจึงไปเดินที่ทำการเสียหน่อย ไปอยู่นั่นนิ่งคิดนาน แล้วก็คิดถึงสาวงามที่บ้าน อดไม่ไหวรีบกลับมาทันที
ขุนนางอายุน้อยก็ย่อมขี่ม้า แม้เป็นขุนนางบุ๋นก็เช่นนี้ ทว่าหลี่จื๋อตั้งแต่ขึ้นตำแหน่งมา กลับทำเป็นชอบนั่งเกี้ยว เพื่อนขุนนางด้วยกันก็อิจฉายิ่ง เป็นต้นแบบไม่น้อยให้คนเอาอย่าง
นั่งอยู่ในเกี้ยวนิ่มๆ ทำสมาธิ มาถึงประตูจวนตนในเวลาไม่นาน เกี้ยวเหมือนร่วงหล่นลงพื้น หลี่จื๋อเกือบร่วงลื่นตกจากเกี้ยว เลิกม่านออกดูคิดด่าคนแบกเกี้ยวใหญ่ แต่พอเลิกม่านออกก็เงียบกริบ เหมือนว่ามีของอันใดมาขวางเอาไว้ หน้าประตูมี องครักษ์เสื้อแพรสิบกว่านายสีหน้าเย็นชา
ตั้งแต่ทำเรื่องพวกนั้นมา หลี่จื๋อก็มักฝันร้าย ฝันเห็นตนเองถูกองครักษ์เสื้อแพรจับตัวไปลงโทษ ทุกครั้งที่ตื่นมาก็พบกว่าเหงื่อโซมกาย
คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ ฝันเป็นจริง เห็นชุดขุนนางแล้ว องครักษ์เสื้อแพรวิเคราะห์แล้วก็คิดว่าเจอตัวคนที่ต้องการหาแล้ว มีคนก้าวเข้าไปกล่าวว่า
“หลี่จื๋อ กาวซวงฮุ่ยที่เมืองเป่าติ้งฟ้องเจ้าว่ารับสินบน บีบบังคับขืนใจบุตรสาวเขา เจ้ายอมรับไหม?”
ถูกถามเช่นนี้ ผู้ใดก็ย่อมไม่ตอบว่า ‘ยอมรับ’ หลี่จื๋อพูดไม่หยุดว่า
“ใส่ร้ายป้ายสี ใส่ร้ายป้ายสี นี่มันเรื่องใส่ร้ายป้ายสี!”
กาวซวงฮุ่ยชื่อนี้หลี่จื๋อย่อมรู้จัก ก็คือคนที่ส่งมอบเงินทองและผู้หญิงมาให้เขาจากเมืองเป่าติ้งนั่น ถูกวางกับดักแล้ว หลี่จื๋อได้สติทันที
เขากำลังจะกล่าว ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากในจวน หญิงนางหนึ่งวิ่งร้องไห้ออกมา พอออกมาก็มาคุกเข่าต่อหน้าองครักษ์เสื้อแพร ร้องไห้ฟ้องว่า
“นายท่าน หลี่จื๋อบีบคั้นบิดาข้าน้อย บอกว่าหาไม่ส่งข้าน้อยมาปรนนิบัติก็จะยากรักษาชีวิตไว้ได้ ขอนายท่านให้ความเป็นธรรมข้าน้อยด้วย!”
กล่าวจบก็ร้องไห้เสียงดัง หลี่จื๋อบ้านอยู่เมืองหลวง มาเป็นขุนนางที่นี่ พักอยู่ที่เรือนว่างเปล่าแต่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ที่นี่อยู่ใจกลางเมือง คนไปคนมามากมาย มีหญิงหน้าตางดงามมาร้องไห้ฟ้องร้องหน้าประตูเช่นนี้ เอาแต่พร่ำบอกว่าใต้เท้าบีบบังคับขืนใจ คนรอบๆ หยุดดูไม่น้อย
เห็นว่าเป็นหญิงที่เช้านี้ยังระเริงรื่นในอ้อมกอดตนเองตอนเช้านี้อยู่ อยู่ๆ กลับเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงนินทาเบาๆ รอบๆ หลี่จื๋อรู้สึกมือไม้เย็นเยียบไปหมด
“หลี่จื๋อ เจ้ายังมีอันใดกล่าวอีกหรือไม่!”
นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่มาน้ำเสียงเย็นเยียบกล่าว กล่าวจบก็หันไปสั่งการว่า
“จับตัวหลี่จื๋อ ส่งเข้าคุกหลวงสอบสวนลงโทษ!!”
พอได้ยินเช่นนี้ ทหารองครักษ์เสื้อแพรสองนายก็ก้าวเข้าไป จับตัวใส่กุญแจทันที หลี่จื๋อกำลังยืนงงอยู่ พอคนเข้ามาถึงตัว ก็ดิ้นรนทันที ปากก็ตะโกนขึ้นว่า
“นี่เป็นเรื่องใส่ร้ายป้ายสี หวังทงเจ้าคนชั่ว ไม่สนใจธรรมเนียม ใส่ร้ายขุนนางภักดี ข้ายื่นฎีกาฟ้องเพื่อคุณธรรม เขากลับใช้อำนาจเพื่อตนเอง ส่งคนมาจัดการเรื่องให้เงียบ……”
ตะโกนไม่ทันจบ ก็มีเสียงถูกตบเพี๊ยะดังไปหลายที ถูกนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรตบบ้องหูไปหลายทีนั่นเอง ตบจนเลือดกบปาก นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“การตบนี่เป็นการสั่งสอน รอให้เข้าคุกก่อนค่อยเริ่มค่อยๆ สอบสวนเจ้า ผู้บัญชาการเรามีวาจาถามเจ้า คนเช่นเจ้านี้ ถือสิทธิ์ใดมาคิดว่าตนเองจะทำอันใดก็ได้ตามอำเภอใจ?”
กล่าวจบ นายกองพันก็ตะโกนว่า
“หลี่จื๋อ ตอนเจ้าอยู่ในตำแหน่งหนึ่งปีสองเดือน ทำการเพื่อตนเองไม่สนใจกฎหมาย รับสินบนแสนหนึ่งหมื่นตำลึง ยังมีของสะสมอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าทุกข์แต่ละที่ล้วนฟ้องมายังเมืองหลวง ไปรับการสวบสวนที่เมืองหลวง!!”
เสียงดังกล่าวออกไป ทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ย่อมเริ่มมองไม่ดี ล้วนเป็นหลี่จื๋อทำทุกเรื่อง รับสินบน ทุกคนก็รู้ดีแก่ใจ พอถูกเปิดโปง โดยเฉพาะต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ สำหรับขุนนางบุ๋นแล้วเรียกได้ว่าเสียชื่อเสียงหนักมาก ย่อมต้องถูกเสียงวิจารณ์ตำหนิจากปวงชน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบังคับขืนใจสตรี ความผิดนี้ใครได้ยินเข้าก็ย่อมถ่มน้ำลายด่า หากอยู่หมู่บ้านย่อมไม่มีเงยหน้าสู้ผู้ใดได้อีก หลี่จื๋อรู้สึกงงมาก มือไม้เย็นไปหมด รู้แต่ว่านาทีนี้ไป ตนเองชื่อเสียงคงป่นปี้ เพราะเงินสินบนแสนหนึ่งหมื่นตำลึง เป็นตัวเลขที่เขารับไว้จริง คิดอยากจะร้องไห้ตะโกนดัง ก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรชกเข้าที่ท้อง เสียงอันใดย่อมไม่อาจเปล่งออกมาได้อีก ได้แต่ถูกลากตัวไป โยนขึ้นรถม้า
นายกองพันมองหลี่จื๋อถูกจับกุมโยนขึ้นรถม้าแล้ว ก็ไม่หันไป แต่กล่าวกับหญิงข้างๆ ที่ร่ำไห้อยู่ด้านหลัง ว่า
“เจ้ายังต้องไปที่ทำการด้วย รอลงชื่อในคำให้การ แล้วค่อยเอาเงินชดเชยกลับไป!”
หญิงนั่นร้องไห้ไม่หยุด โขกศีรษะขอบคุณ
**************
11 เดือนสิบ ปีที่ 12 ในรัชสมัยว่านลี่ หวังทงลงใต้ไปหลายเดือน กลับถึงเทียนจินเขตปกครองเหนือแล้ว
Comments for chapter "ตอนที่ 868 หลี่จื๋อหมดสิ้นชื่อเสียง"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
thnugamer
555555555//หัวแบบชัวร้าย