องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 875 เพียงปีหนึ่ง ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ขบวนหวังทงออกเดินทางไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ตั้งแต่หวังทงไปถึงพลทหาร ทุกคนล้วนราวกับกำลังท่องเที่ยว คุ้นเคยเส้นทางแห่งชัยชนะนี้อย่างยิ่ง
ทว่าอย่างไรก็ผ่านไปปีหนึ่งแล้ว ความคุ้นเคยก็มีความไม่คุ้นเคยอยู่ แม้ว่าใกล้ปีใหม่ แต่พอออกจากช่องเขาสังหารพยัคฆ์ กลับไม่ได้เงียบเหงาแม้แต่น้อย ตลอดเส้นทางมาคึกคัก มีทั้งคนและรถม้าไปมาขวักไขว่
หม่าต้งเป็นผู้บัญชาการทหารที่เมืองต้าถง ให้การต้อนรับหวังทงหลายวันก่อนส่งทหารตามมายังเมืองกุยฮว่าเฉิง คนที่ส่งมาเป็นหม่าหย่งที่ปีก่อนติดตามหวังทงไปตีเมืองกุยฮว่าเฉิง คุ้นเคยกันยิ่ง เขาตอนนี้เป็นรองขุนพลฝ่ายซ้ายเมืองต้าถง ย่อมเข้าใจที่ทางแถบนี้มาก
“ท่านโหว ตอนนี้เมืองกุยฮว่าเฉิงสงบ เมืองกุยฮว่าเฉิงถึงช่องเขาสังหารพยัคฆ์มีโรงบ้านใหญ่ 10 กว่าแห่งแล้ว เปิดเส้นทางน้ำแล้ว เก็บเกี่ยวย่อมได้ผลไม่เลว ตอนนี้ที่ท่านโหวเห็นอยู่แท้จริงแล้วเพราะว่าปีใหม่จึงได้เงียบเหงา รอให้พ้นวันที่ 15 เดือนหนึ่ง คนก็มากเหมือนเดิม!”
หลังออกจากช่องเขาสังหารพยัคฆ์มาก็สามารถเห็นเส้นทางได้ชัดเจน คิดว่าคงมีคนเดินผ่านมาก บนพื้นยังปรากฏร่องรอยอยู่ ปีก่อนตอนนี้ที่รถใหญ่กับกองทัพมายังทุ่งหญ้านอกด่าน ก็แค่พอมองออกว่าเส้นทาง พื้นที่เท้าเดินย่ำไปยังมีหญ้ารกร้างและกองดินแฉะให้เห็นอยู่
เดินทางมาระยะทางหนึ่งวัน เดินทางจนฟ้ามืดก็จะมีเผ่ามองโกลมาต้อนรับทำการค้าด้วย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม พอฟ้ามืด ก็จะเห็นหมู่บ้านขนาดใหญ่พอควร หมู่บ้านนี้อยู่บนสองฝั่งเส้นทาง เปิดเป็นร้านพักจอดรถง่ายๆ
“ปีก่อนท่านโหวนำพวกเราบุกมา จากนั้นคนไม่น้อยก็เริ่มมาบุกเบิก ฝ่าบาททรงพระเมตตา ยกเว้นภาษีให้หลายปี ปีนี้ชาวบ้านพวกนี้แม้ว่าจะมาที่นี่เพาะปลูกได้แค่ฤดูกาลหน้า แต่ผลเก็บเกี่ยวเป็นของตนเองหมด ก็พอกิน”
หวังทงสุขภาพฟื้นคืนเร็ว ทำให้คนติดตามมาด้วยครั้งนี้พากันแปลกใจ หลังผ่านช่องเขาสังหารพยัคฆ์ หวังทงก็เริ่มฝึกกำลังบนหลังม้า ไม่ต่างอันใดกับสภาพร่างกายก่อนที่เคยเป็นมา
ตอนเหนือของเมืองต้าถง รอบเมืองกุยฮว่าเฉิง เดิมที่เคยเป็นศูนย์กลางเผ่าอันต๋า หวังทงนำกำลังยึดครองมาได้ หวังทงจึงรู้สึกสนใจที่นี่มาก หม่าหย่งเข้าใจดี จึงได้จงใจคุยเรื่องนี้
“หลายวันก่อนทางเหอหนานมีอ๋องโจวและอ๋องอีส่งคนคนมา ต้องการให้มณฑลซานซีกับเมืองต้าถงตรวจสอบด่านให้เคร่งครัด หากเป็นพวกมาจากเหอหนาน หากเป็นคนงานจวนอ๋องให้ส่งตัวกลับไป ใครจะไปสนใจพวกเขา คนมากมายเช่นนั้น พวกเหอหนานมีอะไรกินกันที่ไหน”
หม่าหย่งกล่าวตรง ๆ หวังทงก็แค่หัวเราะผ่าน ๆ ไป อ๋องที่เหอหนานมีมาก อ๋องมีตั้งหลายคน ไม่ต้องพูดถึงอ๋องระดับจวิ้นอ๋องที่รองลงมา อ๋องชนชั้นสูงที่เหอหนานครองที่นากว้างใหญ่ พวกชาวนาทำงานกันขยันขันแข็ง ยังต้องทนขูดรีด พวกขุนนางแม้แต่ใจร้าย แต่ก็ยังสนใจธรรมเนียมและชื่อเสียงตนอยู่ แต่พวกอ๋องพวกนี้ อำนาจล้นฟ้า ผู้ใดจะสนใจชาวนาลำบากยกาจน
เมืองต้าถงมณฑลซานซีทางนี้ไม่เหมือนกัน ที่ดินที่นี่ไม่เหมาะแก่เพาะปลูก กิจการอื่นจึงรุ่งกว่า พอตีเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ ที่นาก็มีจำนวนมากต้องการเพาะปลูก ต้องการชาวนา รวบรวมคนจากมณฑลซานซีมาได้ไม่มาก แต่เหอหนานที่ติดกับมณฑลซานซี มีคนมาก ย่อมเป็นแหล่งรวมชาวนามายังที่นี่
ส่วนเรื่องชาวนาคิดมาเอง หรือว่าทางซานซีส่งคนไปรับสมัครมา หม่าหย่งไม่ได้เอ่ยถึง หวังทงเองก็ขี้เกียจจะสนใจ
ที่นาอ๋องในเหอหนานกว้างใหญ่ ดูแลชาวนาราวกับสัตว์เลี้ยง ไม่ให้ความสำคัญแต่อย่างใด เฝ้าก็ไม่เข้มงวด ทำให้ชาวนาพวกนี้สามารถนำครอบครัวหนีออกมาได้ และเดินทางข้ามมณฑลมา ในเรื่องนี้หากบอกว่าทางเมืองต้าถงมณฑลซานซีไม่เกี่ยวข้อง เกรงว่าคงยาก
อ๋องส่งคนมาตามตัวกลับ ย่อมไม่มีใครอยากสนใจ หม่าหย่งพูดอยู่นั้นก็มีสีหน้าแสยะยิ้มอย่างไม่พอใจ อ๋องคืออะไร ก็แค่สุกรที่ถูกขังในเมือง วางอำนาจบาตรใหญ่ บ้าคลั่งไปวันๆ แต่ก็อยู่ได้แค่ในเมือง ยึดเมืองกุยฮว่าเฉิงมาได้ ทางนั้นมีโอกาสการค้ามากกว่า มีที่นาดีมากกว่า มณฑลซานซีตั้งแต่ขุนนางยันชาวบ้าน ล้วนมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
กิจการพวกนี้ต้องการแรงงานมาก ต้องการชาวนามาก ต้องการผู้คุ้มกันมาก ตอนนี้พวกคนที่มา อีกหนึ่งปี หรือสองปี ก็จะกลายเป็นทรัพย์สินเงินทองและอิทธิพลที่ยากประมาณ มีความสำคัญเช่นนี้ ผู้ใดจะสนใจพวกอ๋องที่เหอหนานพวกนั้น พวกแอบทำการไม่เปิดเผยเกรงว่ามากยิ่งกว่า
เรื่องผลประโยชน์นี้แม้แต่กับฮ่องเต้ ยังส่งคนมาแย่งชิงไม่ยอมอ่อนข้อ นับประสาอันใดกับอ๋องสูงส่งที่เหอหนานพวกนั้น
“ที่นาบุกเบิกใหม่ข้างทาง ไม่มีคนจับจองหรือ?”
หวังทงถามขึ้น ที่นาดีแสนกว่าฉิ่งรอบเมืองกุยฮว่าเฉิงนับว่าเป็นที่ของในวังกับหวังทงแล้ว แต่ที่ดินตลอดเส้นทางที่บุกเบิกใหม่นี้กลับยังไม่มีเจ้าของ หากชนชั้นสูงผู้มีอิทธิพลบอกว่าเป็นของตน เกรงว่าชาวบ้านก็คงยอม
ตอนอยู่ในด่านก็ทำงานให้ชนชั้นสูง หากออกนอกด่านมายังต้องทำงานแบบเดิม ก็ไร้ความหมาย อย่างไรก็ต้องเลือกกลับไปอยู่ดี
“ตอนนั้นท่านโหวสั่งไว้ บอกว่าต้องรั้งให้คนอยู่ แม่ทัพใหญ่เราจึงได้ทำตามท่านโหวว่าอย่างดี ผู้ใดกล้าใช้อำนาจข่มเหงชาวบ้าน แม่ทัพใหญ่ก็จะลงดาบไม่ละเว้น”
หม่าหย่งกล่าวหนักแน่น เห็นหวังทงพยักหน้า หม่าหย่งยิ้มกล่าวว่า
“ท่านโหวช่างสามารถ เถ้าแก่ที่ทำงานให้แม่ทัพใหญ่เราคิดดูแล้ว รอให้ชาวนาพวกนี้ยืนได้มั่นคงเมื่อไร พวกเขาย่อมต้องการผู้คุ้มกัน ถึงตอนนั้นจ่ายภาษีกันอย่างเต็มใจแน่นอน นี่แค่เริ่มต้น ถึงเวลาร้านค้าซื้อผลผลิตจากหมู่บ้าน ซื้อของแห้งหมักเค็มกับของพื้นเมืองอื่น ก็จะได้กำไรก้อนโตอีก เรื่องเสบียงพวกเขาอย่างไรก็ต้องทำการค้าขาย ก็เป็นอีกก้อนหนึ่ง ผุยๆ หากมีชื่อเสียงดัง เป็นได้ว่าท้องที่นี่ก็จะราวแม่ไก่ฟักไข่ทองคำแล้ว!”
สงครามเมืองกุยฮว่าเฉิง หม่าหย่งนำทัพม้าเมืองต้าถงร่วมรบเป็นตายกับทหารม้าหวังทง ทหารย่อมเน้นคุยกันด้วยใจ วาจาจึงย่อมกล่าวกันตามสบาย เรื่องใดที่เป็นเรื่องคุยกันส่วนตัวกับคนกันเอง หม่าหย่งก็ไม่ลังเลที่จะกล่าวออกมาหมด
ที่หม่าหย่งว่ามา กับรายงานร้านสามธาราที่ส่งให้หวังทงนั้นเหมือนกัน เหมือนกับที่หวังทงจัดการไว้ก่อนหน้า
ทว่าชาวบ้านที่อพยพครอบครัวมายังทุ่งหญ้านอกด่าน นำเครื่องมือทำนามาด้วย บ้านที่พักและเมล็ดพันธุ์ เมืองกุยฮว่าเฉิงย่อมจัดหารให้ก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถกู้ยืมจากพ่อค้าคหบดีมณฑลซานซีได้ด้วย ตระกูลหม่าย่อมเป็นโต้โผราบใหญ่ในการนี้
สายสัมพันธ์แบบให้ยืมนี้ ช่วงใช้คืนก็ย่อมทำกำไร จากนั้นคนพวกนี้ก็จะลงหลักปักฐาน ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยก็เกิดขึ้น ตอนนี้กำไรน้อยไปก่อน ค่อยๆ กำไรใหญ่วันหน้า
หวังทงไม่ได้เห็นค้านเรื่องขูดรีกหรือกำไร แต่ช่วงแรกแห่งการบุกเบิก ไม่อาจทำการโหดร้ายมากไป ไม่เช่นนั้นย่อมไม่มีชาวฮั่นอยากจะมากัน หากไม่มีชาวฮั่นมา เมืองกุยฮว่าเฉิงก็ยังคงเป็นพื้นที่ไม่มั่นคง ไม่อาจยึดครองได้มั่นคง
************
เทียบกับพวกหวังทงที่กลับมาเยือนที่เดิมแล้ว ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์กับข่งรั่วเหมยที่มาจากใต้ยังไม่ชินกับอากาศหนาวและแห้ง เพิ่งมาถึงทุ่งหญ้ามอบไปรอบๆ ไร้จุดหมาย แรกๆ ก็รู้สึกแปลกใหม่ แต่พอมือเริ่มแตก ผิวหน้าเริ่มเจ็บเพราะอากาศหนาว ก็เอาแต่หลบตัวอยู่ในรถม้า
รถม้าลากสี่ตัว ด้านในมีเตาให้ความร้อน จัดแต่งสบายยิ่ง พวกผู้หญิงนั่งรถใหญ่ นายช่างตกแต่งให้พิเศษ มีไม้รองสองชั้น แผ่นไม้บุฝ้ายนิ่มและหนังสัตว์ ช่องลมก็ใช้ยางไม้อุดไว้ ช่องระบายลมก็ออกแบบเป็นปล่อง เรียกได้ว่าอุ่นและสบายมาก
เส้นทางสะดวก ข้างทางมีที่พักตลอดทาง ฤดูหนาวดินแข็งราวกับเหล็ก พวกหวังทงเดินทางได้เร็วกว่าตอนเดินทัพเสียอีก เส้นทางตอนนี้คงไม่มีพวกนอกด่านมาขวาง คิดๆ ดู ถึงกับน่าจะถึงเมืองกุยฮว่าเฉิงก่อนวันที่ 30
30 เป็นคืนวันก่อนปีใหม่ สำหรับหวังทงแล้วก็ไม่ใส่ใจนัก แต่พวกผู้หญิงกับทหารติดตามกลับใส่ใจมาก เมืองกุยฮว่าเฉิงอย่างไรก็เป็นเมืองใหญ่มีประชากรสองแสนคน ปีใหม่นี้เป็นปีใหม่แรกหลังแผ่นดินหมิงยึดครองมา จึงคิดจัดให้คึกคักกว่าที่เคย
ตลอดทางมาได้เห็นหมู่บ้านราว 20 กว่าแห่ง ล้วนเป็นหมู่บ้านสองข้างทางของเส้นทางเมืองกุยฮว่าเฉิงกับเมืองต้าถงว่ากันว่าสองข้างทางไปทางตะวันออกและตะวันตกยังมีอีกหลายหมู่บ้าน ทว่าขนาดและความรุ่งเรืองไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนบนสองข้างทางเส้นทางหลักนี้ ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เส้นทางหลักมีขบวนพ่อค้าไปมาพลุกพล่าน ขนส่งสินค้าสะดวก และยังมีทหารทางการมาช่วยเหลือได้เร็ว หากลึกเข้าไปก็คงไม่ได้ความสะดวกอันนี้
ตามที่หม่าหย่งว่ามา มีกองโจรม้าเล็กๆ ออกปล้น แต่ไม่กล้าลงมือกับพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงที่มีอาวุธไฟ จึงทำให้หมู่บ้านพวกนี้ตกเป็นเป้าหมายแทน ปราบปรามหลายครั้งไม่ได้ผล สงสัยกันว่าหรือคนในหมู่บ้านสมคบกับโจรม้า ทว่าก็แค่เรื่องเล็ก ไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่อันใดได้
ตลอดทางมากับในหมู่บ้านไม่ได้มีแค่ชาวฮั่น หวังทงยังเห็นชาวมองโกลเลี้ยงสัตว์ แต่ไม่ใช่อยู่กันแบบชนเผ่า แต่เหมือนครอบครัว
พวกชาวฮั่นต้องเลี้ยงสัตว์เพื่อมาทำไร่ไถนา มาใช้เป็นพาหนะ และต้องการเนื้อมากิน สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่พวกเขาย่อมเลี้ยงได้ไม่ดีเท่าพวกมองโกลที่อยู่บนทุ่งหญ้านอกด่านมานาน เมื่อพวกมองโกลมีอาหารพอ ก็ย่อมไม่อยากเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ สองฝ่ายทดแทนกันพอดี
ทว่าหวังทงได้รู้จากหม่าหย่งเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้เขาใส่ใจมาก ก็คือหมู่บ้านแต่ละแห่งได้จัดตั้งกลุ่มชายฉกรรจ์ประจำหมู่บ้านตามที่หวังทงสั่ง แต่พวกที่เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นชาวมองโกล ชาวฮั่นล้วนรู้สึกว่าไม่สู้ไปเพาะปลูกดีกว่า ไยต้องมาลำบากด้วย
“ต้องจัดการให้ดี จัดคนตามสัดส่วนคนที่อยู่ หากชาวมองโกลยอมทำ ชาวฮั่นไม่ยอมทำ นานวันเข้า จะเป็นเช่นไร หมู่บ้านพวกนี้ก็จะกลายเป็นของชาวมองโกลไป ตกใต้อาณัติพวกเขาไป เรื่องนี้ข้าจะไปคุยกับถานเจียงที่เมืองกุยฮว่าเฉิง เจ้ากลับไปบอกแม่ทัพใหญ่เจ้า อย่าละเลย”
หวังทงกล่าวจริงจัง หม่าหย่งไม่กล้ารอช้า รับคำหนักแน่น เดินทางมาได้สามวัน ถานเจียงก็นำทัพม้าเมืองกุยฮว่าเฉิงมารอรับ พอเช้าวันที่ห้า เมืองกุยฮว่าเฉิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว