องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 880 ภาษีปล้นชิง
เดิมคิดว่าหวังทงเป็นใต้เท้าสูงศักดิ์ ในงานเลี้ยงกล่าววาจาก็ต้องมีเนื้อหาเป็นทางการ เช่นว่าขอบพระทัยฮ่องเต้ที่ทรงเมตตา หรือวาจาภักดีแผ่นดินหมิงพวกนั้น
คิดไม่ถึงว่าท่านโหวผู้ปราบเผ่าอันต๋า พิชิตแดนเหนือเช่นใต้เท้าหวังนี้ถึงกับกล่าวตรงไปตรงมาเช่นนี้ ‘ขอเพียงไม่ลงมือกันเอง ที่เหลือที่แย่งมากได้ก็ล้วนเป็นของพวกเจ้า’
ในห้องโถงใหญ่เงียบอีกครั้ง แม้แต่สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติกับผู้คุ้มกันรอบๆ ยังมองตาค้าง คนที่นั่งอยู่ก็อึ้งสนิท สบตากันไปมาทันที จากนั้นหน้าตาก็เริ่มรู้เรื่อง
ไม่รู้ผู้ใดอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ในห้องโถงใหญ่ทุกคนพากันหัวเราะตาม เริ่มแรกก็อุดปากหัวเราะ ต่อมาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เมิ่งตั๋วมองซ้ายมองขวา สีหน้าย่ำแย่ ติ้งเป่ยโหวกล่าวเช่oนี้ ทุกคนหัวเราะฮาลั่น ใช่ว่าไม่ไว้หน้าใต้เท้าหวังหรือนี่
ไม่ทันที่เมิ่งตั๋วจะสั่งสอน เมื่อครู่หนิวเกินกังที่เข้ามาโขกศีรษะก็ลุกจากที่นั่งมายืนด้านหน้า กล่าวเสียงดังไม่สุภาพนักว่า
“มีวาจาท่านโหวเช่นนี้ ข้าน้อยก็วางใจ เมื่อก่อนสมคบคิดกันต้องระวังระแวง เกรงว่าจะผิดกฎหมาย แต่คิดอีกที คนพวกนี้ไม่ใช่ชาวหมิง ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เห็นพวกเราอ่อนแอ ก็คิดจะแย่งชิง พวกเราแย่งชิงพวกเขาบ้างจะเป็นไรไป ท่านโหวกล่าวชัดเจนแล้ว ข้าน้อยก็มั่นใจ วันหน้าจะวางใจลงมือได้อย่างไม่ต้องกังวล!”
ทางนี้กล่าวไม่ทันจบ เถียนต้าเชียนข้างๆ ก็ยืนขึ้น เถียนต้าเชียนผู้นี้หากไม่สวมชุดยาว ดูยังไงก็ไม่เหมือนพ่อค้า ท่าทางเหมือนนักรบ เขากล่าวเสียงดังว่า
“คืนส่งท้ายปีได้ยินวาจาท่านโหวนี้แล้ว ช่างสะใจราวกับได้ดื่มน้ำหิมะยามอากาศร้อนนรก ข้าน้อยเมื่อก่อนอยู่ทุ่งหญ้านอกด่านต้องคอยหวาดกลัว วันๆ ต้องคอยรับใช้ชนชั้นสูงนอกด่าน ทำการค้าบนทุ่งหญ้านอกด่านยังต้องกลัวพวกเขามาปล้นชิง ตอนนี้กลับกัน พวกเราทำการค้า เห็นพวกเขาแล้วอันไหนปล้นได้ก็ปล้นมา สะใจจริง!”
พ่อค้าชาวฮั่นท้องถิ่นกับพ่อค้าเผ่าอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในระเบียบอันใด ได้ยินเถียนต้าเชียนกล่าวเสริมเช่นนี้ ทุกคนก็พากันเห็นด้วย พ่อค้าจากเทียนจินกับมณฑลซานซีแม้ว่าไม่ได้เฮตามพวกเขา แต่สีหน้ากลับเห็นด้วย เมิ่งตั๋วหันไปมองตาหวังทง เห็นหวังทงยิ้มแย้มรับฟังจึงได้วางใจ
วาจาเถียนต้าเชียนยังไม่จบ อีกทางก็เสียงดังมาว่า
“ตั้งแต่ท่านโหวมาทางเหนือก็นำเอาประโยชน์ดีๆ มาให้พวกข้าน้อยประมาณไม่ได้ วาจาเมตตาเมื่อครู่ทำให้พวกข้าน้อยร่ำรวยแล้ว!! ท่านโหวให้พวกข้าน้อยมีอาวุธไฟและรถใหญ่ ของเช่นนี้เดินทางบนทุ่งหญ้านอกด่าน พวกนอกด่านขี่ม้ามากันเท่าไรก็ยิงไปเท่านั้น พวกเรายังสามารถบุกออกไปลงมือได้ด้วย ไม่เพียงแต่อาวุธปืนกับรถใหญ่ ท่านโหวยังทิ้งทหารปลดประจำการไว้ให้เรา ทุกคนล้วนมีฝีมือดี มีพวกเขา พวกลูกหลานข้าน้อยก็จะได้ฝึกฝนจะได้ออกไปต่อสู้บนทุ่งหญ้านอกด่านได้ มีสิ่งเหล่านี้ได้เพราะใคร ก็เพราะเมตตาของท่านโหว พวกข้าน้อยได้ประโยชน์บนทุ่งหญ้านอกด่านอันใดมา จะมาเก็บไว้คนเดียวได้อย่างไร ท่านโหวต้องได้แบ่งสรรไปด้วย!!”
วาจางงๆ วกไปวนมา เสียงดังก้องกล่าวจบ ทุกคนจึงได้ฟังเข้าใจ ของที่ได้ชัยมาจากทุ่งหญ้านอกด่านต้องแบ่งให้หวังทง เรื่องพวกนี้พ่อค้าต่างเผ่ากับคหบดีท้องที่ไม่ทันได้คิด กอปรกับดื่มสุราไปหน่อยหนึ่ง ก็ย่อมไร้ธรรมเนียม มีพ่อค้ามองโกลที่อยู่ใกล้กับเถียนต้าเชียนจึงดึงเสื้อเขาไว้ ใช้สำเนียงภาษาจีนแปร่งๆ กล่าวว่า
“เหล่าเถียน เจ้าถูกม้าเตะเอาหรือไง ของที่พวกลูกน้องเราเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเอามาได้ เหตุใดต้องแบ่ง…”
เห็นเช่นนี้รู้แล้วว่าควรเบาเสียงลง แต่ดื่มไปมาก ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ หวังทงได้ยินชัดเจน พ่อค้ามณฑลซานซีหลายคนอดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
เถียนต้าเชียนดื่มสุราไปพอควร พอได้ยินคนผู้นี้กล่าวก็หันไปด่ากลับทันที
“ฮูเหลิ่งเต๋อ เจ้าสิสมองถูกม้าเตะ ของที่ได้มามากมายไม่ขายในเมืองกุยฮว่าเฉิง เจ้าจะไปขายที่ไหน…”
เสียงนี้ไม่เบา พอกล่าวจบ ในห้องโถงใหญ่กลับเงียบลง ทุกคนมองไปยังหวังทง วาจาเดียวเรียกว่าเลอะเลือนได้ แต่หากยังกล่าวเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่เคารพแล้ว พ่อค้าในพื้นที่กับพ่อค้ามองโกลนี่อยู่ทุ่งหญ้านอกด่านนานไปแล้ว ดื่มไปมากก็บังคับตนเองไม่อยู่ แต่ต่อหน้าหวังทง การไม่เคารพเช่นนี้เกรงว่าจะมีความผิด
เถียนต้าเชียนกล่าวจบ ก็ถูกอีกคนข้างๆ กระชากไว้ เขาเริ่มรู้สึกว่าในห้องโถงใหญ่เงียบลง สะบัดหัวไปมา ในที่สุดก็รู้ตัวแล้ว
พวกเขาเดิมเป็นพ่อค้าชาวฮั่น ล้วนรู้ความร้ายกาจของหวังทง พอได้สติ เถียนต้าเชียนก็หลั่งเหงื่อเย็นทันที รีบล้มลุกคลุกคลานออกมาจากโต๊ะเตี้ย มาหมอบคุกเข่ากับพื้น
พ่อค้ามองโกลผู้นั้นอึ้งไป หนิวเกินกังมองไป ยกฝ่ามือตบท้ายทอยตนเอง สบถด่าสองสามคำ พ่อค้ามองโกลผู้นี้รีบลนลานยืนขึ้น ทำเอาโต๊ะเตี้ยด้านหน้าล้มลง แต่ก็ไม่อาจสนใจได้อีก รีบมาหมอบด้านหน้า หนิวเกินกังครุ่นคิดไปมา ก็รีบก้าวออกมาด้านหน้าคุกเข่าโขกศีรษะกล่าวว่า
“ท่านโหวใจกว้าง พวกบัดซบนี่ดื่มมากไปไม่รู้จักมารยาท พูดจาเหลวไหล แต่จิตใจนั้นดี เคารพท่านโหวมาก จงรักภักดีแผ่นดินหมิงยิ่ง!!”
หนิวเกินกังอยู่ทุ่งหญ้านอกด่านมาหลายปี เขานับว่าเป็นตัวแทนพ่อค้าชาวฮั่นในเมืองกุยฮว่าเฉิงกับเผ่าเล็กต่างๆ เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ ทุกคนก็ย่อมต้องออกมาร่วมคุกเข่า เริ่มขอร้องแทนเถียนต้าเชียน
มีแต่พ่อค้าจากมณฑลซานซีและเทียนจินที่ยังคงนิ่ง ทว่าดูสีหน้าหวังทงอยู่ เมิ่งตั๋วสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง คนพวกนี้เตือนมาก่อนหน้าแล้วแท้ๆ คิดไม่ถึงว่ายังไม่รู้จักรักษาธรรมเนียมกันเช่นนี้อีก จะอย่างไรเมิ่งตั๋วก็เป็นผู้ดูแลเมืองกุยฮว่าเฉิง เกิดเรื่องขึ้นมา อย่างไรก็เป็นหน้าตาของเขาที่ถูกฉีกหมดสิ้น
หวังทงไม่ใช่คนอารมณ์เย็น เมิ่งตั๋วรู้ดี เขามองพ่อค้าที่คุกเข่าด้านหน้าและมองหวังทง กำลังคิดกล่าว
เมิ่งตั๋วยังไม่ทันกล่าว ถานเจียงกลับเดินไปข้างหวังทง กล่าวเบาๆ ว่า
“นายท่าน หนิวเกินกังนับว่าจงรักภักดี ในเมืองนอกเมืองมีหลายเรื่องหากไม่มีเขาคอยคุมไว้ก็ย่อมวุ่นวาย อย่างไรก็ไว้…”
วาจายังไม่ทันจบ หวังทงกลับก็หัวเราะออกมา วางจอกสุราลงบนโต๊ะ ยิ้มกล่าวว่า
“เมื่อครู่เถียนต้าเชียนไม่พูด ข้าเองยังคิดไม่ถึงเรื่องนี้ เขาว่ามามีเหตุผล วันหน้าของที่ปล้นมาได้ ก็ให้จ่ายภาษีในเมืองสามส่วนละกัน! คุกเข่ากันทำไม ลุกขึ้นๆ!!”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ คนที่หมอบคุกเข่าก็มีสีหน้าย่ำแย่ อย่าว่าแต่พวกเขา แม้แต่พ่อค้าแผ่นดินหมิงอีกทางก็ไม่ต่างกัน
ตั้งแต่ปราบเผ่าอันต๋าลงได้ พวกเผ่าเล็กๆ ทุ่งหญ้านอกด่านพากันหนาวเหน็บ บรรดาพ่อค้าฮั่นมีรถใหญ่กับอาวุธปืน ไม่เสียเปรียบพวกทหารม้าทุ่งหญ้านอกด่านแม้แต่น้อย กอปรกับเดิมก็มีบางคนเป็นทหารม้า ก็ย่อมได้เปรียบ
สถานการณ์ตอนนี้ พวกขบวนพ่อค้าเดินทางบนทุ่งหญ้านอกด่านล้วนทำการค้าซื่อสัตย์กันดีกับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ แต่กับเผ่าเล็กกลับลงมือปล้นชิง ทุกครั้งได้ไปไม่น้อย ของที่ได้มานั้นส่วนหนึ่งพวกผู้คุ้มกันแบ่งกันเอง ที่เหลือส่วนใหญ่ให้พ่อค้าไป ก็ถือเสียว่าได้มาเปล่าๆ ตอนนี้ของที่ได้มาเปล่าๆ กลับต้องมาจ่ายให้ทางการสามส่วน แม้ว่าจะเล่นลูกไม้ได้ แต่อย่างไรก็ย่อมไม่อาจพ้นความยุ่งยากได้
ฟ้าดินกว้างใหญ่ เงินทองใหญ่สุด เถียนต้าเชียนเจ้าดื่มไปมาพูดจาสวยหรู ทุกคนก็กำไรน้อยลงตามเจ้าไปด้วย เรื่องเช่นนี้ผู้ใดอยากจะยอมกัน แต่หวังทงระดับไหนกัน ไม่ใช่ใครที่ทุกคนจะล่วงเกินได้ ได้แต่กัดฟันยอมรับ
สีหน้าทุกคนนั้น หวังทงเห็นอยู่ หวังทงย่อมเข้าใจว่าเหตุใดทุกคนจึงมีสีหน้าย่ำแย่เช่นนี้ เขาไม่อธิบาย ยิ้มกล่าวว่า
“ทุ่งหญ้านอกด่านพวกนั้นที่จะให้พวกเจ้าปล้นได้ แน่นอนว่าจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ พวกเจ้าช้าเร็วก็ต้องลงมือกันเอง ใช่หรือไม่?”
วาจานี้เทียบกับเมื่อครู่ของเถียนต้าเชียนกับฮูเหลิ่งเต๋อยิ่งตรงไปตรงมากว่า ทุกคนอึ้งไป รู้แล้วว่าที่หวังทงพูดมาเป็นเรื่องจริง หวังทงกล่าวต่อว่า
“เรื่องพวกนี้อย่างไรก็ต้องใช้อาวุธกัน เกิดเหตุล้มตายจะทำเช่นไร เรื่องนี้พวกเจ้าอาจยอมรับการสูญเสียได้ แต่หากมีกองกำลังที่ใหญ่กว่าลงมือกับพวกเจ้าเล่า ทำเช่นนี้นานไปย่อมเกิดเรื่องสักวัน!”
หวังทงกล่าวเช่นนี้ ทุกคนไม่อาจหาข้อโต้แย้งได้ เป็นเช่นนี้จริง เพราะเผ่าอันต๋าล่มสลาย ทุ่งหญ้านอกด่านแตกกระสานซ่านเซ็น เผ่าใหญ่แตกเป็นเผ่าเล็ก ใช้ชีวิตเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนกันกระจัดกระจาย เผ่าพวกนี้ไม่ได้มีกลุ่มอิทธิพลใหญ่หรือประเทศใดคุ้มครอง สำหรับขบวนพ่อค้าที่มีอาวุธพร้อมเช่นนี้ ก็ย่อมเป็นดังสุกรดังแพะที่รอเชือด
แต่สถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้นานเกินไป ตามธรรมเนียมทุ่งหญ้านอกด่าน เผ่าเล็กจะรวมตัวกัน จะมีกลุ่มอำนาจใหญ่คอยรวบรวม หากพฤติกรรมปล้นชิงไม่ยอมหยุด ย่อมทำให้เกิดการปะทะใหญ่ ต่อหน้าทหารม้าพวกนอกด่านที่เก่งกล้า แม้มีปืนกับรถใหญ่ ขบวนพ่อค้าใช่ว่าไม่อาจถูกตีแตก
“ของที่เสียภาษีสามส่วน สามารถเปิดตลาดขายในเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ หากเกิดเหตุเร่งด่วน เมืองกุยฮว่าเฉิงจะรวบรวมกำลังผู้คุ้มกันเข้าช่วยเหลือได้ตามหน้าที่”
กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าทุกคนจึงดูดีขึ้นไม่น้อย ขายที่เมืองกุยฮว่าเฉิง ย่อมได้ราคามากกว่าที่ตนเองเอาไปแอบขายมากอยู่ และยังไม่ต้องยุ่งยากขนส่งอีก ทุ่งหญ้านอกด่านก็เป็นกองกำลังใหญ่ ขบวนพ่อค้าผู้คุ้มกันทั้งเมืองกุยฮว่าเฉิงรวมกัน มีการคุ้มครองเช่นนี้ ความปลอดภัยย่อมได้รับการรับประกัน
ที่หวังทงกล่าวมาตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนปล่อยวางได้ มีคนเสียงดังถามขึ้น
“ท่านโหว ทุ่งหญ้าใหญ่เช่นนี้ หากไปตายข้างนอกกันหมด จะมีประโยชน์อันใด!”
“เจ้าไปตายอยู่ข้างนอก เมืองกุยฮว่าเฉิงจะไปเก็บศพเจ้าล้างแค้นให้เจ้าเอง!”
คำตอบหวังทงทำเอาทั้งโถงเงียบกริบ มีพวกต่างเผ่าที่ไม่เก่งภาษาจีนนักเริ่มแอบกระซิบถามกัน มีคนอธิบายให้ฟัง
ทำการค้าทุ่งหญ้านอกด่านได้กำไรก้อนโต แต่ก็ต้องเสี่ยงภัย ข้อเสนอหวังทง ทางหนึ่งก็เป็นการรับประกันเรื่องการได้ผลประโยชน์ อีกทางหนึ่งก็คือได้รับประกันความปลอดภัย แม้ตายอยู่ข้างนอก ก็จะมีคนไปแก้แค้นแทน การรับปากนี้ทำให้ทุกคนเริ่มสนใจ
หวังทงกล่าวเช่นนี้แล้ว หรือว่าทุกคนยังไม่คิดทำกันอีก หัวหน้าใหญ่ร้านสามธารากล่าวเช่นนี้ ผู้ใดจะไม่รับ
“ท่านโหวหวังดีกับพวกข้าน้อย พวกข้าน้อยขอยอมสวามิภักดิ์!”
ทุกคนพากันตะโกน คนที่ตะโกนรับก็ยิ่งมากขึ้น หวังทงกวาดตามอง พยักหน้ายิ้มกล่าวว่า
“พวกที่ยินยอมให้ไปลงชื่อที่เมิ่งกงกง รับป้ายไปดำเนินการ ป้ายนี้เรียกว่าป้ายอนุญาตให้ปล้นส่วนตัวละกัน!!”