องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 919 ใกล้สิ้นปี ข่าวมงคลมาถึง
หลังเข้าเดือนสิบสอง หวังทงก็ว่างจริงๆ แล้ว ที่ทำการในเมืองหลวงก็เช่นกัน ใกล้ปีใหม่ ก็ย่อมต้องมอบของขวัญให้กัน ผู้ใดจะสนใจเรื่องการงานกัน
หวังทงตอนนี้สถานะไม่เหมือนเดิม เขาตอนนี้เป็นเป้าหมายแห่งการมอบของขวัญ ไม่เพียงแต่ธรณีประตูถูกเหยียบพัง แม้แต่หน้าประตูกับบันไดหินด้านหน้าก็ขึ้นเงาเช่นกัน
ยามนี้หวังทงรู้แล้วว่าเหตุใดคนเฝ้าประตูจวนขุนนางใหญ่จึงไม่ธรรมดา รับมือยาก คงเพราะว่าต้องเป็นปราการด่านแรกให้นายตน พวกหวังทงล้วนเป็นพวกที่มาจากทหารคุ้มกันกับเจ้าหน้าที่ คำสั่งที่ได้มาก็คือ อย่าได้ขวางแขกมาเยือนไร้สาเหตุ จะได้ไม่ทำให้เสียการเสียงาน
ไม่คิดเลยว่าพอหลังวันที่ 10 เดือนสิบสอง หน้าประตูจวนหวังทงก็ราวกับตลาดนัด มีมาจากเทียนจิน มาจากเขตปกครองเหนือและที่อื่นๆ ทั้งซานตงและซานซี ถึงกับยังมีมาจากแดนใต้ เมืองกุยฮว่าเฉิงเองก็มีมา ทุกคนล้วนเป็นพวกมีสายสัมพันธ์กับหวังทงต่างๆ นานา
มากที่สุดก็คือนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรแต่ละพื้นที่ นี่เป็นเวลานำส่งของขวัญให้แก่นายตน หากอยากดำรงตำแหน่งให้นาน ตำแหน่งที่ขาดคนก็อยากจะย้ายไปตำแหน่งดีกว่าเดิม แม้ไม่ได้ต้องการสิ่งใด ตอนนี้ใต้เท้าหวังสถานะเช่นนี้ และยังเป็นนายโดยตรงของตน เทศกาลมอบของขวัญหรือว่าไม่ควรหรือ?
ที่เหลือก็เป็นพ่อค้าใหญ่ที่มาตามสายสัมพันธ์กับร้านสามธาราและชนชั้นสูงที่ไปมาหาสู่กับหวังทง ชนชั้นสูงสถานะสูงส่ง มีบางคนมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้พบว่าพวกมามอบของขวัญที่จวนใต้เท้าหวังเป็นองครักษ์เสื้อแพรเสียมาก ขุนนางบู๊ไม่น้อย ยังมีชนชั้นสูง และพ่อค้าก็มาก ส่วนขุนนางบุ๋น……ก็มีใต้เท้าหลี่ว์ศาลซุ่นเทียนที่มาบ่อย แต่ไม่ได้เอาของขวัญมา อีกคนก็ขุนนางที่ไปดำรงตำแหน่งใหม่ที่เหอหนาน…….
พวกไม่มีสถานะมอบของขวัญไม่อาจเข้าพบหวังทง ก็ไม่เท่าไร สามารถให้ใต้เท้าหวังได้รู้ชื่อก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่พวกมีสถานะพอส่งของขวัญมา หากไม่ได้เข้าพบ ก็คงรู้สึกไม่ดีนัก
แต่หวังทงเบื่อหน่ายเรื่องพวกนี้ เอาแต่ไปหลบที่สำนักองครักษ์เสื้อแพร ไม่เช่นนั้นก็ไปหน่วยฝึกทหารกับโรงช่างของสำนักเครื่องใช้ส่วนพระองค์ฆ่าเวลา ใต้เท้าหวังชอบงานใช้ความคิด เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
หวังทงหลบคนมอบของขวัญ กลับทำให้ทุกคนคิดได้วิธีหนึ่ง เจ้าไม่ได้พบหวังทง เช่นนั้นก็ให้ภรรยาตนไปเยี่ยมภรรยาหวังทง ภรรยาต่อภรรยา ก็ได้อยู่ อย่างไรก็คงได้เข้าหูหวังทง
ปรากฏว่าเดือนสิบสองประตูจวนหวังทงก็มีปรากฏการณ์ใหม่ ภรรยาตระกูลต่างๆ พากันมาเยี่ยมเยือน ภรรยาหลายตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องปกติ แต่ครึกครื้นเหมือนจวนหวังทงนั้นหาได้น้อยมาก
ฮูหยินชนชั้นสูงอยู่จวนกันมานาน ยากที่มีโอกาสได้ออกมาข้างนอก คนมาจวนหวังทงกันมาก และยังเป็นคนในแวดวงองครักษ์เสื้อแพร ขุนนางบู๊กับชนชั้นสูง ทุกคนล้วนคุ้นเคยกัน พอดีจะได้ไปมาหาสู่กัน
ปรากฏหลังวันที่ 12 เดือนสิบสอง จวนหวังทงวันทั้งวันจัดแต่งานเลี้ยง และยังจ้างงิ้วมีชื่อมาเล่น ครึกครื้นมาก
เหตุนี้ทำให้ฮ่องเต้ว่านลี่สัพยอกหวังทงกลางที่ประชุมขุนนาง ทำเอาทุกคนได้แต่หัวเราะไปด้วย นับว่าเป็นข่าวไปทั่วเมืองหลวง
แต่ในสายตาชาวเมืองหลวงกลับสังเกตเห็นเรื่องหนึ่ง น้าชายรัชทายาท หรือก็คือเจิ้งกั๋วไท่ น้องชายแท้ๆ พระสนมเอกเจิ้ง ก็ส่งฮูหยินไปจวนหวังทงเช่นกัน และยังนำของขวัญไปไม่น้อย ว่ากันว่าตอนนั้นบรรดาฮูหยินที่อยู่ในจวนหวังทงเล่าว่า ฮูหยินเจิ้งท่าทีเกรงใจฮูหยินหวังมาก
เรื่องนี้ย่อมทำให้พวกระดับผู้น้อยเคลื่อนไหวไม่น้อย ตระกูลเจิ้งตอนนี้สถานะอันใด ดูหลายปีที่ผ่านมา สถานะอู่ชิงโหวเช่นไรก็ย่อมรู้ได้ เป็นตระกูลชั้นสูงอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ตำแหน่งนี้ได้ถูกจัดให้ตั้งแต่ตอนนี้ ดูพระชันษาพระสนมเอกเจิ้งที่เพิ่งจะ 20 ต้นๆ พระชนมายุฮ่องเต้ว่านลี่ก็เช่นกัน เทียบกับอู่ชิงโหวเหมือนดีกว่าหลายส่วน ตอนไทเฮาฉือเซิ่งเป็นฮองเฮาก็พระชนมายุ 30 กว่าแล้ว อำนาจวาสนามาเร็ว เจิ้งกั๋วไท่ก็ยังอายุน้อย วันหน้าไม่รู้จะเป็นเช่นไร?
เมืองหลวงกำลังส่งมอบของขวัญ น้องชายพระสนมเอกเจิ้งเป็นหนึ่งในตระกูลที่เป็นเป้าหมาย น้องชายพระสนมเอกเจิ้งเองก็เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ออกพบคนมอบของขวัญ
ทุกคนคิดไม่ถึงว่า น้องชายพระสนมเอกเจิ้งถึงกับส่งภรรยาไปมาหาสู่กับจวนหวังทง ชนชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่ตอนนี้ยังต้องก้มหัวให้ติ้งเป่ยโหว ทิศทางลมนี้ ทุกคนจะไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรได้อย่างไรกัน
มีข่าวแพร่ออกมาอีกว่า หลายวันมานี้ เจิ้งกั๋วไท่น้องชายพระสนมเอกเจิ้ง ก็ควรไปเยือนถึงจวนเช่นกัน นี่เป็นมารยาทที่ควรมี อย่างไรสถานะตอนนี้ หากไปเยี่ยมเยือนปีใหม่จะทำให้เสียเกียรติ
เทศกาลมอบของขวัญนี้ หวังทงรู้สึกไม่ชินก็ส่วนไม่ชิน แต่เขาก็รู้ดีว่า หากยังอยู่เมืองหลวงอีกนาน ธรรมเนียมพวกนี้ย่อมเลี่ยงไม่ได้ ได้แต่ปรับตัวให้ชิน
ในบรรดาภรรยาหวังทง หานเสีย จางหงอิง ข่งรั่วเหมย สามคมไม่ค่อยได้เห็นโลกอะไรมากมายนัก คนที่จัดการจริงๆ ก็คือซ่งฉานฉานกับไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ พวกนางเป็นคนเข้าใจเรื่องราวได้เร็ว และรู้ว่าควรทำเช่นไร
แม้ว่าเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ว่าใครก็ย่อมไม่ให้ภรรยาน้อยออกหน้า จะอย่างไรก็ต้องให้ภรรยาที่ได้รับแต่งตั้งออกหน้า จวนหวังทงที่ออกหน้ารับแขกได้ก็มีแต่หานเสีย รับแขกสนทนา จัดการงานเลี้ยง ไม่ใช่งานสบายอันใด
ปรากฏวันที่ 17 เดือนสิบสอง หานเสียกลับเหนื่อยมากไปจนเกิดเรื่อง พอส่งฮูหยินเซียงเฉิงป๋อกลับไปแล้ว ก็รู้สึกไม่สบายทันที อาเจียนแห้งๆ ออกมา
ฮูหยินติ้งเป่ยโหวล้มป่วย ไม่ใช่เรื่องเล็ก ทางนี้รีบไปเชิญหมอมาดูอาการ กองแพทย์หลวงก็มีคนคุ้นกัน ก็มาดูอาการด้วย
หลังการตรวจ พบว่าเป็นเรื่องน่ายินดีในจวนหวังทง ฮูหยินติ้งเป่ยโหวหานเสียท้องแล้ว เป็นเรื่องมงคลใหญ่ รีบส่งคนไปแจ้งข่าวที่สำนักองครักษ์เสื้อแพร
หวังทงพอได้ข่าวก็รีบกลับมาทันที ตามที่องครักษคุ้มกันหวังทงเล่ามา แต่ไรไม่เคยเห็นใต้เท้าขี่ม้าเร็วเพียงนี้ พอเข้ามาในจวน ก็เกือบสะดุดธรณีประตูล้ม เห็นได้ว่าตื่นเต้นมาก
ในโลกก่อนหวังทงตัวคนเดียว ในโลกนี้ได้มีครอบครัวแต่งภรรยาหลายคน เรื่องมีลูกกลับไม่เคยได้เตรียมใจมาก่อน พอได้ยิน ในใจก็ย่อมวุ่นวายยากอธิบาย แต่ย่อมเป็นความยินดีแทบคลั่งเสียมากกว่า
ฮูหยินติ้งเป่ยโหวผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรหวังทงตั้งครรภ์แล้ว นี่เป็นเรื่องมงคลใหญ่ ชาวเมืองหลวงกล่าวกันว่า วาสนาติ้งเป่ยโหวไม่เบา ทำไมน่ะหรือ ติ้งเป่ยโหวมีภรรยามาก หากภรรยาน้อยมีลูกก่อน วันหน้าสถานะภรรยาหลวงก็ย่อมยุ่งยาก ลำดับลูก ลำดับภรรยา ล้วนต้องเกิดเหตุพิพาท หานเสียมีลูกก่อน วันหน้าก็เป็นครอบครัวสงบสุขต่อไป!
แน่นอนทุกคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้นย่อมมีแต่การร่วมอวยพรยินดีไปด้วย ติ้งเป่ยโหวเป็นผู้มีวาสนามาก ย่อมได้ลูกชายมาเป็นคนแรก
เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ปิดไม่มิด แพร่ไปทั่วเมืองหลวงทันที ยามนี้มีแต่คนสนิทมาร่วมยินดี หลี่เหวินหย่วน หลี่ว์วั่นไฉ นางหม่า ยังมีพวกที่เทียนจิน นางหม่ายินดีจนน้ำตาร่วง กล่าวกับป้ายวิญญาณบิดาหวังทงว่านอนตาหลับแล้ว
พวกสายสัมพันธ์ใกล้ชิดก็ส่งภรรยาตนไปเยี่ยมหานเสีย แสดงความยินดีกับหวังทง พอข่าวแพรไปทั่วหล้า ในวังก็มีคนมายินดี เจ้าจินเลี่ยงมาคนแรกพร้อมรับสั่งจากฮ่องเต้ว่านลี่ ยังมีหมอหลวงในวังกับของบำรุงจากห้องเครื่อง หลังขอบพระทัยแล้ว เจ้าจินเลี่ยงก็ยิ้มร่าบอกว่าจางเฉิงกับโจวอี้และขันทีหลายคนฝากอวยพรมาด้วย คนที่มาคนที่สองกลับเป็นขันทีในพระสนมเอกเจิ้ง ท่าทีนอบน้อมมาก
นี่ล้วนเป็นคนสนิทอันดับหนึ่งของฝ่าบาท คนที่ไวในข่าวเมืองหลวงรู้กันหมด นอกจากอิจฉาแล้วก็ไม่รู้จะกล่าวอันใด
วันต่อมาในการประชุมขุนนาง ฮ่องเต้ว่านลี่ตรัสถึงเรื่องนี้ ยินดีปรีดาตรัสว่า
“เรามีลูกชายสอง ลูกสาวสี่ หวังทงเพิ่งมีข่าว ตามเราไม่ทันแล้วล่ะสิ?”
“ฝ่าบาทพระพลานามัยราวมังกรพยัคฆ์ กระหม่อมไหนเลยกล้าเทียบกับฝ่าบาท”
เรื่องลูก ฮ่องเต้ว่านลี่อย่างไรก็เก่งกว่าหวังทง แน่นอน แค่ตัวเลข อย่างไรก็ต้องเอามาคุยทับเสียหน่อย คำตอบหวังทงก็สัพยอกพอกัน สองคนคุยกัน ขันทีกับขุนนางใหญ่มีสีหน้าไม่พอใจ เซินสือหังที่แต่ไรมาไม่แสดงท่าทียังต้องกระแอมไอ
ทว่าหวังทงตอนประชุมจนเลิกประชุมก็ยังมีท่าทางไม่ดีนัก คุยเล่นกับฮ่องเต้ว่านลี่ แต่ก็เหมือนหวาดระแวงว่าจะกล่าวผิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด ขี้เกียจจะสนใจ
หานไท่ผิงสำนักเครื่องใช้ส่วนพระองค์มาจวนหวังทง น้ำตานองด้วยความยินดี บ่นกับนางหม่าสองสามคำ คนแก่อยากเลี้ยงหลาน ตอนนี้หลานแต่งงานมีลูกแล้ว สมดังใจแล้ว จะไม่ดีใจได้อย่างไร พี่ชายหานเสียหานกังก็ถูกเพื่อนทหารตามตัวไปเลี้ยง
อย่างไรก็ต้องจ่ายเงินก้อนหนึ่ง นำทุกคนไปเลี้ยงที่หอรุ่งเรืองกินกันให้หนำใจ หอรุ่งเรืองเองก็ใช่ย่อย นายตนมีข่าวดี หานกังเป็นใคร อย่างไรก็ต้องเว้นค่าใช้จ่าย ล้วนยินดีปรีดายิ่ง
เพราะเรื่องนี้ทำให้จวนหวังทงมีแต่กระแสแห่งความสุข ราวกับบรรยากาศงานเทศกาล ทำให้คนรู้สึกว่ากำลังจะปีใหม่จริง และปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่ทุกคนรอคอย
ในเมื่อมีลูกแล้ว อย่างไรก็ทำงานหนักไม่ได้ พวกจางหงอิงจึงเอางานทั้งหมดมาทำเอง แขกก็ย่อมรู้งานไปไม่รบกวน แต่ก็ยังมีพวกชนชั้นสูงมาเยี่ยมเยือน มาถามไถ่หานเสีย
**************
วันที่ 22 เดือนสิบสอง องครักษ์เสื้อแพรทำการวันสุดท้ายก่อนปิดยาว หลังวันนี้ สำนักองครักษ์เสื้อแพรก็จะมีแค่คนเข้าเวร ส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้านไปรอฉลองปีใหม่กัน
ตามธรรมเนียม เอกสารต้องส่งกลับในหนึ่งวัน ก็หมายความว่างานของโหวเจินตอนนี้หากสะสางไม่เสร็จ ก็ต้องรอหลังวันที่ 15 เดือนหนึ่งจึงค่อยมาเริ่มงานอีกครั้งแล้ว
ทว่าบ่ายวันที่ 22 เดือนสิบสอง โหวเจินก็หยิบเอกสารสองฉบับมาที่ห้องทำงานหวังทง หวังทงพลิกอ่านไปสองสามหน้า ก็โยนเอกสารลงพื้น โหวเจินตกใจตัวหด คำนับถามขึ้น
“หากเอกสารไม่ถูกต้อง พรุ่งนี้ข้าน้อยจะไปคัดเลือกมาให้ดีกว่านี้……”
หวังทงถอนหายใจยาว เหมือนว่าจิตใจนิ่งสงบ โบกมือกล่าวว่า
“ไม่ต้องหาแล้ว เอกสารครั้งนี้น้ำหนักพอแล้ว!”