องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 920 ชื่อที่เหมือนรู้จัก
คนเรายามสุขก็ย่อมอารมณ์ปลอดโปร่ง ฮูหยินหวังทงตั้งครรภ์ อารมณ์กำลังดีอยู่ แต่พออ่านเอกสารก็มีปฏิกิริยาอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาโหวเจินตกใจ
เรื่องที่เอกสารกล่าวถึงก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าเคร่งเครียดแต่อย่างใด โหวเจินเองไม่เห็นรู้สึก ตอนอ่านครั้งแรกก็คิดแค่ว่าอาจมีปัญหาอะไร จึงได้นำมา
“เรียนผู้บัญชาการ เอกสารนี้สามวันก่อนส่งมา ตามหลักแล้วต้องส่งเข้ากองเอกสาร แต่เพราะบอกกล่าวไว้ ดังนั้นข้าน้อยจึงได้นำมา”
เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศในห้อง โหวเจินคำนับกล่าวสองสามคำก็ก้มลงเก็บเอกสารขึ้นมา นอบน้อมต่อหวังทงอย่างที่สุด ต่อหน้าหวังทง หวังทงจ้องมองโหวเจิน กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“เจ้าทำได้ไม่เลว แม้ว่าอีกสองสามวันจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายกองพันกองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพร แต่ยังไม่ถึงที่สุด ตั้งใจทำงาน รองผู้บัญชาการและผู้ช่วยผู้บัญชาการก็ใช่ว่าจะไม่ได้ หากไม่อาจได้มาก็คงได้ตำแหน่งนายกองพันประจำนอกเมืองสักตำแหน่ง”
ได้ยินเช่นนี้ โหวเจินรีบคุกเข่าโขกศีรษะกล่าวว่า
“ข้าน้อยทำตามหน้าที่เท่านั้น ผู้บัญชาการมีบุญคุณใหญ่หลวง ข้าน้อยขอจงรักภักดีถึงที่สุด!!”
กองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรเดิมมีนายกองร้อยหลายคนอยู่ โหวเจินมาใกล้ชิดหวังทง ยืนถูกข้างก่อน หวังทงจึงส่งเสริมให้เขาได้เป็นนายกองพัน เท่ากับได้มอบกองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรให้เขาดูแล วาจาเมื่อครู่ เป็นการรับปากถึงอนาคตวันหน้าที่ยาวไกล ตอนนี้ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรกับรองผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรสี่ตำแหน่งยังคงว่าง บอกแล้วว่าหากโหวเจินตั้งใจทำงาน ก็สามารถได้ก้าวไปอีกขั้นได้
โหวเจินเข้าใจในที่สุด ครั้งนี้เรื่องที่ตนทำนั้น ทำให้หวังทงถูกใจได้ วันหน้าก็ย่อมได้ประโยชน์ประมาณมิได้ ใกล้ปีใหม่แล้ว ได้รับคำชื่นชมเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นมงคลคู่มาเยือนตนแล้ว สีหน้ามีรอยยิ้มอยู่หลายส่วน วางเอกสารลงบนโต๊ะ หวังทงพลิกอ่านไปสองหน้าก็ปิดลง เงียบไปครู่หนึ่งกล่าวว่า
“เอกสารที่เกี่ยวข้องเตรียมให้พร้อม พรุ่งนี้ก่อนฟ้ามืดนำมาส่งที่นี่ ในกององครักษ์เสื้อแพรหากมีผู้ใดคุ้นเคยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเมืองเหลียวโจว ตามที่รู้มากหน่อยมาถามด้วย เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ เจ้าเข้าใจไหม!”
“ผู้บัญชาการวางใจ ข้าน้อยเข้าใจ!”
โหวเจินโขกศีรษะ หวังทงโบกมือบอกให้โหวเจินออกไปได้ หยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกอ่านต่อ
*************
เอกสารเล่าถึงเรื่องที่ไม่ใหญ่เท่าไรนัก กล่าวถึงหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินมีศัตรูใหญ่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเมืองเหลียวโจว หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินสองปีนี้ขยายอำนาจออกไปมาก เริ่มแรกก็ไปขอให้เมืองเหลียวโจวส่งมอบศัตรูตน ขุนพลเมืองเหลียวโจวถูกบีบจากหัวหน้าเผ่าผู้นี้ จึงมอบศัตรูให้แก่หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินไป
เรื่องนี้ไม่ได้มีฎีกาหรือไม่มีเอกสารรายงานทางการ มีแต่รายงานลับจากองครักษ์เสื้อแพร จากนั้นก็ส่งไปยังสำนักองครักษ์เสื้อแพรเมืองหลวง
แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรที่บันทึกเรื่องนี้ก็ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญใด เพราะเนื้อหาสำคัญเอกสารกล่าวถึงหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินส่งของขวัญอันเป็นของดีนอกด่านมามอบให้ตระกูลหลี่อยู่ตลอดเวลา หนังสัตว์ต่างๆ และโสมคนพวกนั้น ของพวกนี้หากเอามาขายในด่านแล้วล่ะก็ย่อมกำลังมหาศาล นี่เท่ากับเป็นการรับสินบนชายแดนอย่างหนึ่ง
เดาว่าที่โหวเจินเลือกเอกสารนี้ออกมา ก็เพราะในนั้นกล่าวถึงหลี่เฉิงเหลียงพ่อลูกเคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจิน ได้รับของมากมาย และยังมีข่าวว่าเมืองเหลียวโจวแอบมาผ่านคนผู้นี้มาซื้อเกราะที่เทียนจิน แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชัด
ทว่าชื่อหัวหน้าเผ่าผู้นี้หวังทงกลับเคยได้ยิน ประวัติศาสตร์ที่หวังทงรู้นั้นก็เลือนลางเสียจริง ในยุคนี้ เขารู้จักชื่อฮ่องเต้ว่านลี่ ชื่อจางจวีเจิ้ง แต่ก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก เฝิงเป่ายิ่งเลือนลาง คนอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง แต่ชื่อบนเอกสารนี้เขากลับเคยได้ยิน
……
ชื่อของหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินก็คือนู่เอ่อร์ฮาชื่อ……
***************
หลังแผ่นดินหมิงตั้งราชวงศ์ ตอนนั้นจูตี้ยังเป็นอ๋องเยี้ยนก็จัดตั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ดูแลพื้นที่ฉางไป๋ซานและเฮยหลงเจียงกว้างใหญ่ที่เรียกว่ามณฑลทหารนูเอ่อกาน[1]
หน่วยองครักษ์เสื้อแพรดูแลพื้นที่นอกกำแพงเมืองเหลียวโจวออกไปทางตะวันออกและทางเหนือไปจรดทะเล พื้นที่กว้างใหญ่ พื้นที่นี้ในยุคนี้ยังคงเป็นพื้นที่ห่างไกลรกร้าง แต่ละแห่งล้วนเป็นภูเขาลึกไม่ก็ลำธารน้ำที่ลุ่มน้ำขัง ทหารแผ่นดินหมิงไม่เหมาะตั้งฐานทัพ จึงมอบให้เผ่าต่างๆ ในพื้นที่กับตั้งมณฑลทหารดูแล
ส่วนใหญ่เผ่าใหญ่ได้พื้นที่นี้ไป เผ่าเล็กก็ตั้งมณฑลทหาร แน่นอนว่าพื้นที่นี้ มณฑลทหารย่อมมีทหารไม่ถึงห้าพัน ราวสองพันกว่าคนก็เรียกได้ว่ามณฑลทหารแล้ว
ในกองกำลังพวกนี้ มีชาวเผ่าหนี่ว์เจิน มีชาวเผ่ามองโกล พื้นที่ดีหรือไม่ก็ให้ดูว่าห่างไกลจากเมืองเหลียวโจวมากเท่าไร หากใกล้ โอกาสปล้นและทำการค้าก็มากหน่อย ก็ย่อมมีเงินทองมากหน่อย ห่างไกลหน่อย ก็ย่อมยากจนสักหน่อย
เมื่อก่อนที่นี่มีเผ่าไท่หนิงที่อยู่ใต้เผ่าตั่วเหยียนเป็นใหญ่ครอบครอง แต่เพราะเผ่าไท่หนิงถูกเมืองเหลียวโจวยกกำลังปราบบ่อยจึงอ่อนแอลง ไม่อาจเข้มแข็งขึ้นได้
ภาพรวมแล้ว เผ่าหนี่ว์เจินกับเผ่ามองโกลแต่ละเผ่าล้วนยกแผ่นดินหมิงเป็นนาย ยอมสวามิภักดิ์เป็นขุนนาง แต่ที่จริงแล้วแต่ละเผ่าล้วนภักดีต่อมองโกลเผ่าใหญ่ทุ่งหญ้านอกด่านที่เหลียวเป่ยและเหลียวซี ตอนนี้คำสั่งข่านเผ่าเคอเอ่อชิ่นเป็นที่ยอมรับในพื้นที่ฉางไป๋ซานและเฮยหลงเจียง
ในเผ่าเหล่านี้ มีมณฑลทหารที่ค่อนข้างเข้มแข็งมากกว่าที่อื่นก็คือมณฑลทหารที่เรียกว่าเมืองเจี้ยนโจว
พูดถึงชื่อเผ่าพวกนี้แล้ว บัณฑิตหลายคนบนแผ่นดินหมิงก็จะคิดถึงทุ่งหญ้าหมื่นลี้ ทิวทัศน์ที่มองไปก็เห็นการเลี้ยงวัวแพะทั่วพื้นที่ ที่จริงแล้วเผ่าใหญ่เผ่าหนี่ว์เจินนอกด่านล้วนเพาะปลูกและล่าสัตว์ พวกเขาเลี้ยงสุกรเพาะปลูก จับปลาล่าสัตว์ เทียบกับชาวนาในด่านแล้ว การจับปลาล่าสัตว์ถือเป็นฝึกทหารอย่างหนึ่ง
เมืองเจี้ยนโจวกำลังทำสิ่งเหล่านี้ ทำให้ต่างจากมณฑลทหารอื่น พ่อค้าเมืองเจี้ยนโจวรุ่งเรืองมาก เพราะตำแหน่งที่ตั้งพวกเขาได้เปรียบ
เมืองเจี้ยนโจวกับแผ่นดินหมิงและเกาหลีที่ใกล้กัน เกาหลีมีการค้ากับแผ่นดินหมิงส่วนหนึ่งเป็นการค้าทางการระหว่างราชสำนัก แต่คณะทูตที่นำการค้ามาอยู่ในการควบคุมของพวกชนชั้นสูงเกาหลี ในเมืองหลวงก็มีการค้าระหว่างพ่อค้าใหญ่และชนชั้นสูง ชาวบ้านได้แบ่งประโยชน์น้อยมาก
แต่เกาหลียากจน การค้านอกด่านได้ประโยชน์มากนั้นสำคัญสำหรับชาวบ้านมาก มีพ่อค้าชาวบ้านเกาหลีมากมายคิดหาวิธีไปทำการค้ากับเมืองเจี้ยนโจว นำสินค้ามาขายแผ่นดินหมิงผ่านทางเมืองเจี้ยนโจว
นานวันเข้า เมืองเจี้ยนโจวก็กลายเป็นเมืองการค้า เผ่าหนี่ว์เจิน ณ เมืองเจี้ยนโจวมีคนทำการค้ามากขึ้นเรื่อยๆ มีคนจากทางเหนือและทางตะวันออกรับซื้อสินค้าของป่าและของมีค่าจากพื้นที่ เมืองเจี้ยนโจวนำมาขายให้พ่อค้าแผ่นดินหมิง ได้รับประโยชน์ ร่ำรวยอย่างมาก
เพราะความร่ำรวย ดังนั้นเมืองเจี้ยนโจวจึงเข้มแข็งกว่าเผ่าอื่นๆ และยังแบ่งออกเป็นสามมณฑลทหาร นู่เอ่อร์ฮาชื่อก็คือผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายซ้ายแห่งเจี้ยนโจว
****************
องครักษ์เสื้อแพรรวบรวมการข่าวเมืองหลวงได้ดีไม่น้อย เรื่องการข่าวจากชายแดนแต่ละแห่งก็มิได้ใส่ใจนัก แต่เก่งเรื่องสะสมการข่าว คิดหาเอกสารที่เกี่ยวข้องก็ย่อมหาได้ไม่น้อย องครักษ์เสื้อแพรสามารถรวบรวมข่าวจากที่ต่างๆ นี่เป็นข้อได้เปรียบ
กองเอกสาร สำนักองครักษ์เสื้อแพรโหวเจินวันรุ่งขึ้นก็รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาครบถ้วน ตอนเขาไปขอเอกสารจากหน่วยงานอื่นมาก็ไม่เพียงแค่เอาแต่เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเมืองเหลียวโจวและเมืองเจี้ยนโจว คนนอกยากจะรู้เขาต้องการทำอะไร องครักษ์เสื้อแพรประจำชายแดนเมืองเหลียวโจวหาไม่พบ ทางร้านสามธาราก็สามารถหาพ่อค้าที่เคยไปที่นั่นบ่อยๆ มาแนะนำได้
พอหวังทงได้เอกสารในมือ วันแรกก็ยังอยู่จวน วันที่สอง ก็ไปยังห้องทำงานหลี่เหวินหย่วนนักรักษาความสงบ ตั้งอยู่ที่ถนนทักษิณ มีหลี่เหวินหย่วนดูแลโดยตรง ล้วนเป็นคนที่สนิทที่สุดของหวังทง วางใจได้ที่สุด
เรื่องเมืองเจี้ยนโจวซับซ้อนมาก เรื่องราวมากมาย ที่จริงแล้ว ชื่อนี้ปรากฏต่อหน้าหวังทงตอนนี้ ทำให้หวังทงแปลกใจมาก หวังทงคิดจะทำความเข้าใจให้มากอีกหน่อย
เมืองเจี้ยนโจวร่ำรวย เผ่าหนี่ว์เจินที่เจี้ยนโจวพลอยภูมิใจไปด้วย เผ่ามองโกลมักไปปล้นชิงแผ่นดินหมิง พวกเขาก็ตามไป หรือไม่ก็ดำเนินการส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ
แต่ทหารเมืองเหลียวโจวก็เก่งกล้า ตอนหลี่เฉิงเหลียงเป็นผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจว ทหารชายแดนเมืองเหลียวโจวก็เป็นทหารกล้าแห่งยุค จากนั้นก็เริ่มปล้นชิง ชายแดนเมืองเหลียวโจวมักไปปล้นชิงเมืองเจี้ยนโจว บางครั้งยังตัดหัวมารับรางวัลราชสำนักอีกด้วย
ชนเผ่าอื่นนอกแผ่นดินหมิงตอนแผ่นดินหมิงอ่อนแอก็ดุร้ายราวกับพยัคฆ์ ตอนแผ่นดินหมิงเข้มแข็งก็ทำตัวราวกับแพะที่เชื่อฟัง หน่วยทหารในเจี้ยนโจวในยุคนี้ล้วนนอบน้อมต่อเมืองเหลียวโจวมาก
ชนชั้นสูงเผ่าหนี่ว์เจินประจำกองกำลังฝ่ายขวาแห่งเจี้ยนโจวกบฏ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายขวาแห่งเจี้ยนโจวก็คือตาของนู่เอ่อร์ฮาชื่อ ในเมื่อกบฏ ผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงย่อมส่งทหารไปปราบ ระดับมณฑลทหารเช่นนี้มีทหารอย่างมากก็พันห้าร้อยนาย จะไปรับมือทหารกล้าเมืองเหลียวโจวได้อย่างไร ป้อมฐานทัพกองกำลังฝ่ายขวาแห่งเจี้ยนโจวถูกถล่ม พวกขุนพลกบฏหลายคนถูกตัดหัว
ลูกชายผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายขวาแห่งเจี้ยนโจวหนีมายังกองกำลังฝ่ายซ้ายแห่งเจี้ยนโจว กองกำลังฝ่ายซ้ายแห่งเจี้ยนโจวก็คือนู่เอ่อร์ฮาชื่อ น้ามาขอพึ่งพิง ปู่และบิดานู่เอ่อร์ฮาชื่อย่อมรับไว้ ที่จริงแล้วเผ่าหนี่ว์เจินกบฏนี้ ย่อมรู้กัน หนึ่งล้มไป อีกหนึ่งนิ่ง ใช่ว่าไม่คิดช่วย
ป้อมฐานทัพเช่นนี้ในสายตาหลี่เฉิงเหลียงก็แค่เมล็ดงาเล็กๆ กล้ารับขุนพลกบฏไว้ ย่อมถูกปราบ ปรากฏกองกำลังฝ่ายซายแห่งเจี้ยนโจวก็ถูกถล่มราบไปด้วย บิดาและปู่นู่เอ่อร์ฮาชื่อต่อสู้จนตัวตาย หากนู่เอ่อร์ฮาชื่อกับน้องชายซูเอ่อร์ฮาฉีถูกจับเป็นเชลย
ชนชั้นสูงเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่ามีความเคยชินที่จะไปเป็นทหารให้ตระกูลหลี่เมืองเหลียวโจว เหมือนเป็นตัวประกัน นู่เอ่อร์ฮาชื่อตอนนั้นก็เป็นคนในตระกูลหลี่เฉิงเหลียง และยังรู้จักคนเก่าคนแก่ในเมืองเหลียวโจวบ้าง เขาถูกจับเป็นเชลยส่งกลับไปยังเมืองเหลียวโจว ระหว่างทางก็ถูกปล่อยตัว
หลังหนีกลับเผ่าหนี่ว์เจิน นู่เอ่อร์ฮาชื่อสองพี่น้องไร้หนทางไปจึงได้รวบรวมลูกน้องเมื่อเก่าก่อน เริ่มก่อร่างสร้างตัว เป็นโอกาสสร้างวีรบุรุษ อำนาจนู่เอ่อร์ฮาชื่อค่อยๆ ขยายอิทธิพล มาถึงตอนนี้ หลายเผ่าเมืองเจี้ยนโจวอยู่ในอำนาจควบคุมของเขาหมดแล้ว นู่เอ่อร์ฮาชื่อมีอิทธิพลเต็มที่ในพื้นที่แล้ว สามารถเจรจาเงื่อนไขกับเมืองเหลียวโจวได้แล้ว
[1] ใกล้กับปากแม่น้ำอามูร์ในปัจจุบันทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน หลังหมดรัชสมัยของหย่งเล่อก็ไม่ได้ขยายดินแดนไปถึงจึงถูกทิ้งร้างไป