องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 921 จากจุดน้อยเห็นภาพใหญ่ อำนาจวาสนาทำร้ายคน
รบกับคนจำนวนน้อยเช่นนี้ จัดการเผ่าพวกนี้ก็เหมือนกับหั่นแตงหั่นผัก ขุนพลชายแดนเมืองเหลียวโจวแต่ไรไม่ยอมลงให้ แต่ตอนนี้นู่เอ่อร์ฮาชื่อรวมเผ่าหนี่ว์เจินเจี้ยนโจวแล้ว ย่อมไม่เหมือนเดิม
ตอนนั้นหลี่เฉิงเหลียงโจมตีกองกำลังฝ่ายซ้ายและกองกำลังฝ่ายขวาแห่งเจี้ยนโจว แม้ว่ารบชนะ แต่ไม่ยอมมีชัยชนะเด็ดขาด เพราะไม่อยากจะสูญเสียกำลังมากไปกับเผ่าเล็กไร้ค่าพวกนี้ ตอนนั้นเจ้าเมืองถูหลุนแห่งเมืองเจี้ยนโจวหนีคานไว่หลันเรียกได้ว่าจงรักภักดีต่อแผ่นดินหมิง คนผู้นี้เป็นคนเกลี้ยกล่อมให้กองกำลังฝ่ายซ้ายแห่งเจี้ยนโจวเปิดประตูป้อม ผลก็ง่ายมาก ทหารหมิงเข้ามาสังหารหมดสิ้น
นู่เอ่อร์ฮาชื่อสองพี่น้องหนีกลับไปเมืองเจี้ยนโจว เคยไปถามเอาความกับชายแดนเมืองเหลียวโจวว่าเหตุใดจึงให้หนีคานไว่หลันมาดูแล เขาขี้ขลาดตาขาว แต่ผู้ใดจะสนใจ ขุนพลชายแดนยามนั้นยังกล่าวโอ้อวดว่า ในเมื่อพวกเจ้ากล่าวมาเช่นนี้เราชาวเหลียวโจวก็จะให้เขาได้เป็นหัวหน้าใหญ่แห่งเผ่าหนี่ว์เจิน
หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินคำนี้ฟังแล้วน่าตกใจ และในความจริงก็เป็นเช่นนั้น เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวกับที่อื่นเห็นเช่นนั้น ไม่นานหนีคานไว่หลันก็มีหน้ามีตายิ่ง
ทว่านู่เอ่อร์ฮาชื่อสองพี่น้องเคยพำนักจวนผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียง มีคนว่าพวกเขาอยู่ในฐานะคนรับใช้ มีคนบอกว่าพวกเขาเป็นทหาร ไปๆ มาๆ สะสมความรู้มากมาย กอปรกับตนเองก็มีความสามารถ แม้ว่าตอนก่อร่างสร้างตัว คนในมือส่วนใหญ่ล้วนสวมชุดหนังธรรมดาสามัญ มีเกราะทหารเพียง 13 ชุด แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งเข้มแข็ง กำลังค่อยๆ แผ่ขยายขึ้น
และยังคงเป็นคำเดิมที่ว่า นู่เอ่อร์ฮาชื่อเป็นชนชั้นสูงในเผ่าหนี่ว์เจิน แต่ในสายตาขุนพลชายแดนแผ่นดินหมิงก็แค่หนูตัวหนึ่ง หนีคานไว่หลันแม้ว่าเป็นขุนนางมีความชอบแห่งแผ่นดินหมิง ที่เคยให้การรับรองความปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปสู้รบเพื่อเขา นู่เอ่อร์ฮาชื่อกำลังมากขึ้น เมืองเจี้ยนโจวค่อยๆ ไม่มีที่ให้แก่หนีคานไว่หลันได้ยืน
เมืองถูหลุนของเขาเองก็ถูกถล่ม มาแอบอยู่ที่เมืองเจี้ยนโจว ทว่านู่เอ่อร์ฮาชื่อกลับอาศัยการหลบซ่อนของเขาในเมืองเมืองเจี้ยนโจวเป็นเครื่องมือจัดการ ผู้ใดให้การพักพิง ก็จะยกกำลังไปจัดการ สุดท้ายเผ่าหนี่ว์เจินแต่ละเผ่าก็ไม่มีผู้ใดกล้าให้ที่พักพิงหนีคานไว่หลัน
หนีคานไว่หลันทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่มาหลบซ่อนที่เมืองเหลียวโจว ในการรบหลายปีมานี้ นู่เอ่อร์ฮาชื่อส่งกำลังรบ5,000 นายได้แล้ว และยังมีเผ่าใหญ่มองโกลมีทหารม้าอีก 3,000 กว่านาย หากจะจัดการกองกำลังใหญ่โตเช่นนี้ อาศัยแค่กองกำลังเมืองเหลียวโจวย่อมไม่พอ ต้องคิดรับมือให้รอบคอบ
นู่เอ่อร์ฮาชื่อขอเพียงแค่ให้ส่งมอบหนีคานไว่หลันออกมา และส่งมอบศพบิดาและปู่ตน ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใด
เรื่องมากเรื่องหนึ่ง ไม่สู้น้อยลงเรื่องหนึ่ง หนีคานไว่หลันก็ไม่ใช่คนสำคัญอันใด ส่งตัวเขาไป แล้วไม่ต้องรบเสี่ยงตาย ชายแดนเมืองเหลียวโจวคิดผลดีผลเสียในเรื่องนี้ได้
หนีคานไว่หลันถูกส่งตัวไป ณ กำแพงเมืองเหลียวโจว ทหารนู่เอ่อร์ฮาชื่อรุมสังหารจนตาย จากนั้นศพของบิดาและปู่นู่เอ่อร์ฮาชื่อก็ถูกทหารหมิงส่งกลับมา
นู่เอ่อร์ฮาชื่อรักษาสัญญา ส่งมอบของขวัญแสดงการเคารพ และรับปากข้อเรียกร้องมากมายของเมืองเหลียวโจว เช่นไม่ก่อสงครามไร้เหตุ หากจำเป็น ก็จะช่วยเมืองเหลียวโจวรบ เป็นต้น
****************
สำนักองครักษ์เสื้อแพรนอกจากเวรประจำแล้วก็ล้วนกลับไปจัดการเรื่องฉลองปีใหม่ หยางซือเฉินเองก็ว่างมาก แต่งานส่งมอบแล้ว กลับถูกหวังทงตามตัวไปยังห้องทำงานสำนักรักษาความสงบบนถนนทักษิณเพื่อดูเอกสารด้วยกัน
เรื่องนี้ก็ไม่ยากอันใด ทว่าก็แค่เรื่องเล็กน้อยชายแดนเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องทหารแผ่นดินหมิงบาดเจ็บล้มตาย เรื่องพวกนี้ไม่ควรเป็นที่สนใจเสียด้วยซ้ำไป
หากไม่ใช่นู่เอ่อร์ฮาชื่อตอนนี้นับว่าเป็นวีรบุรุษนอกด่าน องครักษ์เสื้อแพรย่อมไม่สนใจรวบรวมข่าวเขา
อ่านเอกสารพวกนี้แล้วก็เข้าใจถึงเรื่องราวมากมาย และยังได้ยินเรื่องราวจากพ่อค้าที่ไปมาระหว่างเมืองหลวงกับนอกด่าน ก็ยิ่งไม่ธรรมดา
เช่นว่า เกี่ยวกับนู่เอ่อร์ฮาชื่อกับซูเอ่อร์ฮาฉีสองพี่น้องถูกปล่อยตัวตอนเป็นเชลยได้อย่างไร หลายคนล้วนว่าฮูหยินหลี่เฉิงเหลียงเห็นสองคนหน้าตาไม่เลว ดังนั้นจึงปล่อยพวกเขาไป
เรื่องนี้ฟังแล้วก็เหมือนเป็นเรื่องเสียดายความสามารถและหน้าตา แต่คิดให้ดีกลับรู้สึกไม่ถูกต้อง หลี่เฉิงเหลียงตอนนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นกั๋วกงแล้ว ก่อนหน้าก็เป็นระดับป๋อแล้ว ระดับเขาย่อมมีสถานะดังเจ้าในแดนนอกด่าน ที่อยู่ก็ราวกับวัง คนระดับนี้ ในจวนรักษาการณ์แน่นหนา ชายหญิงยิ่งต้องห่างกัน
ฮูหยินหลี่เฉิงเหลียงสถานะสูงส่ง จะไปเห็นหน้าตาเชลยหนุ่มได้อย่างไร เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องนินทาเท่านั้น
นู่เอ่อร์ฮาชื่อกับซูเอ่อร์ฮาฉีว่ากันว่าเป็นชายฉกรรจ์ร่างสูงสง่า และหน้าตาหล่อเหลา ไม่ใช่แบบพวกเผ่าหนี่ว์เจินในช่วงแรก หากรู้จักแต่งกายและรู้ภาษาจีน
หลี่เฉิงเหลียงภรรยามาก หรืออาจจะไม่สนใจภรรยาหลวง อาจเป็นไปได้ว่า นู่เอ่อร์ฮาชื่อตอนอยู่ในจวนหลี่เฉิงเหลียง อาจมีเรื่องเช่นนี้ ที่เมืองเหลียวโจวมีแต่ขุนพล เรื่องปิดๆ บังๆ มารยาทใดก็ล้วนไม่ค่อยสนใจนัก เรื่องพวกนี้จึงคุยกันอย่างออกรสออกชาติไปทั่ว
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวผู้บัญชาการเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียง หลี่เฉิงเหลียงมีสถานะเช่นไรในเมืองเหลียวโจว บารมีราวกับฮ่องเต้ เรื่องส่วนตัวเขานั้น ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง
อีกเรื่อง ทุกคนบอกไม่กระจ่าง ลูกชายรองหลี่เฉิงเหลียงหลี่หรูป๋อ ตอนนี้เป็นรองแม่ทัพเมืองเหลียวโจว หลายปีก่อนเขาเพิ่งรับภรรยาน้อยคนใหม่ ว่ากันว่าเป็นชาวเผ่าหนี่ว์เจิน มีข่าวระแคะระคายมาว่า ภรรยาน้อยนี้เป็นน้องสาวนู่เอ่อร์ฮาชื่อแท้ๆ น้องสาวแท้ๆ หรือน้องสาวธรรมดาก็ไม่แน่ชัดนัก
ข่าวเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ คิดว่าเป็นเรื่องเล่าบนโต๊ะอาหารของชาวเหลียวโจว ทุกคนแอบนินทา คุยเรื่องนี้กันน้ำลายแทบรดกัน ทว่าตอนนี้ได้ยินกลับรู้สึกแปลกอยู่
****************
“ก่อนหน้าเคยมีข่าวลือว่า ขุนพลเมืองเหลียวโจวแอบขายอาวุธให้นู่เอ่อร์ฮาชื่อ หากเขาเคยทำงานในจวนหลี่เฉิงเหลียง น้องสาวแต่งให้หลี่หรูป๋อ ได้รับอาวุธก็คงง่ายกว่าเผ่าอื่น แม้เผ่าหนี่ว์เจินเองทำอาวุธได้ แต่ย่อมไม่สู้อาวุธชั้นดีในเมืองเหลียวโจว”
หวังทงกล่าว หยางซือเฉินจดบันทึก เงยหน้าสำทับว่า
“ท่านโหวกล่าวได้ไม่ผิด สายสัมพันธ์นี้ อาวุธเรื่องเล็ก หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินเกรงว่าได้กำไรจากการค้าไม่น้อย จึงได้รุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้”
หวังทงพยักหน้า หากเป็นคนอื่นอาจไม่รู้สึกอันใด แต่สายการค้าหวังทง ให้ความสำคัญกับการค้ามาก อย่างไรวิธีการนี้ก็เป็นการสั่งสมเงินทองได้อย่างรวดเร็ว มีเงินทองแล้ว ก็สามารถซื้อหาอาวุธและทหารได้ หากนู่เอ่อร์ฮาชื่อมีความสามารถ และยังมีทางสะดวกพวกนั้น ก็ย่อมยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
พูดก็ส่วนพูด หากหยางซือเฉินไม่ได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ทว่าก็แค่หัวหน้าเผ่าที่เรืองอำนาจขึ้นใหม่เท่านั้น คนเช่นนี้รอบแผ่นดินหมิงมีให้เห็นทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เขาพลิกเอกสารอ่าน ก็เพื่อดูว่าจัดระเบียบให้เข้าพวกอย่างไร จะเป็นเอกสารจัดการหลี่เฉิงเหลียงอย่างไรเท่านั้น
หวังทงคิดอะไรในใจย่อมไม่อาจรู้ได้ เขานั่งเคาะโต๊ะเบาๆ เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“ปล่อยหนีคานไว่หลันไปให้นู่เอ่อร์ฮาชื่อสังหาร เหมือนว่าเป็นการขจัดภัย แผ่นดินหมิงไม่ได้สูญเสียทหารและชาวบ้านแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องความชอบ แต่ที่จริงแล้ว นี่กลับเป็นการตบหน้าแผ่นดินหมิงอย่างแรงของนู่เอ่อร์ฮาชื่อ ทำให้เผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลได้เห็นว่า หัวหน้าเผ่าเล็กๆ ถึงกับกล้าขอคนจากชายแดนแผ่นดินหมิงได้ และชายแดนแผ่นดินหมิงยังไม่อาจไม่ให้ ใช่ว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงให้หัวหน้าเผ่าผู้นี้หรือ……”
กล่าวไม่ทันจบ หยางซือเฉินจึงคิดได้ กางม้วนฎีกาออก หยิบพู่กันมาจรด ที่หวังทงกล่าวมานั้นไม่แน่ว่าถูกต้องตามธรรมเนียม เขาต้องเปลี่ยนคำพูดให้เหมาะสมใหม่ จึงจะสามารถเป็นฎีกาที่เหมาะสมได้
“เมืองเหลียวโจวทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้จงรักภักดีแผ่นดินหมิงได้คิด ทำงานเพื่อแผ่นดินหมิง คิดเพื่อราษฎรเผ่าต่างๆ พอจบเรื่องกลับไมได้รับการปกป้องจากแผ่นดินหมิง หนีคานไว่หลันสำนึกในพระเมตตาฝ่าบาท จงรักภักดีเพื่อฝ่าบาท คิดไม่ถึงว่ากลับไม่ได้การปกป้อง ถูกส่งออกนอกเมือง และถูกรุมสังหารทิ้งต่อหน้าต่อตาทุกคน เรื่องเช่นนี้ย่อมแพร่ไปทั่ว วันหน้าผู้ใดจะกล้ามาสวามิภักดิ์แผ่นดินหมิง ผู้ใดจะกล้าทำงานให้แผ่นดินหมิง หรือว่าจุดจบคนผู้นี้ไม่ทำให้ผู้คนระแวงหรือ?”
หวังทงกล่าวจบ หยางซือเฉินคิดครู่หนึ่งก่อนจะบันทึกเสร็จ แก้ไขคำพูดไป ก็กล่าวเบาๆ ว่า
“ท่านโหวรอสักครู่ อีกสักครู่จะได้ร่างรายงาน ให้ท่านโหวได้พิจารณา”
“ฎีกานี้ให้คนที่สนิทกับเราเป็นคนยื่น เราไม่ต้องออกหน้าเอง แต่ให้คนทางนั้นได้รู้ว่าเริ่มมาจากเรา”
“ท่านโหววางใจ ตอนนี้ขุนนางบัณฑิตมีหลายคนมาขอสวามิภักดิ์แล้ว”
หยางซือเฉินตอบ หวังทงกองเอกสารไว้ จากนั้นล้มพิงพนักเก้าอี้ แปลกมา ในใจรู้สึกหนักอึ้ง กล่าวอีกว่า
“หนีคานไว่หลันเรื่องนี้เหมือนเรื่องเล็ก ที่จริงแล้วกลับเป็นการสร้างชื่อให้นู่เอ่อร์ฮาชื่อในเจี้ยนโจว เผ่าอื่นเห็นแล้วว่าเขาสามารถทำให้แผ่นดินหมิงก้มหัวให้ได้ ย่อมรู้สึกว่าเขาผู้นี้แข็งแกร่ง นู่เอ่อร์ฮาชื่อเรืองอำนาจขึ้นมา ตามวิสัยเมืองเหลียวโจววันหน้าย่อมหาทางคบค้า นี่ย่อมเป็นการส่งเสริมให้เขาเติบโตใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ก็เท่ากับว่าเป็นแผ่นดินหมิงประคองเขาขึ้นมา”
“ท่านโหวไม่ต้องกังวล คนเช่นนี้ก็แค่ตัวตลกเท่านั้น บี้ก็ตาย”
หยางซือเฉินยิ้มกล่าว หวังทงนั่งส่ายหน้ากล่าวว่า
“ข้าปราบเผ่าอันต๋า ตอนนี้เมืองกุยฮว่าเฉิงออกกวาดล้างทั่วทุ่งหญ้านอกด่าน แต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้านอกด่าน อ่อนกำลัง กำลังชายแดนมีไว้ก็ไม่จำเป็นแล้ว ไม่มีศัตรูนอกด่าน เช่นนั้นโรงอาวุธที่สร้างมา อำนาจวาสนาที่สร้างมาจะรักษาไว้ได้อย่างไร ย่อมต้องหาวิธี ตอนนี้มองโกลอ่อนกำลัง หากเผ่าหนี่ว์เจินนอกด่านเป็นศัตรู ก็ย่อมเป็นแผนดี”
“ท่านโหว พวกเขากล้าหรือ?”
“ข้าแค่คาดเดา ทว่าเพื่ออำนาจวาสนา พวกเขามีอันใดไม่กล้า!?”
หวังทงกล่าวอย่างเสียไม่ได้