องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 928 กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงลุ่มหลงผลประโยชน์
กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงใช่ว่าจะใจกล้าเช่นนี้กัน คนพวกนี้สองปีก่อนก็แค่พ่อค้าทำการค้าระหว่างแผ่นดินหมิงกับบนทุ่งหญ้าที่สงบเสงี่ยมดีอยู่
แต่พออยู่เมืองกุยฮว่าเฉิงนานเข้า ไม่อยากเลี้ยงดูผู้คุ้มกันก็ต้องเลี้ยงดู พบว่าตนเองเริ่มเข้มแข็งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ชนเผ่ามองโกลเดิมบนทุ่งหญ้าก็เป็นทหารม้ามองโกลไปมาอิสระ ในสายตาพ่อค้าเหมือนว่าเป็นสัตว์ป่าร้ายกาจที่แสนน่ากลัว แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็พบว่าพวกเขาไม่มีค่าแก่การเอ่ยถึงอีก
ธนูยิงได้ไม่ไกลเท่าปืนไฟ การบุกของทหารม้าก็ไม่อาจทำลายค่ายรถศึกที่ล้อมอยู่ได้ ผู้คุ้มกันขบวนการค้าจึงได้ออกปล้นได้ตามอำเภอใจ
เดิมทุ่งหญ้าที่แสนอันตรายอยู่ๆ กลายเป็นพื้นที่ที่อยากทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้แต่ละคนตื่นเต้นยินดีมาก แต่ละคนมองเรื่องราวและการดำรงชีวิตบนทุ่งหญ้าเปลี่ยนไป
กำลังของตนและร้านตนเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้นมา ดังนั้นผลที่ตามมาไม่เพียงแต่ไม่เสียเปรียบบนทุ่งหญ้า แต่ยังสามารถไปปล้นคนอื่นได้ด้วย ระเบียบเมืองกุยฮว่าเฉิงให้พ่อค้าพวกนี้ร่วมมือกัน ยังมีกำลังทางการให้การสนับสนุนเบื้องหลัง
พ่อค้าใหญ่ก็มีผู้คุ้มกันเกือบพัน สามารถรวบรวมกำลังจากเผ่ารอบเมืองมาได้อีกราว 2-3 พัน พ่อค้าเล็กก็มีกำลังราว 100 สามารถรวบรวมกำลังเผ่ารอบเมืองมาได้อีกหลายร้อย หากร่วมมือกัน ถึงกับสามารถมีผู้คุ้มกันเกือบหมื่น และกำลังจากเผ่ารอบเมืองอีกนับหมื่น นี่เป็นแค่กำลังรบส่วนตัวของพวกเขา
หากรวมกำลังทหารคุ้มกันเมืองกุยฮว่าเฉิงกับรอบๆ ด้วย ทั้งหมดรวมกันก็ราวสี่หมื่น ในนี้เป็นทหารม้าเสียส่วนมาก ที่เหลือเป็นหน่วยปืนกับรถใหญ่
กำลังเช่นนี้บนทุ่งหญ้าทำอะไรได้น่ะหรือ เผ่าอันต๋าแค่ทหารม้าห้าหมื่นเท่านั้น กำลังเช่นนี้เพียงพอเหิมเกริมบนทุ่งหญ้าได้แล้ว
กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงรวมตัวกันด้วยร้านสามธารา แต่ที่คึกคักสุดเห็นจะเป็นพวกพ่อค้าใหญ่ชาวฮั่นที่อยู่เผ่าอันต๋าเดิมกับพ่อค้าฮั่นจากซานซีและส่านซีที่เดินทางมาค้าขายบนทุ่งหญ้า ดังนั้นนอกจากองค์กรกึ่งทางการเช่นร้านสามธาราแล้ว ทั้งสองกลุ่มข้างต้นจึงชินกับการไร้กฎหมายบนทุ่งหญ้า ชินกับการใช้กำลังข่มผู้อ่อนแอกว่า ในเมื่อตอนนี้เข้มแข็งแล้ว ก็ย่อมออกไปปล้นชิง ไปแสดงอำนาจ เพื่อแสวงหาความร่ำรวยให้ตนเพิ่มมากขึ้น
รับมือกับเผ่าเล็กได้ รับมือกองโจรม้าได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะรับมือพวกทหารม้านอกด่านได้ เริ่มแรกทุกคนยังใจเต้นโครมคราม แต่พอหลังจากรบกับฉาฮาเอ่อร์มาหลายครั้ง กลุ่มพ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิงก็พบว่า ที่แท้หากผู้คุ้มกันตนรวมตัวกัน ก็เป็นกองกำลังที่สมบูรณ์กองหนึ่ง ไม่มีช่องโหว่ เรียกได้ว่าเป็นกองกำลังทหารเลยทีเดียว
ปืนไฟกับรถใหญ่ของทหารที่กล้าแกร่งเป็นระบบ ศูนย์กลางผู้คุ้มกันก็คือทหารปลดประจำการจากกองกำลังหู่เวยและเมืองจี้โจว คนพวกนี้ล้วนคุ้นเคยกันดี สถานะระดับแยกชัดเจน ยามรวมตัวกัน ก็จะกลายเป็นระเบียบแบบกองทัพทันที ประสานงานกันย่อมไร้ปัญหา
ขอเพียงจะรวมกำลังกัน ก็ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่ไม่เข้มแข็งนักตอนนั้นที่หวังทงนำทัพใหญ่ เรียกได้ว่าสามารถออกผจญชนเผ่าทุ่งหญ้าพวกนั้นได้อย่างง่ายดายแล้ว
รับมือพวกทหารม้านอกด่านเดิมไม่มั่นใจ แต่หลังรบกับฉาฮาเอ่อร์ก็พบว่า รบได้ และขอเพียงกำลังเมืองกุยฮว่าเฉิงมีมากพอ ถึงกับได้เปรียบอีกด้วย
ตั้งแต่ขบวนการค้าชาวฮั่นเมืองกุยฮว่าเฉิงมีผู้คุ้มกัน ผ่านการต่อสู้ใหญ่น้อยมา ทำให้กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงนับวันยิ่งมั่นใจ ทำให้พวกเขาคิดการณ์ยิ่งสูง นับวันยิ่งขยายอิทธิพล
พื้นที่ลุ่มน้ำทางตะวันตกของเมืองกุยฮว่าเฉิง เริ่มบีบเผ่ามองโกลหนักขึ้นเรื่อยๆ แม่น้ำฮวงโหภัยนับร้อย มีแต่ที่ราบลุ่มนี้เท่านั้นที่ดี พื้นที่กว้างใหญ่ทางตะวันตกเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นพื้นที่นาอุดมที่สามารถเพาะปลูกที่หาได้อย่างในแถบตะวันตกเฉียงเหนือนี้ ไม่เพียงแต่พ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิงต้องการ ขุนพลต้าถงเมืองชายแดนทางตะวันตกก็ต้องการ ตระกูลใหญ่ส่านซีและซานซีก็ต้องการ ถึงกับแม้แต่อ๋องครองบรรดาศักดิ์ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็คิดจะมาครอบครองเช่นกัน
เขตพื้นที่ครอบครองหลักของเผ่าอันต๋าบนทุ่งหญ้าก็คือพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองกุยฮว่าเฉิงที่กว้างใหญ่ เผ่าอันต๋าถูกทำลายลง ก็ย่อมเป็นเวลาแห่งการว่างอำนาจปกครอง เผ่าเล็กที่เหลือก็ถูกกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง และพ่อค้าซานซีและส่านซีกำจัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาตามมา ก็คือที่กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงแบ่งไปได้ก็คือกำไรจากการค้า
ตระกูลใหญ่ซานซีและส่านซีมีกำลังคน คุ้นเคยบนทุ่งหญ้าเช่นกัน พื้นที่ลุ่มน้ำจัดสรรกัน เริ่มเพาะปลูก ไม่เหลือให้ผู้ใดอีก กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่อาจไปแย่งชิงได้ ทุกคนทำการค้าในเมืองกุยฮว่าเฉิง ซึ่งก็เป็นเขตพื้นที่แผ่นดินหมิง และยังเป็นพ่อค้าจากซานซีและส่านซี นอกจากร้านค้าทรงอิทธิพลอำนาจส่งมาแล้ว คนอื่นก็ไม่ได้ปักหลักทำการค้าได้มั่นคงนัก ย่อมต้องคิดแย่งชิง
ยังคงวาจาเดิม คนหากเรืองอำนาจวาสนา ย่อมไม่ยอมเสี่ยงภัยออกหน้าแย่งชิง พวกที่ทำการค้าต่อในเมืองกุยฮว่าเฉิงตอนนี้เดิมใช่ว่าทุกคนเป็นพวกเรืองอำนาจวาสนาในแผ่นดินหมิง
ได้เห็นผลประโยชน์ใหญ่ทางตะวันตกถูกพวกอิทธิพลหลายฝ่ายแบ่งสรรกัน ตนเองนอกจากร้านสามธาราแล้ว ที่เหลือก็ไม่ได้กันสักเท่าไร ทุกคนย่อมไม่ยินยอม แต่ก็ไม่มีวิธีไปแย่งชิงได้ ครอบครัวตนยังมีอยู่ที่ซานซีและส่านซี ยังต้องระวังเรื่องนี้ ไม่กล้าใช้กำลัง
ทุกคนไม่ได้ส่วนแบ่งทางตะวันตกก็จับจ้องมาทางตะวันออก ทางตะวันออกเมืองกุยฮว่าเฉิงแม้ว่ามีเผ่ามองโกลใหญ่เช่นเคอเอ่อร์ชิ่นและฉาฮาเอ่อร์ ยังมีพวกตั่วเหยียนอีก ตอนนั้นยอมสวามิภักดิ์เผ่าอันต๋า แต่นั่นก็แค่ภายนอก เผ่าใหญ่พวกนี้ล้วนเป็นตัวของตัวเอง ถึงกับยังมีปะทะกับเผ่าอันต๋าอยู่บ้างเหมือนกัน
ทางตะวันออกของทุ่งหญ้า เมืองเซวียนฝู่ เมืองจี้โจวกับเมืองเหลียวโจวสามเมืองชายแดนมีเรื่องกับพวกนี้ไม่มาก ที่รบกันจริงๆ ก็ครั้งที่หวังทงร่วมรบสองครั้งนั้น และครั้งล่าสุดที่ปะทะกับเมืองเหลียวโจว
เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวต้องการแค่สงบ เน้นป้องกันเป็นหลัก เมืองเหลียวโจวต้องเลี้ยงโจรเพื่อตน อาศัยพวกนอกด่านสร้างอำนาจวาสนาให้ตน หลายปีนี้จึงไม่ได้สร้างความชอบใหญ่
เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นครองพื้นที่ตัวหลุนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ละเผ่านอกด่านล้วนมีสายสัมพันธ์ เผ่าฉาฮาเอ่อร์แม้ว่าถูกเผ่าอันต๋ากับเผ่าอื่นกดขี่ แต่หลายปีนี้ก็เรียกได้ว่าสงบ ยังคงชื่อว่าเป็นลูกหลานเจงกีสข่าน แต่ความจริงนั้น อิทธิพลอำนาจสองเผ่าใหญ่ขยายอิทธิพลไม่หยุด
เพราะสองเผ่าใหญ่ขยายอิทธิพล และเพราะสามเมืองชายแดนแผ่นดินหมิงไม่ได้อ่อนแอ สองฝ่ายจึงยังคงรักษาสมดุลไว้ แต่ก็เคร่งเครียดไม่น้อย ดังนั้นการค้ามีแค่ด่านจางเจียโข่วเมืองเซวียนฝู่และช่องเขาสี่เฟิงเมืองจี้โจว และชานแดนเมืองเหลียวโจวนอกกำแพงเมืองเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก
เพราะร้านสามธารามา จึงทำให้การค้าแต่ละที่ขยายตัวขึ้น การค้าผงฟูกับสัตว์เลี้ยงรุ่งเรืองที่สุด แต่แม้เป็นเช่นนี้ พื้นที่นี้ พ่อค้าแผ่นดินหมิงก็ยังมีสายสัมพันธ์กับบนทุ่งหญ้าน้อยมาก และอิทธิพลอำนาจพื้นที่ถูกปราการธรรมชาติเช่นภูเขาเยี่ยนซานขวางกั้น ทำให้ไม่ได้มีสายสัมพันธ์กับพวกบนทุ่งหญ้ามากนัก
ก็หมายความว่า เมืองกุยฮว่าเฉิงทางตะวันออกไปจรดทุ่งหญ้ากว้างใหญ่นอกกำแพงเมืองเหลียวโจวมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และมีเงินมีทองของเผ่าใหญ่ แต่กลับไม่มีคนไปแย่งชิง
ตอนนี้ดูแล้ว มีใจอยากทำ และก็มีความสามารถกระทำ ก็คงมีแต่กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง พื้นที่เท่าไร วัวและแพะเท่าไร เงินทองเท่าไร ช่างดึงดูดใจเสียจริง
การปะทะกับเผ่าฉาฮาเอ่อร์แสดงให้เห็นเรื่องหนึ่งที่ว่า พวกเขาไม่ได้เก่งการรบ รบกันใช่ว่าจะเสียเปรียบ
************
จดหมายเมิ่งตั๋วไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก เพราะกลุ่มพ่อค้าย่อมไม่กล่าวอันใดกับเขามากนัก หากร้านสามธารามีรายงานละเอียดมากกว่า เพราะกลุ่มพ่อค้าเห็นร้านสามธาราเป็นพวกเดียวกัน เห็นหวังทงเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา
“…….ท่านโหวไม่จำเป็นต้องส่งทหารแม้สักคนเดียว พวกข้ายินยอมลงแรงตีเมืองกุยฮว่าเฉิงอีกเมืองให้ท่านโหว แต่ขอท่านโหวกราบทูลฝ่าบาท ส่งขุนนางมาป้องกันเหตุก็พอ…….”
วาจานี้เป็นหนิวเกินกังกล่าว ดูแลมีน้ำใจใหญ่ ความจริงนั้นได้บอกไว้ก่อนแล้ว หากกลุ่มพ่อค้าเสียเปรียบ อย่างไรราชสำนักก็ต้องออกหน้า กล่าวชัดๆ ก็คือต้องการให้หวังทงออกหน้า
“นี่เหมือนทะเลาะกับเด็ก เริ่มแรกก็มากวาจา จากนั้นพอเสียเปรียบก็จะให้ผู้ใหญ่ออกหน้า”
ในห้องหนังสือหวังทงไม่ค่อยได้ครึกครื้นเช่นนี้ จางซื่อเฉียง ซุนต้าไห่ กู่จื้อปินและคนอื่นๆ จากเทียนจินมากันครบ หวังทงเล่าถึงเรื่องในจดหมายไปก็ยิ้มไป
คนอื่นๆ พลอยยิ้มตาม กู่จื้อปินหลังจากมาอยู่กลุ่มหวังทง การค้าขยายอิทธิพลสิบเท่า หลายสิบเท่า และยังมีตำแหน่งนายกององธงใหญ่องครักษ์เสื้อแพร สถานะก็ยิ่งสูงขึ้น แต่เขาก็ยังเป็นเถ้าแก่ร้านสามธารา เดินทางติดต่อไปมาระหว่างเมืองกุยฮว่าเฉิง เมืองเซวียนฝู่และเทียนจิน ก็ลำบากอยู่มาก จอนผมสองข้างเริ่มขาวไม่ว่า หากผิวหน้ายังดำ ล้วนเป็นเพราะลำบากเดินทาง
“ท่านโหว พวกหนิวเกินกังน่าจะเริ่มเตรียมการตั้งแต่ปีที่แล้ว เมืองกุยฮว่าเฉิงเดือนสิบปีก่อนนั้นมีร้านค้าเปิดทำการ แต่ ร้านค้านี้ไม่ขายสินค้า เพียงแค่จัดหาผู้คุ้มกันให้พ่อค้าและร้านค้าที่มาเมืองกุยฮว่าเฉิงครั้งแรก ร้านค้าใหญ่บางร้านขนสินค้าก็ไปจ้างคนจากที่นี่ แต่ทว่าผู้คุ้มกันร้านค้านี่ใช่ว่าเยอะไปหรือไม่ ขุนนางบู๊ซานซีและส่านซี เมืองเซวียนฝู่ หรือแม้กระทั่งจากเหอหนานก็ถูกตามตัวมา คนที่มาซื้อปืนโรงช่างสามธารามากที่สุดก็คือพวกเขา หรือว่าเตรียมการเพื่อการนี้?”
หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“เรื่องนี้ ถานเจียงเคยมีจดหมายมา เขาไปรวบรวมกำลังจากโรงบ้านรอบเมืองกุยฮว่าเฉิง ว่าเพื่อป้องกันร้านค้า แต่ไม่เคยเคลื่อนไหวผิดปกติใด ยังได้เชิญพวกถานเจียงกับทหารปลดประจำการจากกองกำลังหู่เวยไปเป็นหัวหน้าฝึก ข้าเดิมคิดว่าพ่อค้าเหล่านั้นมีการค้าใหม่ เถ้าแก้กู่กล่าวมานี้ ที่แท้เตรียมเพื่อการนี้”
หวังทงนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า
“ร้านค้านี้ต้องมีคนของเรา จางซื่อเฉียงกับซุนต้าไห่ พวกเจ้ากลับไปเลือกคนจากกองกำลังหู่เวยกับผู้คุ้มกันร้านสามธารา จัดเข้าไป”
สองคนรีบลุกขึ้นรับคำ หน่วยรักษาความปลอดภัยเทียนจินตอนนี้เป็นกลุ่มผู้คุ้มกันร้านค้าแล้ว หยางซือเฉินถามขึ้น
“ท่านโหว พ่อค้าพวกนี้คิดยึดตัวหลุน หรือว่าต้องให้เมิ่งกงกงจับตาให้ดี?”
“ไม่จำเป็น ให้ร้านทงไห่กับร้านหย่งเซิ่งเข้าร่วม เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องออกแรงออกหน้า แต่ต้องร่วม ขณะเดียวกันตระกูลลี่ทางนั้นก็ไปแจ้งไว้ก่อน หากยึดตัวหลุนได้ เรากับตระกูลลี่ใกล้ ย่อมได้ส่วนแบ่ง!”