องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 930 หาเรื่อง
บรรดาขุนนางยื่นฎีกาเพื่อให้ลดอำนาจตน ฮ่องเต้ย่อมไม่มีไม่อนุญาต เรื่องน่ายินดีไยไม่กระทำเล่า?
ฎีกาผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงได้รับอนุมัติรวดเร็ว และฮ่องเต้ว่านลี่ยังให้เกียรติมาก แม้ว่าเมืองเหลียวโจวมีตำแหน่งรองแม่ทัพภาคมาแบ่งพื้นที่ แต่ไม่ได้ใช้คนนอก หากเป็นการใช้คนของหลี่เฉิงเหลียงอย่างซุนโส่วเหลียนมารับตำแหน่ง
คนนอกมองมาแล้ว หลี่เฉิงเหลียงทูลขอเอง ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงทำตาม สองฝ่ายไว้หน้ากันอย่างมาก ล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี
แน่นอนไม่มีผู้ใดรู้ว่า ตระกูลหลี่เคยคิดจัดการซุนโส่วเหลียน เรื่องนี้ล้มเหลวกลางทาง ย่อมไม่มีผู้ใดคิดว่าในเรื่องนี้มีประเด็นซ่อนอยู่
หลี่เฉิงเหลียงรู้ความเช่นนี้ ผู้แทนพระองค์ไปเมืองเหลียวโจวตรวจสอบแน่นอนย่อมตรวจไม่พบสิ่งใด อยู่ที่นั่นไม่กี่วัน เดินไปมาสองสามรอบก็กลับมา พอกลับมาก็รายงานว่าไม่พบอันใดผิดปกติ เมืองเหลียวโจวนับว่าจงรักภักดีในหน้าที่ยิ่ง
วันที่ 21 เดือนสาม ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 14 บุตรบุญธรรมผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียง หลี่ผิงหู่นำกำลังออกรบนอกเมือง เริ่มสั่งสอนเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว
รบรอบแรกได้ชัย ถือโอกาสอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว โจมตีพวกป่าเถื่อนทางตะวันออกต่อ ตัดหัวมาได้ 30 กว่า พวกป่าเถื่อนพ่ายแพ้กระเจิง พวกพ่อค้าชายแดนทางนี้ได้ยินข่าวมาว่า พวกที่ถูกตัดหัวทิ้งล้วนไม่ใช่เผ่าจากเจี้ยนโจว กลับเป็นพวกชาวบ้านจากเผ่าอื่นที่มาขอพึ่งพิง เรื่องนี้รู้กันไม่มากนัก
สำหรับกลุ่มพ่อค้าเทียนจิน ซุนโส่วเหลียนได้เป็นรองแม่ทัพภาค และยังประจำพื้นที่เหลียวตงที่ติดกับเกาหลี ข่าวนี้ส่งผลประทบหลายด้าน
อันดับแรก สินค้านอกด่านที่ขึ้นราคามาสามสี่ส่วนเริ่มราคาทรุดฮวบ ซุนโส่วเหลียนเท่ากับเป็นคนเทียนจิน ในเมื่อเขาอยู่เมืองเหลียวโจวเรืองอำนาจ เช่นนี้สินค้าย่อมไหลมาเทมา
มาพร้อมกับข่าวซุนโส่วเหลียนได้เลื่อนตำแหน่งก็คือ ตระกูลหลี่เมืองเหลียวโจวรับปาก วันหน้ากลุ่มพ่อค้าเทียนจินจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับกลุ่มพ่อค้าเมืองเหลียวโจว ข่าวนี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพ่อค้าเทียนจินจะขยายการค้าไปยังเมืองเหลียวโจวได้อย่างสบาย ไม่เหมือนกับช่วงก่อนหน้าที่เหมือนมีคนขวางไว้ตลอดเวลา
สินค้านอกด่านราคาทรุดฮวบ ร้านค้าเมืองเหลียวโจวพากันขาดทุน พวกเขากักตุนมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะขาดทุนในชั่วพริบตาเดียวเช่นนี้ได้
สินค้านอกด่านราคาทรุดฮวบ มีแต่ไม้ใหญ่ที่ราคาไม่ลง กลับเอาแต่ขึ้น เมืองเหลียวโจวขนไม้ใหญ่มาทางน้ำได้เร็ว ใช้ต่อเรือ ล้วนเป็นไม้ดีอันดับหนึ่ง หลังเส้นทางการค้าถูกขัดขวาง ราคาไม้ใหญ่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่โกดังมีไม้ใหญ่เก็บไว้ไม่น้อย เพื่อขายราคาสูง จึงได้กักตุนไว้
ว่ากันว่าครั้งนี้เปิดทาง ทางน้ำจะมีไม้ใหญ่จำนวนมาขนมา ราคาน่าจะลง แต่ความจริงนั้น พอเปิดทาง โรงต่อเรือราษฎร์หลวงล้วนเริ่มเลือกซื้อหาไม้ และยังซื้อจำนวนมาก
เมืองเหลียวโจวตอนนี้เปิดทางให้กลุ่มพ่อค้าเทียนจิน ก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสทางการค้า การค้ายิ่งมาก ก็ต้องควรมีการรับรองการขนส่งที่ดีพอไว้รับมือ ทุกคนล้วนต้องการเรือ ต้องเรือยิ่งมาก ความต้องการสูง ราคาแน่นอนก็ย่อมสูงตาม
***********
โรงช่างกับโรงต่อเรือเทียนจินเทียนจินอยู่ๆ ก็งานยุ่ง ใบสั่งซื้อกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงก็มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เทียนจินผลิตปืนและชุดเกราะคุณภาพดีจริงๆ แต่ราคาก็ไม่ต่ำ กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงแม้ว่าทำการค้าบนทุ่งหญ้าร่ำรวย แต่ตอนมาซื้อเกราะและอาวุธก็ต้องคำนวณให้ดี แต่ตอนนี้กลับซื้ออย่างไม่คิดอันใดมาก
ซื้อปืนและชุดเกราะ คนสำนักองครักษ์เสื้อแพรกับสำนักบูรพาต้องตรวจสอบ คนซื้อต้องมีคนรับประกัน เพื่อป้องกันเกิดเหตุกบฏ แต่ทว่าครั้งนี้คนมาซื้อล้วนมาจากเมืองกุยฮว่าเฉิง เป็นพ่อค้าใหญ่ที่ซานซี หลักฐานครบ การรับประกันผู้ซื้อนี้ ไม่ใช่ชนชั้นสูง ก็เป็นคหบดีใหญ่ หรือไม่ก็ตระกูลสูงในพื้นที่
ตระกูลใหญ่ในพื้นที่พวกนี้มักเป็นพวกระดับเสนาบดีที่อำลาตำแหน่งกลับบ้านเกิด ย่อมมีหน้ามีตาเป็นตระกูลสูงในพื้นที่
เห็นได้ว่า นอกจากโรงอาวุธกับชุดเกราะที่งานยุ่งแล้ว โรงต่อรถใหญ่ก็งานยุ่งเช่นกัน รถใหญ่ต้องการไม้จำนวนมาก ย่อมทำให้ราคาไม้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
พวกที่มาซื้อยังเสนอเงื่อนไขว่า ช่างต้องส่งไปยังเมืองกุยฮว่าเฉิง จะจ่ายเงินให้มากอีกหน่อยได้ หากไม่ได้ ก็ขอให้ไปส่งมอบที่จางเจียโข่วเมืองเซวียนฝู่
หวังทงได้ข่าวมาในขณะเดียวกันว่า เสบียงเมืองเซวียนฝู่ราคาขึ้นแล้ว เพราะมีร้านค้าไปรับซื้อขนานใหญ่ที่นั่น สะสมในโกดังใกล้ปากทางด่าน ราวกับว่าคิดการณ์ไกลอันใด
ในเรื่องนี้ เทียนจิน หรือเรียกได้ว่าทั้งเขตปกครองเหนือ เริ่มมีคนมากมายถูกตามตัวมา ว่าเป็นผู้คุ้มกันขบวนการค้า ให้ค่าจ้างไม่น้อย และยังรับปากให้ผลประโยชน์อีกมากมาย
เมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจว รวมทั้งกองกำลังมี่อวิ๋นที่ตอนเหนือของเมืองหลวงมีเรื่องทหารออกมารับงาน และยังเป็นทหารชราเป็นหลัก คนพวกนี้เพราะรับงานอยู่แล้ว ถูกค่าตอบแทนล่อใจหนัก ถูกความอิสระบนทุ่งหญ้าล่อลวง ไม่ใช่ถูกวาจาโกหกหลอกมา
ทหารชายแดนแต่ละแห่งล้วนมีหลายคนมาเป็นผู้คุ้มกันพ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิง กินดีอยู่ดี สุราพร้อม ปล้นชิงตามสบาย เรื่องดีๆ เช่นนี้สำหรับพวกทหารชายแดนที่ไม่กลัวการเข่นฆ่าแล้วก็ย่อมเป็นสิ่งล่อใจมาก
ผู้คุ้มกันร้านสามธาราเทียนจินก็มีคนจำนวนมากทนสิ่งล่อใจไม่ไหวไปรับงาน และยังมีทหารชราจากกองกำลังหู่เวยกลุ่มหนึ่ง หรือแม้แต่องครักษ์เสื้อแพรเมืองหลวงก็มีคนไม่น้อยมาร่วม แน่นอนเรื่องนี้หวังทงคิดไว้ก่อนแล้ว ในเรื่องนี้ได้วางรากฐานตนให้แน่นหนาแล้ว
ความจริงนั้นอำนาจอิทธิพลใหญ่มากเช่นนี้ ได้ทำให้สำนักบูรพา องครักษ์เสื้อแพร ศาลซุ่นเทียน หรือแม้แต่กรมอาญาก็มีข่าวมา แต่เรื่องเกี่ยวกับเมืองกุยฮว่าเฉิง ก็ย่อมเกี่ยวข้องกับหวังทง ตอนนี้เมืองกุยฮว่าเฉิงยังอยู่ในความดูแลของสำนักอาชาหลวง จึงเกี่ยวข้องกับในวังด้วย เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทุกคนล้วนรู้ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าเอ่ยถึง
เป็นฮ่องเต้ว่านลี่ที่ตรงแอบตรัสกับหวังทงหลังประชุมราชสำนัก หวังทงตอบง่ายมากว่า
“พ่อค้าพวกนี้กล้าหาญไปแล้ว คิดจะลงมือกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น กระหม่อมวิเคราะห์แล้วเห็นว่า น่าจะมีชัยชนะได้ถึงหกส่วน กระหม่อมคิดว่า ให้ร้านค้าพวกนี้ไปลงมือกับพวกนอกด่าน ไม่ต้องเสียงบแผ่นดิน ไม่ต้องให้ทหารฝ่าบาทต้องสูญเสีย ไยไม่กระทำเล่าพะยะค่ะ?”
ส่วนเรื่องหากเกิดแพ้ขึ้นมานั้น หวังทงตอบตรงๆ ว่า
“แพ้ก็แพ้ ถ้าแพ้ไม่มาก ก็ไม่เป็นไร หากแพ้มาก พวกเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นย่อมคิดเหิมเกริม ถึงตอนนั้น ฝ่าบาทก็อาศัยโอกาสนี้กวาดล้างเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นทิ้งเสียเลย”
“……พ่อค้าพวกนี้เหมือนว่านับวันยิ่งอยากเขมือบก้อนโตราวกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ แย่งชิงบนทุ่งหญ้ายิ่งมาก บนทุ่งหญ้าไม่มีให้แย่งแล้ว ไม่ว่าอย่างไรทุ่งหญ้าก็ไม่เหมือนในแผ่นดิน เกิดว่าพวกเขา?”
ตั้งแต่ตั้งแผ่นดินหมิงมา ชาวบ้านเคยเข้มแข็งเช่นนี้ที่ไหนกัน ใจกล้าเช่นนี้ที่ไหนกัน ฮ่องเต้ว่านลี่แน่นอนย่อมต้องกังวล หวังทงอธิบายว่า
“ฝ่าบาทไม่ต้องทรงเป็นห่วง ร้านค้าผู้คุ้มกันใหญ่สุดก็แค่พัน เล็กก็ราวร้อย พวกเขามีกลุ่มอิทธิพลอำนาจต่างกัน หากกลับไปอยู่กับนายตน ก็ย่อมขัดแย้งกันอยู่มาก ล้วนเป็นดังกลุ่มนกกา บนทุ่งหญ้าอาจรวมกัน หากกลับมาแผ่นดินหมิง พวกเขาย่อมขัดแย้งกันเอง ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงในราชสำนัก”
“กลุ่มนกกา เหตุใดสามารถต่อกรกับพวกนอกด่านได้?”
“ฝ่าบาท พวกทหารม้านอกด่านเทียบขบวนการค้าติดอาวุธแล้ว เรียกได้ว่ากลุ่มนกกาพะยะค่ะ”
หวังทงตอบอย่างมั่นใจ เขาทำการใดไม่เคยล้มเหลวฮ่องเต้ว่านลี่จึงผ่อนคลายความสงสัยลง แต่ทว่าแม้กล่าวเช่นนี้แต่ก็แอบคิดไปอีกว่า หากเกิดเหตุจริง หวังทงต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
สำหรับเรื่องที่เกิดแล้ว หรือเรื่องที่จะเกิด หวังทงแน่นอนย่อมมั่นใจมาก ค่ายรถใหญ่และปืน แต่ละอย่างปรากฏ ในยุคนี้ก็ย่อมเปลี่ยนไป คนมากมาย แม้ว่าคนอยู่ในวงสังคมนี้ก็อาจไม่ทันได้สังเกต หากหวังทงมองเห็นและรู้สึกได้
การต่อสู้บนทุ่งหญ้าที่จะเกิดย่อมเป็นการต่อสู้ของปืนกับอาวุธธรรมดา เป็นการเทียบกำลังกันระหว่างงานช่างและการค้าเข้มแข็งในแผ่นดินกับกิจการเลี้ยงสัตว์เร่รอนของทุ่งหญ้าเมืองกุยฮว่าเฉิงที่ยังล้าหลัง อาจเพราะเมืองกุยฮว่าเฉิงคนน้อย หรืออาจเพราะเมืองกุยฮว่าเฉิงประสบการสู้รบน้อย แต่ความสามารถต่อสู้นี้ไม่ใช่เทียบจากระดับอารยธรรมที่เท่าเทียมกัน หวังทงมั่นใจมาก
*************
เมืองกุยฮว่าเฉิงพยายามเตรียมการให้พร้อมที่สุด ความจริงนั้นพวกเขาเองก็เตรียมการตามระเบียบ เพราะผู้คุ้มกัน ร้านสามธาราเข้าร่วมด้วยมาก ผู้คุ้มกันพวกนี้ความจริงนั้นก็เป็นคนในกองทัพปกติมาก่อน อยู่ในระเบียบวินัยมา ผู้คุ้มกันที่เข้าร่วมครั้งนี้จากแต่ละตระกูลล้วนเริ่มมาร่วมฝึกซ้อมมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน แต่ละตระกูลมีส่งขบวนการค้าตนไปทางตะวันออก สินค้าขบวนการค้าไม่ได้มากมายอันใด แต่ผู้คุ้มกันกลับมากกว่าปกติหลายเท่า บอกว่าเป็นขบวนการค้า ไม่สู้บอกว่าเป็นทัพหน้าลองเชิงดีกว่า ภาระกองกำลังนี้ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการเตรียมการก่อนลงมือ พยายามดูลาดเลาเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นกับเผ่าอื่นๆ ให้ดีที่สุด และก็ดูตำแหน่งตั้งทัพ
แต่ก่อนหน้าทัพหน้าลองเชิงนี้ การปะทะเล็กๆ ก็มีเริ่มบ้างแล้ว ชนเผ่าที่เป็นพวกกับเมืองกุยฮว่าเฉิง ข่าวเร็วกว่าที่อื่นบนทุ่งหญ้ามาก พวกเขาอาศัยจังหวะน้ำขุ่นจับปลา เริ่มอพยพไปทางตะวันออก เริ่มปล้นชิงเผ่ามองโกลต่างๆ ทางตะวันออก
เพราะชัยชนะใหญบนทุ่งหญ้าหลายครั้ง อิทธิพลอำนาจบนทุ่งหญ้าจึงหดตัวลงอย่างมาก ปฏิกิริยากับการวิเคราะห์แผ่นดินหมิงก็ย่อมไม่แม่นยำและไม่ทันสมัย
เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นกับเผ่าคาราชิ่นเริ่มแรกยังไม่ให้ความสำคัญ ในสายตาพวกเขาแล้ว ก็แค่พวกสุนัขเถื่อนใจกล้าเหิมเกริมมาขโมยกินเท่านั้น
เดือนหก ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 14 โจรม้าเผ่าเล็ก 200 กว่าบนทุ่งหญ้า ชนเผ่านี้ต่างจากเผ่าอื่น วัวและแพะมีมาก แน่นอนกลายเป็นก้อนเนื้ออวบในสายตาผู้คน
แต่นี่เป็นกับดัก โจรม้า 200 กว่าถูกทหารม้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นที่ส่งมาล้อมไว้ หนีออกมาได้สิบกว่าคน โจรม้าถูกฆ่าตายหมดและทิ้งไว้ให้สัตว์ป่ากัดแทะศพ เพื่อเป็นการสำแดงบารมี วันที่สาม ก็มีขบวนการค้าหนึ่งผ่านมา สวมเสื้อผ้าให้ศพเหล่านี้ เสื้อผ้าขบวนการค้าชาวฮั่น
เดือนเจ็ด ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 14 บรรดาพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงประชุมใหญ่ กล่าวถึงความป่าเถื่อนของพวกนั้นที่สังหารชิงทรัพย์ ปล้นร้านค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง แค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า