องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 933 เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์
ทุ่มจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจัดหาอาวุธ รวมกำลังคน ยังจัดการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตบนทุ่งหญ้า ถึงกับยังส่งคนไปเมืองหลวงจัดแสดงงิ้ว ทั้งหมดเพื่ออะไร หากไม่ใช่เพื่อเงินทองบนทุ่งหญ้า
เหมืองทองบริเวณหม่านเท่าเอ๋อร์ถูกขบวนการค้าพบ จึงได้กลายเป็นเป้าหมายของทุกคนมาแต่บัดนั้น แต่ทว่าหม่านเท่าเอ๋อร์มีทหารม้าสี่พันกว่าที่พร้อมออกรบ ขบวนการค้าขนาดไม่ใหญ่นักจะกล้าคิดเรื่องชั่วร้ายได้อย่างไร ถึงกับไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำไป แต่ทว่าไม่รู้ตั้งใจหรือไม่ ตำแหน่งนี้กลับจดจำได้แม่นยำ
หลังพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงประชุมใหญ่ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงก็เริ่มเห็นว่าควรมุ่งไปทางตะวันออก ในที่สุดก็เริ่มเข้าใกล้เหมืองทอง
หม่านเท่าเอ๋อร์อยู่ริมน้ำ และลงไปทางใต้ก็เป็นแถบกู่เป่ยโข่ว นับเป็นพื้นที่การเดินทางสำคัญบนทุ่งหญ้า ชาวฮั่นกับชาวมองโกลรวมตัวกันทำการค้ารุ่งเรือง
การค้ารุ่งเรืองเช่นนี้ และยังใกล้แม่น้ำ จึงล้วนเป็นพื้นที่ของกองกำลังชาวมองโกลที่เข้มแข็ง เพราะการคมนาคมสะดวก ผลิตผลที่ได้ก็ค่อนข้างดี เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นจึงส่งคนมาเก็บภาษีที่นี่
ปลายเดือนแปด กองกำลังติดอาวุธสองกองของขบวนการค้ามีกำลังรวมพันห้าร้อยนายก็เข้าใกล้หม่านเท่าเอ๋อร์ ในเมื่อใช้ชื่อขบวนการค้า ก็ย่อมมาเพื่อทำการค้า
หากผู้ใดล้วนไม่เชื่อเหตุผลนี้ กลิ่นคาวเลือดเริ่มคละคลุ้งทั่วทุ่งหญ้า ชาวมองโกลล้วนรู้ว่าพวกนี้เป็นขบวนการค้าแผ่นดินหมิงที่ใบหน้ายิ้มแย้มแต่แอบซ่อนมีดดาบไว้ด้านหลัง ทางหม่านเท่าเอ๋อร์ถึงกับเริ่มเข้าสังหาร ชาวมองโกลเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเริ่มขับไล่ชาวฮั่น แย่งชิงทรัพย์สินพวกเขา
ชาวฮั่นแผ่นดินหมิงรักษากฎหมาย แต่บนบนทุ่งหญ้า ไม่มีที่ใดมีกฎหมาย ผู้ใดจะยืนนิ่งรอความตาย เคยผ่านการต่อสู้ เคยผ่านการสังหาร แต่ทว่าชาวมองโกลมีกำลังมากไม่น้อย ชาวฮั่นเสียเปรียบ ภรรยาและบุตรสาวถูกลบหลู่ ทรัพย์สินถูกปล้นไป
สถานที่เช่นนี้ ชาวมองโกลไม่มีความสามารถในการทำการค้า และยังชินกับการขี่ม้าและนิยมสุราแรง ไม่อยากลำบากใช้แรงงาน พวกเขามักจะเห็นแต่ว่าชาวฮั่นค่อยๆ ร่ำรวย ในใจก็ล้วนสะสมความแค้นไว้ ครั้งนี้ถือโอกาสระเบิดออกมา สังหารปล้นชิงสะใจ
ชาวฮั่นที่หนีออกมาได้แน่นอนย่อมหนีไปยังขบวนการค้า พอเห็นว่าสถานการณ์พัฒนาไปเช่นนี้ ขบวนการค้าจึงเปิดฉากเปิดเผย คิดปักธงประจัญบานแก้แค้นแทนเพื่อนร่วมชาติ
หม่านเท่าเอ๋อร์มีทหารม้าสองพันที่สังหารคนได้ ถึงกับแม้แต่สตรีก็ยังถือธนูจับดาบ กำลังคนที่รวบรวมมาเหล่านี้เป็นดังพวกนกกาโดยแท้
ขบวนการค้าติดอาวุธมีรายชื่อในเมืองกุยฮว่าเฉิง ดูแลโดยทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวย พลทหารต้าถงก็เป็นเสาหลักของผู้คุ้มกันขบวนการค้า ความจริงนั้นขบวนการค้าติดอาวุธสองกองนี้เป็นการรวมตัวของผู้คุ้มกันจากหกร้านค้าด้วยกัน อาวุธเรียกได้ว่าพร้อม และคนพันห้านี้แม้กล่าวว่าเป็นเพียงขบวนการค้าผู้คุ้มกัน แต่นับพวกชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่เป็นทหารม้าที่ตามมาด้วยนั้น จำนวนรวมก็เกินสองพันแล้ว ไม่ต้องพูดถึง หลังรวบรวมกำลังออกเดินทางออกจากเมืองเซวียนฝู่ ยังมีทหารม้าเมืองเซวียนฝู่อีกหนึ่งกองร้อย อย่าได้เห็นว่าเป็นเพียงทหารม้า 100 กว่านาย เพราะทหารม้ากองนี้ไม่ใช่เป็นทหารหลี่หรูซง ก็เป็นของตระกูลลี่ หรือไม่ก็ตระกูลหม่า ล้วนเป็นทหารในสังกัดตระกูลที่แข็งแกร่ง
เพราะตระกูลขุนพลเหล่านี้เห็นกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธร่ำรวยมากไป ก็คิดอิจฉาตาร้อน ส่งทหารตนเองติดตามมาด้วย แย่งชิงมาได้ก็เป็นส่วนของตน
ความจริงนั้นที่เรียกว่ากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ แท้จริงเบื้องหลังก็เป็นเจ้าของร้านและเถ้าแก่ร้านค้าต่างๆ ล้วนมีเงาของขุนพลเมืองชายแดนทาบทับอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้เพียงแค่เข้าร่วมกันลงมือเท่านั้น
การต่อสู้ที่หม่านเท่าเอ๋อร์ ก็มีขั้นตอนง่ายมาก รถใหญ่ปลดม้าออก ให้คนผลักไปด้านหน้า ทหารปืนไฟใช้เป็นกำบัง โจมตี ทหารม้าบุกใกล้ก็สังหารทิ้งด้วยดาบและทวนยาว
พวกนกกาที่หม่านเท่าเอ๋อร์ไม่อาจต้านทานได้นาน เริ่มแรกปะทะกันก็หน้าดำเคร่งเครียด จากนั้นกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธก็ค่อยๆ บีบเข้าไปจนแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว
ทหารม้าหากแตกกระจัดกระจายไปก็ค่อยรวมตัวกลับเข้ามาใหม่ การรวมตัวกันก็ง่ายกว่าทหารราบมาก แต่การแตกกระเจิงของศึกนี้เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติเด็ดขาด เพราะชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงกับทหารเมืองชายแดนติดอาวุธล้วนเป็นทหารม้า ย่อมฉวยโอกาสไล่ล่า แตกกระเจิงครั้งเดียวก็เท่ากับแตกกระเจิงหมดสิ้น
สังหารตัดหัวทิ้งไปหลายร้อย ส่วนใหญ่ที่หนีออกไปได้ก็รีบหนีทันที คนที่เหลือก็ต้องถูกสังหาร กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธรู้ดีว่าเหมืองทองไม่ไกลจากหม่านเท่าเอ๋อร์นี้แล้ว แต่ไม่ได้บุกโจมตีทันที หากเริ่มตั้งค่ายพักก่อน
หม่านเท่าเอ๋อร์มีเสบียงของตนเองสั่งสมอยู่ แต่ทว่าไม่พอกับการใช้จากนี้ไป ต้องการขนเสบียงด้วยรถใหญ่มาจากกองกำลังหลงเหมินและกองกำลังมี่อวิ๋นมาเพิ่ม ขบวนการค้าติดอาวุธครั้งนี้เป็นกองหน้า เพื่อเปิดทางตั้งฐานทัพหน้าให้กองกำลังด้านหลัง
บนทุ่งหญ้ามีเหตุรบกับเผ่าเล็กเหล่านี้มาโดยตลอด ไม่สนใจว่ามีคนเท่าไร บุกเข้าไปสังหารทิ้งให้สิ้นซากก็พอ แต่เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์กลับมีทหารถึงหลายพันนาย มีการสร้างป้อมป้องกัน หากนับรวมคนงานเหมืองกับชนเผ่ารอบๆ ก็น่าจะเป็นเมืองเล็กๆ เลยทีเดียว หากจะลงมือโจมตี ย่อมไม่ใช่ศึกที่ชนะโดยง่าย
พวกพ่อค้าแน่นอนว่าไม่รู้เรื่องพวกนี้ ได้ยินเรื่องเหมืองทองแล้ว ก็มีกลุ่มพ่อค้าใหญ่พากันลิงโลดเฮโลกันจะไปบุก ใช้กำลังคนที่มากกว่าปราบทางนั้นให้ราบเพื่อยึดเหมืองทองนี้
ดีที่คนที่ร่วมขบวนการส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้คุ้มกันร้านสามธาราจัดมา พูดให้ชัดก็คือ เป็นพี่น้องตระกูลถานส่งมา ตั้งแต่รู้เรื่องการจัดระบบในเหมืองทอง ถานเจียงก็เริ่มวางแผน
เหมืองทองเป็นตัวแทนแห่งความร่ำรวยใหญ่ ไม่เพียงพ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิง แม้แต่พ่อค้าใหญ่เทียนจินก็คิดเช่นกัน ล้วนตั้งความหวังจะมาโจมตี
แต่จะบุกอย่างไร จะรบอย่างไร อำนาจบัญชาการอยู่ในมือถานเจียง พ่อค้าใหญ่เป็นหัวหน้าในนามของผู้คุ้มกัน แต่หวังทงให้ถานเจียงบัญชาการ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธร่วมลงมือเปิดฉาก นำกำลังบุก แท้จริงมีเพียงถานเจียงที่มีอำนาจสั่งการ
ถานเจียงคิดแล้วก็เข้าใจ เหมืองทองเช่นนี้เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นย่อมเห็นความสำคัญที่สุด และตำแหน่งนี้ก็เท่ากับเป็นปากทางด่าน หากยึดตำแหน่งทางออกไปทางตะวันออกนี้ได้ เผ่าใหญ่หลายเผ่าทางทุ่งหญ้าตะวันออกก็ไม่มีพื้นที่ได้เปรียบในการสู้รบอีก จึงได้แต่ร่วมศึกที่ไม่ได้ชนะโดยง่ายบนทุ่งหญ้านี้กับทุกคน ภูมิประเทศเช่นนี้ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธปืนกับรถใหญ่ไม่เสียเปรียบและหากพ้นตีนเขานี้ไป เมืองจี้โจวส่งกำลังช่วยก็ง่ายมาก
พื้นที่สำคัญเช่นนี้ เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นย่อมพยายามรักษาไว้ ถึงกับร่วมกับพันธมิตรบนทุ่งหญ้าจำนวนมากมาเปิดศึกใหญ่ครั้งนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ย่อมไม่อาจดูแคลนศัตรูพื้นที่นี้แล้ว
ความจริงนั้นถานเจียงเองก็เข้าใจ ตอนนี้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธร้อนใจอยากได้ อาศัยปืนไฟกับยุทธวิธีรถใหญ่ ทหารองอาจกล้าหาญดาบใหญ่ทวนยาว ยังมีทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่กล้าหาญ ยังมีการต่อสู้บนทุ่งหญ้าหลายเดือนนี้ที่ล้วนมีชัย ทำให้เขามั่นใจมาก นับว่ายิ่งดูแคลนศัตรู
ความคิดและท่าทีเช่นนี้ แต่ไรมาก็เป็นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ การรบชนะมาตลอดเป็นเวลานาน หากอยู่ๆ เจอกระดูกก้อนโต เกรงว่าคงยุ่งยากใหญ่
ดังนั้นต้องใช้แผนการที่ดีที่สุด แผนที่ดีที่สุดก็ง่ายมาก ก็คือสะสมกำลัง ให้หม่านเท่าเอ๋อร์เป็นฐาน สะสมกำลังให้พอ แล้วจากนั้นค่อยบุกไปตี
เหมืองทองคำนี้เดิมก็เป็นคำที่ทำให้รู้สึกถึงแสงประกายระยิบ เป็นที่ดึงดูดของบรรดาพ่อค้าผู้มุ่งแสวงหากำไร กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธมายังหม่านเท่าเอ๋อร์นับวันยิ่งมาก พวกติดอาวุธพวกนี้นับวันยิ่งเคลื่อนไหวโง่เง่า
มีบางพวกมาแรกๆ ก็เริ่มลงมือกับหม่านเท่าเอ๋อร์ ผลการต่อสู้วันนั้นที่หม่านเท่าเอ๋อร์ ชาวฮั่นที่ประสบภัยน่าสงสารล้วนอยู่ในสายตาของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ หลังจากโกรธแค้นแล้ว อย่างไรก็ต้องไปแก้แค้นกวาดล้างรอบๆ สักครั้ง
การกวาดล้างนี้ย่อมปล้นชิงของไปได้ไม่น้อย และยังขับไล่ชนเผ่าเร่ร่อนพวกนี้ให้มุ่งไปยังแถบเหมืองทอง ทำให้กำลังเหมืองทองมีกำลังใช้รบได้มากยิ่งขึ้น
ที่ยุ่งยากยิ่งก็คือ การสะสมกำลังต้องใช้เวลา กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธล้วนมีจุดประสงค์บนทุ่งหญ้า บ้างก็คิดจะล้อมรั้วจองพื้นที่เลี้ยงสัตว์ บ้างก็คิดหาทะเลสาบผงฟู ยังมีบ้างที่คิดปล้นชิงชนเผ่า ถึงกับมีบ้างที่มาดูลาดเลาเส้นทางการค้า มารวมตัวกันที่หม่านเท่าเอ๋อร์ก็ต้องใช้เวลา
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่หม่านเท่าเอ๋อร์มาได้เกือบห้าพันคนก็ราวปลายเดือนเก้า เวลานี้ยังมีความวุ่นวายอื่นๆ อีก
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่มั่นใจมาก แม้ว่ามีทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวย แต่กำลังหลักเป็นพวกชายฉกรรจ์ที่รวบรวมมาได้ คนเช่นนี้ไม่ค่อยชำนาญการรบแบบทหาร ไม่มีวินัยทหาร ไร้กฎหมายในสายตา แม้ว่าทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวยเป็นหัวหน้ามานาน แต่ก็ยังเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา จิตใจก็ย่อมต่างกับเมื่อก่อน
หลายพันคนมารวมตัวกันอยู่ที่หม่านเท่าเอ๋อร์ ก็วุ่นวายกันไปหมด ยุ่งยากอย่างมาก และกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงก็ยอมรับกันเองตามธรรมเนียมว่าใครถึงก่อนได้ก่อน
ทุกคนล้วนไปสังหารปล้นชิง ผู้ใดลงมือยึดได้ก่อนก็เป็นของผู้นั้น เหมืองทองอยู่ที่นี่ แน่นอนก็คือเหตุผลหลัก ทางนั้นตอนนี้ทหารม้าอย่างน้อย 6,000 ออกรบได้ ทหารม้า 6,000 จะทำอะไรได้ ต่อหน้าปืนไฟ ต่อหน้ารถใหญ่ ทุกอย่างล้วนไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ขอเพียงไม่ถึงที่นั่นได้ ก็ย่อมได้รับชัยชนะ
ความคิดเช่นนี้ แม้ถานเจียงพยายามตักเตือนแล้ว ก็ยังมีขบวนการค้าติดอาวุธหลายกองไม่รู้จักตายไปลงมือก่อน ปรากฏว่าตามคาดของทุกคน บาดเจ็บล้มตาย ถึงกับหายไปทั้งกองเลยก็มี
ใกล้ตีนเขา สภาพภูมิประเทศไม่ใช่ที่ราบแล้ว รถใหญ่รวมตัวใช่ว่าจะง่าย หากถูกทหารม้าพวกนอกด่านหรือทหารราบบุกเข้าไปได้ก็เรียกว่าหายนะแล้ว
พูดไปแล้วก็นับว่าบังเอิญ ปลายเดือนเก้ามีการบุกครั้งหนึ่ง อยู่ๆ ฝนตก รถใหญ่ตั้งเป็นค่ายแล้ว แต่ปืนไฟไม่อาจยิงกลางสายฝนได้ ถูกทหารม้าพวกนอกด่านใช้ขอเหล็กลากรถใหญ่แยกออก บุกเข้าไป สุดท้ายมีแค่สองคนขี่ม้าหนีออกมาได้
ดีที่การบาดเจ็บล้มตายไปเกือบพันคนทำให้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่ดูแคลนศัตรูเริ่มได้สติ ถานเจียงที่มายังหม่านเท่าเอ๋อร์จึงจัดการทุกคนให้อยู่ในคำสั่งได้โดยง่าย
เดือนสิบสามารถเปิดศึกต่อสู้ นี่เป็นการวิเคราะห์ของถานเจียง แต่ก็ยุ่งยากอยู่ เพราะกลางเดือนสิบทุ่งหญ้าเริ่มหนาวแล้ว พวกนอกด่านที่เหมืองทองสามารถนำสัตว์เลี้ยงฆ่าแล้วแช่แข็งได้ เนื้อสัตว์สามารถเก็บรักษาได้นาน ก็หมายความว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหาร สามารถเฝ้ารอการต่อสู้ได้นาน
ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นส่งชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ระดับไถจี๋มายังเหมืองทองคนหนึ่ง เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเองก็เตรียมการในการศึกครั้งนี้ เพื่อทดสอบดูความสามารถการศึกของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ