องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 934 การโจมตีแสนแห้งแล้ง
เดือนสิบ ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 14 วงกลมรอบเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ร้อยลี้เป็นเขตสงคราม ผู้คุ้มกันกลุ่มพ่อค้าล้วนได้รับคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวออกนอกเขตตามใจ
พวกที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกมีเพียง กลุ่มทหารม้ารอบเมืองกุยฮว่าเฉิงกับทหารม้าพวกนอกด่านเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังมีปะทะกันเล็กน้อย กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธตั้งค่ายพักที่หม่านเท่าเอ๋อร์ภายใต้การสั่งการและฝึกซ้อมของถานเจียง หากจะตีเมืองเข้มแข็ง อีกฝ่ายต้องได้เปรียบเรื่องคน พื้นที่ไม่เหมาะแก่การใช้รถใหญ่ จำต้องเร่งพัฒนาขบวนการค้าติดอาวุธแต่ละกองให้ประสานงานกันได้จึงจะทำได้
การเคลื่อนไหวของเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นไม่เพียงแต่สร้างความเข้มแข็งให้หม่านเท่าเอ๋อร์ แต่หม่านเท่าเอ๋อร์ไปทางตะวันออก ยังมีกลุ่มขบวนการค้าครอบครองที่ลุ่มและทะเลสาบผงฟู เป็นจุดทำการค้า หลังเดือนสิบ แหล่งการค้าเหล่านี้ถูกทหารม้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นโจมตี ความเสียหายมาก
ปืนมีจำกัด ไม่ใช่ทุกหน่วยประจำการจะมีปืน เพราะแนวรบอยู่ทางตะวันออก พวกเขาล้วนคิดว่าตนเองอยู่กองหลัง ปลอดภัย
เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นค่อนข้างชำนาญพื้นที่ รู้ว่าพื้นที่ใดจะไม่ถูกกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่มาอยู่หม่านเท่าเอ๋อร์พบ แม้ว่าถูกทหารม้ากลุ่มชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงพบ กำลังเล็กไป ก็ไม่อาจยับยั้งกำลังทหารม้ากองใหญ่ได้ แม้กลับไปแจ้งข่าว รถใหญ่เคลื่อนที่ไม่เร็วไปกว่าทหารม้า
คิดว่าตนเองเป็นแนวหลัง จึงป้องกันหละหลวม ทำให้เสียเปรียบไม่น้อย ทหารม้าตะลุยมา พวกนี้ไม่มีแม้แต่กำแพงไม้ ถูกอีกฝ่ายบุกเข้าโจมตีทันที
อาวุธพวกเขาก็มีแค่ดาบใหญ่ทวนยาว ปะทะกันด้วยอาวุธที่ไม่ใช่ปืน รับมือทหารม้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแล้วไม่ได้เปรียบอันใด บาดเจ็บล้มตายย่อมเป็นเรื่องแน่นอน
ความจริงนั้นหลังจุดที่ชาวฮั่นเข้ายึดครองเหล่านี้ถูกจัดการไปห้าแห่ง กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธทางหม่านเท่าเอ๋อร์จึงได้รับข่าว เพราะบนทุ่งหญ้ากว้างไกลถูกพวกนอกด่านทหารม้าล้อมสังหาร คิดจะหนีออกมาก็ล้วนยากยิ่ง
จุดที่ตั้งเหล่านี้ความจริงนั้นไม่มีกำลังอะไร เพราะผู้คุ้มกันขบวนการค้าต้องเสียเงินไม่น้อยเลี้ยงดู แต่พ่อค้าต่างมุ่งแสวงหากำไร หากไม่ใช่หวังทงบีบให้จัดตั้ง และกองกำลังติดอาวุธพวกนี้เอาไปใช้ปล้นได้ล่ะก็ ก็ไม่อยากมีไว้ พ่อค้าหลายคนจึงโอดโอยปล่อยทิ้งไปนานแล้ว แต่ยังมีแต่พวกพ่อค้าใหญ่ที่ยังคงปฏิบัติตามอยู่ มีร้านค้าเล็กๆ ถึงกับส่งมอบคนของตนให้กลุ่มพ่อค้าใหญ่ไปดูแล ตนเองเพียงแค่อาศัยชื่อว่ามีเท่านั้น
ครั้งนี้โจมตีเหมืองทอง เมืองกุยฮว่าเฉิงส่งกำลังมาร่วมยิ่งมาก ได้รับประโยชน์ก็ยิ่งมาก พ่อค้าใหญ่ที่ส่งคนมาร่วมได้ก็ล้วนพยายามส่งกำลังติดอาวุธมาให้มากที่สุด
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธมีจำกัด ทางนี้ใช้กำลังมาก อีกทางแน่นอนมีกำลังเหลือน้อย พื้นที่ลุ่มและทะเลสาบผงฟูที่เพิ่งยึดมาได้ใหม่ ก็ต้องจัดผู้คุ้มกันไปเฝ้าไม่น้อย ถึงกับไม่จัดผู้คุ้มกันก็มี
ในเมื่อไร้การป้องกัน บทสรุปแค่คิดก็รู้ได้ พื้นที่ครอบครองถูกพวกนอกด่านทหารม้ายึดคืนไป บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย
สถานการณ์เช่นนี้ พ่อค้าระดับกลางและเล็กในใจก็เริ่มเจ็บปวด พ่อค้าใหญ่ก็ยิ่งตัดสินใจได้ จะต้องยึดหม่านเท่าเอ๋อร์ เหมืองทองให้ได้ ยึดได้แล้ว ความเสียหายจึงจะสามารถได้ชดเชยคืนมา
สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ถานเจียงไม่อาจสนใจพื้นที่วุ่นวายอื่น กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่หม่านเท่าเอ๋อร์สะสมกำลังได้ไม่น้อยแล้ว แนวหลังก็มีกองกำลังหลงเหมินและกู่เป่ยโข่วส่งเสบียงมาเพิ่มได้ ทหารคุมเสบียงมาส่งล้วนเป็นทหารชายแดนกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ จึงไม่ต้องเป็นห่วง
ถานเจียงไม่สนใจว่าเจ้าคิดเช่นไร ข้าจะตีแต่ที่นี่ เขาเพิ่มเงินรางวัลให้หัวศัตรูอีกเท่า ให้ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่ตามกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธมาออกไปปล้นชิงส่วนตัวได้ ให้ทหารม้ารับมือทหารม้า กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธใช้รถใหญ่กับปืนเป็นหลักก็ต้องตั้งใจฝึกซ้อม เตรียมโจมตีเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์
เพราะสำหรับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแล้ว ที่อื่นอาจปล่อยได้ แต่เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ เป็นแหล่งเงินทองมหาศาล ยังเป็นประตูสู่ภูมิประเทศ ไม่อาจไม่แย่งชิง
ไม่ว่าจัดกำลังเท่าไรบนทุ่งหญ้า ขอเพียงกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไปโจมตีเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ กองกำลังเคลื่อนที่ก็ย่อมไปช่วย รูปแบบการต่อสู้เริ่มเปลี่ยนเป็นรูปแบบที่กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธชอบ
ปลายเดือนสิบ มีกองกำลังหนึ่งมาจากเมืองต้าถง กองกำลังนี้กล่าวว่าเป็นผู้คุ้มกันขบวนการค้าต้าถง แต่ความจริงนั้นเป็นทหารส่วนตัวของขุนพลทหารในต้าถงและตระกูลหม่า และเป็นคนที่พ่อค้าในพื้นที่เรียกตัวมา มีกองกำลังเช่นนี้เข้าร่วม จำนวนกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธหม่านเท่าเอ๋อร์ก็เกือบเจ็ดพัน
การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้น กำลังที่หม่านเท่าเอ๋อร์ออกปะทะกันใหญ่ ไล่ต้อนไปทางเหมืองทอง แผนการใดก็ตาม หากใกล้ต่อสู้กันจริง ก็ย่อมเทียบกันแค่กำลัง
ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงสี่พันกว่าอยู่ล้อมรอบกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นกระจายอยู่บนทุ่งหญ้ามุ่งไปยังหม่านเท่าเอ๋อร์ ระยะห่างเท่านี้ เดินทัพหนึ่งวัน ทัพใหญ่เดินทัพ ทหารม้ากองเล็กก็ไม่มีประโยชน์อันใด หากเข้าใกล้ก็มีแต่ถูกทหารม้าชนเผ่าที่มาจากรอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงจับกินหมด
กลุ่มทรงอิทธิพลบนทุ่งหญ้าเคยชินกับการขี่ม้าโจมตี ใช้ความเร็วเข้าปะทะและฆ่าปล้นชิง น้อยคนที่จะสามารถยืนหยัดอดทนต่อสู้ได้ โดยเฉพาะการรบที่ใช้ปราการไม้ป้องกัน
แต่คนงานเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์เหล่านี้กลับเข้าใจ ตอนที่พื้นดินยังไม่แข็งเป็นน้ำแข็ง ก็ไปขุดคูรอบๆ กับหลุมดักไว้ และยังเสริมป้อมปราการดินให้แน่นหนา
หวังว่าจะให้รถใหญ่แล่นตกคูตกบ่อไปอย่างโง่ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อชะลอการเดินทัพใหญ่ อย่างน้อยก็หนึ่งวัน
เหมืองทองอยู่ตีนเขาไกลออกไป รถใหญ่ไม่อาจรวมตัวหัวท้ายได้เหมือนบนพื้นที่ราบ จะประสานกันก็ยาก บางครั้งยังต้องใช้แรงคนดึงไว้หรือผลักไว้ สองข้างทางก็เป็นที่ชันและป่าเขา
เดินทางไปกันได้ช้ามาก และมักมีธนูยิงออกมาจากสองข้างทาง พอหลายสิบคนถูกยิงแล้ว ถานเจียงก็เลือกทหารจากจากกลุ่มพ่อค้าและกลุ่มชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงออกมาตั้งเป็นกองก่อน ก่อนจะให้ไปด้านหน้ากวาดล้างพวกกองโจรของศัตรูในป่าทิ้ง จากนั้นค่อยเดินทัพต่อ
รอบเหมืองทองเป็นพื้นที่ราบกว้าง รถใหญ่เดินทางออกจากเขาก็มาตั้งค่ายพักแรมที่นี่ อย่างไรก็มิใช่ทุ่งหญ้า หวังให้หัวท้ายรถใหญ่ประกบกันเป็นวงก็ย่อมไม่อาจทำได้
เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นส่งขุนพลมา เห็นได้ชัดว่ามีประสบการณ์มาก และยังเชี่ยวชาญในวิธีการรบของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ ขณะกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกำลังทยอยออกจากเขา เตรียมตั้งค่าย ทหารม้าก็ออกมาจากเหมืองทองล้อมไว้ ยังมีมาจากอีกสองทิศทาง ก่อนหน้านี้สี่ด้านเงียบไปหมด ตลอดทางไม่มีอะไรเลย
ขณะที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง ถูกก่อกวนมาตลอดทาง จากนั้นก็หยุดก่อกวน เดี๋ยวปล่อยเดี๋ยวตี ขณะที่ไม่ทันตั้งตัว ทหารม้าก็ออกมา ก็เพื่อโจมตียามไร้การป้องกันนั่นเอง
ในสถานการณ์เช่นนี้ รถใหญ่เพิ่งปลดม้าออก การป้องกันรถใหญ่ไม่อาจประสานตัวรถได้ทัน กำลังเป็นเวลาเหมาะ หากฉวยโอกาสบุกเข้าไป ก็ย่อมต้องได้รับชัย
ปฏิกิริยากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธแตกต่างกันออกไป พวกคนใหม่ที่เพิ่งรับมาล้วนแตกตื่นตกใจวิ่งหนีเข้าด้านใน พวกผู้คุ้มกันที่อยู่เมืองกุยฮว่าเฉิงมานานก็หยิบปืนไฟออกมายิง ผู้คุ้มกันข้างๆ ก็หยิบทวนยาวออกมา สำหรับผู้คุ้มกันพวกนี้แล้ว กลัวก็แต่พวกนอกด่านไม่ออกมา ออกมาก็ย่อมดังอาหารที่ส่งมาถึงที่
ทหารม้านับหมื่น เรียกได้ว่าทัพใหญ่แล้ว ยามนี้วุ่นวายไปหมด มีทางหนึ่งถูกทหารม้าพวกนอกด่านบุกเข้าไปได้ อีกสองทางกลับถูกปืนไฟระดมยิงหน้าดำเคร่งเครียด แม้เข้าใกล้ ผู้คุ้มกันก็กล้าปืนขึ้นรถม้าแทงด้วยทวนอย่างไม่ยอมแพ้
พวกผู้กล้าที่รับมาใหม่จากมณฑลต่างๆ อาจเพราะอยู่บ้านเกิดก็ไร้อนาคต พอเห็นสถานการณ์ตอนนี้ เห็นพวกทหารม้าพวกนอกด่านขี่ม้ากรูกันมามากมาย กวัดแกว่งดาบส่งเสียงดัง เสียงดังก้องไปทั่ว บุกกันเข้ามา ไหนเลยจะเทียบกับสถานการณ์ที่มีคนไม่กี่คนชักดาบสู้กันที่เคยเห็นมา เดิมก็ตามกองกำลังมาด้วยรู้สึกฮึกเหิมมีหน้ามีตา พวกนอกด่านไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง วันนี้ได้เห็นสถานการณ์จริง ถึงกับมีคนตกใจเข่าอ่อนยวบลงกับพื้น ถูกม้าเหยียบตายไปทั้งเป็นก็มี ยังมีคนคิดหนีก็ถูกคนด้านหน้าขวางไว้ ม้าไม่มีคนจูงวิ่งกันไปทั่ว หลายคนกวัดแกว่งดาบใส่พวกเดียวกัน วุ่นวายไปหมด สถานการณ์เริ่มไม่เละเป็นท่า
แต่พวกที่ได้ฝึกซ้อมบนทุ่งหญ้ามาระยะหนึ่ง ยังมีทหารเก่า ล้วนไม่เหมือนกัน พวกเขาชินกับการสู้ตาย พบเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ลนลาน พากันรวมตัวกันไว้ ภายใต้การปกป้องของทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิง ทางหนึ่งก็นำรถใหญ่มาประกอบกัน อีกทางหนึ่งก็สังหารศัตรู ทำให้สถานการณ์นิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ขุนพลทหารเมืองชายแดนที่ถูกส่งมายิ่งไม่เหมือน พวกเขายังมียุทธวิธี ในเมื่อสถานการณ์นิ่งแล้ว พวกเขาภายใต้การสั่งการของถานเจียง ก็เริ่มบุกใส่ทหารม้าพวกนอกด่าน ขับไล่พวกเขาออกไป
ชนชั้นสูงพวกนอกด่านบรรดาศักดิ์ระดับไถจี๋รอบคอบอยู่ เริ่มแรกไม่กล้าส่งกำลังเข้ามามาก หากจะส่งตามเข้ามาอีกภายหลัง แต่ถานเจียงส่งทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองออกไปรับศึกแล้ว แม้ทุ่มกำลังมาอีกก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก
รบฉากแรกนับได้ว่ากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเสียเปรียบ บรรยากาศอดเริ่มหดหู่ไม่ได้ ถานเจียงกลับไม่จบ หลังตั้งค่ายพักแล้ว ก็นำตัวพวกที่ก่อนการปะทะก่อความวุ่นวาย จับหัวหน้าได้สิบกว่าคน ตัดหัวทิ้งลงโทษทางวินัย ปรากฏว่ามีพวกที่รู้จักกันส่งเสียงโวยวายว่านี่ไม่ใช่กองทหาร มีวินัยทหารที่ไหนกัน คิดว่าตนเองกล่าวได้มีเหตุผล กลับถูกถานเจียงส่งคนมาจับตัวไปตัดหัวทิ้ง
พอตัดหัวไปหมด ก็ให้คนใช้ทวนยาวแทงหัวขึ้นมา เดินวนรอบค่าย สะเทือนไปทั้งกอง ร้านสามธาราเป็นกิจการผู้ใดถานเจียงเป็นใคร กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงผู้ใดไม่รู้ ถานเจียงบอกว่าวินัยทหาร ก็คือวินัยทหาร
พอวันที่สอง การรบที่จืดชืดแห้งแล้งก็เริ่มต้นขึ้น ไม่มีปืนใหญ่กับเครื่องดีดหิน คิดจะบุกก็ได้แต่ปีนขึ้นไปเอง คนเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นหลบอยู่หลังกำแพง เจ้าเข้าใกล้ก็ต้องปะทะด้วยเลือดเนื้อ คิดจะใช้ปืนไฟยิง พวกนั้นก็หลบ สองฝ่ายสู้กันยืดเยื้อ กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงที่บุกกำแพงก็ล้มตายหนักอยู่สักหน่อย
ที่ยุ่งยากยิ่งก็คือ รบได้สองวัน ถึงกับหิมะตก ปืนใช้การไม่สะดวก พวกนอกด่านในปราการกำแพงดินถึงกับตีโต้คืนมาได้สองครั้งแล้ว