องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 944 คิดทำสิ่งใด หวังทงรับมือ
แค่รายงานจากพื้นที่ที่ได้อ่านจากเมืองหลวง ไม่อาจรู้สถานการณ์ละเอียดได้ เมืองหลวงรู้เพียงแค่ตระกูลปัวคิดไม่ซื่อ อยากจะก่อการ แต่ตอนนี้มีหลิวตงหยางเพิ่มมาอีกคน
จากนั้นนายกองร้อยหลี่ก็เล่าเรื่องเมืองหนิงเซี่ยและระบบทั้งหมดให้หวังทงรับรู้ นายกองร้อยหลี่เองก็งง ผู้บัญชาการมาปฏิบัติน้าที่หรือมาเที่ยว เหตุใดอยากรู้เรื่องในพื้นที่ละเอียดเพียงนี้
“เจ้ากลับไปก่อน ส่งคนส่งจดหมายสองคนที่ไว้ใจได้มาที่โรงเตี๊ยม ให้นำสารไปรายงานได้ตลอดเวลา”
หวังทงสั่งไว้สุดท้ายเช่นนี้ นายกองร้อยหลี่คำนับรับคำ
โรงเตี๊ยมที่พักอยู่นี้ตอนปีใหม่ได้รับแขกเช่นพวกหวังทงกะทันหัน คนงานล้วนไม่พอใช้ มีบ้างที่กลับไปฉลองปีใหม่กันนานแล้ว คิดจะตามมาก็ยุ่งยาก ตอนนี้งานยุ่งกันจนหัวหมุน แต่ช่วงปีใหม่ไม่ใช่ช่วงเวลาหาคนมาทำงาน โรงเตี๊ยมมีงานไม่น้อยต้องให้พวกหวังทงช่วยทำ
สถานการณ์เช่นนี้ เดาว่าส่งสองคนมาช่วยงาน โรงเตี๊ยมย่อมขอบคุณฟ้าดิน ย่อมไม่เผยร่องรอย
นายกองร้อยหลี่จากไปแล้ว หวังทงไม่ได้เรียกทุกคนมา เพียงแค่จัดเวรยามกลางคืน นอนต่อ พักผ่อนเต็มอิ่มก่อน เรื่องอื่นพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
วันรุ่งขึ้น วันที่ 29 เดือนสิบสอง หวังทงยากที่จะได้ตื่นสายเช่นนี้ เมื่อวานกินอิ่มนอนอุ่นเพียงพอ จิตใจก็เหมือนถูกชะล้างความเหนื่อยล้าทิ้งไป สภาพดีขึ้นมาก
กินข้าวเช้าไปแล้ว ออกไปเดินเล่น ก็ได้ยินเสียงเถ้าแก่ขอบคุณฟ้าดินกล่าวว่า
“พวกเจ้าสองคนนี่มาได้เวลาจริงๆ นับว่ามาช่วยในเวลาเร่งด่วนแท้ๆ เงินเดือนกับกินอยู่ล้วนไม่ต้องเป็นห่วง เดือนหนึ่งย่อมได้กินดีกว่าพวกเจ้าอยู่บ้าน!”
นี่น่าจะเป็นคนที่ส่งมา หวังทงจ่ายเงินมากพอ เถ้าแก่แน่นอนต้องกล้าจ่าย กินอยู่ดูแลอย่างดี
ไม่นาน ซาตงหนิงก็กลับมารายงานว่า
“ท่านโหว ในร้านคนงานมาใหม่สองคน ข้าน้อยได้ตรวจสอบรหัสลับองครักษ์เสื้อแพรแล้ว ข้าน้อยมารายงานท่านโหว”
หวังทงพยักหน้า นับว่าคำสั่งคืนวานได้รับการตอบสนองแล้ว ซาตงหนิงคำนับกำลังจะออกไป ถูกหวังทงเรียกไว้ ให้เขาไปตามคนข้างนอกเข้ามา
ถานต้าหู่ ถานเอ้อร์หู่ ซุนเผิงจวี่ ฉีอู่ หานกัง เฉินต้าเหอ หลีเสี่ยวเปียว เป้าเอ้อร์เสี่ยว เข้ามาในห้องพร้อมกันกับซาตงหนิง
“ข้าจำเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งได้ว่า สมัยฮ่องเต้อู่จง อ๋องหนิงกบฏ แม้ว่าถูกหวังโส่วเหรินใช้กำลังล้อมปราบได้ แต่ฮ่องเต้อู่จงเพื่อต้องการเที่ยวจึงได้นำทัพใหญ่ลงใต้ ยังรับสั่งให้หวังโส่วเหรินเก็บข่าวจับอ๋องหนิงไว้เป็นความลับ จากนั้นทัพใหญ่ก็ลงใต้มาตั้งที่หนานชาง เกิดเรื่องมากมาย ผู้ใดจะเล่าเรื่องพวกนี้ได้บ้าง?”
ฮ่องเต้อู่จงมีเรื่องเรื่องเล่ามากมายไม่ดีนัก แผ่นดินหมิงตั้งแต่ฮ่องเต้เจียจิ้งถึงฮ่องเต้ว่านลี่เกือบร้อยปีมานี้ มีเรื่องเล่ามากมายในหมู่ประชา หลายคนล้วนเคยได้ฟัง แต่หวังทงพิเศษกว่าคนอื่น ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้
พอหวังทงถามขึ้น ทุกคนล้วนอึ้งไปเล็กน้อย แต่ทว่าได้สติอย่างรวดเร็ว เฉินต้าเหอกล่าวว่า
“ท่านโหว หรือว่าเป็นจางหย่งกับเจียงปินส่งคนไปหาเรื่องหวังโส่วเหริน หวังโส่วเหรินขี่ม้ายิงธนู สามดอกล้วนเข้าจุดตาย?”
หวังทงส่ายหน้า เป้าเอ้อร์เสี่ยวคิดครู่หนึ่งก็กล่าวว่า
“ท่านโหวว่ามา หรือว่าจะเป็นฮ่องเต้อู่จงกับสาวเมืองหนานชาง……ไม่สิ ไม่สิ ข้าน้อยจำผิดแล้ว”
เป้าเอ้อร์เสี่ยวกล่าวออกไปก็รู้สึกไม่ได้การ กระแอมไอสองที หลีเสี่ยวเปียวอายุน้อยไม่อาจกลั้นหัวเราะได้ ฉีอู่เอ่ยถามขึ้น
“ที่ท่านโหวว่ามานั้น คงไม่ใช่เจียงปินคิดว่ากำลังทหารในมือตนเหนือเข้มแข็ง แต่หวังโส่วเหรินเลือกใช้คนเก่งที่ตัวเตี้ยแคระกว่าหากชำนาญการต่อสู้จากใต้ ทั้งวันเอาแต่ขึ้นเหนือไปหาเรื่อง ทหารทางเหนือเหล่านี้เสียเปรียบให้ทหารใต้ จึงทำให้ไม่กล้าก่อการกำเริบเสิบสานต่อ……”
ยังไม่ทันพูดจบ หวังทงก็ตบมือกล่าวว่า
“อันนี้เลย”
ทุกคนสบตากัน ในใจก็คิดว่าท่านโหวทำงานช่างเหนือความคาดหมาย มาตรวจสอบตระกูลปัวคิดการไม่ซื่อ เหตุใดจึงโยงไปถึงฮ่องเต้อู่จงลงใต้ได้
“พวกเจ้าคิดว่า ตอนนี้ตระกูลปัวเมืองหนิงเซี่ยกำลังทำอะไร?”
หวังทงถามขึ้น
***************
หวังโส่วเหรินใช้ทหารทางใต้ที่เก่งกล้าจากหนานชางไปหาเรื่องทหารตอนเหนือของเจียงปิน แสดงถึงกำลังทหารใต้เก่งกล้า ทำให้เจียงปินที่คุมกำลังทหารเหนือสี่เมืองไม่กล้ามีใจคิดเป็นอื่น
ตระกูลปัวอยู่เมืองหนิงเซี่ยหาเรื่องหลายครั้ง ทั้งกับผู้บัญชาการเมืองหนิงเซี่ย ผู้ว่าการมณฑลเมืองหนิงเซี่ยและกองพันรักษาความสงบ ต่อยพวกเขาจนมีสภาพดูไม่ได้ การกระทำเช่นนี้เป็นการอวดบารมีตนว่าเข้มแข็ง หนึ่งทำให้กำลังอื่นๆ รู้จักความร้ายกาจ อีกหนึ่ง ก็ทำให้เผ่าในและนอกเมืองล้วนรู้ว่าผู้ใดทรงอิทธิพลอำนาจที่สุด
ทั้งวันเห็นแต่คนของผู้ว่าการมณฑลและผู้บัญชาการที่มีตำแหน่งสูงส่งถูกต่อยสภาพน่าหดหู่ ทั้งวันเห็นแต่กองพันรักษาความสงบในเมืองถูกต่อยสภาพดูไม่ได้ พื้นที่บูชาการต่อสู้เป็นใหญ่เช่นนี้ ผู้ใดจะไม่ยอมสยบให้กับบารมีพวกเขากัน ผู้ใดจะยังสนใจระบบระเบียบอันใด ทุกคนนับวันยิ่งเคารพตระกูลปัว
พวกนอกด่านเข้าเมืองมากันมาก พวกนอกด่านพวกนี้ย่อมมองดูสภาพในเมืองว่าเป็นอย่างไร ตอนมีเรื่องย่อมมีคนมุงดูกันมาก
คิดแล้วน่าจะเป็นเหตุผลนี้ ขุนพลทหารนอกเผ่าเมืองชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นใหญ่ในพื้นที่ ย่อมไม่ได้มีเคล็ดลับวิธีพิเศษอันใด คิดเรื่องพวกนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
หรือว่าตระกูลปัวตั้งแต่เดือนหกมาก็เริ่มก่อเรื่องในเมือง ไม่มีคำอธิบาย และไม่ได้ยินว่าในเมืองมีเรื่องเช่นนี้นานเพียงนี้แล้ว
ขณะพูดอยู่นั้นได้ยินเสียงด้านนอกตะโกนดังมาว่า
“ไปถนนจิ่งสุ่ยดูคนตีกัน คนตระกูลปัวกับทหารในสังกัดผู้บัญชาการตีกันแล้ว!!”
มีคนตะโกนดัง ท้องถนนที่คึกคักอยู่ๆ ก็เงียบไปมาก คิดว่าไปล้อมมุงดูทางนั้นกันหมดแล้ว
หวังทงอธิบายให้กับทุกคนฟังจบ ทหารติดตามคิดไปครู่หนึ่ง สีหน้าล้วนเป็นแสดงความเข้าใจกระจ่าง เมืองหนิงเซี่ยเกิดเหตุวุ่นวายเละเทะเช่นนี้ พออธิบายอย่างนี้ก็กระจ่างในบัดดล
“เมืองหนิงเซี่ยเข้าออกไม่เข้มงวด คิดว่าเป็นเพราะคนกองพันรักษาความสงบถูกฉีกหน้าเช่นนี้ คนอื่นเห็นพวกเขาเป็นดังพวกขี้ขลาดไม่เอาไหน ค่อยๆ ไร้ศักดิ์ศรี แต่ป้อมระหว่างทางป้องกันแน่นหนา ก็คงเพราะรู้เรื่องพวกนี้ ต้องเตรียมรับมือแน่นหนา อย่างไรหากเกิดเหตุก็จะต้องเป็นพวกเขาที่โชคร้ายก่อน”
ฉีอู่เริ่มเอ่ยวิเคราะห์ หวังทงพยักหน้าเห็นด้วย เคาะต้นขาเบาๆ เงียบไปไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่เราเข้าเมืองเป็นความลับคงไม่เหมาะแล้วกระมัง แต่ทว่าพวกเรากำลังแค่นี้ ยังไม่คุ้นเคยพื้นที่ ในเมืองนี้ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก”
หวังทงถามเองตอบเอง ทุกคนล้วนไม่กล้าส่งเสียง ยามนี้เองด้านนอกก็มีเสียงเถ้าแก่นอบน้อมว่า
“นายท่านหวัง ร้านเราวันนี้จะเข้าตลาดไปซื้อหาสินค้าของกินเพิ่ม เตรียมไว้ให้นายท่านใช้หนึ่งเดือน ของมาก คนในร้านไม่พอ นายท่านจะส่งคนไปช่วยด้วยได้หรือไม่ เกรงใจจริงๆ”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกับหวังทงคบหากันมาหลายวัน มองออกว่าหวังทงคุยง่าย เดือนหนึ่งคนร้อยคนกินใช้กัน ของก็ย่อมลดลงไม่น้อย หวังทงย่อมไม่คิดมากเรื่องนี้ ในห้องก็คุยกันได้พอควรแล้ว หวังทงส่งเป้าเอ้อร์เสี่ยวไปตามคนไปช่วย
หวังทงให้ลูกน้องที่หัวไวไปเดินเล่นในตลาดได้ ไปกินไปดื่มกันตามสบาย แต่จุดประสงค์ก็เพื่อพยายามสืบข่าวมาให้มากที่สุด เข้าใจสถานการณ์ให้ยิ่งมาก
หวังทงกลับอยู่แต่ในโรงเตี๊ยม รอข่าวจากแต่ละแหล่งและคนที่เข้ามารายงาน เป็นเป้าเอ้อร์เสี่ยวกลับมาก่อน เถ้าแก่ไปแล้วก็กลับมา นำแขกมาด้วยอีกคนหนึ่ง สามารถดูสีหน้าเถ้าแก่ออกว่านอบน้อมอยู่หลายส่วน แขกคนนอกนี้เป็นหลงจู๊ของพ่อค้าใหญ่ในหนิงเซี่ยแห่งหนึ่ง ในเมืองนอกเมืองล้วนเป็นมีชื่อ คนเช่นนี้ยังต้องนอบน้อมขอพบหวังทง เห็นได้ว่าหวังทงสถานะไม่ธรรมดา
แขกคนนอกผู้นี้คุยได้สองสามคำก็ขอตัวกลับ หนิงเซี่ยหน้าหนาวหนาวมาก ในห้องแม้ว่าอุ่นแต่ก็อ้าว หวังทงไม่อยากจะอยู่ในห้องนานไป อยากออกไปสบายด้านนอกมากกว่า
หวังทงยังไม่ทันได้ออกไป เมื่อครู่เป้าเอ้อร์เสี่ยวที่ออกไปตามคนไปช่วยก็กลับมา พอเข้ามาสีหน้าก็เคร่งเครียดรายงานว่า
“ท่านโหวเมื่อครู่ที่ไปช่วย เห็นโรงเตี๊ยมซื้อเกลือมามาก เกือบจะกินหนึ่งปีเลย ถามเถ้าแก่ว่าทำไม เถ้าแก่บอกว่า ราคาเกลือตกลงมาก พอดีเป็นโอกาสซื้อให้มากสักหน่อย หรือว่าผู้ใดรู้ว่าราคาจะขึ้นเมื่อไรกัน”
น้ำมัน เกลือและเครื่องปรุง นับเป็นเรื่องเล็ก ไยต้องมารายงานเรื่องพวกนี้กับหวังทง แต่ทว่าหวังทงกลับสังเกตได้ทันที พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ เกลืออยู่ในความครอบครองตระกูลใหญ่ ราคาทำกำไรสูงมาก หากเป็นราคาเกลืออยู่ๆ ทรุดลง ยังมีกำไรอันใดอีก ผิดปกติเช่นนี้ ย่อมมีเหตุ
“ข้าน้อยได้ถามคนแถวนั้น ในเมืองยามนี้ปกติราคาเกลือจะต้องขึ้น แต่คิดไม่ถึงครั้งนี้พวกนอกด่านมาขายเกลือ ราคากลับทรุดลงเช่นนี้ เถ้าแก่ยังบอกว่า เมื่อก่อนพวกนอกด่านล้วนซื้อเกลือ ผู้ใดจะคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว”
“เรื่องเกลือเจ้าชำนาญ เจ้าไปสืบข่าวดู แท้จริงแล้วเป็นเพราะเหตุใด!?”
หวังทงสั่งเสียงเรียบ เป้าเอ้อร์เสี่ยวรีบคำนับรับคำสั่งวิ่งออกไปทันที
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมในวันที่ 29 เดือนสิบสองก็ตกใจไม่น้อย พ่อค้าใหญ่เมืองหนิงเซี่ยที่เดินทางมาจากข้างนอกสองสามคนล้วนส่งคนมาพบหวังทง เมื่อก่อนไม่อาจได้พบพ่อค้าใหญ่พวกนี้ง่ายๆ วันนี้กลับได้สมาคม ช่างหาได้ยากยิ่ง นายท่านหวังผู้นี้เป็นเทพองค์ใดกัน ทำให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมอยากรู้เสียแล้ว เขาไม่ทันสังเกต คนเหล่านี้ล้วนมีท่าทีนอบน้อมกับหวังทง
เป้าเอ้อร์เสี่ยวมีความรู้เรื่องพวกนี้มาก แน่นอนย่อมเข้าใจเส้นทางการค้าเกลือทางการและลอบค้าเกลือมาก แต่คนไม่คุ้นเคยพื้นที่ ต้องรอบ่ายจึงกลับมารายงานได้ว่า
“ท่านโหว บ่อเกลือแอ่งน้ำฮัวหม่าราคาลดลงหกส่วน ปล่อยให้พวกชนเผ่านอกด่านซื้อกันได้ตามสบาย ว่ากันว่าจากนี้ยังอาจมอบให้ฟรีๆ อีกด้วย”
หวังทงเงียบไป ก่อนยิ้มเย็นว่า
“ใช้กำไรล่อคน เจ้าไปตามสองคนที่สำนักองครักษ์เสื้อแพรท้องที่ส่งมาวันก่อนมานี่!”