องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 945 วิธีการผู้ใดก็คืนสนองผู้นั้น
ระบบการค้าหวังทงสมาคมกับการค้าเกลือมาไม่น้อย แน่นอนเข้าใจแอ่งน้ำฮัวหม่า ขายเกลือราคาถูกเพื่ออันใดกัน คนไม่อาจขาดเกลือ ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ พื้นที่มีเกลือนับว่าน้อยมาก
เมืองหนิงเซี่ยคุมบ่อเกลือ กลุ่มอิทธิพลอำนาจบนทุ่งหญ้าล้วนแย่งชิงบ่อเกลือกับเมืองหนิงเซี่ย ถึงกับไม่เพียงแค่แผ่นดินหมิง ตั้งแต่ฮั่นยึดตะวันตกเฉียงเหนือมา ก็เริ่มต่อสู้กับเผ่าทุ่งหญ้าอื่นเรื่องบ่อเกลือ
ขอเพียงยึดบ่อเกลือได้ กุมการค้าเกลือไว้ในมือได้ นอกจากเป็นการค้ากำไรมหาศาลแล้ว ยังกุมชีวิตพวกเผ่านอกด่านไว้ในกำมือได้ด้วย ทำให้เคลื่อนไหวใดก็ถูกจำกัด
ราคาขายบนทุ่งหญ้าก็ล้วนสูงมาก และยังจำกัด ทำให้พวกเขาไม่อาจเก็บสะสมไว้ได้มากพอ อย่างไรก็ต้องมาซื้อจากแผ่นดินหมิง
ทำกันเช่นนี้มานาน ชนเผ่าซื้อเกลือย่อมถูกเมืองชายแดนควบคุม อย่างน้อยก็ต้องคอยแจ้งข่าวให้เมืองชายแดน
บ่อเกลือของตระกูลปัวอยู่ๆ ปล่อยเกลือขายมาก มองจากการทหารแล้วแน่นอนย่อมเป็นภัย แต่ในเวลาสั้นๆ แต่ละชนเผ่าย่อมซาบซึ้งในตระกูลปัว ขณะเดียวกันก็ย่อมเอาใจออกห่างแผ่นดินหมิง
ตระกูลปัวทำเช่นนี้ ดูท่าแล้วเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว
************
แผ่นดินหมิงแต่ละมณฑล นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรประจำมณฑลล้วนเป็นตำแหน่งที่มีคนนับถือ ขุนนางและราษฎรท้องที่ย่อมให้ความเคารพมาก กลัวว่าพวกเขาจะรายงานเมืองหลวง หรือจับคนไร้เหตุผล
นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรเหมือนกันมาอยู่เมืองชายแดนกลับไร้ค่า แม้เจ้ามีสิทธิรายงานลับ หากมีเรื่องกัน ตัดหัวเจ้าทิ้งก็ย่อมได้ ขันทีคุมกำลังก็สามารถรายงานได้โดยตรง ผู้ใดยังสนใจทหารเล็กๆ เช่นเจ้ากัน
สถานะนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรเมืองหนิงเซี่ยกับเมืองกานซู่ต่ำกว่าขั้นหนึ่ง ทหารบู๊สองเมืองนี้โดยมากไม่ใช่ชาวฮั่น ราชสำนักยังเมตตาพวกเขาอีก หลายเรื่องนับเป็นความผิดหากทหารชาวฮั่นกระทำ แต่พวกเขากลับไม่ผิด ปิดตาข้าง ลืมตาข้าง ปล่อยผ่านไป องครักษ์เสื้อแพรยิ่งทำอะไรพวกเขาไม่ได้
จากมุมมองหนึ่ง เพราะมีตระกูลปัวเมืองหนิงเซี่ยคอยให้ท้าย หาเรื่องไปทั่ว สำแดงบารมี เพื่อยกอำนาจตระกูลตน ไม่กล่าวถึงผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการ กองพันรักษาความสงบเป็นหน่วยกองพันในพื้นที่ มีทหารมากมาย นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรก็เป็นนายกองพัน มีคนพอๆ กัน ตระกูลปัวไม่แม้แต่จะสนใจ ความจริงนั้นใช่ว่าไม่กล้าแตะต้ององครักษ์เสื้อแพร แต่เพราะรู้สึกว่าไม่ได้ช่วยให้ดูดีขึ้น
แต่ทว่าวันที่ 30 เดือนสิบสอง นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่แต่ไรเก็บเนื้อเก็บตัวก็จุดประทัดดังไปทั่ว มีชายหลายคนเข้าออกประตูสำนักองครักษ์เสื้อแพร นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหลิวจี๋หลินสวมชุดมัจฉาเวหา สีหน้ายินดียืนต้อนรับหน้าประตู
เมืองหนิงเซี่ยเป็นเมืองเล็ก บอกว่าเป็นนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหลิวจี๋หลินนำคนจากส่านซีมาร้อยกว่า วันนี้เข้าสู่องครักษ์เสื้อแพร วันหน้าองครักษ์เสื้อแพรก็จะคุมสถานการณ์เมืองหนิงเซี่ย
แม้คนตาบอดตามท้องถนนยังรู้ว่าทุกวันในเมืองมีเรื่องกันเช่นนี้ องครักษ์เสื้อแพรอยู่ๆ มีมาร้อยนาย แท้จริงแล้วคิดทำอะไรกัน หรือว่ามาสู้กับตระกูลปัว
สู้กับตระกูลปัว เจ้ามาสักพันคนยังพอไหว นี่เอามาแค่ร้อย ก็โยนให้หมาป่ากินเท่านั้น ไม่ได้อะไร ยังนำความยุ่งยากมาสู่อีก
สถานการณ์เมืองหนิงเซี่ยตอนนี้ทางการไร้ศักดิ์ศรีนานแล้ว ผู้ใดยังจะคิดเป็นห่วงองครักษ์เสื้อแพร กลับมีแต่คนว่างงานรอดูเรื่องสนุกก็เท่านั้น
*************
“ผู้บัญชาการ เช้านี้ด้านนอกมีคนมาออกันแล้ว!”
หวังทงย้ายเข้าพักในสำนักกองพันองครักษ์เสื้อแพร หลิวจี๋หลินรู้สึกโล่งใจ อย่างไรก็นับว่าคนมาช่วยออกหน้ามาแล้ว แต่ในใจก็เป็นห่วง คนแค่ร้อยกว่าเท่านั้น สถานการณ์เมืองหนิงเซี่ยตอนนี้จะไปทำอะไรได้
หลังจากบอกความกังวลให้หวังทงรู้ หวังทงยังอยู่ต่อ ในเมื่อนายตัดสินใจแล้ว ก็ย่อมไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงได้อีก หลิวจี๋หลินได้แต่จัดการภารกิจตนเองให้ดี
วันที่ 1 เดือนหนึ่ง สำนักกองพันองครักษ์เสื้อแพรไม่ได้มีบรรยากาศเฉลิมฉลอง กลับล้วนเคร่งเครียด มีเรื่องเดียวที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นปีใหม่ก็คือเกี๊ยวที่ได้กินตอนเช้าเท่านั้น
“ไม่ได้มาหาเรื่องหรือ?”
เห็นหลิวจี๋หลินยังไม่ทันได้พูด ก็เริ่มมีสีหน้าอยากจะร้องไห้ หวังทงถามขึ้นอีก
“……เป็นพวกมามุงดู พวกคนไม่มีอะไรทำพวกนั้นมาจองที่ดู……ผู้บัญชาการ ข้าน้อยละอายใจ มาที่นี่ทำหน้าที่สืบข่าว และฝึกทหาร แต่ทำไม่ได้สักอย่าง ปล่อยให้หนิงเซี่ยดูแคลนองครักษ์เสื้อแพรเราได้”
หวังทงยิ้มโบกมือกล่าวว่า
“เจ้าทำได้ไม่เลวแล้ว ถึงกับยังสามารถมีคน 50 กว่าไว้ใช้งานได้ ใช่แล้ว ที่โรงเตี๊ยมทิ้งคนไว้ไหม?”
“เรียนผู้บัญชาการ ทางนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมซื้อของมามากยมาย หวังทงอยู่ ๆ ย้ายออก ช่างขาดทุนหนักเสียจริง เกิดมีเรื่องขึ้นมา ก็ไม่ต้องเก็บเป็นความลับกันแล้ว ดังนั้นหวังทงจึงมอบเงินให้เถ้าแก่ไปหนึ่งเดือนเต็มๆ ยังเพิ่มให้อีกสามส่วน ให้พวกเขากำไรมาก
แม้เป็นเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ยังต้องจัดทหารที่ไว้ใจได้เฝ้าโรงเตี๊ยม เดือนหนึ่งคนงานและเถ้าแก่โรงเตี๊ยมต้องกลับบ้านกัน ล้วนต้องมีคนจับตา ป้องกันไว้ก่อน
“นี่มันที่อะไรกัน?”
“นี่มันรังหนูหรือ?”
“นี่ใช่สำนักองครักษ์เสื้อแพรหรือ?”
“ทั้งวันเอาแต่แอบซ่อนตัวสืบข่าว จับตาดูไปทั่ว ไม่ใช่หนูแล้วอะไร และยังเป็นหนูตัวเมียฝูงหนึ่งเสียด้วย ไอ้หนูตัวเมีย!!”
สำเนียงแปลก แต่ก็เป็นภาษาจีนกลาง หากเป็นวิพากษ์วิจารณ์ ย่อมตะโกนเสียงดังอยู่นอกกำแพงเมือง คนมาหาเรื่องแล้ว หากไม่ได้เตรียมตัวมาโดนด่าก็ย่อมโมโหมาก ในใจเตรียมตัวมาก พอได้ยินก็รู้สึกแปลกๆ
“บอกพวกมันเป็นสตรี เจ้าอย่าได้ไม่เชื่อ แม่หนูองครักษ์เสื้อแพร แน่จริงออกมาสิ หรือว่าบิดาเจ้าปิดประตูพวกเจ้าไว้ ออกมาสู้กันเลยมา!!”
ด้านนอกเริ่มมีคนมาหาเรื่อง หวังทงสวมชุดนายกองธงใหญ่องครักษ์เสื้อแพร ยืนไพล่มืออยู่หน้าสำนัก ดูทหารติดตามในลานด้านหน้า ล้วนสวมชุดองครักษ์เสื้อแพรพื้นที่ กำลังเตรียมตัว ทุกคนสีหน้าตื่นเต้น กำลังยืดเส้นยืดสาย กำมัดถูมือ
“อาวุธทิ้งไว้ด้านใน อีกฝ่ายหากใช้อาวุธ พวกเจ้าค่อยกลับมาเอา”
หวังทงสั่งเสียงดัง ทุกคนพากันรับคำ หวังทงหันกลับไปทางหลิวจี๋หลินข้างๆ ยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าดูสิ คนพวกนี้เบื่อจะแย่แล้ว ให้ทุกคนวิวาทบ้าง ทุกคนดีใจจะตาย!”
“ทหารติดตามผู้บัญชาการล้วนเก่งกล้าราวพยัคฆ์ แน่นอนเอาอยู่”
หลิวจี๋หลินยิ้มรับ หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“ให้พวกเขาบุกอยู่ด้านหน้า คนของเจ้ายืนอยู่ข้างๆ ก็พอ หากเป็นแบบเมื่อหลายวันก่อน คนตระกูลปัวไม่น่าจะเยอะนัก”
“ผู้บัญชาการ คนตระกูลปัวเหล่านี้ล้วนเป็นพวกเดนตาย ทหารติดตามผู้บัญชาการอย่างไรก็ต้องรอบคอบสักหน่อย หรือว่าเลือกคนในกองพันสักหน่อย”
“หากสู้คนข้างนอกไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาติดตามข้าแล้ว คนที่เจ้าใช้การได้ก็แค่ไม่กี่สิบคนนี่นา ไม่เป็นไร!”
กล่าวถึงตรงนี้ หลิวจี๋หลินก็หน้าแดงก่ำ ปีใหม่นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหลิวจี๋หลินให้ลูกน้องได้ ทิ้งคนที่วางใจไว้ราวห้าสิบก็พอ
หวังทงตบมือให้ทุกคนมารวมตัวกัน จากนั้นกล่าวเสียงดังว่า
“ต่อยตีตามสบาย ชนะมีรางวัล หากแพ้ลงโทษทางวินัย!!”
“นายท่านวางใจ ครั้งนี้อย่างไรต้องทำให้นายท่านเสียเงินแน่แล้ว!”
ทุกคนหัวเราะเฮดัง ไม่มีคนกลัวสักคน ล้วนสีหน้าตื่นเต้นอยากออกไปเต็มที ในสำนักองครักษ์เสื้อแพรล้วนเรียกนายท่าน จะได้ไม่เผยสถานะ
หวังทงยิ้มโบกมือกล่าวว่า
“เปิดประตูได้ ลุยมารดามันเลย!”
ลูกน้องรับคำ มีคนเดินไปเปิดประตู ตามหลักย่อมเป็นหานกังและฉีอู่เดินนำหน้าออกไป ทุกคนกรูกันออกไป หวังทงเองก็เดินตามออกไป หลิวจี๋หลินกำลังจะเตือน หวังทงโบกมือกล่าวว่า
“ไม่เป็นไร ยืนหน้าประตูดูอย่างเดียว”
**************
คนตระกูลปัว 80 กว่ารวมเป็นกลุ่ม หัวเราะด่าทอเสียงดัง มีคนยกถุงหนังบรรจุสุราแรงขึ้นจิบเป็นระยะ คน 80 กว่าต่อหน้ามีคน 50 กว่า อีก 30 ไปกองอยู่อีกทาง
คนน้อยต่อยคนมาก เห็นชัดว่าได้เปรียบ องครักษ์เสื้อแพรไม่ได้อยู่ประจำการในเวลานี้ หากออกมาน้อย อีก 30 ก็ย่อมหลบก่อน ความจริงในพวกคนมามุงดูก็คนตระกูลปัวจัดคนมาปะปนเช่นกัน ไว้คอยเยาะเย้ย
กำลังตะโกนดังอยู่ ก็เห็นประตูใหญ่สำนักองครักษ์เสื้อแพรเปิดออก ชายกลุ่มหนึ่งในชุดองครักษ์เสื้อแพรกรูกันออกมา คนตระกูลปัวอึ้งไป คิดไม่ถึงคนพวกนี้กล้าออกมาต่อยกัน
ในขณะที่อึ้งไปนั้น ก็เห็นว่าชายหน้าสุดสิบกว่าคนของพวกองครักษ์เสื้อแพรเข้ามาใกล้ สองแขนกอดอกไว้ ก้าวเท้ายาวบุกขึ้นหน้า
สิบกว่าคนนี้เหมือนเป็นโล่มนุษย์ ก้าวพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง คนตระกูลปัวไม่เคยเห็นวิธีการสู้เช่นนี้ พวกเขาไม่กลัว ตะโกนบุกทันทีเช่นกัน
สองฝ่ายปะทะกันก็รู้ว่าใครเหนือกว่า สิบกว่าคนรวมกำลังก็เหมือนกำลังสิบกว่าคนรวมกัน ปะทะกันซึ่งหน้า แม้ว่าต่อยโดนองครักษ์เสื้อแพร แม้จะเจ็บ แต่สิบกว่าคนก็เดินหน้าชน ยืนไม่แน่น ก็ย่อมต้องล้มกลิ้งไปกับพื้น
องครักษ์เสื้อแพรหลายสิบคนดาหน้าชน คนตระกูลปัวถูกชนล้มระเนระนาด หงายท้อง กระจัดกระจายกันทันที พอถูกแยกออกจากกัน ก็หยุดเดินหน้า หานกังตะโกนดัง องครักษ์เสื้อแพรแบ่งออกเป็นสองส่วน สู้กันด้านละส่วน เป็นการบุกเข้าใส่
คนตระกูลปัวคนหนึ่งสงบใจได้ รู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายชนกระจายเช่นนี้เสียหน้ายิ่ง ตะโกนดังบุกเข้ามาอีก แค่ขยับ ก็เห็นสองคนด้านหน้าพุ่งเข้ามา คนหนึ่งง้างหมัดชก อีกคนรวบเอวไว้ คิดจะต้านทาน เอวก็ถูกอีกคนจับไว้แน่น ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ล้มกลิ้งกับพื้นไปแล้ว ล้มทั้งยืนเลยทีเดียว กำลังจะตะกายขึ้นมา ท้องก็ถูกถีบเข้าอีกหลายที ลุกไม่ขึ้นในทันที
หานกังไม่เหมือนกัน เขาร่างสูงใหญ่ ฝึกมาจากเมืองจี้โจว คนตระกูลปัวตรงหน้าง้างหมัดมุ่งเข้ามา เขาก้าวไปก้าวหนึ่ง ก็ต่อยหมัดตรง เร็วและแม่น ตรงเข้าดั้งจมูก ดัง ‘พลั่ก’ เลือดสาด ได้ยินเสียงลมข้างหู หานกังชะงัก หักข้อศอกกลับไป มีดัง ‘อั่ก’ กุมท้องร่วงทันที
คนมามุงดูเริ่มเงียบกริบ ล้วนกำลังตาค้าง