องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 948 หายนะหลังความสุข
เผ่าหั่วลั่วชื่อเป็นโจรลุ่มน้ำ เป็นชนเผ่าใหญ่สุด มีกำลังมากบนลุ่มน้ำ คนเกินหมื่น ขี่ม้าออกรบได้ราวห้าพันขึ้น และยังมีทหารม้าชุดเกราะอีกราว 500 นาย ในพื้นที่ลุ่มน้ำนี้ เรียกได้ว่าเหิมเกริมได้แล้ว แม้ตอนเผ่าอันต๋าเป็นใหญ่บนทุ่งหญ้า เผ่าหั่วลั่วชื่อก็เป็นเผ่าอิทธิพลที่ถูกมาเชิญให้เป็นพวกเดียวกัน
แม้สายตาคนนอกเป็นขุนพลในสังกัดข่านมองโกล แต่เผ่าหั่วลั่วชื่อเองล้วนเรียกหัวหน้าเผ่าตนเองว่าข่าน ‘ข่านเผ่าหั่วลั่วชื่อ’
สายสัมพันธ์ชนเผ่าเหล่านี้กับเมืองชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินหมิง ก็คือหากเมืองชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือกำลังเข้มแข็ง ก็จะสามารถรักษาความสงบกับเผ่าหั่วลั่วชื่อได้ แต่หากอ่อนแอ ก็ต้องรบไม่หยุด
แต่ทว่าขุนพลชายแดนแผ่นดินหมิงไม่อยากบุกลึกเข้าไปบนทุ่งหญ้าเพื่อสร้างความชอบ เผ่าหั่วลั่วชื่อเองก็ไม่ได้มีกำลังมาก ดังนั้นสภาพการณ์จึงยังคงเป็นเช่นนี้เรื่อยมา
ตั้งแต่มีตระกูลปัว อย่างน้อยก็สงบมาได้ 30 ปี ตระกูลปัวเป็นชาวมองโกล เผ่าหั่วลั่วชื่อก็เป็นชาวมองโกล วาจาร่วมกันมีมาก ทางหนึ่งต้องการเลี้ยงโจรเพื่อตน อีกทางหนึ่งต้องการอาศัยบารมีนายข่มผู้อื่น สายสัมพันธ์ระหว่างกันนับวันยิ่งแน่นแฟ้น
เผ่าหั่วลั่วชื่อตั้งแต่ก่อนที่ปัวไป้จะเป็นคนสำคัญเมืองหนิงเซี่ย แท้จริงแล้วไม่ได้มีอิทธิพลใดบนทุ่งหญ้า แต่สองฝ่ายประสานกันแนบแน่น พวกเขาจึงได้เกลือที่ถูกกว่าคนอื่นจากแอ่งน้ำฮัวหม่า และยังได้รับสินค้าจำนวนมากจากตระกูลปัวไปขายต่ออีกทอด ด้วยเส้นทางการค้านี้ จึงค่อยๆ รุ่งเรืองทีละก้าวขึ้นบนทุ่งหญ้า
เผ่าหั่วลั่วชื่อเคลื่อนไหวชายแดนมานาน ความจริงนั้นก็มีเทศกาลปีใหม่ตรุษจีนแบบแผ่นดินหมิง แน่นอนพวกเขาสามารถตั้งค่ายพักที่แอ่งน้ำฮัวหม่าได้อย่างสบายใจ
ปีใหม่ตรุษจีน ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 15 สำหรับพวกเขา เกรงว่าเป็นเวลาที่ชนเผ่าบนทุ่งหญ้ามีหน้ามีตาที่สุด เพราะเกลือหกส่วนในแอ่งน้ำฮัวหม่าล้วนให้พวกเขาจัดการ แบ่งให้เผ่าต่างๆ บนทุ่งหญ้า อาศัยเรื่องนี้แสดงบารมีตระกูลปัว แม้ว่าตระกูลปัวให้คนสนิทไปจัดการเรื่องพวกนี้ แต่เผ่าหั่วลั่วชื่อก็ได้รับความเคารพอย่างไม่ค่อยหาได้นัก ได้ชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 1 เดือนหนึ่ง เผ่าหั่วลั่วชื่อนำคณะระบำรำฟ้อน มีความสุขฉลองกันทั้งวัน หัวหน้าเผ่าเล็ก 10 กว่าเผ่าเข้าร่วมและมอบของขวัญ ยิ่งทำให้เผ่าหั่วลั่วชื่อมีหน้ามีตา
ตระกูลปัวหนิงเซี่ยเพื่อเอาใจเผ่าต่างๆ บนทุ่งหญ้า ครั้งนี้ยังส่งสุราดีจากในด่านมาให้จำนวนมาก อูฐชอบต้นหลิว มองโกลชอบสุราดี ใต้หล้าล้วนรู้ ได้ดื่มสุราดีฤทธิ์แรงราวกับไฟของแผ่นดินหมิง กลิ่นหอมหาใดเทียบเช่นนั้น ชายบนทุ่งหญ้า หาเสพสุขได้ยาก
แพะย่างวัวย่าง สุราดีมีพอ ฉลองกันตั้งแต่บ่าย พอตกค่ำ ทุกคนล้วนเมามายไปหมด พื้นที่แอ่งน้ำฮัวหม่าเช่นนี้ เป็นชายแดนแผ่นดินหมิง กลุ่มอิทธิพลไม่เข้าใกล้ และที่นี่ยังมีชนเผ่ามากมายมารวมตัว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดภัยอันตราย ทุกคนล้วนปลดปล่อยกันเต็มที่
ตอนฟ้ามืดลง เสียงซอเหลี่ยมขนเผ่ากับเสียงเพลงก็ยิ่งดัง แต่ผิดคีย์เสียเป็นส่วนใหญ่ ดื่มสุราไปก็ยากจะไม่เป็นเช่นนี้ คนฟังก็ฟังไม่ออก
เสียงซอคลอเคลียกับเสียงเพลงอู้อี้ไม่ชัดเจน ขยี้ใบหน้าเรียกสติ ได้ยินเสียงดังตึงตังมา หลายคนยังไร้สติ ไม่รับรู้ว่าเป็นเสียงอะไร แต่ค่อยๆ มีคนได้สติคืนมา เป็นเสียงฝีเท้าม้า เป็นม้าขบวนใหญ่วิ่งมา
หลายคนถูกสุรากล่อมจนไร้สติ ทำให้พวกเขาไม่ได้ยินเสียงทัพม้าที่มาจากที่ไกลออกไป การรวมตัวกันของชนเผ่ามากมายทำให้เสียงดังเอะอะไปทั่ว ยากจะวิเคราะห์กระจ่าง
ชายชนเผ่าเมาได้ที่ ตะโกนดังคว้าอาวุธ หลายคนปีนขึ้นมาก็ร่วงลงมา สตรีและเด็กก็ส่งเสียงร้องไห้ดัง ความสุขสนานกลายเป็นความอลหม่าน
ขบวนทัพม้าน่าจะสามพัน จากหลายทิศทางบนทุ่งหญ้ากำลังมุ่งมาที่นี่ ขบวนทัพม้ามากันแน่นหนา คนบนหลังม้าล้วนสวมชุดหนังยาวแบบทหารม้าทุ่งหญ้า ทุกคนใช้ผ้าปิดหน้า ดูแล้วเหมือนโจรม้าที่ปิดหน้าออกปล้น
แต่กองกำลังพวกนี้ดูแกล้วกล้ากว่ามาก และยังมีระเบียบ พอบุกเข้ามา ด้านหน้าร้อยกว่าคนก็เหมือนธนูที่พุ่งมา ทุกคนกวัดแกว่งอาวุธยาวฟัน สังหารทุกคนที่ขวางทาง คนด้านหลังค่อนข้างไม่แน่นหนา แต่ก็นำคบไฟในมือโยนใส่กระโจมและสินค้า พยายามเผาทุกสิ่งอย่างที่เผาได้
คนเหล่านี้ไม่ค่อยยิงธนู พวกเขารู้ว่าฟ้ามืด ธนูไม่อาจยิงได้แม่นยำ และพวกเขาก็มิได้ตั้งใจโจมตีชนเผ่าที่มารวมตัวกัน เพราะที่นี่ส่วนใหญ่เป็นผู้คุ้มกันมีฝีมือ พวกเขาบุกเข้ามาได้ก็เลือกลงมืออีกทาง จุดหมายพวกเขาก็คือสังหารคนให้มากที่สุด เผาสิ่งของให้มากที่สุด
พวกชนเผ่ารวมตัวกันต้าน พวกโจมตีกลับหันไปทางฝูงสัตว์ ขับไล่ฝูงสัตว์ที่อยู่รวมกันกระจัดกระจายหนีไป มีบางฝูงแตกตื่นตกใจ ถึงกับพุ่งเข้าใส่พื้นที่รวมตัวของพวกชนเผ่า หากหลายฝูงกระจายไปรอบสี่ทิศ
ในสภาวะสนุกสนานสุดขีดและละเลยการป้องกัน ถูกทหารม้ากลุ่มใหญ่โจมตี เผาทำลายไปหมด ก็ย่อมหายเมา พวกที่เหลือมารวมตัวกันเริ่มรวมกำลังต้านอย่างมีระเบียบมากขึ้น แต่ตอนนี้มาจัดระเบียบ ทหารม้าหนีกันไปหมดแล้ว ไม่คิดอยากได้ของจากที่บุกเข้ามาได้ ไม่คิดจะปล้นอะไร
ทว่าผลจากการโจมตีนี้เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายใหญ่พอแล้ว รอบแอ่งน้ำฮัวหม่ากระโจมแต่ละชนเผ่าล้วนถูกไฟเผาโหมกระหน่ำ เสียงร้องไห้ระงมไปทั่ว ทั่วผืนพื้นที่มีแต่สัตว์เลี้ยงวิ่งกระจัดกระจาย
ในที่สุดก็มีคนที่หายเมาเริ่มตะโกนดัง ‘ทุกคนไปดับไฟก่อน รีบไปจับสัตว์เลี้ยงกลับมา!’ ทุกคนจึงได้สติเริ่มทำงานกัน ไม่ไปจับสัตว์เลี้ยงกลับมา ชนเผ่าย่อมไม่อาจทนมีชีวิตไปได้ถึงทุ่งหญ้างอกงามอากาศอบอุ่นเป็นแน่ สัตว์เลี้ยงเป็นทุกอย่างของชนเผ่าทุ่งหญ้า
จากนั้นสถานการณ์ยิ่งวุ่นวาย สัตว์เลี้ยงวิ่งไปทั่ว ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทุกตัวมีสัญลักษณ์ แต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้าไม่เคยเจอกัน ไม่ค่อยไปคิดเรื่องสานสัมพันธ์กัน ตอนนี้แต่ละเผ่ามาใกล้กัน สัตว์เลี้ยงหนีกระจัดกระจายรวมกันไปหมด
แท้จริงเป็นของผู้ใด ก็เริ่มมีปากเสียงกัน กลายเป็นสู้กันอย่างรวดเร็ว สัตว์เลี้ยงเป็นดังของสำคัญ สัมพันธ์ถึงความเป็นความตายของทั้งเผ่า ผู้ใดก็ย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดรังแก ทุกคนล้วนได้แต่ชักดาบออกมาสู้ตาย
เผ่าใหญ่รวบรวมกำลังคน เผ่าเล็กมารวมตัว กลายเป็นสถานการณ์สังหารกันเอง พอทุกอย่างเงียบลงพอควรแล้ว ก็ฟ้าสว่างแล้ว เมื่อวานเสียงสนุกสนานเฮฮากลายเป็นดังนรกบนดินของทุกคนบนแอ่งน้ำฮัวหม่ายามนี้ ศพเกลื่อนกลาด
พื้นที่ค่ายทหารแน่นอนตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง แต่ระยะห่างจากกำแพงเมืองหนิงเซี่ยใกล้พอ หลายวันนี้ กำแพงเมืองส่วนใหญ่เปิดประตู เพื่อให้แต่ละเผ่านำสินค้าเข้าออกได้ตามสบาย บ่อเกลือด้านนอกก็มีสองแห่ง แน่นอนเป็นสองแห่งที่มีกำลังการผลิตมาก
ปัวอวิ๋นบุตรบุญธรรมปัวไป้รับหน้าที่เป็นทหารที่นี่ เขาก็เป็นชาวมองโกล แน่นอนรู้ว่าชนเผ่าบนทุ่งหญ้าเป็นอย่างไร ฟ้ามืดแล้วต้องเข้มงวดป้องกัน
เมื่อคืนวานอยู่เกิดจลาจลใหญ่ ปัวอวิ๋นรีบนำกำลังคนงานและทหารไปคุมกำแพงเมืองเข้ม คนที่เข้าใกล้กำแพงเมืองล้วนต้องป้องกัน สังหารทิ้งให้หมด
แต่การต่อสู้บนทุ่งหญ้าล้วนเป็นการสังหารกันเอง คนริมกำแพงไม่ได้นอนทั้งคืน มองเห็นฉากสังหารกันตลอดไม่หยุด จนกระทั่งฟ้าสว่างจึงได้สงบและกล้าออกไปดู
ปัวอวิ๋นนำทหารในสังกัดไปถึงบ่อเกลือก็พบว่า บ่อเกลือระเนระนาดไปหมด อุปกรณ์เครื่องมือทำเกลือก็ถูกทำลายสิ้น แม้ว่าบ่อเกลือนำเกลือมาใช้ได้ง่าย แต่ไม่อาจขาดเครื่องมือ ขาดเครื่องมือก็ต้องเสียเวลาอีกสิบกว่าวันกว่าจะฟื้นคืน นี่เป็นเรื่องยุ่งยากยิ่ง
ที่ยุ่งยากยิ่งกว่าเห็นจะเป็นชนเผ่ากำลังจะจากไป แต่ละชนเผ่าเริ่มไม่เป็นมิตรกัน ความจริงนั้นเมื่อคืนวานมีหลายเผ่าเล็กถูกกลืนไปแล้ว ถึงกับถูกทำลายไปเลยก็มี เทียบกับเกลือที่ล่อใจแล้ว ความเป็นตายจึงเป็นเรื่องใหญ่กว่า
ปัวอวิ๋นเป็นอันดับสามในตระกูลปัว แน่นอนเข้าใจว่าเหตุใดบ่อเกลือจึงยอมขาดทุน หากคนเหล่านี้ไป มองกันเป็นศัตรู ยังจะทำอะไรได้ ทุกอย่างสูญสิ้นหมด วิธีการที่จะใช้ได้มีไม่มาก ก็ได้แต่เกลี้ยกล่อมปลอบใจกันไป ให้ข้อตกลงที่มากยิ่งขึ้น
การค้าเกลือบนทุ่งหญ้าไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น แม้ว่าเกิดเหตุคืนวาน แต่ให้กำไรยิ่งมาก ก็ย่อมยังมีคนรับปากแกนๆ ยอมอยู่ต่อ
เพราะตอนเกลี้ยกล่อมนั้น คนจากเผ่าป๋อถ่านที่มาขอความช่วยเหลือมาถึง พอเป็นเช่นนี้ เดิมคิดว่าจะไป ก็ไม่กล้าไป สายสืบที่ส่งออกไปกลับมารายงานข่าวอย่างรวดเร็ว ทุกคนในเผ่าป๋อถ่านสองพันกว่า ถูกสังหารเรียบไม่เหลือ……
ทหารม้าทุ่งหญ้าละแวกนี้ราวสี่พัน ยังมองพวกหนิงเซี่ยเป็นศัตรู สถานการณเช่นนี้ การดึงชนเผ่ามาเป็นพวกเป็นเรื่องเล็ก การป้องกันกองกำลังหลังหนิงเซี่ยกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
เรื่องไม่อาจรอช้า ปัวอวิ๋นรีบส่งทหารนำสารไปขอความช่วยเหลือจากในเมือง แอ่งน้ำฮัวหม่าเป็นเส้นเลือดตระกูลปัวไม่อาจปล่อยปละทิ้งไปโดยง่าย ในมือตระกูลปัวที่มีค่าที่สุดก็คือทหารส่วนตัว และในเมืองสงบสุขมาก ปัวเฉิงเอินเป็นรองแม่ทัพเมืองหนิงเซี่ย ยังสามารถเคลื่อนกำลังชายแดนมาได้อีก
กองกำลังหลังหนิงเซี่ยไปเมืองหนิงเซี่ย ม้าเร็วเร่งด่วน วันหนึ่งคืนหนึ่งก็เพียงพอ ข่าวไปถึงเมืองหนิงเซี่ย แม้ตระกูลปัวไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ เร่งส่งทหารส่วนตัวที่เก่งกล้า 1.200 นายไปยังกองกำลังหลังหนิงเซี่ย
***********
เดือนหนึ่งปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 15 เมืองหนิงเซี่ยมีเรื่องร้อนแรงครึกครื้นที่สุด ที่ไม่ใช่เทศกาลโคมไฟ หากเป็นวันที่ 1 เดือนหนึ่ง เขตเถียนสุ่ยจิ่งกลางเมืองมีคนจะตีกัน
ตระกูลปัวมี 150 องครักษ์เสื้อแพรมี 150 สวมแต่เสื้อคลุมหนัง ถือกระบองหัวไม้พันแถบหนังไว้ เริ่มตีกันตอนเที่ยง
พวกว่างงาน ไม่ว่ามีคนจงใจเรียกมาหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ไปตามคนมาดูกันมาก ถึงกับมีคนเริ่มพนันกันว่าใครแพ้ใครชนะ สองฝ่ายตีกัน ผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการล้วนไม่ถามไม่ไถ่ กองพันรักษาความสงบยังถึงกับไม่ไปดูแลรักษาความสงบ
หลายวันนี้ คนรอบเถียนสุ่ยจิ่งถึงกับเริ่มทำการค้า นั่งบนกำแพงราคาเท่าไร นั่งบนหลังคาราคาเท่าไร เก้าอี้ริมกำแพงราคาเท่าไร ถึงกับมีแผงผลไม้แห้งของกินเล่นมาขายด้วย ตามมาดูเรื่องสนุกกัน มาถึงตอนนี้ ย่อมไม่ใช่การชกต่อยธรรมดา แต่เป็นเหมือนละครงิ้วฉากใหญ่แล้ว
ขอเสริมว่า ทหารตระกูลปัวในเมืองตอนนี้มีแค่ 200 คน……