องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 954 ใช้ให้คุ้มค่า วางแผนระยะยาว
ตระกูลปัวคิดไม่ถึงว่าจะได้รับการจัดการเช่นนี้ ตามระเบียบแผ่นดินหมิง หวังทงแม้ไม่เอาโทษ แต่ปัวไป้ก็ต้องปลิดชีวิตตนเอง สมบัติตระกูลปัวต้องถูกริบหมด ทั้งครอบครัวกลายเป็นราษฎรธรรมดา
แต่ตอนนี้แม้ไร้ตำแหน่งขุนนาง แต่ยังให้ความหวังแก่รุ่นสามตระกูลปัว ยังจะได้เป็นทหารเพื่ออำนาจวาสนา ต้องรู้ว่าลูกหลานขุนพลทหาร เทียบกับคนอื่นแล้ว กำลังกายและความคิดเหมาะกับการเป็นทหารมาก โอกาสก้าวหน้าก็มากกว่า สำหรับไปเปิดร้านในเมืองกุยฮว่าเฉิง และมีร้านสาขาที่เทียนจิน แม้ว่าลำบาก แต่ก็สามารถทำให้ชีวิตตระกูลปัวยังคงดีต่อไป แม้ว่าปัวไป้เคยลำบากมา แต่จะให้เขากลับไปเป็นอย่างเดิมย่อมไม่อยากเช่นนั้น ย่อมไม่ต้องพูดถึงครอบครัวที่เคยมีพร้อม
เมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นอย่างไร ปัวไป้และปัวเฉิงเอินล้วนรู้ดี พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือ เกรงว่ามีแต่ไม่กี่เมืองใหญ่ในส่านซีเท่านั้นที่เทียบได้ ให้ตนไปที่นั่น ชีวิตไม่ลำบากไม่ว่า ยังอาจดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
และยังไม่ยึดทรัพย์ตระกูลปัว ให้พวกเขาเก็บทหารไว้ได้อีก ตระกูลปัวอยู่เมืองหนิงเซี่ยมานาน คุมบ่อเกลือ ยังมีการค้าชายแดน ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย สิ่งต่างๆ ที่มีในหนิงเซี่ยเหล่านี้ขายไป นำไปเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่แน่ว่าอาจไปทำอะไรที่ดีได้ยิ่งกว่า
คนตระกูลปัวรู้ว่าเมืองกุยฮว่าเฉิงทำการค้านอกจากต้นทุนแล้ว ยังต้องอาศัยกองกำลังในมือ ให้พวกเขานำทหารไป500 คนได้ ไปเป็นผู้คุ้มกัน 500 คน ด้วยความเชี่ยวชาญทุ่งหญ้าทางตะวันตกของตระกูลปัวไม่ว่าปล้นหรือทำการค้า ย่อมไม่เสียเปรียบ ร่ำรวยใหญ่ก็ว่าได้
ปัวไป้ ปัวเฉิงเอินแม้อยู่เมืองหนิงเซี่ยมีประสบการณ์มานาน พบเรื่องราวมาไม่น้อย เห็นการจบสิ้นและรุ่งเรืองของชนเผ่าบนทุ่งหญ้ามามาก เห็นการล้มและเกิดขึ้นของตระกูลใหญ่ในเมืองหนิงเซี่ยมาไม่น้อย เรื่องพวกนี้มาถึงตนเองในวันนี้ ยังคิดว่าคงมีจุดจบที่น่าอนาถแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้
ความดีใจปะปนเศร้าใจกระหน่ำในใจ อารมณ์ล้วนไม่อาจระงับ แน่นอนย่อมหลั่งน้ำตาโขกศีรษะขอบคุณ
หวังทงรับการขอบคุณของพวกเขาแล้วก็ลุกขึ้นกล่าวว่า
“กลับไปก็ไปลาออกจากตำแหน่ง ส่งมอบอาวุธให้หมด รอพวกเจ้าทั้งครอบครัวออกนอกเมืองค่อยส่งมอบ”
คนเบื้องหน้าโขกศีรษะรับคำ หวังทงเงียบไป กล่าวอีกว่า
“ให้ปัวอวิ๋นส่งมอบกำลังทหารให้ขุนพลทางนั้น ทหารส่วนตัวพวกเจ้าก็ให้ประจำที่เดิม ค่าใช้จ่ายพวกเจ้าจัดการเอง บอกกับปัวอวิ๋นให้เข้าใจสถานการณ์นี้ หากเขาเคลื่อนไหว ทหารข้างนอกก็จะทลายกำแพงเมืองเข้ามาสังหารโจรทันที”
หวังทงกล่าวน้ำเสียงนิ่ง พ่อลูกตระกูลปัวเบื้องหน้าไม่กล้ารอช้า รีบรับคำทันที ปัวอวิ๋นกุมกำลังกองกำลังหลังหนิงเซี่ยซึ่งเป็นกำลังหลักของตระกูลปัว ได้ยินข่าวนี้ก็ยากจะไม่คิดสู้ ถึงตอนนั้นหากเคลื่อนไหว ก็คงยุ่งยาก ที่เรียกว่ายุ่งยากก็คือสังหารทิ้ง กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงติดอาวุธด้านนอกล้วนเป็นกองกำลังติดอาวุธที่ได้เปรียบกว่า ไม่เกรงกลัวเขาแน่นอน
***************
หลิวตงหยางกลัวความผิดปลิดชีวิตตนเอง สมบัติถูกยึด คนในครอบครัวส่งไปเป็นทาสในเมืองกุยฮว่าเฉิง ปัวไป้ปัวเฉิงเอินไม่รู้จักใช้คน จึงขอลาออกจากตำแหน่ง ข่าวนี้รายงานไปยังเมืองหลวงแล้ว
เช้าวันที่ 8 เดือนหนึ่ง ยังคงปกติ ในเมืองหนิงเซี่ย พวกที่การข่าวไวก็ล้วนรู้ว่าติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหวังทงเรียกพบที่ประตูตะวันออก มาถึงตอนกลางวัน ข่าวก็แพร่ไปทั่วเมืองหนิงเซี่ย ทุกคนล้วนแปลกใจ แต่ทว่าก็เข้าใจดี สถานการณ์สงบสมบูรณ์แล้ว
ผู้บัญชาการจางเหวยจงกับผู้ว่าการมณฑลตั่งเซียงคิดส่งทหารติดตามไปกวาดล้างยึดทรัพย์ในทันทีที่ได้ยิน ตระกูลปัวช่างร่ำรวยอ้วนพี ไม่กินสักคำย่อมไม่อาจทำใจได้
แต่พอได้ยินการจัดการของหวังทง พวกเขาก็แต่กลับไปด้วยความผิดหวัง ได้แต่ไม่พอใจ เรื่องอื่นไม่กล้าทำ เพราะตอนนี้ในเมืองส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใต้การควบคุมของกองกำลังหวังทง
“องครักษ์เสื้อแพรส่งคนตามไป 50 นาย ทหารติดตามผู้บัญชาการเหล่านี้ทำอะไรไม่สะอาดนักไม่ต้องสนใจ แต่อย่าให้ทำเรื่องที่เลวร้ายไม่อาจให้อภัยได้”
หวังทงกลับถึงกองพันองครักษ์เสื้อแพร ก็มีคำสั่งให้เฉินต้าเหอนำกองกำลังหนึ่งมุ่งไปยังป้อมทหารของหลิวตงหยาง นอกจากทหารที่นี่ในเมืองหนิงเซี่ย ที่เหลือส่วนใหญ่ร่วมมือกับคนใหญ่คนโตในพื้นที่ไม่น้อย ไม่อาจให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อการ แต่ทว่าก็ง่ายมาก ทหารติดตามผู้บัญชาการจัดการสู้ทหารส่วนตัวตระกูลปัวไม่ได้ รับมือทหารพวกนี้เหลือเฟือ
“เจ้าส่งคนไปตระกูลปัวถามพ่อลูกตระกูลปัว ขอหนังสืออนุญาตไปให้กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงนอกเมืองไปบ่อเกลือเอาเกลือได้ บอกพวกเขาว่าที่นี่ไม่มีปัญหา ร้านสามธาราทิ้งผู้คุ้มกันไว้รับคำสั่ง 500 ที่เหลือกลับได้!”
หลิวจี๋หลินรีบรับคำรีบไป หวังทงสั่งกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง ผู้ใดก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธแน่นอนเลี้ยงด้วยเงินและเสบียงตนเอง แต่หวังทงทำงานแต่ไหนแต่ไรมาก็มีให้มีรับ ให้พวกเขามา ย่อมมีผลประโยชน์ให้ เกลือที่บ่อเกลือฉือเหยียนก็คือค่าตอบแทนให้แก่พวกเขา
เกลือที่บ่อเกลือฉือเหยียนตอนนี้นับเป็นเกลือคุณภาพดีที่สุด พื้นที่เมืองกุยฮว่าเฉิงเองมีบ่อเกลือ แต่กำลังการผลิตแค่เพียงพอสำหรับในเมืองเท่านั้น ยังต้องนำเข้าจากซานซีและที่อื่นๆ อีก หนิงเซี่ยมีการค้าบ่อเกลือไม่น้อยเป็นของเมืองกุยฮว่าเฉิงใช้รถใหญ่ม้าสี่ตัวบรรทุกเกลือจากบ่อเกลือฉือเหยียนกลับ ค่าใช้จ่ายพอคิดดู ดีไม่ดียังกำไรได้อีก
สำหรับทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงแล้ว เกลือสำคัญกับพวกเขาเช่นกัน แต่ล้วนขี่ม้ามา แม้ว่าเอาม้าลากเกลือกลับ ก็ไม่ได้มากมายอันใด หวังทงให้ใบอนุญาตไป อาศัยใบนี้ ก็สามารถซื้อเกลือได้ราคาถูก ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงย่อมต้องได้ประโยชน์ คนเหล่านี้ทำงานคุ้มกันให้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ แต่ยังรับคำสั่งหวังทง แน่นอนย่อมไม่ให้พวกเขาต้องกลับไปมือเปล่า
พ่อลูกตระกูลปัวลาออกไปตามขั้นตอน ผู้บัญชาการกับผู้ว่าการมณฑลล้วนได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ ปัวไป้เขียนจดหมายให้ปัวอวิ๋น ส่งคนนำไป จดหมายให้คนหวังทงอ่านแล้ว และยังให้คนสนิทไปติดต่อหน่วยงานต่างๆ ผู้คุ้มกันหลิวตงหยางในตระกูลปัวในเมืองตอนนี้ถูกจับมัดหมด ตนเองก็โยนอาวุธออกนอกจวนไปรอจัดการ
สื่อชีนำคนไปตรวจสอบในจวน จากนั้นก็เก็บอาวุธด้านนอกกลับ ให้ผู้คุ้มกันกลับไปทำงานต่อ ในเมื่อตระกูลปัวไม่แอบซ่อน ก็ย่อมไว้หน้า
หลิวจี๋หลินทำงานกลับมา เมื่อก่อนตอนเขามายังเมืองหนิงเซี่ย ไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลปัวไม่ไว้หน้าอย่างไร เพราะผู้ว่าการมณฑลกับผู้บัญชาการ หรือแม้แต่กองพันรักษาความสงบก็ยังไม่มองหน้า แต่ตอนนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจไม่เคารพ หลิวจี๋หลินดีใจมาก ยิ่งเลื่อมใสบูชาหวังทง
ทุกคนเก็บเนื้อเก็บตัวกันมานาน พอหวังทงมาได้ไม่กี่วัน ต่อสู้กันไปหลายรอบ ตายไปหนึ่ง จัดการได้เรียบร้อยอย่างง่ายดายเพียงนี้ ช่างเป็นผู้มีความสามารถเหนือคนทั่วไปจริงๆ
แต่ทว่าหลังหวังทงมาถึงเมืองหนิงเซี่ย งานหลิวจี๋หลินก็ยุ่งกว่าเมื่อก่อนมาก หลิวจี๋หลินแอบละอายใจ ผู้บัญชาการไม่มา ไม่รู้ตนเองมีงานมากมายที่ไม่ได้ทำ
พอกลับถึงที่ทำการ ก็มีคนมาตาม บอกท่านโหวสั่งให้นายกองพันหลิวกลับมาให้ไปพบ
**************
“ทหารติดตามตระกูลปัวมากมาย จะนำไปที่เมืองกุยฮว่าเฉิง 500 อีกสองพันกว่าไม่มีที่ไป เจ้าต้องจัดการ อีกสักครู่ไปออกเอกสารรับรองรายได้ให้พวกเขา เก็บไว้ใช้ คนตระกูลปัวจะช่วยเจ้าจัดการ”
หลิวจี๋หลินมาถึง หวังทงก็เปิดเรื่องตรงไปตรงมาทันทีไม่อ้อมค้อม ทหารตระกูลปัวที่หนิงเซี่ยเรียกได้ว่าแกล้วกล้า อยู่ๆ ให้ปลดประจำการ ดีไม่ดีอาจมีคนคิดก่อการ แม้ไม่ก่อการก็ไม่อาจคุมได้ กองกำลังเช่นนี้หากปลดไปย่อมน่าเสียดาย
ดังนั้นหวังทงจึงคิดให้หลิวจี๋หลินคว้ากองกำลังนี้ไว้ หลิวจี๋หลินรีบรับคำ แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่เล็ก เขาถามขึ้นจริงจังว่า
“ผู้บัญชาการ ข้าน้อยมีตำแหน่งว่างอีกแค่ 200 ที่เหลือหากคัดทหารอ่อนแอและชราภาพออกก็ว่างราว 500 หากมากกว่านี้เกรงว่าไม่พอ คนที่เหลือหากเป็นทหารส่วนตัวข้าน้อย ก็คงถูกคนยื่นฎีกา”
“เลือก 500 ไว้รับคำสั่งโดยตรงก็พอ แต่เจ้าต้องคุมให้อยู่ก่อน เจ้าตอนนี้มีคนแค่ไม่กี่สิบ หากนำเข้ามา 500 คนอื่นกลับมาเป็นใหญ่แทน”
หวังทงเตือน กล่าวต่อ เห็นว่าเขาคิดการไว้หมดแล้ว
“ที่ข้าคิดไว้ก็คือให้เจ้ารับกำลังผู้คุ้มกันข้างนอก 500 เข้าเป็นองครักษ์เสื้อแพร ส่วนทหารส่วนตัว 2,000 กว่าของตระกูลปัว ส่วนหนึ่งให้ไปคุ้มกันบ่อเกลือ อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้คุ้มกันร้านสามธาราที่จะเปิดใหม่ สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าใช้กำลังมากคุม ย่อมสบายขึ้นมาก”
“ผู้บัญชาการช่างรอบคอบ”
หลิวจี๋หลินกล่าวอย่างดีใจ หวังทงโบกมือ ไม่สนใจวาจาพวกนี้
“แต่ทหารส่วนตัวตระกูลปัว เจ้าจะต้องรีบกุมไว้ในมือให้ดี ให้พวกเขาฟังคำสั่งเจ้าแต่โดยดี เจ้าทำได้ไหม?”
หลิวจี๋หลินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคำนับกล่าวว่า
“ขอผู้บัญชาการวางใจ เบี้ยหวัดและเสบียงเพียงพอ ใช้การฝึกแบบกองกำลังหู่เวย รับรองว่าพวกเขาจะจงรักภักดี แต่ทว่าขุนพลทหารฝึกซ้อม ยังคงต้องให้ผู้บัญชาการดูแล ที่นี่มีแค่สี่คนมาจากเทียนจิน ดูแลไม่ไหวจริงๆ”
“มีความมั่นใจเช่นนี้ก็ดี นอกเมืองมีกลุ่มผู้คุ้มกันขบวนพ่อค้า 500 ทหารสูงวัยอย่างน้อยก็ 150 ที่เหลือล้วนฝึกมาจากระบบกองกำลังหู่เวย พวกเขาล้วนนำมาเป็นครูฝึกได้ เจ้ารู้ไหมทำไมให้เจ้าคุมกำลังกองใหญ่เช่นนี้?”
หวังทงอยู่ๆ ถามขึ้นเช่นนี้ กลุ่มผู้คุ้มกันพ่อค้า 500 ทหารตระกูลปัวเกือบ 2,000 ที่เพิ่มเข้ามา นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหลิวจี๋หลินมีกำลังไม่ด้อยกว่าตระกูลปัวตอนนั้น หลิวจี๋หลินคิดแล้วก็คำนับกล่าวว่า
“เพื่อปกป้องบ่อเกลือ ทำให้เมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ต้องกังวลเรื่องเกลืออีกต่อไป”
“นี่ก็เรื่องหนึ่ง เรื่องอื่นเล่า?”
“เพื่อคุมแต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้าต่อไป……” ”ไม่สิ เพื่อให้อีกสิบปีต่อไปนี้หากแต่ละเผ่าบนทุ่งหญ้า ไม่สวามิภักดิ์แผ่นดินหมิงก็ขับไล่ไปทะเลทรายหรือให้ขึ้นเหนือไป กำลังกองนี้ ช่วยจับตาดูผู้บัญชาการทหารประจำหนิงเซี่ยกับผู้ว่าการมณฑล”
หวังทงกล่าวตรงๆ หลิวจี๋หลินได้ยินก็สะดุ้ง กลับไม่เกรงกลัว หากคำนับกล่าวว่า
“ข้าน้อยโง่เขลา ขอแค่ผู้บัญชาการบอกกล่าว ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟไม่เกรงกลัวความตาย!!”