องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 966 เทียนจินมีสำนักศึกษา
ราชสำนักจัดการตัดสินเรื่องการจัดการหลังความพ่ายแพ้ของเมืองเหลียวโจวที่ป้อมหม่าเอ๋อร์ตุนแล้ว ขุนนางใหญ่ก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้อีก
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว พูดถึงเผ่าหนี่ว์เจิน พวกเขาคิดถึงเรื่องแรกย่อมไม่ใช่ชาวบ้านทางตอนเหนือและตะวันออกเมืองเหลียวโจว แต่เป็นเรื่องพวกที่ทำลายราชวงศ์ซ่งเหนือ
ตอนนั้นจุดมุ่งหมายของการตั้งเมืองเหลียวโจว ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากมองโกล ยังมีอีกเรื่องที่ไม่ได้กล่าวชัดเจน แต่ทุกคนล้วนเข้าใจดี ก็คือการป้องกันศัตรู เกาหลี แม้ว่าเกาหลีอ่อนแอ แต่ประเทศอย่างไรก็เป็นประเทศ ไม่อาจไม่วาดเขตแดนและเตรียมป้องกัน
เผ่าหนี่ว์เจินจะสักเท่าไรกัน ก็แค่พวกป่าเถื่อนเลี้ยงหมูก็เท่านั้น อิทธิพลอำนาจตอนนี้ไม่คู่ควรเป็นศัตรูแผ่นดินหมิง ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง การพ่ายศึกของเมืองเหลียวโจวเป็นเพราะพวกเขาประมาทศัตรูเท่านั้น ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายมีกำลังเข้มแข็งแต่อย่างใด แต่ว่าตั้งแต่หลี่เฉิงเหลียงมีชื่อทั่วหล้า เหตุใดการต่อสู้ล้วนเป็นกับมองโกลแต่ละผ่า ไม่เคยเอ่ยถึงเผ่าหนี่ว์เจิน
วงราชสำนักล้วนคิดเช่นนี้ ความจริงนั้นคนส่วนใหญ่แม้แต่พื้นที่เมืองเหลียวโจวเป็นเช่นไรก็ยังไม่รู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์นอกกำแพงเมืองชายแดนเหลียวโจว
หวังทงรวบรวมข่าวมาได้ไม่น้อย แต่มีค่าจริงๆ ไม่มาก เมืองเหลียวโจวกับพ่อค้าต่างเผ่า มีไปมาหาสู่กันนอกกำแพงเมืองไม่กว้างใหญ่นัก พวกเขายากที่จะสมาคมกับเจ้าของพื้นที่ โดยเฉพาะยามสงครามเช่นนี้ พวกเจ้าของพื้นที่ต่างก็ยิ่งเป็นปรปักษ์กับคนจากแผ่นดินหมิง
รู้แต่ว่า ตอนนี้กำลังนู่เอ่อร์ฮาชื่อขยายอิทธิพลรวดเร็ว ทหารเมืองเหลียวโจวออกศึก ป้อมต่างๆ นอกกำแพงเมือง ล้วนวางตัวเหิมเกริม นู่เอ่อร์ฮาชื่อก็เอาแต่เลี่ยงการต่อสู้ กองกำลังต่าง ๆ ในพื้นที่ล้วนโกรธแค้นกองกำลังหมิง หากยังรบกับนู่เอ่อร์ฮาชื่อเช่นนี้ต่อไป ไม่รู้แพ้ชนะเสียที ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงเขาในแถบเขาไป๋ซานแม่น้ำเฮยสุ่ยยิ่งเกรียงไกร กลายเป็นวีรบุรุษ ชนเผ่ามากมายล้วนไปสวามิภักดิ์
หวังทงเข้าใจดีมาก ชาวเผ่าหนี่ว์เจินขยายอิทธิพลอำนาจไปมากเพียงใด พวกเขาตอนนี้ก็ยังคงเป็นได้แค่เม็ดทราย กระจัดกระจาย เมืองเหลียวโจวตอนนี้ระดมกำลังแล้ว ชาวเผ่าหนี่ว์เจินรวมกำลังได้มากเพียงใด ผลก็จะถูกสังหารมากเพียงนั้น ชัยชนะเมืองเหลียวโจวจะยิ่งยิ่งใหญ่ หวังทงยังคงมองสถานการณ์ในแง่บวก
….
หลังมั่นใจว่าหวังทงไม่คิดยื่นมือข้องเกี่ยวเรื่องราวเหลียวโจว บรรดาขุนนางราชสำนักก็เปลี่ยนความสนใจไปยังเรื่องเงินทองอย่างรวดเร็ว
ภาษีหลังปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 มาก็เริ่มลดลงทุกปีติดกัน หากไม่ใช่เมืองชายแดนไร้สงคราม ผู้บัญชาการแต่ละแห่งไม่มีเหตุมาขอเบี้ยหวัดและเสบียง ใต้หล้าก็ยังเป็นสุขได้ พื้นที่อุทกภัย แผ่นดินไหวก็ไม่มากนัก ใช้จ่ายเงินท้องพระคลังไม่มากเท่าไร ในวังยังหาเงินมาได้เองจากที่ดินและรายได้อื่นอีกไม่น้อย ไม่ต้องการเพิ่มเติมจากท้องพระคลัง ก็เพราะการใช้จ่ายไม่มาก ดังนั้นจึงยังคงประคับประคองไปได้
แต่สถานการณ์เช่นนี้ช่างทำให้คนรู้สึกไม่อาจสบายใจได้ หากยังคงลดลงเช่นนี้ต่อไป ไปถึงระดับปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 5 เช่นนั้นย่อมขาดสมดุลแล้ว อย่างไรค่าใช้จ่ายก็ไม่เคยลดลง แต่รายได้กลับต้องมาน้อยลง
จะทำเงินเพิ่มให้ราชสำนักอย่างไร ก็กลายเป็นปัญหาที่ทุกคนให้ความสนใจที่สุดตอนนี้ วงราชสำนักต่างก็ยื่นฎีกาให้ความเห็น เสนอแนวคิดและวิธีการตนเอง หากส่วนใหญ่ล้วนใช้การไม่ได้
ตอนนี้เก็บได้น้อยเพียงนี้ เหตุใดเมื่อก่อนเก็บได้มากเพียงนั้น ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงร้อนพระทัยในเรื่องนี้มาก ทรงไม่อยากให้พอไร้จางจวีเจิ้ง แต่ละคนก็ไร้สามารถทุกเรื่อง แต่ความจริงนั้นก็เป็นเช่นนี้ หลังปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 11 เป็นเพราะผลงานจางจวีเจิ้งทำได้ดี แต่ตอนนี้ล้วนตรงกันข้าม
และเพราะเช่นนี้ ฮ่องเต้ว่านลี่จึงทรงให้หวังทงไปคิดหาวิธี ดูว่าจะมีทางทำให้มีพื้นที่ทำเงินเช่นเทียนจินได้อีกหรือไม่ หากมีอีกสักที่ เช่นนี้ช่องว่างรูรั่วเงินทองก็อุดง่ายมาก
หวังทงจัดการเทียนจินมาสิบปีเต็ม ๆ จึงได้มีความสำเร็จเช่นวันนี้ คิดจะทำขึ้นมาอีกแห่ง ไหนเลยจะง่ายเพียงนั้น
หากหวังทงกลับไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ อย่างไรโอรสสวรรค์ก็แค่วาจาคุยทั่วไป กลับจากหนิงเซี่ยมา มีเรื่องที่ได้คุยกันมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวกับการค้า เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปล่อยให้เป็นไป เถ้าแก่ร้านเงินสามธารา ร้านประกันภัยและการค้าๆ ต่าง ๆ พากันมาที่นี่เพื่อหารือกันทั้งวัน วางแผนการค้า ตัดสินใจได้เรื่องหนึ่ง ก็มีคนรีบเร่งนำไปยังตอนเหนือหรือไม่ก็ตะวันตกเฉียงเหนือ
….
คนที่รีบเร่งเดินทางไปยังตอนเหนือหรือตะวันตกเฉียงเหนือเหล่านี้เกือบทั้งหมดต้องอยู่ประจำที่นั่น คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนเก่งในสายระบบเครือสามธารา
ยามนี้ได้แสดงให้เห็นถึงเรื่องที่หวังทงตอนนั้นสร้างสำนักศึกษาการค้ามา ตอนนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดี เครือร้านสามธาราเริ่มขยายตัว พวกคนที่จบมาเก่งกล้าสามารถก็ออกไปประจำยังที่ต่างๆ คนที่ส่งออกไปล้วนสามารถจัดการได้อย่างดี ที่ยังเหลือไว้ข้างกายก็ล้วนใช้งานได้ดี ระบบการค้าก็พัฒนาไปในทิศทางที่ดี ก็เพราะมีกำลังเสริมเฉพาะทางที่ส่งเข้าสู่ระบบไม่ขาด
ตามที่เป็นมาหลายเรื่องในแผ่นดินหมิง ตอนหวังทงอยู่เทียนจิน พ่อค้าเทียนจินยังอยากสมาคมกับสำนักศึกษาการค้าให้ดี หากพอหวังทงไป พวกเขาก็ย่อมไม่คิดเรื่องพวกนี้
นักเรียนจากสำนักศึกษาการค้าพอเข้ามาทำงานก็รับเงินเดือน และยังสูงกว่าคนงานทั่วไปมาก ตามหลักแล้วการมาเรียนรู้งาน ให้แค่กินอยู่ ไม่มีเงินเดือน ถือเป็นธรรมเนียม มีคนงานมากมายที่เทียนจินที่คิดจะเข้ามาทำงานร้านค้า ไยต้องไปหาคนจากสำนักศึกษาการค้าอะไรนั่นด้วย!
คนอื่นไม่เอา แต่เครือข่ายสามธาราไม่อาจไม่เอาไว้ อย่างไรร้านสามธาราแต่ละร้านก็ล้วนเป็นกิจการใหญ่ เงินเดือนไม่ต้องใส่ใจมาก พอนำมาใช้งานกลับใช้งานได้ดี นักเรียนที่มาทำงานใหม่เหล่านี้เข้าใจธรรมเนียม ทำไม่กี่เดือนก็ชำนาญ คนงานปกติต้องเรียนให้เป็นระดับคนงานเชี่ยวชาญได้ก็ต้องใช้เวลาสามปี คนจากสำนักศึกษาการค้าแค่ครึ่งปีก็สามารถชำนาญงานได้ ปีเดียวก็เป็นดังคนเก่าคนแก่ของร้านได้ แน่นอนการทำงานและการติดต่อสื่อสารกับสังคมก็คงต้องใช้เวลา แต่สถานการณ์เช่นนี้ กลับทำให้เครือข่ายสามธาราหาคนออกไปขยายกิจการได้มากยิ่งขึ้น
เครือข่ายสามธาราสะสมเงินทองได้จากเทียนจินแสนรุ่งเรือง เงินทุนสะสมมากพอควร ไม่มีความจำเป็นต้องหาที่ดินเพิ่มอีก ก็ได้แต่ขยายการค้าไปยังแต่ละเมืองในเขตปกครองเหนือ ไปซานตงและเหอหนาน ไปซานซีและส่านซี ถึงกับไปนอกด่านกับทางใต้ คนจากสำนักศึกษาการค้าก็เป็นกำลังคนที่เข้ามาเสริม และทำได้ดังที่พวกเขาต้องการ
เทียนจินไม่ใช่มีแค่ร้านเครือข่ายสามธารา ร้านที่ต้องการขยายกิจการอื่นไม่เพียงแค่ร้านเครือข่ายสามธาราแห่งเดียว แต่พวกเขาล้วนมีปัญหาใหม่ ส่งคนที่ไว้ใจไป การค้าร้านเดิมเองก็มีผลกระทบ หากส่งคนไม่ไว้ใจไป เงินที่โยนไปก็เท่ากับโยนซาลาเปาปาหัวสุนัข
ตอนนี้พวกเขาจึงได้เห็นข้อดีของสำนักศึกษาการค้า คิดจะรับคน แต่ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว เหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะเครือข่ายสามธารารู้ข้อดีของคนจากสำนักศึกษาการค้า พวกเขาจึงเริ่มส่งเงินทองเข้าสู่สำนักศึกษาการค้าและยังเซ็นสัญญากับพวกที่ยังไม่จบ ให้พวกเขาพอจบการศึกษาก็สามารถมาทำงานที่ร้านเครือข่ายสามธาราได้ทันที
สำนักศึกษาการค้าเป็นกิจการหนึ่งของเครือข่ายสามธารา หากเครือข่ายสามธาราก็ยังทำตามธรรมเนียม คนอื่นไม่อาจหาเหตุมาแย้งได้
พ่อค้าอื่นแน่นอนไม่พอใจ แต่หาเหตุมาเป็นข้อโต้แย้งไม่ได้ ได้แต่ให้เงินเดือนสูงเพื่อรับคนงานมีความสามารถแทน ทางหนึ่งก็หารือกับสำนักศึกษาการค้า อีกทางหนึ่งก็เริ่มเปิดชั้นเรียนอบรมระยะสั้น อย่างไรก็ต้องหาทางแบ่งสรรกำไรให้ตนบ้าง อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้เครือข่ายสามธารากินรวบไปคนเดียว
แต่ทว่าพวกเขาอย่างไรก็สายไปก้าวหนึ่ง เทียบกับเครือข่ายสามธาราแล้วช้าไปถึงครึ่งปี รอเครือข่ายสามธารายืนหนึ่งในแต่ละพื้นที่แล้ว พวกเขาจึงเพิ่งไปถึง
สำนักศึกษาการค้าค่อยมีชื่อเสียงตามไปด้วย คนในพื้นที่หากเห็นบุตรหลานเรียนตำราไร้อนาคต ก็ล้วนอยากยัดเข้ามาสู่สำนักศึกษาการค้า เป็นขุนนางไม่ได้ ทำการค้าทำกำไรได้ก็ยังดี เมืองเหอเจียนและเมืองซุ่นเทียนมีคนไม่น้อยเห็นหนทาง ค่อย ๆ ส่งคนมากัน ตอนนี้ไม่เพียงแต่เมืองในเขตปกครองเหนือ แม้แต่ซานตง เหอหนาน ซานซี ก็ล้วนมีคนมา
คนมากมายเช่นนี้ สำนักศึกษาก็ต้องขยาย สำนักศึกษาใหม่ตอนนี้กำลังสร้างบนพื้นที่โรงนาเดิม เงินขยายกิจการก็เป็นพ่อค้าเทียนจินร่วมกันออกเงิน สำหรับพวกเขาแล้วไม่จำกัด เพราะยิ่งออกเงินมาก พวกเขาก็ยิ่งได้ส่วนแบ่งมาก
ตอนนี้ทุกคนล้วนวิเคราะห์ได้ว่า เช่นนั้นวันหน้าอนาคตทุกคนย่อมไม่หยุดแค่เทียนจินที่เดียว หากเจ้าเตรียมตัวดี ย่อมมีโอกาสร่ำรวย
เครือข่ายสามธาราไม่นิยมกินรวบ แน่นอนเพราะผลประโยชน์ข้างนอกมากมายเกินกว่าที่จะกินรวบไว้คนเดียว ต้องการให้ทุกคนไปช่วยกันแบ่งปัน โอกาสก็แค่พวกมีการเตรียมพร้อม ทุกคนไร้พื้นฐานที่ดี ถึงตอนนั้นก็ย่อมพลาดโอกาสอำนาจวาสนา ไม่อาจโทษผู้ใด
เทียบกับคนที่แห่ไปยังสำนักศึกษาการค้า สำนักศึกษาทั่วไปก็เงียบเหงาอย่างมาก คิดจะเรียนภาษาต่างชาติก็ต้องมีพรสวรรค์ และอย่างไรก็ย่อมต้องมีพื้นฐานการศึกษามาบ้าง คนพวกนี้หาได้ยาก หากไม่ใช่ว่าตอนนี้การค้ากับต่างชาติกำลังรุ่งเรือง เงินเดือนสูง หน้าประตูเงียบเหงาเกรงว่าคงเลี่ยงได้ยาก
แต่ทว่าเทียบกับความน่าสนใจแล้ว สำนักศึกษาทั่วไปก็มีคนต่างชาติมาเรียนภาษาจีนแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนขาวมาจากทะเลใต้หรือไม่ก็อินเดีย อาจเป็นพ่อค้าเอง อาจเป็นตัวแทนที่ส่งมา พวกเขาพอรู้ภาษาจีนบ้าง แต่ในสภาวะแห่งความรุ่งเรืองนี้ รู้สึกว่าตนเองต้องการรู้ให้มากขึ้นอีก สำนักศึกษาทั่วไปพวกนี้จึงตรงตามความต้องการพวกเขาพอดี
สำนักศึกษาการค้าการค้าจัดการศึกษา ล้วนเป็นสำนักศึกษาที่หวังทงก่อตั้งตอนอยู่เทียนจิน ความจริงนั้นคนโรงช่างสามธารากับโรงต่อเรือสามธาราล้วนก็เป็นระบบการจัดการเช่นนี้
แต่ทว่าพวกที่ยอมไปเรียนรู้ที่โรงช่าง ล้วนมีแต่พวกชาวบ้านยากจนที่อาศัยอยู่แถบสบแม่น้ำที่อพยพมาจากนอกเมืองเท่านั้น พวกเขาไม่มีหนทางในเทียนจินมากนัก เห็นโรงช่างรายได้ดีก็ย่อมหวั่นไหว ก็ถือว่าเป็นการแสวงหาอนาคตให้ลูกตนก็ไม่เลว
โรงต่อเรือสามธาราความจริงนั้นเป็นการอบรมช่างต่อเรือและลูกเรือพร้อมกัน แต่ความเป็นตายบนท้องทะเลยากคาดเดา แม้แต่พวกชาวเลชาวประมงแต่เกิดก็ยังไม่อยากให้ลูกหลานตนได้ทำงานนี้ต่อ แต่ทว่าสำหรับหลายคน เรียกได้ว่าไม่มีทางเลือกมากนัก ล้วนลำบากเลี้ยงชีพ ทางนี้ก็มีคนงานมาแทน แต่ทว่าไม่ได้มากนัก เทียบกับสำนักศึกษาการค้าไม่ได้
….
“หวังทง ที่เราเคยพูดไว้ ให้หาที่ทำให้เหมือนเทียนจิน เจ้ามีแผนหรือยัง?”