องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 970 เถียนอี้จัดการ ถามแนวทางจากหวังทง
เมืองซงเจียงมีตำแหน่งขุนนางบัณฑิตก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่งดเว้นภาษี
ใกล้กลางฤดูใบไม้ร่วง ข่าวแรกที่แน่นอนของราชสำนักก็ออกมา เพื่อเพิ่มภาษีให้เข้าคลังมากขึ้นจึงให้เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า แน่นอนสินค้าเข้าออกเมืองซงเจียง ยังต้องให้ร้านค้าที่เปิดในเมืองซงเจียงจ่ายภาษี แต่ไรมาพวกเรียนหนังสือสอบได้ตำแหน่งหรือขุนนางบัณฑิตใดก็ล้วนได้รับการยกเว้นภาษี เป็นกฎมาแต่เดิม แต่ที่เมืองซงเจียง หากยังคงสิทธิแบบเดิม ราชสำนักทำเช่นนี้ ก็เหมือนตัดชุดแต่งานให้ผู้อื่นใส่ ลำบากไปทำไมกัน
เทียนจินไม่มีผู้ใดไม่ต้องจ่ายภาษี เมืองซงเจียงก็ควรทำเช่นกัน ตามข่าวมาว่าแตะต้องผลประโยชน์ขุนนางบุ๋นเข้าอาจทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่ได้ แต่ไม่ว่าราชสำนักหรือท้องที่ ล้วนเหนือความคาดหมาย ไม่มีผู้ใดสร้างคลื่นใต้น้ำหรือมีปฏิกิริยาใด มีแต่พวกหัวเก่าที่ออกมาค้านเท่านั้น
อย่างไรเมืองซงเจียงก็แค่เมืองหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์คนส่วนใหญ่ ไยต้องการมาค้านให้ลำบาก และมีเรื่องสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง ก็คือข่าวนี้เป็นการรับรองแล้วว่าจะเปิดท่าการค้า
ข่าวจากเมืองหลวงแพร่ไปทั่วหล้าถึงกับช้ากว่าข่าวทั่วไปมาก เพราะในวังและนอกวัง หลายคนไม่อยากให้ข่าวนี้แพร่ออกไป คนรู้ยิ่งน้อย ก็ยิ่งมีโอกาสยิ่งมาก
ตอนนี้พวกขุนนางใหญ่ที่นิ่งที่สุดได้ส่งคนของตนไปกันแล้ว กระถางเงินทองใกล้เปิดแล้ว ผู้ใดเข้าใกล้ได้เร็วกว่า ผู้นั้นก็จะได้ผลประโยชน์ไปยิ่งมากกว่า
แน่นอนราชสำนักจัดการเมืองซงเจียงเช่นนี้ก็ย่อมมีเรื่องให้ต้องคิดไว้ก่อน แต่ละเมืองทางใต้ ผู้มีอำนาจวาสนามีมาก เดินไปตามถนนทั่วไป ดีไม่ดีก็อาจเป็นญาติขุนนางระดับสูงชั้นสองหรือสามในราชสำนักก็เป็นได้ คิดจะงดเว้นสิทธิพิเศษที่เคยมีมา เช่นนี้ย่อมต้องมีเรื่องโต้แย้งกันสักหน่อย
แต่เมืองซงเจียงกลับแปลก หลายปีก่อนตระกูลสวีเมืองซงเจียงครองผู้เดียว ที่เหลือล้วนไม่มีที่ยืนในเมืองซงเจียงสักเท่าใด ทั้งเมืองล้วนอยู่ใต้อำนาจคนตระกูลเดียว แต่พอตระกูลสวีถูกโจรสลัดเข้าปล้น คืนเดียวสิ้นตระกูล จากนั้นราชสำนักก็กวาดล้างทุกคนในเมืองซงเจียงด้วยเหตุเพราะตระกูลสวีสมคบโจรสลัด ตอนนั้นหากเป็นคนมีอำนาจวาสนาและสถานะใหญ่โต ผู้ใดบ้างไม่มีสายสัมพันธ์ตระกูลสวี จึงถูกกวาดล้างไปในคราวเดียวกันนี้หมดสิ้น
จากเรื่องนี้ เมืองซงเจียงตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีกลุ่มอำนาจผลประโยชน์ใด ล้วนเป็นกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง คิดจะวาดใหม่ก็ง่ายสะดวกมาก
ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงคิดเข้าใจเรื่องนี้แล้วก็ทอดถอนพระทัย หวังทงทำงานไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย เลือกเมืองซงเจียง เมืองซงเจียงก็มีความเหมาะสมหลายประการ
ในวังและราชสำนัก ข่าวแต่ละด้านส่งมายังหวังทงไม่หยุด หัวหน้าสำนักส่วนพระองค์ขันทีคนใหม่เถียนอี้ไม่ชอบใจหวังทงจริง แต่ยังไม่ได้แสดงความเป็นศัตรูชัดเจน
ตามที่เถียนอี้ได้คุยส่วนตัวมากับคำวิจารณ์จากแหล่งต่างๆ เกี่ยวกับหวังทง ล้วนกล่าวว่าหวังทงไร้คุณธรรม เป็นขุนนางชั่ว คิดว่าการกระทำหวังทงเป็นการผิดต่อหลักการคุณธรรมชั้นสูง ทำให้โอรสสวรรค์ทรงลุ่มหลงในเงินทอง ย่อมเป็นการทำลายความดีงาม ทำให้ผู้คนจิตใจแปรเปลี่ยนจากความดี
แต่ทว่าความสามารถหวังทง เถียนอี้เองไม่อาจปฏิเสธ ขุนนางชั่วหากไร้สามารถก็ย่อมอาจเรียกขุนนางชั่วได้ นี่เป็นข้อสรุปเถียนอี้ หวังทงเป็นขุนนางบู๊ หากไร้สามารถทำเงินทำศึก จะเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงโปรดปรานได้อย่างไร
ข่าวลือเหล่านี้ของหวังทงมาเข้าหู หวังทงก็ได้แต่แค่นยิ้มรับมือ การคุยเหตุผลกับพวกหนอนหนังสือนั้นไร้ประโยชน์ ได้แต่ทำเป็นไม่ได้ยิน ระวังป้องกันไว้ก็พอ
แน่นอน หวังทงเองก็พอเดาสาเหตุในเชิงลึกได้ เถียนอี้มาสู่ตำแหน่งหัวหน้าสำนักส่วนพระองค์ได้ แต่อำนาจในมือยังห่างไกลสองสามคนที่ดำรงตำแหน่งนี้ก่อนหน้านี้มาก สถานการณ์ซับซ้อนมาก
เฝิงเป่ายังมีคนเก่าแก่ทำงานในหลายหน่วยในวัง แต่คนจางเฉิงเองก็กุมอำนาจสำคัญไว้ โจวอี้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักส่วนพระองค์และผู้ช่วยหัวหน้าสำนักบูรพา แม้เป็นอันดับรองในวังแต่ก็มีอำนาจแท้จริงเช่นนี้ ต่างกับเถียนอี้ในฐานะหัวหน้าฝ่ายใน แต่ทุกแห่งล้วนเจอคนกุมอำนาจไว้ คิดอย่างไรก็ย่อมไม่พอใจ
แต่เขาจัดการโจวอี้ไม่ได้ ไม่พูดถึงโจวอี้สนิทกับฮ่องเต้ว่านลี่มากกว่าเขา ยังมีเจ้าจินเลี่ยงเป็นพันธมิตรอีก ตอนนี้เจ้าจินเลี่ยงได้ตำแหน่งหัวหน้ากองงานหกหน่วยงาน อำนาจกลับมากกว่าขันทีทั่วไป ไม่ธรรมดายิ่ง
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ โจวอี้กับเจ้าจินเลี่ยงล้วนมีสายสัมพันธ์กับหวังทง แม้กล่าวเช่นนี้กับแผ่นดินหมิงแล้วดูแปลก หวังทงเป็นขุนนางส่วนนอก แต่ก็เป็นที่พึ่งของโจวอี้กับเจ้าจินเลี่ยงสองตำแหน่งส่วนในได้จริง
เถียนอี้คิดขยายอำนาจตนเอง ก็ย่อมต้องจัดการโจวอี้ การจะจัดการโจวอี้ลง ก็ต้องให้หวังทงไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
วันนี้ในการประชุมขุนนาง เถียนอี้แค่ออกมาพูดกระทบไม่กี่คำ ฮ่องเต้ว่านลี่ก็ใช้สายพระเนตรเตือนเขาทันที เถียนอี้จึงได้แต่ยอมนิ่ง
ความจริงนั้นที่หวังทงทำและพูดมานั้น รวมทั้งเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าเรื่องนี้ ล้วนเป็นแค่บันทึกเพิ่มความชอบเล็กน้อยให้กับความดีความชอบที่มากมายของตนเท่านั้น คนอื่นยิ่งทำยิ่งมาก ยิ่งพูดยิ่งมาก ก็ยิ่งผิดยิ่งมาก แต่หวังทงเห็นชัดกว่ากลับกัน เถียนอี้หาช่องโอกาสใดไม่ได้เลย เขาได้แต่ไม่รู้จะทำเช่นไร
ที่ยิ่งเก้กังก็คือ หลังจากกระทบขัดคอแล้ว เถียนอี้ยังต้องขอมาพบหวังทงเพื่อหารือให้ช่วยเรื่องเมืองซงเจียงเปิดท่าการค้า
….
อย่าว่าแต่เถียนอี้ แม้แต่ฮ่องเต้ว่านลี่เองก็ไม่ทรงอยากให้หวังทงเข้ายุ่งกับเรื่องเมืองซงเจียง แต่หลังจากยืนยันว่าเมืองซงเจียงเป็นตัวเลือกในการเปิดท่าการค้าแล้ว ก็ต้องดำเนินการจึงพบว่าหาไม่มีหวังทงไม่อาจทำได้
เมืองใหญ่เช่นนี้ วันหน้าร้านค้าหลายพันหลายหมื่นร้าน เมืองท่าล้วนมีแต่เรือทะเล เส้นทางแม่น้ำและคลองส่งน้ำล้วนมีเรือและรถม้ามากันมาก จะจัดการอย่างไร จะเก็บภาษีอย่างไร
ภาษีเก็บหนักไป ก็ย่อมดังการฆ่าไก่เอาไข่ ไม่นานก็ย่อมพังทลาย เก็บน้อยไป ก็ย่อมผิดเจตนารมณ์เดิมของราชสำนัก
คนมากมาย สินค้ามากมาย มารวมกันที่เมืองซงเจียง จะจัดการอย่างไร ร้านค้าจะวางระเบียบเช่นไร โกดังกับพื้นที่ค้าควรตั้งไว้ที่ใด เถ้าแก่และคนงานร้านค้าจะมาจากที่ใด อยู่ๆ มีพื้นที่กว้างใหญ่เช่นนี้ พวกเขากินอยู่กันจะแก้ไขอย่างไร ระบบการจัดการของเสียอีก จะจัดการอย่างไร คำถามมากมาย ถาโถมเข้ามา
เดิมทีคิดหาวิธีจัดการไว้มากมาย แต่มาคิดให้ละเอียดก็พบว่า วิธีการจัดการเมืองใหญ่แผ่นดินหมิงพวกนั้นมาใช้กับการเปิดท่าการค้าเช่นนี้ไม่เหมาะสม ถึงตอนนั้นไม่มีวิธีจัดการยังไม่เท่าไร แต่อาจเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นได้
ในเมื่อเป็นเรื่องเปิดท่าการค้าที่ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงให้ความสนพระทัย คิดจะรับมือเองก็ไม่ไหว คิดจะไม่รู้แกล้งรู้ก็ไม่ได้ หาถึงเวลาเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ถามหาความรับผิดชอบขึ้นมาก็คงโชคร้ายยิ่ง
คิดไปคิดมา ก็ไม่อาจสนใจอันใดมากนัก ได้แต่หาคนผ่านประสบการณ์มาถาม ใต้หล้านี้มีเพียงผู้เดียว ก็คือติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรหวังทง
เมืองหลวงปิดบังเรื่องราวไม่มิด เถียนอี้ไม่เป็นมิตรกับหวังทง คนเมืองหลวงส่วนใหญ่ล้วนรู้ มีคนรู้สาเหตุทั้งหมด มีคนเดาได้ก็ล้วนเดากันไป
ล้วนรู้ว่าขัดตา แต่เมื่อต้องมาพบเพื่อขอร้องถึงที่ ก็ย่อมรู้สึกไม่ดีนัก แต่บุญคุณความแค้นก็อีกเรื่อง ฮ่องเต้ว่านลี่ให้ความสนพระทัยเป็นเรื่องใหญ่กว่า ในเมื่อเถียนอี้ถูกเลือกให้มาทำงานนี้ ก็ย่อมได้แต่หน้าหน้ายิ้มไปเยือนถึงจวน
“คนไปมาสินค้าไปมา มารวมอยู่ด้วยกันมากมาย เรื่องแรกก็ต้องสร้างระบบ พื้นที่พักอาศัยกับพื้นที่การค้าต้องแยกจากกัน พื้นที่พักอาศัยและที่การค้าต้องมีพื้นที่กว้างพอ เตรียมไว้ขยายพื้นที่ต่อในวันหน้า และต้องเตรียมให้ความช่วยเหลือในเวลาเร่งด่วนได้ด้วย เส้นทางน้ำก็ต้องซ่อมแซม ทางน้ำสะอาดและน้ำเสียก็ต้องมี ต้องมีคนเก็บกวาดขยะ ไม่เช่นนั้น ทางใต้ที่คนมารวมกันมาก ก็ง่ายต่อการเกิดโรงระบาด”
“เรื่องพวกนี้ต้องพร้อมใช้เงิน ให้พวกที่อาศัยอยู่บริเวณเมืองท่าเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ต้องจัดการให้เข้มงวด เงินเล็กน้อยพวกนี้หากถูกคนนำไปเป็นแหล่งเงินทองตนเอง อนามัยไม่มีคนจัดการไม่ได้ ต้องเตรียมหมอไว้ให้มาก อย่างไรก็เส้นทางไปมาเหนือใต้ ง่ายแก่การเกิดโรค ถึงตอนนั้นจะได้มีหมอเพียงพอ ร้านยากับร้านค้ายาต้องให้สิทธิพิเศษงดภาษี”
“เจ้าว่าชื่ออะไรดี? ซ่างไห่ชื่อนี้ดีไหม อ้อ มีอำเภอซ่างไห่แล้วนี่นะ”
เถียนอี้ออกจากจวนหวังทงไป สีหน้าก็แปลกๆ ความจริงเขานั้นยังงงอยู่บ้าง หวังทงอายุไม่มาก แต่มีความรู้มาก และยังบริหารอำนาจได้เด็ดขาด การมาสอบถามครั้งนี้เดิมทีเขาก็เตรียมมาโดนเล่นงานแล้ว และยังคิดเตรียมใจไว้ล่วงหน้า กลัวว่าหวังทงจะบอกทางที่ทำให้เกิดความผิดพลาด
เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ หวังทงรู้อะไรก็บอกหมด เริ่มแรกเถียนอี้ยังคิดป้องกัน แต่เขาเป็นคนฉลาดมาก สามารถฟังเข้าใจว่าที่หวังทงว่ามาล้วนเป็นวิธีการที่ดีทั้งสิ้น จากนั้นเวลาส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในช่วงใช้ความคิด กลัวว่าจะหลงลืมอันใดไป เถียนอี้ความจำแม่น เรื่องนี้ไม่ยาก
“คนสามารถขอจากเทียนจินไปได้ ข้าไม่ไปเลือกให้ เถียนกงกงไปจัดการเองก็แล้วกัน”
หวังทงยังเสนอให้เช่นนี้อีก หากเป็นหวังทงช่วยเลือกคน ก็อาจมีทางแทรกตัวเข้ามาได้ แต่วาจานี้กล่าวออกไป ท่าทีไม่น่าสงสัยแต่อย่างใด ทำได้เหมาะสมมาก
แต่ทว่าเถียนอี้ก็เข้าใจ แม้หวังทงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกคน แต่เทียนจินอยู่ภายใต้การจัดการราวกับถังเหล็กกล้าของหวังทง คนที่ตนเลือกไปอย่างไรก็ต้องมีเงาหวังทง
หวังทงมีท่าทีเช่นนี้เกรงว่าจะกระตือรือร้นไปสักหน่อยกระมัง เถียนอี้ถึงกับยังคิดว่า หรือว่าหวังทงจริงใจเพื่อแผ่นดิน ไม่คิดอะไรกับท่าทีที่ตนได้แสดงออกไป แต่ทว่าเถียนอี้รีบปฏิเสธการวิเคราะห์นี้ทิ้งทันที
….
“ก็ไม่อาจกล่าวว่าตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นสวมใส่ กองเรือเราตอนนี้ถือว่าใหญ่โตแล้ว ทุนเครือข่ายสามธารานับวันยิ่งมาก หากมีที่ใหม่อย่างเมืองซงเจียงมา ก็ย่อมเป็นประโยชน์กับเรามาก นับประสาอันใดกับเราหลังจัดการตระกูลสวีไปได้ ก็จัดการเมืองซงเจียงไว้เรียบร้อยระดับหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เมืองซงเจียงเปิดท่าการค้าขึ้นมาได้ ผลประโยชน์แต่ละฝ่ายเข้าไปเกี่ยวพัน ก็ไม่อาจหยุดความเจริญได้ ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้ ครั้งนี้เปิดท่าการค้า พวกเราได้ผลประโยชน์มากที่สุด”
หวังทงกล่าวกับหยางซือเฉินเช่นนี้ เดือนแปดเมืองหลวงไม่มีงานอะไร องครักษ์เสื้อแพรที่เหอหนานจับเถ้าแก่สองคนของร้านสามธาราได้ พวกเขาเดิมทีถูกส่งไปทำงานที่หนิงเซี่ย แต่แอบขโมยเงินหลบหนี เตรียมไปใช้ชีวิตสุขสบายชั่วชีวิต แต่ทว่าถูกองครักษ์เสื้อแพรตามจับกลับมาได้ในทันที
หัวหน้าในเครือข่ายสามธาราเห็นว่าทั้งสองเป็นผู้มีความสามารถ หรือว่าให้เอาเงินคืนมา แล้วให้ทำงานชดใช้ความผิด แต่ทว่าหวังทงออกคำสั่งง่ายดายมากว่า
“ริบทรัพย์ตัดหัว!”