องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 971 เข้มงวด
หากหวังทงยามนี้อยู่เมืองเหลียวโจว ก็จะพบว่านอกด่านหนาวกว่าที่คาดไว้มาก เพิ่งแค่ต้นเดือนเก้า ถึงกับมีหิมะตกระลอกหนึ่ง
โรงบ้านในและนอกกำแพงล้วนเก็บเกี่ยวเข้าโกดัง พวกชายฉกรรจ์ก็เริ่มซ่อมบ้านเรือน บ้างก็เตรียมจากบ้านออกไปหาปลาล่าสัตว์หรือไม่ก็ขึ้นเขาไปเก็บยาสมุนไพร หน้าหนาวอันยาวนานกำลังจะเริ่มต้นขึ้น มักต้องหางานอะไรมาทำเพื่อหาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน
เมืองเฮ่อถูอาลาไม่ใหญ่ เทียบไม่ได้แม้กระทั่งอำเภอระดับล่างในเขตปกครองเหนือ เต็มที่ก็ระดับหมู่บ้านใหญ่ หากนอกกำแพงเมืองพื้นที่เผ่าหนี่ว์เจินนี้เรียกว่าเมืองใหญ่แล้ว นอกเมืองมีหมู่บ้านหลายสิบหมู่บ้านล้อมรอบ ก็เหมือนกับแผ่นดินหมิง อย่างไรก็อาศัยกันอยู่ในป้อม รับประกันความปลอดภัยได้ ยังสะดวกกับการทำการค้า
ทุกปีในช่วงเวลานี้ เฮ่อถูอาลาล้วนคึกคักมาก ในฐานะศูนย์กลางเจี้ยนโจว ชาวฮั่น ชาวเผ่าหนี่ว์เจินและชาวเกาหลีล้วนมาทำการค้าที่นี่
ปีนี้ไม่เหมือนเดิม ในเมืองนอกเมืองอาจเห็นเงาของชาวเกาหลีสองสามคน แต่ชาวฮั่นจากต่างถิ่นไม่เห็นแม้แต่คนเดียว ชาวฮั่นในพื้นที่ก็พากันระวังตัว
แผ่นดินหมิงจะรบกับเผ่าหนี่ว์เจินแล้ว แต่ละคนล้วนรู้เรื่องนี้ ขุนพลเมืองเหลียวโจวหลี่ผิงหูกับฉินเต๋ออี่ออกมานอกกำแพง ที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ห่างจากเฮ่อถูอาลาไม่ถึง 80 ลี้ ในเมืองหลายคนก็อพยพไปทางตะวันออก ที่นั่นเป็นเขาลึกป่ามาก ไล่ล่าตามยาก
แต่ทว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าเจี้ยนโจวถึงกับตอบรับสงคราม นำกำลังไปรบยึดเสบียงและอาวุธได้ไม่ว่า ยังมีเชลยอีกเกินพัน นู่เอ่อร์ฮาชื่อไม่ธรรมดาจริง
หลังการสู้รบครั้งนี้ คนเฒ่าคนแก่ในเจี้ยนโจวล้วนเป็นห่วงอย่างมาก แผ่นดินหมิงยิ่งใหญ่ ทหารหลายพันที่สูญไปไม่กระไรนัก ครั้งนี้แพ้ไป ก็คงได้แต่มีทหารมาโจมตียิ่งมากขึ้น
แต่คนน้อยมากที่จะมองได้ไกลเช่นนี้ คนส่วนใหญ่ก็ล้วนรู้สึกว่าเจี้ยนโจวนับว่าสามารถยืนหนึ่งได้แล้ว ยามนี้ถือเป็นโอกาสในการมาร่วมต่อสู้
อย่าว่าแต่เผ่าหนี่ว์เจิน ทางตะวันออกกับตอนเหนือ แม้แต่ชาวเกาหลีก็ล้วนส่งคนมาแสดงสร้างมิตรภาพ แม้ว่าไม่เท่าไรนัก แต่ชาวเกาหลีเป็นพวกไม้เลื้อย ผู้ใดเข้มแข็ง พวกเขาก็ย่อมไม่ล่วงเกิน
เห็นสถานการณ์ร้อนแรงเช่นนี้ ทุกคนล้วนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเคร่งเครียด ชายฉกรรจ์เริ่มถูกเรียกระดมพล ในเมืองมักมีชาวฮั่นถูกจับตัดหัว เส้นทางไปเมืองเหลียวโจวใหญ่น้อยมีด่านและทหารม้าลาดตระเวน ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว ตอนนี้แต่ละแห่งล้วนสวมชุดหนังและเครื่องสวมศีรษะแบบชาวเผ่าหนี่ว์เจินแล้ว
ออกจากเฮ่อถูอาลา ผ่านเขาเจ้าทูซาน เส้นทางนี้ไปตามแม่น้ำซูจื่อเหอ เดินไปวันหนึ่งก็จะถึงป้อมหม่าเอ๋อร์ตุน คนเดินทางไปมาไม่มาก มีชายเผ่าหนี่ว์เจินสองคนเดินทางอยู่ น่าจะเป็นพวกออกไปล่าสัตว์หรือสืบข่าว พวกเขาเดินเร็วมาก และเดินไปหยุดไป มองซ้ายมองขวาตลอดเวลา
“วันกันว่าหนึ่งเดือนก่อน หัวหน้าเผ่านู่ไปตอนเหนือ น่าเสียดายเหล่าอู๋ที่ถูกพวกนอกด่านตัดหัวไปแล้ว หรือว่ายังมีข่าวอะไรมากกว่านี้”
“พวกเขารู้สถานะเหล่าอู๋”
“รู้บ้าอะไร พวกมันแค่จ้องฮุบสมบัติเหล่าอู๋ต่างหาก ชาวฮั่นเท่าไรถูกพวกเดรัจฉานสังหารทิ้ง ลากตัวผู้หญิงไปครอง ทางข้ายังดี พวกเขาล้วนคิดว่าข้ามาจากเขตป่าเก่า”
“สตรีเผ่าหนี่ว์เจินทางนี้ไม่ต้องไปสนใจแล้ว ตอนนี้ที่นี่อันตรายมาก ไม่รู้ผู้ใดเสนอความเห็นให้หัวหน้านู่ ตอนนี้ออกนอกเมืองก็ห้ามขี่ม้า ใช่แล้ว เจ้ารู้ไหมว่า หัวหน้านู่หนึ่งเดือนก่อนเคยส่งคนไปซื้อหาม้าและวัว ยังบอกว่าจะเอาพวกม้าขาว วัวดำอะไรพวกนั้นด้วย”
“ขนสีนี้หายากนี่ ไม่ใช่สิ ม้าขาว วัวดำ หรือว่าเป็น…”
สองคนวิพากษ์วิจารณ์กันไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าตามมาด้านหลัง พากันหันไปมองอย่างตกใจ ก็เห็นทหารม้าสิบกว่านายกำลังไล่ตามมา
ตอนแรกยังคิดทำท่านิ่งไว้ก่อน แต่เส้นทางป่าเขาเช่นนี้มีแต่เขาสองคน สองคนอยู่ๆ พลันนึกได้ เริ่มวิ่งหนีทันที คนจะวิ่งสู้ม้าได้อย่างไร คนหนึ่งเอื้อมมือไปดึงเพื่อนไว้ เพื่อนก็ตะกุยตะกายหนีไปทางป่า ตอนผลักทิ้งไป คนด้านหลังก็ขี่มาไล่ตามมาถึง เห็นดาบใหญ่คนบนหลังม้าแล้ว หัวหนึ่งก็หลุดกระเด็น
ขณะเดียวกัน ก็มีคนโดดจากหลังม้า ดึงธนูยิงเข้าไปในป่า ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดดังมาจากในป่า ไม่นาน คนที่วิ่งเข้าไปก็ตัดหัวออกมา
“หากไม่ใช่มีคนมาแจ้งข่าว ยังไม่รู้จริงว่าเป็นสายสุนัขฮั่น!”
คนหนึ่งสบถด่าหยาบ อีกคนหัวเราะร่ากล่าวว่า
“หิ้วหัวกลับไป กวาดสมบัติและผู้หญิงพวกมันมาแบ่งกัน เราทุกคนสบาย!”
ทุกคนล้วนพากันหัวเราะ ควบม้าจากไป เหลือไว้เพียงร่างไร้หัวอยู่ตรงนั้น
เมื่อก่อนเมืองเหลียวโจวล้วนเป็นสวรรค์เผ่าหนี่ว์เจิน สายสืบเมืองเหลียวโจวในเผ่าหนี่ว์เจิน ทำงานเปิดเผยก็มีไม่น้อย ยังมีคนอาศัยสถานะนี้หาความสะดวกให้ตนเอง แต่พอสงครามเกิด หนีเร็วได้เท่าไรต้องรีบหนี หนีไม่เร็วก็ถูกสังหารยกครัว
เมืองเหลียวโจวใหญ่เพียงนี้ อย่างไรก็ต้องมีสายสืบซ่อนตัวอยู่ หลังโจมตีกองกำลังเมืองเหลียวโจว เส้นทางคมนาคมก็ถูกปิดหมด พวกพลทหารเล็กๆ หนีมายังเมืองเหลียวโจว พลทหารเหล่านี้ไม่ใช่ว่าล้วนเป็นชาวฮั่น หากยังมีชาวเผ่าหนี่ว์เจิน พวกเขาอยู่เมืองเหลียวโจวมานาน คบหาชาวฮั่นมากมาย อย่างไรก็พอรู้การทำงานและการใช้ชีวิตของชาวฮั่น คนไม่น้อยก็เผยสถานะตนไม่ปิดบัง
เทียบกับเผ่าหนี่ว์เจินที่จัดการเข้มงวดแล้ว เผ่าหนี่ว์เจินส่วนใหญ่ไม่ก็หนี ไม่ก็ขอสวามิภักดิ์ พากันมายังเมืองเหลียวโจว เมืองเหลียวโจวเดิมก็มีชาวเผ่าหนี่ว์เจินอาศัยอยู่มาก ทหารติดตามขุนพลทหารแต่ละค่ายก็ล้วนมี เพราะชาวเผ่าหนี่ว์เจินเก่งการรบ ไม่กลัวตาย และมีจำนวนพอสมควร
ถึงกับยังมีตระกูลใหญ่ชาวฮั่นในเมืองเหลียวโจวมากมาย พวกเขาร่ำรวยก็เพราะการค้าติดต่อกับเผ่าหนี่ว์เจิน พอเกิดสงคราม การค้าถูกตัดขาด แต่หากยังแอบทำการค้าได้ก็ย่อมกำไรถล่มทะลาย คนเหล่านี้แต่ไรจึงไม่เคยตัดสัมพันธ์กับเผ่าหนี่ว์เจิน
สถานการณ์ตอนนี้ เผ่าหนี่ว์เจินปิดข่าวตนเองได้ดี แต่เมืองเหลียวโจวเหมือนเปิดเผยทุกอย่างให้เผ่าหนี่ว์เจินหมด ไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
ผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงกับบรรดาบุตรชาย ยังมีขุนพลทหารคนสนิท พวกเขาล้วนปักหลักในเมืองเหลียวโจวมานาน เป็นคนในพื้นที่ สถานการณ์ตอนนี้ ล้วนกระจ่างมาก ถึงกับมีสองสามคนยังทำการค้ากับชาวหนี่ว์เจิน ใช้เกลือกับผ้ามาแลกสินค้าป่าจากเผ่าหนี่ว์เจิน เพราะตอนนี้สินค้านอกกำแพงเมืองราคาสูงลิบ มีโอกาสทำกำไรมหาศาล
พวกเขาไม่เป็นกังวล ก็เป็นเพราะมั่นใจในกองกำลังเมืองเหลียวโจวมาก เมืองเหลียวโจวตอนนี้ระดมกำลังทุกหน่วย เตรียมรบ หลังเปิดศึก มีแค่ผลักกำลังที่ยิ่งใหญ่ราวเขาไท่ซานไปปะทะ เผ่าหนี่ว์เจินไหนเลยจะต้านทานได้ แรงต้านทานทั้งหมดล้วนย่อมถูกตีแตกสลาย ข่าวลับตอนนี้ปิดบังหมดจะเท่าไรกัน ทัพใหญ่ออกศึก ลูกไม้อะไรก็ไม่อาจเล่นได้อีก
**************
“พวกเชื่อในลัทธิทั้งหลาย ไม่ว่าคนอ่อนแอหรือคนแก่ ให้พวกเขาเลือกสองทาง หากไม่ไปไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ก็ไปอยู่โรงนาหม่านเท่าเอ๋อร์”
ณ ห้องทำงานหวังทงในสำนักองครักษ์เสื้อแพร หวังทงอ่านเอกสารไปพลางกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบไป ไปเมืองกุยฮว่าเฉิง ไปหม่านเท่าเอ๋อร์ สองทางเลือกนี้ความจริงนั้นก็เท่ากับเนรเทศ สำหรับคนในด่านแล้ว ไปที่หนาวเหน็บยากลำบากทำไมกัน คิดจะปรับตัวก็ยาก
นายกองพันกองเอกสารโหวเจินยืนอย่างนอบน้อมอยู่ข้างๆ ได้ยินหวังทงก็เงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างระมัดระวัง
“อันหย่วนป๋อก็มีคนเกี่ยวข้องด้วย วันนี้พวกเขาส่งคนมาขอร้อง ว่าจะใช้เงินไถ่ความผิดได้หรือไม่”
“เป็นฝั่งสายรองของอันหย่วนป๋อแห่งตระกูลกัวหรือ?”
หวังทงขมวดคิ้ว โหวเจินยิ่งระวังวาจากล่าวว่า
“เป็นหลานคนหนึ่งของอันหย่วนป๋อ มารดาเขาเชื่อลัทธิเซียง เขาก็เชื่อตาม!”
“บอกว่าข้าบอกว่า หลานเขาขึ้นเหนือ ลำบากก็ไม่ถึงชีวิต ครอบครัวเขาไม่โดนไปด้วย เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก”
โหวเจินคิดจะเอ่ยปากอีก แต่คิดแล้วไม่กล้าพูด เห็นสีหน้าเขา หวังทงกล่าวเยียบเย็นว่า
“ลัทธิไตรสุริยันก่อเรื่องได้ไม่ถึงห้าปี หรือว่าเจ้าลืมบทเรียนไปแล้ว ลัทธิมารพวกนี้ เริ่มแรกก็ล้วนไร้พิษภัย แต่พอบ่มนานวันก็เป็นภัยใหญ่ ชีวิตเจ้าไม่พอจะชดใช้ ครอบครัวเขาให้เจ้ามาเท่าไรคืนให้หมด เงินจากร้านค้าที่อยู่ประจำก็ใช้ไม่หมดแล้วไม่ใช่หรือ?”
ถูกหวังทงตำหนิ โหวเจินเข่าอ่อนแทบทรุด สีหน้าซีดเผือดกล่าวว่า
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”
หวังทงโบกมือกล่าวว่า
“ออกไปได้ ให้คนร้านสามธาราเข้ามา”
โหวเจินถอยออกไปอย่างระมัดระวังแล้ว หยางซือเฉินที่จดบันทึกอยู่ข้างๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองหวังทง หวังทงกล่าวเรียบๆ ว่า
“คนเก่าแก่ในสำนักองครักษ์เสื้อแพรพวกนี้ ล้วนคิดว่าปิดบังนายได้ มีบางเรื่องข้าก็ปิดตาข้างหนึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าไปจับตาดู เรื่องเกี่ยวกับลัทธิเซียง จับได้หนึ่งก็ลงโทษหนึ่ง องครักษ์เสื้อแพรผู้ใดคิดช่วยเหลือ ความผิดสามชั้น ตัดสินโทษเด็ดขาด”
หยางซือเฉินรีบลุกขึ้นรับคำ ขณะพูดอยู่นั้น ด้านนอกก็มีเถ้าแก่สองคนรีบเดินเข้ามา เจ้าของเครือข่ายสามธารามีจางฉุนเต๋อและกู่จื้อปินเป็นเจ้าของในนาม แต่มีเถ้าแก่สิบกว่าคนแต่เริ่มต้นที่ติดตามหวังทงมา พวกนี้ไม่เป็นสายก็เป็นคนงานหวังทง เพราะฉลาดหัวไวถึงได้ส่งไปยังเครือข่ายสามธารา หลายปีนี้ค่อยๆ เติบโตมา สามารถมารายงานต่อหน้าหวังทงได้ นับว่ามีหน้ามีตามาก
หวังทงสีหน้าไม่ดีอยู่ก่อน สองคนเข้ามาก็ยิ่งเยียบเย็น เถ้าแก่สองคนเข้ามาแล้วก็คุกเข่าโขกศีรษะ ไม่ทันรอให้พูดอะไร หวังทงก็ตัดบทพวกเขาขึ้นก่อน
“พวกเจ้ามาขอร้องให้สองคนนั้นหรือ? ไม่ต้องขอแล้ว พวกเขาย่อมต้องหัวหลุดจากบ่า ความผิดครั้งนี้ไม่ถึงครอบครัว ก็ถือว่าข้าเมตตามากแล้ว”
อย่างไรก็ติดตามหวังทงมานาน สองคนนี้ก็กล้าพูด คนหนึ่งโขกศีรษะกล่าวว่า
“เจ้าสองคนนั้นมันหมูบังตาจึงได้กล้าทำเรื่องบัดซบ คิดละโมบเงินทองนายท่าน ข้าน้อยอยากจะขอควักเงินตนเองชดใช้แทน ขอท่านโหวเห็นแก่เขาสองคนที่ทำงานมานาน เมตตาสักครั้ง”
หวังทงส่ายหน้า น้ำเสียงเคร่งเครียดกล่าวว่า
“พวกเจ้าไม่ขาดแคลนเงิน ข้าก็ไม่ขาด การค้ายิ่งใหญ่ ร้านค้านับวันยิ่งมาก คนงานและเงินทองยิ่งมาก มีคนคิดและลงมือไปแล้ว ก็ต้องสังหารทิ้งและยังต้องให้คนถือหัวเดินไปรอบร้านแต่ละร้านนค้า ให้ทุกคนได้ระวังใจตัวเองให้ดี!!”