องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 978 เตรียมการทุกอย่างพร้อม ทัพใหญ่ออกศึก
วันที่ 21 เดือนสิบเอ็ดปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 15 ฮ่องเต้ว่านลี่มีราชโองการให้รองอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยตำแหน่งเสนาบดีกรมทหารบัญชาการทัพสี่เมืองได้แก่ จี้โจว เหลียวโจว เซวียนฝู่และต้าถง ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการที่ปรึกษาทัพกิจเหลียวโจว ให้หวังทงเป็นแม่ทัพใหญ่นำกองกำลังหู่เวยและจี้โจว เหลียวโจว เซวียนฝู่ ต้าถง สี่เมืองใหญ่และกลุ่มทหารแต่ละหน่วย พร้อมส่งขันทีคุมกำลังจากสำนักส่วนพระองค์เฉินจวี่ไปด้วย
ขุนนางบุ๋นบัญชาการ ขุนนางบู๊นำทัพออกศึก ขันทีคุมกำลังไปด้วย นี่เป็นรูปแบบมาตรฐานแผ่นดินหมิง หวังทงออกศึกหลายครั้งล้วนไม่มีระเบียบนี้ ครั้งนี้กลับต้องทำตามธรรมเนียมนี้
พูดถึงขันทีคุมกำลังนั้นหาไม่ยาก คนสำนักส่วนพระองค์กับสำนักอาชาหลวงล้วนออกไปปฏิบัติหน้าที่หลายครั้ง แต่ทุกคนสนิทกับหวังทงมากไป ดังนั้นจึงเลือกคนจากสำนักส่วนพระองค์ เฉินจวี่สนิทกับเถียนอี้ มีฉายาว่า ‘สุชนคุณธรรม’ เป็นขันทีประจำห้องงานในสำนักส่วนพระองค์ ถูกเลือกให้เป็นขันทีคุมเสบียง
ขุนนางบุ๋นบัญชาการกลับหายาก ตามหลัก ในเมื่อเป็นเรื่องการศึกก็ย่อมเป็นเสนาบดีกรมทหาร แต่เสนาบดีกรมทหารคนเดียวจะมีสิทธิ์เสียงใดต่อหน้าหวังทง เสนาบดีกรมทหารปี้เชียงยืนยันไม่ยอม คนที่เหลือก็หวาดกลัว กล่าวว่าขุนนางบุ๋นใหญ่กว่าขุนนางบู๊ แต่หากอยู่นอกเมือง เกิดหวังทงบ้าคลั่งขึ้นมา ทำเรื่องบัดซบใด ผู้ใดจะทานเขาได้ อย่างไรก็ไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
สุดท้ายยังคงเป็นหวังซีเจวี๋ยกล้าหาญออกหน้ามารับ รองอำมาตย์หวังซีเจวี๋ยอยู่คณะเสนาบดีใหญ่ เป็นขุนนางบุ๋นมาหลายสิบปี หาได้ยาก กล้ากล่าวเช่นนี้ กล้ารับงานเช่นนี้ มีเหตุมีผล ในเมื่อไม่มีผู้ใดกล้าไป เซินสือหังเป็นมหาอำมาตย์ ไม่อาจจากเมืองหลวงได้ สวี่กั๋วอายุมากไป หวังซีเจวี๋ยได้แต่จำต้องออกหน้าแสดงความกล้าหาญครานี้
หวังซีเจวี๋ยออกหน้า ทุกคนโล่งใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าสถานนะมีแต่หวังซีเจวี๋ยผู้เดียวที่เป็นได้ และเพราะเขากล้าแสดงออกตรงไปตรงมาจึงน่าจะรับมือหวังทงได้
“ทุกท่าน ข้าไปเมืองเหลียวโจวครั้งนี้เพื่อกำราบศัตรู หยุดยั้งสถานการณ์วุ่นวาย ไม่ใช่เพื่อแย่งชิงกับติ้งเป่ยโหว ทุกท่านโปรดระวังวาจาด้วย!”
เพราะคนคิดมั่วมีมาก หวังซีเจวี๋ยไม่อาจสนใจวางตัวสถานะรองอำมาตย์ ได้แต่เอ่ยขึ้นเตือนตรงไปตรงมา
หวังทงตอนนี้เป็นผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร ยังมีตำแหน่งติ้งเป่ยโหว ตำแหน่งตอนนี้ ในระบบและตำแหน่งไม่อาจนั่งบัญชาการทหารสี่เมืองใหญ่และทหารหน่วยต่างๆ
ตัวอย่างก่อนหน้า ล้วนเป็นขุนนางบุ๋นบัญชาการ พร้อมยังมีรองแม่ทัพ ขุนนางบุ๋นแต่งตั้งหนึ่งผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการค่อยคุมขุนนางระดับล่างลงไป หวังทงไปเมืองเหลียวโจวครานี้ อย่างน้อยต้องมีผู้บัญชาการที่ปรึกษาและขันทีคุมกำลังอีกสองคอยทานอำนาจ ยังมีอีกสามรองแม่ทัพ ขุนพลทหารอีกเท่าไรไม่ต้องพูดถึง หวังทงตำแหน่งแค่ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร บัญชาการไม่ได้ แต่ระบบธรรมเนียมครั้งนี้ การนำทัพและบัญชาการล้วนเป็นคนหวังทง คนอื่นๆ อีกสองคนได้แต่เป็นไปตามกระบวนการเท่านั้น กล่าวคือ ตำแหน่งผู้บัญชาการที่ปรึกษาของหวังซีเจวี๋ย มีแต่ในเวลาเฉพาะกิจเท่านั้นที่จะสั่งการได้จริง ปกติเขาอยู่เหนือหวังทงแค่ตำแหน่งเท่านั้น
ครั้งนี้นำทัพใหญ่ออกศึก หวังทงนำห้าทัพใหญ่จากแต่ละเมือง ควรมีตำแหน่งแม่ทัพเพื่อให้สั่งการได้มีประสิทธิภาพ แต่กลับเหมือนยามสมัยปฐมฮ่องเต้จูหยวนจางและสมัยฮ่องเต้จูตี้ที่เหมือนกับขุนพลสวีต๋า ให้ชื่อตำแหน่งอื่นแทนตำแหน่งแม่ทัพ
ครั้งนี้ราชสำนักเพียงแค่กล่าวในราชโองการว่า ‘ผู้นำทัพ’ ‘หัวหน้าหลัก’ ตำแหน่งใดก็ไม่มีเอ่ยถึง ก็คือว่า หวังทงไปนั่งบัญชาการในฐานะผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร
ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพรดำรงตำแหน่งระดับสามชั้นต้น ยังมีบรรดาศักดิ์อีก สถานะสูงสุดในบรรดาขุนนางบู๊ นับประสาใดกับแม่ทัพใหญ่จี้โจว เหลียวโจว เซวียนฝู่ ต้าถง สี่เมือง ระดับสามชั้นต้นขึ้นไป สถานะบรรดาศักดิ์มีถึงหกระดับ หลี่เฉิงเหลียงเป็นถึงกั๋วกง ปกติจะนั่งบัญชาการอย่างไร จะสั่งการคนระดับสูงกว่าตนได้อย่างไร
เห็นราชโองการ บัณฑิตเมืองหลวงพากันวิพากษ์วิจารณ์ มีพวกคิดไม่ดีพากันคิดว่าราชสำนักครั้งนี้หักหน้าหวังทง แต่คนเข้าใจล้วนไม่กล่าวอันใด หวังทงมีความชอบมากเช่นนี้ ไม่อาจมีความชอบใดได้อีก ได้ชัยชนะใหญ่กลับมา แต่งตั้งใดล้วนเป็นเรื่องยาก
ยังมีอีกเรื่อง แม้ว่าเป็นขุนพลทหารจี้โจว เหลียวโจว เซวียนฝู่ ต้าถงที่ระดับสูงกว่าหวังทง แต่คำสั่งหวังทง พวกเขา ผู้ใดกล้าไม่ฟัง เช่นนั้นใช่ว่ารนหาที่ตาหรือ?
กองกำลังหลักครั้งนี้ไม่ใช่ทหารเมืองชายแดน แต่เป็นกองกำลังหู่เวยเทียนจิน ผู้ใดไม่รู้ว่ากองกำลังหู่เวยที่หวังทงฝึกที่เทียนจินนั้นเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในแผ่นดินหมิง แม้ตอนนี้หัวหน้ากองกำลังหู่เวยจะเป็นหลี่หู่โถว แต่หวังทงก็ใช้งานสั่งการได้สะดวกดังเดิม
***************
หน่วยฝึกเมืองกุยฮว่าเฉิงรวมกำลังได้ 3,200 นาย ตามระเบียบกองกำลังหู่เวยแบ่งเป็นสองหน่วย เมืองหลวงมีม้าเร็วนำราชโองการมาให้รีบออกเดินทางจากเมืองกุยฮว่าเฉิง ไปรวมกันที่เมืองเหลียวโจว หน่วยฝึกเทียนจินรวมกำลังได้ 4,800 นาย ตามระเบียบกองกำลังหู่เวยแบ่งเป็นสามหน่วย เร่งรวมตัวกับกองกำลังหู่เวยฝึกร่วมกัน เตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อม และยังให้ทหารม้าผู้คุ้มกันเมืองกุยฮว่าเฉิงเลือกที่เก่งกาจมาพันนาย เข้าร่วมทหารม้ากองกำลังหู่เวย
กองกำลังหู่เวยตอนนี้ทั้งหมดเจ็ดหน่วยทหารราบ รวมแล้วก็ 11,200 นาย ยังมีทหารม้าอีก 2,000 นาย พร้อมพลกองปืนใหญ่อีก 1,500 นาย มีปืนใหญ่ 78 กระบอก พร้อมคนงานในกองทัพเตรียมงานอีก 3,000 คน
กองกำลังหู่เวยทั้งหมดเจ็ดหน่วย เดิมหน่วยหนึ่งมีหลี่หู่โถวเป็นหัวหน้าหน่วย มีลี่เทาเป็นรองหัวหน้าหน่วย หัวหน้าหน่วยสองเป็นถานปิง มีซุนซิงเป็นรองหัวหน้าหน่วย ตอนนี้เพิ่มมาอีกห้าหน่วย ต้องมีหัวหน้าหน่วยและรองหัวหน้าหน่วยเพิ่ม ฮ่องเต้ว่านลี่ให้อำนาจหวังทงจัดการ มีพระดำรัสว่า ‘…หารือกับผู้บัญชาการกองกำลังหู่เวยหลี่หู่โถว รายชื่อทูลเกล้าก็พอ…’
ทหารติดตามหวังทงไม่รู้เรื่องระเบียบแผ่นดินหมิง ทหารในสังกัดล้วนเป็นทหารที่เก่งกล้าที่สุดของแม่ทัพ เป็นแกนหลักการรบ ทหารติดตามหวังทงก็เป็นกองหลังในกองทัพ พวกเขาติดตามเรียนรู้จากหวังทง ย่อมรู้งานต่อสู้และคุ้มกัน แต่เรียนรู้เรื่องนำทัพกับบัญชาการเป็นงานที่พวกเขาให้ความสำคัญที่สุด
ครั้งนี้หน่วยใหม่ห้าหน่วย ทหารหวังทงถูกเลือกไปประจำแต่ละหน่วย หน่วยแรกเป็นหลี่หู่โถวกองกำลังหู่เวยควบตำแหน่ง รองหัวหน้าหน่วยเป็นถานต้าหู่รับหน้าที่ หน่วยสองเป็นถานปิงรับหน้าที่ รองหัวหน้าก็คือเป้าเอ้อร์เสี่ยว หน่วยสามเป็นลี่เทา รองหัวหน้าก็คือถานเอ้อร์หู่ หน่วยสี่ก็คือซุนซิง รองหัวหน้าก็คือหลีเสี่ยวเปียว หน่วยห้าก็คือเฉินต้าเหอ รองหัวหน้าก็คือหลิ่วซานหลาง หน่วยหกก็คือหานกัง รองหัวหน้าก็คือถานกง หน่วยเจ็ดก็คือถานเจี้ยน รองหัวหน้าหน่วยก็คือฉีอู่
ทหารม้ากองกำลังหู่เวยต้องกองจู่โจม มีหม่าซานเปียวรับหน้าที่ ม่อรื่อเกิน ปาถู และชื่อเฮยล้วนเป็นขุนพลในกองนี้ กองปืนใหญ่กองกำลังหู่เวยก็ตั้งอีกกอง มีมู่เอินรับหน้าที่ รองกองปืนใหญ่ก็มีตำแหน่งนายกองพัน ให้จางอู่รับหน้าที่ รองหัวหน้าหน่วยห้าหลิ่วซานหลางควบตำแหน่งดูแลการจัดการในค่ายอีกตำแหน่ง
ทหารระดับขุนพลในหน่วยหนึ่งและสองเดิมรวมทั้งทหารเก่า ครั้งนี้ล้วนได้รับแต่งตั้ง และเพราะครั้งนี้มีห้าหน่วยตั้งใหม่ ดังนั้นตำแหน่งรองหัวหน้าที่เคยมีคนเดียวก็ย่อมมีมากขึ้น ทหารเก่ากองกำลังหู่เวยล้วนได้รับแต่งตั้ง
มีคนเป็นห่วง กล่าวว่าการจัดการเช่นนี้ ดูเหมือนคิดรอบด้าน แต่เหมือนกระจายกำลังหลักกองกำลังหู่เวยออกจากกัน แต่ทว่าหวังทงไม่เป็นห่วง ไม่ว่าเมืองกุยฮว่าเฉิงหรือเทียนจิน หน่วยฝึกชายชาวบ้านในพื้นที่ได้ฝึกตามระเบียบฝึกของกองกำลังหู่เวยมาหลายปี และเดิมก็เป็นพวกแกนหลักที่ปลดระวางจากกองกำลังฝึกออกมาทั้งสิ้น
การจัดการหัวหน้าหน่วย รองหัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วย ยังคงให้คนจากลานฝึกหู่เวยเป็นหลัก ทหารติดตามหวังทงเป็นรอง ประสานกำลังกัน การจัดการเช่นนี้ ราชสำนักก็ย่อมไม่มีความเห็นแย้ง
ซาตงหนิงค่อนข้างพิเศษ ซาตงหนิงอายุมากกว่าหลีเสี่ยวเปียว อายุแค่นี้ยากจะนิ่งได้เพียงนี้ แต่เขาไม่อยากมารับใช้กองกำลังหู่เวย อยากขอเป็นทหารติดตามหวังทง ซาตงหนิงคิดถึงกองเรือซาตงเฉิงเป็นหลัก หากไปเป็นขุนพลทหาร สายสัมพันธ์กับหวังทงห่างออกไป กองเรือตนได้รับการปกป้องคุ้มครองคงน้อยลง ไม่สู้ติดตามสร้างสายสัมพันธ์ใกล้ชิดดีกว่า
เป็นเพราะเขาคิดเรื่องนี้ หวังทงจึงได้สั่งให้หลิ่วซานหลางเป็นรองหัวหน้าหน่วย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะให้หลิ่วซานหลางอยู่เทียนจินต่อเพื่อคุมกลุ่มผู้คุ้มกันกลุ่มร้านสามธารา สำหรับถานกงกับถานเจี้ยน พวกเขาอายุสี่สิบต้น กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ กองกำลังเมืองกุยฮว่าเฉิงก็เป็นพวกเขานำมา คุ้นเคยดี วางใจได้มาก
สำหรับทหารติดตาม ซาตงหนิงเป็นหัวหน้าทหารติดตามหวังทง อู๋เอ้อร์กับสื่อชีล้วนได้เป็นรอง พวกที่ฝึกได้โดดเด่นในเมืองกุยฮว่าเฉิงกับเทียนจินก็เสริมกำลังกันเข้ามา
กองกำลังหู่เวยขยายตัวพัฒนาพร้อมเช่นนี้ หลี่หู่โถวดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ ถานปิงเป็นรองแม่ทัพ หัวหน้าหน่วยอื่นล้วนดำรงตำแหน่งขุนพลภาค ไช่หนานยังคงเป็นขันทีปฏิบัติงานจากสำนักอาชาหลวง แต่ความจริงนั้นเขานับว่าเป็นขันทีใหญ่ประจำสำนักอาชาหลวง สถานะในสำนักอาชาหลวงก็ขึ้นตามน้ำ เอกสารต่างๆ หลังจากผ่านหัวหน้า รองหัวหน้าและผู้ช่วยสำนักขันทีสามคนแล้ว ไช่หนานก็อยู่ในลำดับต่อมา
นอกจากนี้ หม่าหย่งขุนพลเมืองต้าถงนำทหารม้าสองพัน หลี่ซานสือเมืองเซวียนฝู่นำทหารม้าพันห้าร้อยนาย หยางจิ้นรองแม่ทัพเมืองจี้โจวนำทหารราบจี้โจวหนึ่งหมื่น รวมกับทหารราบเมืองเหลียวโจวแต่ละส่วน ตอนนี้ทัพใหญ่ไปเมืองเหลียวโจวเหนือกว่ากำลังไปตีเมืองกุยฮว่าเฉิง น่าจะมากกว่าเกินห้าหมื่น
เมืองชายแดนไม่สงบ ก็เพราะพ่ายศึก คณะเสนาบดีใหญ่กับกรมอากรไม่อยากจะยอมควักเงินงบประมาณออกมาใช้จ่ายในการศึกใหญ่ครานี้ทั้งเงินก้อนใหญ่เพื่อให้โรงช่างสามธารากับเมืองกุยฮว่าเฉิง ใช้เป็นค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยทหารและค่ายุทโธปกรณ์
ยุ่งกับการเตรียมการ ล่วงเข้าสู่เดือนสิบสอง สถานการณ์เมืองเหลียวโจวยังคงเลวร้ายลงอีก แต่ไม่ได้พ่ายกระเจิง ได้แต่มองพวกเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวกวาดต้อนทรัพย์สินและชาวเมืองเหลียวโจวไป มองโกลและเผ่าอื่นที่ได้แต่มองเผ่าหนี่ว์เจิน ก็เริ่มคิดอยากทำตาม เริ่มออกมารุกรานเขตเมืองเหลียวโจว
กำลังเผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลรวมกันยิ่งใหญ่ ที่ตั้งมั่นรักษาการทางตะวันออกเมืองเหลียวโจวนับวันยิ่งถูกบีบ แต่ทว่าทหารจากเหลียวซีตะวันตกก็เสริมกำลังกันเข้ามาเรื่อยๆ เหลียวหนานทางใต้เริ่มเคลื่อนกำลัง กำลังศัตรูกับเราไม่เท่ากัน ได้แต่ค่อยๆ ถอย แต่ไม่อาจถอยกระเจิง แต่ละคนล้วนกำลังรอทัพเสริมจากเมืองหลวง
วันที่ 15 เดือนสิบสองปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 15 เมืองหลวงจัดพิธีใหญ่ เป็นพิธีเดินทัพใหญ่ หวังซีเจวี๋ย หวังทง เฉินจวี่ สามคนร่วมกับขุนพลทหารออกปรากฏตัว นอกจากสองหน่วยจากเมืองกุยฮว่าเฉิงที่เพิ่งเดินทางจากซานซีเข้าเมืองเซวียนฝู่แล้ว ที่เหลือล้วนเตรียมการเรียบร้อย ทัพใหญ่ออกเดินทาง!
หวังทงก่อนออกเดินทางก็ยิ้มเฝื่อนๆ กับบรรดาภรรยาว่า
“ปีนี้ไม่ได้ฉลองปีใหม่ที่บ้านอีกแล้ว”
Comments for chapter "ตอนที่ 978 เตรียมการทุกอย่างพร้อม ทัพใหญ่ออกศึก"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
อืมม
แต่งกั๋วกงไง ???????
แนวแย่งชิง แต่ฮ่องเต้ไม่ซื้อคนมาอยู่ฝ่ายตัวเองวันๆมีแต่ห่วงหวังทง
อิหยังวะ??? พอเขาไปก็ทำไรไม่ได้ซักอย่างในสำนัก
ตัวร้ายมียศ เงิน รอดพ้น
ความwtf คนแต่ง
คนแปลแปลดี