องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 980 ข่าวศัตรู ปราบโจร
เดินทัพสู่เมืองหย่งผิงผ่านด่านซานไห่กวน ทัพใหญ่ก็เข้าสู่เมืองเหลียวโจว แม้ว่าเหลียวตงตะวันออกกับเหลียวเป่ยตอนเหนือสถานการณ์เครียด แต่เหลียวซีตะวันตกยังไม่เห็นอะไรผิดแผก
ป้อมแต่ละป้อมกับหน่วยกองพันทหารระหว่างทาง และกองกำลังต่างๆ ล้วนต้อนรับนอบน้อม คนเหล่านี้สีหน้าเคร่งเครียด บางทีอาจจะมองออกว่ากำลังอยู่ในภาวะสงคราม
องครักษ์เสื้อแพรกับเครือข่ายสามธาราภายใต้การกำกับหวังทง จัดการส่งสายไปประจำทั่วเมืองเหลียวโจวเพียงพอ ยามนี้ล้วนกำลังได้ใช้งานพอดี ข่าวจากแหล่งต่างๆ มาไม่ขาดสาย
“แต่ไรมาล้วนเป็นทหารเมืองเหลียวโจวเราไปช่วยผู้อื่น แต่ตอนนี้กลับกันแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
วาจาเช่นนี้ย่อมมี ทุกคนฟังแล้วได้แต่ยิ้ม ไม่สนใจอันใด
หน่วยกองพันทหารมีทหารที่ออกศึกได้ร้อยกว่า หนึ่งกองกำลังก็มีราวพันกว่า เดิมทีตามการคาดเดาหวังซีเจวี๋ย หวังทงจากเหลียวซีเดินทางไปยังเสิ่นหยาง ตลอดทางหากรวมกำลังทหารมา เช่นนี้ก็มีกำลังทัพใหญ่พอจะต้านทัพประสานกำลังของเผ่าหนี่ว์เจินและมองโกลได้แล้ว
คิดไม่ถึงหวังทงไม่ทำเช่นนี้ แต่ทุกครั้งที่ไปถึงแต่ละที่ กลับส่งขุนพลทหารไปติดประกาศ ไปถึงที่คนมากตะโกนดัง เรียกรับสมัครทหารกล้า เงื่อนไขคือให้เตรียมม้าและอาวุธมาเอง เสบียงซื้อหาได้จากทัพใหญ่ ทัพใหญ่ไม่จัดหาให้เด็ดขาด จำเป็นต้องฟังคำสั่งทัพใหญ่ การรับสมัครเช่นนี้ย่อมต้องเสนอผลประโยชน์ให้ หวังทงให้ผลประโยชน์ง่ายมาก หลังชนะศึก รับประกันให้ผลประโยชน์หลายสิบเท่า
เงื่อนไขไม่ต้องพูดถึง หากเจ้ายอมตามทัพไปจริง ทัพใหญ่มีวิธีทดสอบ หากผ่านการทดสอบ ก็แสดงว่าเจ้ามีคุณสมบัติ หากไม่ผ่านก็ไม่ให้ไป
การรับปากเช่นนี้เหมือนไม่มีอันใดรับประกัน หากหลายคนย่อมเห็นว่าจริง พวกที่กล้าตามมาด้วยเงื่อนไขนี้ ก็ล้วนเป็นชายองอาจกล้าหาญ มณฑลทหารเช่นเมืองเหลียวโจวนี้ ยังคงมีกลิ่นอายความกล้าหาญ เห็นเงื่อนไขรับสมัครเช่นนี้ ก็ย่อมกันคนจำนวนมากไว้ได้ มีแต่คนกล้าตายและคิดว่าตนเองเก่งกล้ามาขอเข้าร่วมเท่านั้น
แต่ทว่าเดินทางมาถึงกองกำลังหนิงหย่วน คนเช่นดังกล่าวนี้ก็รับมาได้ราวห้าร้อย ตามข่าวที่หวังทงได้มา หากไม่ใช่หลี่ซานสือเมืองเซวียนฝู่แอบเคลื่อนไหว สามารถรับมาได้ 200 ก็ไม่เลวแล้ว หลี่ซานสืออย่างไรก็เป็นหัวหน้าทหารติดตามหลี่หรูซง เป็นขุนพลสายเครือญาติตระกูลหลี่ แน่นอนมีคนมาสมัครมาก เพราะเป็นหลักประกันได้
คนมากเป็นเรื่องดี แต่หวังทงกลับมีคำสั่งเด็ดขาด สอบคุณสมบัติให้หนัก วิธีนี้ทำให้ทุกคนพากันอึดอัด
ทุกคนมาเสี่ยงตายเพื่อเจ้า เจ้านอกจากแค่รับปากให้ไม่มากแล้ว ตอนนี้ยังรังเกียจว่าคนมาก ไม่ได้คุณสมบัติ ไม่รู้จริงว่าคิดอะไรอยู่
เดินทัพมาถึงกองกำลังหนิงหย่วน ก็วันที่ 8 เดือนหนึ่งแล้ว ทัพใหญ่เดินทัพนับว่าเร็ว ตลอดทางที่ได้สัมผัสกันมา สายสัมพันธ์หวังซีเจวี๋ยกับหวังทงใกล้ชิดไม่น้อย อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าถึงขั้นสนทนาทั่วไปได้
หวังซีเจวี๋ยอายุใกล้ 50 เกิดในตระกูลสูง แต่เล็กก็ถูกเลี้ยงดูอย่างดี ออกนอกด่านในเดือนหนึ่งนี้หนาวที่สุด หวังซีเจวี๋ยกลับไม่กลัวลำบาก รถม้าที่เตรียมให้ ก็เข้าไปนอนแค่ตอนกลางคืน เวลาที่เหลือก็จะออกมาอยู่ท่ามกลางทหารติดตามตน ขี่ม้าวิ่งไปมาอยู่กับทัพใหญ่
อย่างไรก็เป็นยามสงคราม และยังอยู่ในกองทัพ ฐานะผู้บัญชาการที่ปรึกษาทัพวิ่งไปนั่นมานี่ จึงเป็นปัญหาเรื่องความปลอดภัย อย่างไรหวังทงก็ต้องจัดผู้คุ้มกัน แต่ผู้คุ้มกันได้รับคำสั่งว่า ผู้บัญชาการที่ปรึกษาทัพต้องการทำอะไรล้วนได้หมด พวกเจ้าเพียงแค่ดูอยู่ไกลๆ ก็พอ อย่าได้เข้าใกล้รบกวน จะได้ไม่เกิดเรื่องไม่สบายใจกัน
แต่หวังซีเจวี๋ยไม่ได้ไปหาเสียงในกองทัพ ไม่ได้ไปซื้อใจคน และไม่สนทนากับขุนพลทหารใดมากนัก ทุกวันล้วนแค่มอง ก่อนจะมีคำถาม เหมือนเด็กที่เห็นของแปลกใหม่
ทัพใหญ่ผ่านเขาซงซาน มาถึงป้อมต้าหลิงเหอ ก็รู้สึกถึงบรรยากาศเคร่งเครียด ป้อมและค่ายริมทางล้วนป้องกันแน่นหนา พอรู้เป็นทหารราชสำนัก ก็ออกมาต้อนรับอย่างเต็มที่ คนของแม่ทัพซุนโส่วเหลียนประจำเหลียวหนานก็มาถึง เพื่อแนะนำสถานการณ์ที่นี่
ตอนนี้เสิ่นหยางมีศัตรูสามหมื่น มองโกลหมื่นกว่า ที่เหลือล้วนเป็นเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีและพวกเผ่าอื่นที่ไม่ใช่เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ตามข่าวที่ได้มา นู่เอ่อร์ฮาชื่อแพร่ข่าวว่า เงินทองในเมืองเสิ่นหยางกองท่วมภูเขา เสบียงอาหารล้วนไร้จำกัด สตรีของขุนพลทหารแผ่นดินหมิงไม่น้อยไม่อาจอยู่ต่อในเมือง
หากสามารถยึดเมืองได้ ทรัพย์สินและสตรีในเมือง เผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวไม่เอาสักอย่าง แบ่งให้ทุกคนไป ทรัพย์สินและสตรี สิ่งล่อใจเช่นนี้ทำให้ชาวมองโกลกับเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีแต่ละกลุ่มล้วนบ้าคลั่ง แต่ละคนรวมกำลังกันมาบุกล้อมโจมตีเสิ่นหยาง
กองกำลังเสิ่นหยางเป็นเมืองใหญ่แห่งที่สองของเมืองเหลียวโจว ป้องกันแน่นหนา ในเมืองมีกำลังเพียงพอ เสบียงสะสมพอเพียง คิดจะยึดเมือง ไม่อาจทำได้ในพริบตา
ความยุ่งยากตอนนี้ก็คือ เผ่าหนี่ว์เจินกับมองโกลใช้ชาวฮั่นที่กวาดต้อนมาได้จากป้อมต่าง ๆ เป็นแนวหน้า ให้เชลยใช้รูปแบบการทหารเหลียวโจวมาบุกเมืองเหลียวโจว การบุกเช่นนี้ ทางฝั่งป้องกันก็ย่อมยากลำบาก การป้องกันในเมืองเป็นหน้าที่ของทหารรองแม่ทัพหม่าหลินเมืองเหลียวโจว
หลี่เฉิงเหลียงและบุตรชายเครือญาติถอยทัพกลับไปเหลียวหยางแล้ว หลี่หรูเจินบุตรชายหลี่เฉิงเหลียงรวมกำลังสามพันที่เหลียวหยางกลับเข้ามายังเสิ่นหยาง
เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าพวกที่ล้อมเมืองเสิ่นหยางไม่ได้แน่นหนานัก แต่ทว่าซุนโส่วเหลียนส่งคนเข้าไปหลายครั้ง กลับยากมาก ถึงกับมีคนตายอยู่นอกกำแพง เช่นนี้ดูแล้ว ระดับการล้อมและโจมตีกำแพงเมืองนั้นยังคงเรียกได้ว่าระดับสูง
พวกมองโกลประสานกำลังกันปักหลักอยู่เฝ้ากองกำลังเถี่ยหลิ่งกับอันเล่อโจวมีกำลังอยู่ราวสามหมื่น พวกบนทุ่งหญ้าเหลียวตงกับเหลียวเป่ยรวมเป็นหนึ่ง เก็บกวาดสิ่งเกะกะขวางระหว่างทางสิ้น กองกำลังเถี่ยหลิ่งกับอันเล่อโจวยังมีกำลังสามหมื่น ก็เพราะหลี่เฉิงเหลียงตอนยกทัพไปนั้น สองที่นี้เป็นเส้นทางกองหลังเส้นทางหลัก ดังนั้นจึงทิ้งทหารไว้ที่นี่ ครั้งนี้มองโกลตะวันออกประสานกำลังแม้ว่ามาก แต่คนในเสิ่นหยางก็มีฝีมือ เพียงแค่ยืนหยัดป้องเมืองไว้ ก็ยังต้านทานได้
สถานการณ์อาจกล่าวได้ว่ากองกำลังหมิงอ่อนแอ แต่ดูจากการเคลื่อนไหวของนู่เอ่อร์ฮาชื่อหัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว คงไม่คิดเช่นนี้
ตอนนี้น้องชายนู่เอ่อร์ฮาชื่อ ซูเอ่อร์ฮาฉีนำกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวสี่พัน และเผ่าหนี่ว์เจินอื่นอีกสามพัน มากวาดล้างแถบตอนเหนือของด่านเหลียนซานกวนตะวันออกที่เสิ่นหยาง
กวาดล้างป้อมและค่ายหมิงเมืองเหลียวโจวไปทีละป้อมทีละค่าย ป้อมและค่ายเหล่านี้มีทหารไม่มาก รอบๆ ยังมีหมู่บ้าน ยึดได้ในเวลาไม่นาน ทำให้ได้เสบียงมาจำนวนมาก ความจริงนั้นถือเป็นเสริมกำลังฐานตนให้มั่น มีข่าวไม่ดีอย่างมากว่า ชาวบ้านที่เป็นใหญ่ในพื้นที่หลายกลุ่มเข้าเป็นพวกกับกองกำลังเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว ข่าวที่ไม่ดียิ่งกว่าก็คือ ด่านเหลียนซานกวนนั้นถือเป็นทางใต้ของแม่น้ำไท่จื่อเหอ แนวป้องกันที่ซุนโส่วเหลียนตั้งไว้สองฝั่งแม่น้ำไท่จื่อเหอถูกตีแตกแล้ว ตอนนี้แต่ละป้อมสองฝั่งไม่ถูกทำลายก็โดดเดี่ยว
นู่เอ่อร์ฮาชื่ออยู่ที่เฮ่อถูอาลา ทางหนึ่งกำลังจัดทัพเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจว อีกทางหนึ่งก็นำของที่แย่งชิงหลังชัยชนะไปรับสมัครทหารจากเผ่าหนี่ว์เจินกลุ่มอื่น เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกับมองโกลแต่ละเผ่ายังคงมุ่งผลประโยชน์ เสริมกำลังตนเองไม่หยุด
ข่าวนี้สำหรับหวังซีเจวี๋ยแล้วไม่ใช่ความลับ ได้ยินรายงานแล้ว ความอยากไปดูนั่นนี่ของหวังซีเจวี๋ยเพื่อดูเรื่องแปลกใหม่ก็หมดไปทันที่ เริ่มกังวลแล้ว หวังทงไม่ได้รู้สึกตกใจอันใดกับข่าวนี้ หากสนทนากับไช่หนานสองคนถึงนู่เอ่อร์ฮาชื่อ คนนี้อายุแม้ว่าจะไม่มาก แต่ความคิดไม่น้อย ค่อยๆ ก่อร้างสร้างมาทีละก้าว คิดว่าวางแผนไว้ไม่ใช่แค่ ‘ข่านปรีชา’
หวังซีเจวี๋ยเงียบไปหลายวัน ทัพใหญ่ก็มาถึงกองกำลังไห่โจว กองกำลังไห่โจวกับกองกำลังไก้โจวหนึ่งเหนือหนึ่งใต้ ตั้งเป็นระเบียงตะวันตกของเหลียวซี ผ่านกองกำลังไห่โจวไป ก็เข้าสู่ใจกลางเมืองเหลียวโจว
ตอนอยู่กองกำลังไห่โจว หลี่เฉิงเหลียงส่งบุตรชายตน หลี่หรูป๋อ มาต้อนรับ ความจริงนั้นด้วยสถานะหวังซีเจวี๋ย หวังทงกับเฉินจวี่ หลี่เฉิงเหลียงไม่มาด้วยตนเอง เรียกได้ว่าเสียมารยาทมาก
หวังทงอาจไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่หวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่ตอนเห็นหลี่หรูป๋อก็ล้วนไม่พอใจ แน่นอนหลี่หรูป๋อเข้าใจหลักการนี้ดี แจ้งเหตุผลแล้วก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ หลี่เฉิงเหลียงกลับถึงเหลียวหยางก็ล้มป่วย ขุนพลลือชื่อแห่งยุค ออกศึกเหนือมานานหลายปี ที่แท้ถูกพวกราวกับบ่าวรับใช้ตีพ่ายเช่นนี้เอง จิตวิญญาณและกำลังกายล้วนหมดสิ้นในพริบตา
พอเข้าสู่ศูนย์กลางเมืองเหลียวโจว ในที่สุดก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งสงครามแล้ว ศัตรูภายนอกแน่นอนเข้ามาไม่ได้ แต่เมืองเหลียวโจวถอยทัพทำให้มีทหารพ่ายศึกกระจัดกระจาย มีคนคิดรวบกำลังไว้เอง มีคนคิดไปเป็นโจร กระทำการเหิมเกริมในพื้นที่ พวกเขาคิดกันง่ายมาก หาความสุขก่อน ถึงตอนนั้นค่อยกลับไปเป็นทหารก็ได้ นอกจากคนพวกนี้ ยังมีอีกพวก ก็คือคนว่างงานในพื้นที่ พอเห็นสถานการณ์ไร้ระเบียบเช่นนี้ ไม่มีคนสนใจรักษาความสงบ พวกเขาก็ก่อเรื่องบ้าง วางเพลิงปล้นชิงไม่ว่า ยังถึงกับสมคบกับพวกทหาร สร้างภัยใหญ่ยิ่งกว่าที่คิด
ทัพใหญ่ผ่านมาได้ไม่ถึงวัน ก็เห็นหมู่บ้านป้อมต่างๆ รายทางพากันมาร้องไห้ร้องเรียน ล้วนกล่าวว่าโจรร้ายเหิมเกริม ขอทัพใหญ่ปราบ
ข้อเรียกร้องนี้ หากคิดเพื่อประชา ก็ควรปราบ แต่หากคิดเพื่อทัพใหญ่ ไม่ควรมาเสียเวลาที่นี่ หวังซีเจวี๋ยยังคิดว่าเลือกยาก แต่หวังทงกลับแก้ไขง่ายมาก
ตอนนี้ทหารม้าที่ตามทัพมา หวังทงเรียกว่า ‘ผู้กล้า’ ก็มีราวพันคน หวังทงให้คนเหล่านี้รวมตัวกัน ส่งคนไปบอกว่า
“หัวโจรหนึ่งคนแลกเงินสองตำลึง เงินทองติดตัวโจรให้คนสังหารเอาไปได้ สังหารคนดีมารับความชอบ มีโทษตัดหัวทิ้ง คนที่รายงานผู้ตัดหัวคนดีมาจะได้รับเงินของคนถูกรายงานไปทั้งหมด ทัพใหญ่ไม่รอพวกเจ้า จัดการเสร็จ ก็ตามมาแล้วกัน!”
วาจานี้ไม่ได้ติดเป็นประกาศ แต่ไปประกาศตามหมู่บ้านตามทาง หนึ่งหัวสองตำลึง นี่มันได้มากกว่าความชอบทางทหารเสียอีก จะว่าไป พวกผู้กล้าล้วนเป็นชายองอาจกล้าหาญ สังหารศัตรูคนพาลย่อมมั่นใจ อย่าว่าแต่พวกเขา แม้แต่ป้อมรายทางที่ได้ยินก็ล้วนออกมาเคลื่อนไหว
พวกที่นำหัวมาส่งแรกสุดเป็นหมู่บ้านที่ใกล้ทัพใหญ่ที่สุด ห้าหัว สิบตำลึงสดๆ มอบไป ทุกคนก็ฮึกเหิมกันยิ่งมากขึ้น โจรที่เหิมเกริมถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว หวังทงใช้เงินไปไม่ถึงสามพันตำลึง
เหลียวหยางเป็นศูนย์กลางเมืองเหลียวโจว ใกล้จะถึงแล้ว