องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 983 ค่อยเขยิบเข้าใกล้
ณ ที่ทำการผู้บัญชาการ อยู่ในพื้นที่เมืองเหลียวโจว ยามอยู่กับเพื่อนทหารด้วยกัน ความกล้าจึงมากขึ้นมากอีกหน่อย ขุนพลเมืองเหลียวโจวเริ่มวุ่นวาย แต่หลังหวังทงนำความสำเร็จตนออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ขุนพลเมืองเหลียวโจวไม่กล้ากล่าวอันใดไร้มารยาทต่อหน้าหวังทง
ยังมีวิธีคิดที่ว่ากฎหมายไม่ลงโทษคนหมู่มาก หวังทงสั่งการไปสามข้อเป็นสิ่งที่ยากสำหรับขุนพลทหารเมืองเหลียวโจว แน่นอนย่อมมีเรื่อง
แต่พอได้ยินผลงานการรบหวังทง ผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงแต่ต้นจนจบเอาแต่ก้มหน้าไม่กล่าววาจา คนอื่นที่เหลือเดิมทีที่กำลังเดือดจัดก็ค่อยๆ สงบลง ถึงกับรู้สึกหนาวอยู่บ้าง
ขุนพลทหารแผ่นดินหมิงมีความเห็นต่อพวกนอกด่านบนทุ่งหญ้าว่า เผ่าอันต๋าเข้มแข็งที่สุด เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นถูกดูแคลนว่าเป็นพวกป่าเถื่อน กำลังหวังทงยกปราบเผ่าอันต๋าน้อยกว่ากำลังเมืองเหลียวโจวปราบเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นและเผ่าหนี่ว์เจิน แต่ฝ่ายหนึ่งได้ชัยชนะใหญ่ยิ่งใหญ่ ฝ่ายหนึ่งกลับพ่ายแพ้เช่นนี้
การเทียบกำลังและความสามารถเช่นนี้ กล่าวอันใดล้วนไร้ประโยชน์ กำลังแท้จริงเป็นข้อได้เปรียบ สถานะยังสูงส่งกว่ามาก ทหารเมืองเหลียวโจวทุกคนพบว่าตนเองแม้ไม่พอใจ หากได้แต่ยอมรับ หรือว่ามีแต่เส้นทางสังหารล้างตระกูลเส้นทางนี้เท่านั้นให้เดิน ดูว่าจะสามารถรักษาสิทธิพิเศษของตระกูลตนไว้ได้หรือไม่ หรือไม่ก็สามารถรักษาชีวิตตนเองไว้ได้หรือไม่
หวังทงท่าทีนิ่งเงียบ ไม่เร่งให้ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวรับคำสั่ง หวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่สบตากัน ล้วนเงียบ
ที่ทำการยิ่งเงียบลงไปอีก หลี่เฉิงเหลียงที่เอาแต่ก้มหน้าก็เงยหน้าขึ้น ถลึงตาจ้องมองกำราบพวกหลี่หรูป๋อ เดิมเขาป่วยอ่อนกำลังมากแล้ว ยามนี้สีหน้าเข้มงวด ทำให้ทุกคนตกใจ
ทางหนึ่งหวังทงกดดันบังคับทุกคน อีกทางหลี่เฉิงเหลียงแสดงท่าทีเหมือนด่าต่อหน้า หลี่หรูป๋อลังเลก้าวออกมา คำนับกล่าวว่า
“รับบัญชาแม่ทัพใหญ่!”
หลี่หรูซงอยู่เมืองเซวียนฝู่ หลี่หรูป๋อตำแหน่งขุนพลรุ่นสองเมืองเหลียวโจว ในเมื่อเขาออกหน้านำ ทุกคนก็ย่อมไม่ต้องเก้กัง พากันคำนับพร้อมเพรียง
หวังทงยิ้มมุมปาก กล่าวว่า
“ครึ่งชั่วโมง ทุกท่านไปจัดการทหารในปกครองของทุกท่าน ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปิดประตูเมือง ทั้งเมืองจัดการเข้มงวด หากจัดการไม่ได้ ก็อย่าได้ตำหนิที่ข้าโหดเหี้ยม!”
รับคำสั่งแรกไปแล้ว ลำดับถัดมาทุกคนไม่ได้มีอะไรติดอยู่ในใจอีก พากันคำนับรับคำ หวังทงโบกมือ สั่งการไปว่า
“ไปได้ อย่าได้เสียเวลา!”
หวังทงท่าทีเช่นนี้ถือเป็นการกดทุกคนไว้อย่างที่สุด แม้แต่กองกำลังหู่เวยที่ภักดีกับเขาที่สุดก็ยังไม่เคยใช้ท่าทีเช่นนี้มาก่อน คนตรงหน้าแม้ว่าไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่อดกลั้น
ทุกคนรีบถอยออกไปจัดการตามคำสั่ง ในห้องเหลือแค่สามคนจากทัพใหญ่ปราบตะวันออกและหลี่เฉิงเหลียง หลี่เฉิงเหลียงโบกมือ ให้คนรับใช้ทุกคนออกไปก่อน เขาไม่สะดวกลุกขึ้น ก้มคำนับบนเก้าอี้กล่าวว่า
“ข้าปกติปล่อยปละลูกน้องพวกนี้ ทำให้พวกเขาไม่รู้ธรรมเนียม ทำให้ใต้เท้าหนักใจแล้ว รู้สึกผิดมาก”
ผู้บัญชาการทหารเมืองเหลียวโจวหลี่เฉิงเหลียงสถานะใดบนแผ่นดินหมิง จะกล่าวว่าอันดับหนึ่งก็ไม่เกินไปนัก แต่วันนี้ต่อหน้าหวังทงกลับยอมก้มหัว หลี่เฉิงเหลียงนับว่าเข้าใจแล้ว คิดให้ตระกูลหลี่ปลอดภัย ก็ต้องก้มหัวทุกเรื่อง อาจทำตัวแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้ว
เขาเป็นคนแก่ที่ฉลาดมาก แต่คนอื่นอย่างหลี่หรูป๋อ ตั้งแต่เกิดมาก็กินดีอยู่ดี ก้าวมาอย่างราบรื่นทุกอย่าง แต่ไรไม่เคยพบอุปสรรค แน่นอนไม่อาจคิดเข้าใจได้เช่นนี้
เห็นหลี่เฉิงเหลียงยอมศิโรราบสิ้นเชิง หวังทงส่ายหน้ายิ้ม เคาะโต๊ะกล่าวว่า
“ก่อนออกรบ ข้าไม่คิดอยากมีอุปสรรคในการใช้กำลังทหาร หลังศึกนี้ ตระกูลหลี่จะปลอดภัย ใต้เท้าหลี่วางใจได้!”
หลี่เฉิงเหลียงอึ้งไป ไอสองสามที ประสานมือคำนับขอบคุณบนเก้าอี้
************
หวังทงบอกกับหวังซีเจวี๋ยและเฉินจวี่ ก่อนจะออกไปกองทัพ เมื่อครู่บรรยากาศอึดอัดยิ่ง พอหวังทงไป หลี่เฉิงเหลียงก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ คุยกับหวังซีเจวี๋ยและเฉินจวี่สองคนสักครู่ ก็ให้คนรับใช้แบกตนกลับเข้าไป
คนสนิทหวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่สองคนเตรียมรถม้าอยู่ด้านนอก เฉินจวี่มองซ้ายมองขวา เข้าไปใกล้หวังซีเจวี๋ยกระซิบว่า
“ใต้เท้าหวัง หวังทงนี่ถึงกับเหิมเกริมเช่นนี้ ไม่ไว้หน้าตระกูลหลี่เลย!”
หวังซีเจวี๋ยเหมือนไม่ได้ยิน เฉินจวี่กำลังรู้สึกอึดอัด กลับได้ยินหวังซีเจวี๋ยกล่าวว่า
“เดิมเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ พวกที่เมืองเหลียวโจวเหล่านี้อยู่ใต้บังคับบัญชาเขา เขากล่าวไม่น่าฟัง แต่ก็ล้วนถูกต้องตามธรรมเนียม หากไม่รักษาธรรมเนียมแล้วรักษาน้ำใจกัน แต่ไม่อาจรบชนะได้จะมีประโยชน์อันใด……รักษาธรรมเนียม ตามธรรมเนียมว่าไปแล้วง่าย แต่ทำยาก!”
*************
“ทุกท่านรีบไปจัดการตามที่สั่ง เมืองจี้โจวป้องกันเมือง หน่วยรบสาม สี่ ห้า หก กองกำลังหู่เวยเข้าสู่เมืองเหลียวหยางปฏิบัติการแบบกองร้อย ถนนทุกสายเก็บกวาดทุกซอก หากมีผู้ใดแต่งกายแบบทหารให้จับกุมตัว หนีหรือขัดขืนให้สังหารทิ้งให้หมด ก่อนฟ้ามืดหนึ่งชั่วยาม คุมเข้มทั่วเมือง”
ขุนพลเบื้องหน้าส่วนใหญ่เมื่อก่อนล้วนเป็นทหารติดตามหวังทง เดินทัพมาด้วยกัน ไม่มีโอกาสได้ทำศึก พอได้ยินคำสั่งก็ดีใจ พากันตะโกนรับคำสั่งเสียงดังพร้อมเพรียง
ยามนี้เห็นได้ว่าทหารติดตามหวังทงล้วนได้รับการอบรมมาดี ทุกคนแม้ว่าลิงโลด แต่ปฏิบัติงานก็ยังรักษาธรรมเนียม ไม่บกพร่อง หรือไร้ระเบียบแม้แต่น้อย
“หยางจิ้น เมืองจี้โจวหกพันไปคุมประตูเมืองก่อน รอเก็บกวาดในเมืองให้สงบ ในเมืองถนนสายสำคัญก็ให้ทหารเมืองจี้โจวเฝ้าระวัง เมืองจี้โจวสี่พันส่งไปดูแลแต่ละโกดัง นี่เป็นงานอันดับหนึ่ง เจ้ารู้ใช่ไหม!”
ได้ยินหวังทงกล่าวจริงจังเช่นนี้ รองแม่ทัพเมืองจี้โจวหยางจิ้นก็รับคำสั่งหนักแน่น หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“ไปประกาศกับเหล่าทหารม้า ‘ผู้กล้า’ ว่าคำสั่งข้า จากวันนี้ไปให้พวกเขาไปเคลื่อนไหวที่ตะวันออกเฉียงเหนือของเหลียวหยาง สังหารสายสืบมองโกลกับเผ่าหนี่ว์เจินและกองกำลังเล็กๆ ที่รุกเข้ามาในพื้นที่”
ทหารถ่ายทอดคำสั่งเข้าไปรออยู่ในกระโจมแล้ว ไช่หนานรีบเร่งร่างคำสั่ง หวังทงกล่าวว่า
“สายสืบกองกำลังหู่เวยกับต้าถงสามร้อย ทหารม้าเมืองเซวียนฝู่สองร้อย สายสืบเมืองเหลียวโจวเองสี่ร้อย แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปกองกำลังเสิ่นหยาง อีกกลุ่มหนึ่งไปเหลียวหนาน ทุกวันล้วนรายงานสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในเสิ่นหยางกลับมายังทัพใหญ่ ส่งสายสืบไปเหลียวหนาน ต้องรายงานความเคลื่อนไหวซูเอ่อร์ฮาฉีมา และต้องรายงานมาให้เร็วที่สุดว่าพวกเขาอยู่ที่ใด”
ไช่หนานเขียนคำสั่งเสร็จ ส่งให้หวังทง หวังทงกวาดตาดูรอบหนึ่ง เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“หัวละห้าตำลึง หัวที่ตรวจแล้วว่าไม่ใช่ของปลอมก็รับเงินสด สังหารผู้บริสุทธิ์ ให้ชดใช้ด้วยชีวิต เรื่องตรวจสอบหัวให้พวกหลี่ซานสือไปทำ”
ไช่หนานพยักหน้า เปลี่ยนและแก้หลายจุด ก่อนหวังทงใช้ตราประทับ ฉบับหนึ่งเอาออกไปถ่ายทอดคำสั่ง อีกฉบับส่งรายงานหวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่
ว่าเขารักษาธรรมเนียม แต่เขากลับไม่รักษาธรรมเนียมเสียแล้ว คำสั่งทัพใหญ่ปราบตะวันออก ความจริงนั้นต้องให้หวังซีเจวี๋ยรับรองจึงจะเป็นผล แต่หวังทงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เกี่ยวกับการทหาร ทุกเรื่องล้วนเน้นประสิทธิภาพไว้ก่อนเป็นสำคัญ หวังทงมีคำสั่งลงไป ทุกคนได้แต่ปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเล
สถานการณ์ตอนนี้ หวังซีเจวี๋ยกับเฉินจวี่แน่นอนรู้ แต่ทว่าทำเป็นไม่เห็น เฉินจวี่ส่งรายงานลับไปยังเมืองหลวงอีกฉบับ ได้รับตอบกลับก็ไม่ได้แสดงความเห็นใด
ไช่หนานร่างคำสั่งเสร็จ ทหารในสังกัดไปถ่ายทอดคำสั่ง ไช่หนานจึงได้เข้ามาใกล้กระซิบว่า
“ใต้เท้า วันนี้พวกเมืองเหลียวโจวถูกกดไปมากเช่นนี้ วันหน้าเกรงว่าไม่เป็นผลดี อย่างไรก็แค่ชัยชนะเท่านั้น ไยต้องทำเช่นนี้”
เป็นเพราะสายสัมพันธ์ไช่หนานกับหวังทง ทำให้เขาสามารถคุยเช่นนี้ต่อหน้าหวังทงได้ หวังทงยิ้มอย่างไม่ยี่หระ กล่าวว่า
“หลังศึกนี้ ทหารตระกูลหลี่อาจจะยังอยู่ เมืองเหลียวโจวย่อมไม่อยู่ให้พวกเขาได้อวดบารมี พวกเขายังไม่รู้ดีชั่ว ทัพใหญ่อยู่แนวหน้าออกศึก พวกเขาคงยากจะไม่แสดงปฏิกิริยา แต่ก็เอาให้นิ่งไว้ก่อนละกัน”
ไช่หนานส่ายหน้า หวังทงตัดสินใจแล้วยากจะเปลี่ยนใจ เมื่อครู่ไช่หนานเตือน ทำให้หวังทงคิดอะไรได้สักอย่าง ส่งคนไปตามหลี่ซานสือมา
หลี่หรูซงเริ่มค่อยๆ เข้ากับหวังทงได้ เมืองเซวียนฝู่ส่งทหารมาเป็นเหตุแห่งการเข้ากันได้ หลี่ซานสือเป็นคนตระกูลหลี่ บิดาเป็นผู้คุ้มกันหลี่เฉิงเหลียง ตอนนั้นหลี่เฉิงเหลียงยกทัพไปเขาเถี่ยหลิ่ง เคยแบกหลี่เฉิงเหลียงหนีออกมาสองครั้ง สะสมความดีความชอบไว้ไม่น้อย อย่าเห็นว่าเป็นบ่าว บิดาหลี่ซานสือก่อนตายมีสถานะถึงขุนพล
หลี่ซานสือตอนเด็กสถานะบ่าว แต่ได้รับการเลี้ยงดูแบบคุณชาย ไม่ได้แตกต่างจากบรรดาลูกหลานตระกูลหลี่ ดังนั้นแต่เล็กได้ติดตามหลี่หรูซง ฝึกซ้อมฝีมือต่อสู้ออกรบ ไปเมืองเซวียนฝู่ก็ตามไปได้วย เป็นหน่วยจู่โจม ครั้งนี้ส่งเขามานำทหารหลี่หรูซงกลับมายังเมืองเหลียวโจว
กลับถึงเมืองเหลียวโจว สายหวังทงรู้มาว่า คนเมืองเหลียวโจวหลายครั้งมาแอบติดต่อ หากหลี่ซานสือล้วนไม่พบ การวางตัวเช่นนี้คิดว่าเป็นหลี่หรูซงสั่งการมา จุดยืนนี้ทำให้คนเมืองเหลียวโจวไม่พอใจ แต่ทว่าหวังทงรู้ว่ากองกำลังนี้ใช้งานได้
“เจ้ากับลูกหลานหลี่เฉิงเหลียงเหล่านี้ยังสนิทกันไหม?”
“เรียนแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยล้วนสนิท ทุกคนล้วนเติบโตมาด้วยกัน”
หลี่ซานสือตอบกลางๆ หวังทงพยักหน้า กล่าวตรงไปตรงมาว่า
“เจ้ารีบไปเสิ่นหยาง ติดต่อกับขุนพลประจำเมือง ต้องรักษาเมืองไว้ โกดังในเมืองต้องรักษาให้ดี เสบียงที่มีใช้ได้ตามปกติ แต่ห้ามฟุ่มเฟือยมาก ไม่อาจปล่อยให้แย่งชิงไปแบ่งสรรกันได้ หากรักษาไว้ได้ เมืองแตกไม่เอาเรื่อง หากรักษาไว้ไม่ได้ เมืองยังอยู่ แต่หัวพวกเขาย่อมไม่อาจรักษาไว้ได้ วาจาเหล่านี้เจ้าจำให้ดี ต้องนำไปถ่ายทอดในเมือง เข้าใจไหม?”
เห็นหลี่ซานสือไม่มีความคิดเห็นอื่น ได้แต่โขกศีรษะรับคำสั่ง หวังทงก็กล่าวต่อว่า
“ตระกูลหลี่ยิ่งใหญ่ในเมืองเหลียวโจว หมดสิ้นแล้ว วันหน้าทหารตระกูลหลี่กองนี้ จะมีชื่อเสียงเกรียงไกรในเมืองเซวียนฝู่ ปฏิบัติหน้าที่ให้ดี!”
*************
เดือนหนึ่งปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 16 เมืองเหลียวหยางไม่มีบรรยากาศเฉลิมฉลอง เดิมยังมีทหารวางอำนาจอันธพาลกันเหมือนอยู่ มีพังประตูแย่งเสบียงในโกดัง สังหารชาวบ้าน ข่มขืนปล้น ชาวบ้านทั้งเมืองเหลียวหยางมีชีวิตราวกับอยู่ในนรก ราชสำนักส่งทัพใหญ่ปราบตะวันออกมาถึง ทุกคนยิ่งหวาดกลัว กลัวว่าจะยิ่งเลวร้ายไปกว่าเดิม…