องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 996 ผู้ใดเป็นผู้กล้า
กิ่งไม้สะเทือน หิมะบนกิ่งไม้ร่วง นอกด่านหิมะมาก กองทัพม้าและคนไม่ไกลมากแม้ไม่ได้ส่งเสียงสะเทือนเท่าไร แต่ภาพการณ์ตอนนี้ เห็นชัดว่าศัตรูอยู่ไม่ไกลแล้ว
เพิ่งวิเคราะห์ไปเมื่อครู่ ก็เห็นสายสืบทหารม้าที่ส่งออกไปเมื่อครู่เร่งกลับมาอย่างไม่คิดชีวิต มาถึงค่ายก็ลงจากม้าตะโกนดังทันทีว่า
“ระยะห้าลี้มีทัพม้าศัตรูกองใหญ่ กำลังมุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็ว!”
เสียงรายงานเพิ่งจบลง ก็เห็นทหารม้ากองใหญ่มาจากอีกทางของแม่น้ำ กำลังมุ่งตะบึงมาทางนี้
“แม่ทัพใหญ่ เคลื่อนรถใหญ่มากั้น!”
สถานการณ์เริ่มเคร่งเครียด คนข้างหวังทงลืมตัว ตะโกนร้อนใจ หวังทงส่ายหน้ากล่าวว่า
“เหลวไหล! รถใหญ่จากด้านหลังมาที่นี่ จะทันได้อย่างไร กลับทำให้กองกำลังแตกตื่น!”
กล่าวจบ หวังทงเสียงดังต่อว่า
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า หยุดเดินทัพ ตั้งแถวรบที่นี่ หน่วยหนึ่งหน่วยสองอยู่หน้า ตั้งทัพรูปแบบป้องกัน พลปืนไฟหน่วยสามหน่วยสี่ ขึ้นหน้า ร่วมพลปืนไฟกองหนึ่งและหน่วยสองตั้งแถวยิง!”
คำสั่งการลงไป เสียงกลองรัวดัง ขุนพลทหารตะโกนสั่งทหาร พลปืนไฟที่เพิ่งไปไล่ล่าบนเขามาก็รีบเข้าแถวตามคำสั่ง วิ่งๆ เหยาะมาด้านหน้าสองหน่วย ปืนไฟ 1,200 นายเรียงเป็นชั้นเริ่มยืนเรียงพร้อมบรรจุกระสุน
“อย่าเรียงแถวนอนชิดไป เหลือที่เว้นช่องให้พลปืนไฟด้วย!”
หวังทงยามนี้หาม้ามาได้ตัวหนึ่ง ขึ้นม้าตะโกนดัง เส้นทางพื้นที่รอบแม่น้ำเดิมไม่กว้างนัก สองหน่วยทวนยาวเรียงแถวแนวนอนเสร็จ ก็แทบจะปิดกั้นพื้นที่ไปทั้งแถบ ดูเหมือนว่าตั้งแนวป้องกันแล้ว ความจริงนั้นทำให้ขยับยืดหยุ่นไม่ได้
ถูกหวังทงตะโกนด่าไปเช่นนั้น ก็เห็นหลี่หู่โถวยกมือตบหมวกเกราะ แถวพลทวนยาวจึงจัดแถวใหม่ กลายเป็นสองแถวเรียง เช่นนี้จึงเหลือที่ให้พลปืนไฟสามแถว และยังสามารถรักษาความหนาแน่นได้เพียงพอ
ด้านหน้าจัดการเช่นนี้ ด้านหลังหลายหน่วยทหารรายก็จัดแถวตามทันที เหลือที่สามแถวด้านหลังราวร้อยก้าว “จำนวนปืนไฟแถวหน้าเพียงพอ เร่งเสริมกำลังป้องกันปีกข้าง อย่าให้ถูกกองกำลังศัตรูรบกวนด้านข้างได้!”
หวังทงตะโกนสั่งดัง เขาอยู่ทางปีกขวาหน่วยหนึ่ง ทหารติดตามกับทหารถ่ายทอดคำสั่งรีบเร่งวิ่งไปสั่งการ
“ทหารม้าทั้งหมดอยู่หลังกองหลัง เป็นกำลังเสริม พร้อมปฏิบัติการ”
เสียงฝีเท้าม้าด้านหน้าดังกลบเสียงคำสั่งเขาไปหมด หวังทงต้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ยิน ตอนนี้ทั่วพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยทหารศัตรู
พื้นที่ห่างออกไปราวสี่ร้อยก้าว หัวหน้าสองสามคนยกดาบในมือขึ้น ทั้งทัพก็ค่อยๆ ลดความเร็ว มาจนระยะสามร้อยก้าวก็หยุดลง
เห็นทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกเคลื่อนตำแหน่งไม่หยุด จัดแถวตรง มีคนตะโกนดัง ถึงกับยังเห็นทหารม้าในชุดเกราะ
ที่หวังทงยืนอยู่ ด้านข้างมีหลี่หู่โถว ด้านขวาหน้าแถวหนึ่งเป็นที่บัญชาการ แม่ทัพหน่วยหนึ่งกับแม่ทัพใหญ่กำลังอยู่ตรงนั้นพอดี
“พี่ใหญ่ พวกนอกด่านมาได้เวลาดีจริง มาตอนเราไม่มีปืนใหญ่ หากมีปืนใหญ่ ระยะห่างนี้ปืนใหญ่กระสุนสามชั่งถล่มพวกมันทิ้งเลย เจ้าพวกนอกด่านก็ช่างคิดได้นะ!”
หวังทงพยักหน้า เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“ไม่เพียงแต่ไม่มีปืนใหญ่ แม้แต่สนามรบยังแคบ กำลังพวกเราทุ่มลงไปได้จำกัด กำลังพวกเขาเองก็จำกัด แต่พวกเขามีทหารม้ามากพอ เป็นข้อได้เปรียบ และการที่สองทัพปะทะกันในที่แคบ พวกเขายังสามารถสู้ตายกับเราได้ สองทัพปะทะกันผู้กล้าหาญก็ชนะกันด้วยพื้นที่แคบเช่นนี้”
สองทัพปะทะกันผู้กล้าหาญชนะ วิธีการรบนี้เริ่มแรกสุดกล่าวถึงในการต่อสู้ครั้งหนึ่งระหว่างรัฐฉินและรัฐจ้าวในสมัยจั้นกั๋ว ก็เป็นพื้นที่ระเบียงแคบเช่นนี้ สองฝ่ายเข้าประหัตประหารกัน ทัพจ้าวได้ชัย นำมาพูดถึงเหตุการณ์ตอนนี้พอดี
หลี่หู่โถวหันไปถ่มน้ำลายทิ้ง กล่าวไม่พอใจว่า
“เจ้าพวกนอกด่านบัดซบ คิดว่าบุกพ้นพลปืนไฟเรามาได้หรือ คิดฝันหวานไปหน่อยแล้ว!”
หวังทงส่ายหน้า กล่าวว่า
“อย่าเชื่อมั่นในปืนมากไป ตัดสินแพ้ชนะบนสนามรบอย่างไรก็อาศัยทวนยาวและดาบ อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้”
พวกนอกด่านทหารตรงหน้าเริ่มส่งเสียงตะโกนดัง ระยะห่างแค่นี้ ทางนั้นตะโกนมาก็ได้ยินชัดเขน เสียงตะโกนดังมาก
“หากด้านหน้าหันหลังกลับ คนด้านหลังสามารถตัดหัวได้ทันที จากหน้าถอยหลังก็เช่นกัน หากข้าหันหลังหนี ก็ให้ตัดหัวข้าได้เลย คนที่ถูกตัดหัว ม้าวัว สมบัติและภรรยา ให้คนด้านหลังที่ตัดครอบครองไป ทำลายกองกำลังหมิงตรงหน้าได้ ของที่ได้ข้าไม่เอาสักอย่าง ให้ทุกคนไปแบ่งเท่าๆ กัน!”
คนที่รู้ภาษาเผ่าหนี่ว์เจินแปลให้หวังทงฟัง มีคนนำวาจานี้ไปบอกกล่าวาแก่หัวหน้าทหารหน่วยหนึ่งและสอง สีหน้าพวกเขาต่างเริ่มเคร่งเครียด
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า พลปืนไฟยิงระลอกหนึ่งเสร็จให้รีบกลับมาหลังแถวทวนยาว แล้วแอบด้านหลังลอบยิงต่อตามอิสระ!”
ถ่ายทอดคำสั่งเสร็จ หวังทงหันไปกล่าวกับหลี่หู่โถวข้างๆ ว่า
“เจ้าคิดใช่หรือไม่ว่า พลปืนไฟยิงแล้วก็จะกำจัดการบุกศัตรูได้ทันที…”
หลี่หู่โถวแม้ว่าไม่กล่าวอันใด แต่สีหน้ากลับบอกชัดว่าคิดเช่นนี้ หวังทงอธิบายต่อว่า
“กำลังศัตรูเพียงพอ ความเร็วเพียงพอ ยังมีความแน่วแน่ พลปืนไฟระลอกแรกยิงไป แต่ระลอกสองเป็นต้นไป ก็เกิดช่องว่าง ศัตรูก็จะบุกปะทะมาถึงก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นย่อมเข้าสังหารโหดเหี้ยมรุนแรง สนามรบเช่นนี้ทุกอย่างต้องรอบคอบ”
หวังทงบนม้ามองไปรอบๆ สนามรบ กล่าวว่า
“เมื่อครู่ศัตรูจากป่าสองข้างทางออกมาโจมตีและก่อกวน อีกสักครู่ใช่ว่าไม่มี ใช้พลปืนไฟยันศัตรูได้ระลอกแรก ยังต้องเตรียมกำลังทหารป้องกันการโจมตีกระทันหันให้เพียงพออีก!”
หลี่หู่โถวกำลังเรียนรู้ที่จะเติบโต แต่เขาเป็นหัวหน้ากองกำลังหู่เวยที่ไม่เคยบัญชาการทัพใหญ่ทำศึกเองแม้แต่ครั้งเดียว ปกติเพียงแค่ฝึกซ้อมทหารในค่ายเท่านั้น ทุกอย่างล้วนเป็นหวังทงบัญชาการ เขาทำตามคำสั่ง เมื่อก่อนหวังทงจะไม่อธิบายมากนัก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม
สอนจบ รูปแบบกองทัพก็เริ่มปรับเปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง ทหารม้าชุดเกราะสิบกว่านายมาถึงด้านหน้าสุดของกองทัพ กองกำลังศัตรูเงียบไปทันที
ณ ฝั่งกองกำลังหู่เวย พลทวนยาว พลปืนไฟ พลทหารม้า ตั้งทัพล้วนเตรียมตัวพร้อมตามคำสั่ง รถใหญ่ยังจัดระเบียบอยู่ พื้นที่แคบ รถใหญ่คันสุดท้ายของกองกำลังจะจัดวางอย่างไรล้วนเป็นเรื่องยุ่งยากมาก แต่ทว่ากองกำลังชาวเผ่าหนี่ว์เจินไม่ให้เวลาพวกเขาแล้ว
เห็นหัวหน้าทหารม้าในชุดเกราะสิบกว่าคนตะโกนดังพร้อมกัน ตะลุยม้าขึ้นหน้า ทัพม้าด้านหลังค่อยๆ เคลื่อนตาม คนด้านหน้าทั้งหมดรู้สึกได้ถึงแผ่นดินสะเทือน
ม้าวิ่งเหยาะไปได้สองสามก้าว ก็เริ่มเร่งความเร็ว พื้นสั่นสะเทือนหนักขึ้น ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินล้วนตะลึงมาอย่างบ้าคลั่ง
พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยไม่ได้แตกตื่นตกใจ ภาพเช่นนี้พวกเขาผ่านมาหลายครั้ง ทหารม้ากองใหญ่บุกใส่พวกเขา ก็ย่อมเลือดตกยางอ่อนต่อหน้าพวกเขายามยิงพร้อมกันเช่นกัน พวกเขาเพียงแค่คุมปืนไฟกับรักษาสมดุลไม้ตั้งปืนไฟให้ดี จากนั้นก็ดูไฟชนวนแท่งไฟ ให้พร้อมจุดเสมอ
หัวหน้าหน่วยปืนไฟมองศัตรูเข้ามาใกล้อย่างเคร่งเครียด การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เมืองเสิ่นหยาง เมืองเสิ่นหยางให้ศัตรูเข้ามาในรัศมียิงเพียงพอ ทำให้เกิดอานุภาพสังหาร แต่ครั้งนี้จะให้ศัตรูหยุดอยู่ระยะห่างพอควร ไม่อาจให้ศัตรูเข้ามาใกล้ได้
อีกราวห้าก้าวเข้าในระยะรัศมียิง หัวหน้าหน่วยปืนไฟระลอกแรกก็สับทวนขวานในมือเป็นสัญญาณ ปืนไฟเริ่มยิงพร้อมกัน
ทวนขวานสะบัด ทหารยิง ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกบุกเข้ามาในรัศมียิงแล้ว ทหารม้าด้านหน้าสุดสิบกว่าคนในชุดเกราะพยายามก้มตัวหมอบต่ำที่สุด พวกเขาล้วนสวมเกราะผ้าสองชั้น หวังว่าจะกันปืนไฟอีกฝ่ายได้ ตามความคิดเมื่อก่อน เกราะนวมหน้าสองชั้นสามารถกันปืนยิงทะลุได้
แต่ครั้งนี้ไม่อาจทำได้ กระสุนยิงมาด้วยความเร็วทะลุเกราะนวมสองชั้น เนื้อปริแตกเลือดสาดทันที มีคนร่วงจากหลังม้า มีคนถูกม้าลากไป ม้าตกใจวิ่งเตลิด เริ่มแรกที่สั่งไว้ก่อนหน้า ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าหนี แต่ละคนล้วนรู้สึกว่าต้องบุกเข้าไป ระยะทางสั้น จากนั้นก็ฟันสังหาร
ยิงระลอกแรกเสร็จ ก็หันหลังกลับ ระลอกสองยิง ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินถูกยิงร่วงจากหลังม้าไม่หยุด แต่ก็ยังคงบุกไม่หยุดเช่นกัน
การตั้งทัพแนวขวางมีข้อจำกัดในการสยายกำลัง ทุกครั้งสร้างแรงสังหารได้ดี แต่สังหารคนได้ไม่มากนัก ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินยังคงเสริมกำลังบุกขึ้นมาได้อีก
ปืนไฟน่ากลัวมาก ทหารม้าแม้บุกไม่หยุด แต่ที่ขึ้นหน้ามาได้ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายยิงและถอยหลังไม่หยุด ไม่ว่าขี่ม้าเก่งเพียงใด สวมเกราะหนาเพียงใด เคลื่อนไหวคล่องเพียงใด ล้วนไม่อาจหลบพ้นปืนไฟ นักรบแต่ละคนส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังก่อนจะร่วงจากหลังม้า บางคนแม้แต่เสียงร้องก็ยังไม่ทันได้ยิน!
ด้านหลังบีบอัดเข้ามา เรียกได้ว่าไม่อาจหันหลังกลับ แต่ทุกคนก็อดผ่อนกำลังม้าไม่ได้ ไม่กล้าบุกขึ้นหน้าเช่นเดิมอีก
ไม่ว่าสถานการณ์เช่นไร ขบวนทัพม้าก็ยังคงบุกขึ้นหน้า พลปืนไฟแสนน่ากลัวของกองกำลังหมิงก็ถอยกลับเข้าแถว ด้านหน้าล้วนเป็นทหารราบแล้ว แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะเร่งความเร็วม้า ต่อหน้าทหารม้า ทหารราบจะไปกระไรนัก ม้าไปถึงตรงหน้า ทหารราบก็คงอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นหนีกระเจิง
ทหารราบด้านหน้าเหมือนกับพลปืนไฟเมื่อครู่ แต่เหมือนมีบางอย่างต่างกัน สีหน้าทหารราบพวกนี้นิ่งมาก กระชับทวนยาวในมือตั้งแนวระนาบเดินขึ้นหน้าไม่หยุด
“ตั้งทวนรับ!!”
มีขุนพลทหารตะโกนดัง ทหารทวนยาวยกปลายทวนแทงลงพื้น กระชับทวนยาวเอียงชี้ขึ้น เดิมทีทวนยาวชี้ฟ้าก็เริ่มแผ่ออกในแนวใช้คมทวนตั้งรับราวกับขนเม่นชี้ขึ้น
“แม่ทัพใหญ่! พวกนอกด่านบุกจากเขาสองข้าง!!”
มีคนตะโกนดัง