องครักษ์เสื้อแพร - ตอนที่ 997 ผลักดันเข้าไป
สนามรบบนเขาสองปีกข้างล้วนราวกับใบไม้ร่วง พื้นหิมะยังสะท้อนแสง ทหารเผ่าหนี่ว์เจินตะวันออกไม่อาจปิดบังร่องรอย สามารถเห็นได้ชัดเจน
ไม่เพียงแต่ตรงหน้ามีศัตรู สองปีกข้างยังถูกโจมตี ทหารที่เฝ้าดูสนามรบนำสถานการณ์ตอนนี้มารายงานหวังทง หวังทงไม่สนใจอันใด เอาแต่มองไปด้านหน้า
พลปืนไฟแทรกตัวไปอยู่แนวหลังพลทวนยาว ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินขึ้นมาผลักดันแถวด้านหน้า แม้คนด้านหน้าคิดลังเลหวาดกลัว แต่คนด้านหลังยังคงผลักดันให้ขึ้นหน้า ในสภาพพื้นที่แคบๆ นี้ สองข้างทางเป็นป่าเขา คิดจะหนีก็ไม่อาจทำได้
กองกำลังหู่เวยหน่วยหนึ่งกับหน่วยสอง ทหารเก่ามากที่สุด การต่อสู้และความกล้าก็เป็นที่ประจักษ์ มีธรรมเนียมหนึ่งที่เป็นอันรู้กัน หน่วยหนึ่งกับหน่วยสองไปประจำหน่วยอื่นอย่างน้อยก็ต้องได้ตำแหน่งนายกองธงเล็ก ไปหน่วยฝึกท้องถิ่นและเมืองกุยฮว่าเฉิง ก็ต้องได้เป็นระดับหัวหน้า เช่น หัวหน้าแถว เป็นต้น
ด้านหน้าเป็นทัพม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่ดูเกรี้ยวกราด ทหารราบกองกำลังหู่เวยหน่วยหนึ่งหน่วยสองยังคงไม่เกรงกลัว ทวนยาวในมือไม่แม้แต่จะสั่น ยังคงชี้ไปด้านหน้าได้อย่างมั่นคง
ชาวเผ่าหนี่ว์เจินแม้ตะบึงมาบนหลังม้า แต่ตามธรรมเนียมก็ย่อมมีคนน้าวธนูบนหลังม้า ทหารราบทวนยาวอีกฝ่ายตั้งค่ายศึกแนวรับเรียกได้ว่าเรียงตัวกันหนาแน่น ยิงไปดอกหนึ่ง ก็ย่อมต้องยิงโดน
แต่พลทวนยาวสองแถว ระหว่างแถวยังมีพลปืนไฟยิงไม่หยุด พวกเขาบรรจุกระสุนได้รวดเร็ว ยิงแล้วยิงอีก
แม้จำนวนการยิงไม่ได้หนาแน่นเช่นเมื่อครู่ให้น่าหวาดกลัว แต่ก็ยังคงมีกระสุนยิงมาประปราย ทหารม้าบนหลังม้าล้วนไม่อาจยิงธนูตนได้อย่างไร้ข้อผิดพลาด พยายามหมอบตัวลง จะได้เข้าประชิดอีกฝ่ายได้เร็วที่สุด
ระยะห่างไม่ถึงห้าสิบก้าว ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่กวัดแกว่งอาวุธตะลุยเข้ามาอย่างบ้าคลั่งก็ยิ่งรู้สึกกลัว ตอนนี้เห็นหน้าตาทหารด้านหน้าชัดแล้ว ถึงกับเห็นริ้วรอยบนสีหน้าทหารด้านหน้าได้ชัด ตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ไม่สั่นไหว แสงตะวันสะท้อนกระทบพื้นหิมะสาดใส่ทวนยาวและเกราะแผ่นหนาของอีกฝ่ายส่องประกายวาว อยู่ๆ ก็สะท้อนเข้าตาทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจิน
ระยะไม่ถึงสามสิบก้าว รู้สึกได้ว่าปืนไฟอีกฝ่ายยิงออกมาหนาแน่นมากยิ่งกว่าเดิม พลปืนไฟถึงกับใจกล้าเดินออกมานอกแถวทวนยาวยิงใส่ แถวหนึ่งยิง แถวสองตามมายิงต่อ ยิงได้ก็ยิง ระยะห่างเช่นนี้ ไม่ยิงโดนม้าก็โดนคน
ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่ตะโกนบ้าคลั่งมักจะถูกยิงหน้าหงาย ร่วงจากหลังม้าทันที มีคนตัวอ่อนยวบสิ้นใจบนหลังม้า ไม่ขยับ
แต่ทัพพวกนอกด่านก็ยิ่งฮึกเหิม เพราะเห็นว่าระยะเริ่มใกล้ปะทะแล้ว พวกเขาเชื่อว่า ไม่ว่าทหารราบเช่นไรก็ไม่อาจรักษาท่าทีสงบนิ่งต่อหน้ากำลังที่เข้าปะทะเช่นนี้ได้
20 ก้าว …10 ก้าว… เบื้องหน้ากำลังจะปะทะแล้ว ทวนยาวยังคงนิ่ง สีหน้าทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่ปะทะอยู่ด้านหน้าสุดเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว กลายเป็นลนลาน ไม่เกิดเหตุการณ์ทหารราบหนีกระเจิงตามที่คิด พวกเขาเองกลับต้องกระชากม้าหยุดเปลี่ยนทิศตามสัญชาตญาณ แต่การบุกเข้ามาเช่นนี้ จะมีที่ใดให้หลบได้อีก
ม้าของทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินเป็นสัตว์มีชีวิต ไม่ว่าจะสอนให้เชื่องอย่างไร ในเวลาสำคัญก็ย่อมแสดงสัญชาตญาณ แน่นอนม้าไม่อยากวิ่งเข้าปะทะท่อนเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงออกมาด้านหน้า มีบางตัวกระโจนตัวยกนายบนหลังมันขึ้น บางตัวเริ่มกระโดดไปมา ม้ากระโจนตัวสูงเช่นนี้ในเวลากะทันหัน จุดจบมีสถานเดียว ก็คือล้มกลิ้งไปกับพื้น สะบัดทหารม้าบนหลังร่วง ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินบางนายตะโกนคำสั่งแทงกำราบที่ท้องม้า เพื่อให้ม้าเจ็บและกระโจนไปด้านหน้า
“สังหาร สังหาร!!”
กองกำลังหู่เวยหน่วยหนึ่งและหน่วยสองตะโกนคำรามดัง ศัตรูบ้างก็ล้มกลิ้งตรงหน้าพวกเขา บ้างก็กลิ้งหลบด้านข้าง บางก็พุ่งเข้าใส่
ทหารม้าหนึ่งพุ่งลอดช่องว่าง เขาและม้าก็จะถูกพลทวนยาวสี่ห้านายแทงทันที ทวนยาวในมือพลทวนยาวไม่อาจทานกำลังแรงเช่นนี้ งอสุดด้ามทวนก่อนจะหัก พลทวนยาวไม่อาจต้านแรงปะทะเช่นนี้ ก็ย่อมต้องล้มนั่งลงแปะ สองแขนเจ็บปวดมาก แต่พวกเขายังคงคว้าทวนยาวไว้แน่น สำหรับที่หักไป เพื่อนทหารด้านหลังเสริมอันใหม่ให้ทันที ตั้งแถวรับศึกต่อไป
ทหารม้าแถวหน้าล้มตายไป ม้ากระโดดกระโจนไปทั่ว กลายเป็นสิ่งกีดขวางทหารด้านหลังที่ตามมา ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินก็ยังคงบุกเข้ามาไม่หยุด ทำให้แนวค่ายทวนยาวแน่นหนาเริ่มมีช่องว่าง ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินแม้ไม่ได้วิ่งมาด้วยความเร็ว ก็ยังสามารถมีช่องทางบุกเข้ามาสังหารได้
มีคนยกธนูเล็งบนหลังม้า มีคนคว้าดาบยาวบนหลังม้าออกมา แถวพลทวนยาวเริ่มมีบาดเจ็บล้มตาย แต่ทหารเผ่าหนี่ว์เจินพวกนี้มักจะสังหารได้แค่ครั้งสองครั้ง ก็ถูกทวนยาวแทงร่วง หัวหน้าทหารแต่ละกองจะรีบเร่งมารับมือ ทวนขวานในมือพวกเขาล้วนแทงสังหารได้ ฟันสังหารก็ได้ ยังสามารถเกี่ยวทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินร่วงลงมาก็ได้ด้วย
ไม่นาน ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินที่บุกเข้ามาก็เริ่มถูกกวาด ค่ายรับทวนยาวเริ่มกลับคืนสภาพเดิม ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินไม่ได้เร่งความเร็วเข้ามาอีก ล้วนถูกแทงกองตรงหน้าค่ายทวนยาว พวกเขาตอนนี้มีสถานะทหารราบประสิทธิภาพสูง แม้การเคลื่อนไหวไม่ได้เปรียบทหารราบทั่วไป แต่อาวุธยาวเรียกได้ว่าห่างชั้นกันมาก
พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยสามารถแทงทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินร่วงอย่างง่ายดาย ปกติทหารม้านอกจากธนูแล้ว ก็ได้แต่อาศัยปาอาวุธในมือออกไปจึงทำร้ายอีกฝ่ายได้
แม้เป็นธนู แต่พลทวนยาวชุดเกราะเต็มยศ ธนูสร้างแรงสังหารได้จำกัดมาก แต่เกราะนวมผ้าบนตัวทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินไม่อาจต้านแรงทวนยาวที่แทงออกไปได้ ยังมีแรงสังหารจากทวนขวานอีก
พลปืนไฟประจันตรงหน้าเป็นเหมือนปากแตร พลปืนไฟยิงออกไปไม่หยุด ทำให้ทหารม้าศัตรูไม่อาจบุกเข้ามาได้ ทหารม้าไม่อาจบุกเข้ามาได้ พลปืนไฟยิงตลอดเวลาทำให้พื้นที่ตรงหน้าเปิดกว้างตลอดเวลา
ความจริงนั้น ตอนนี้ทั้งสองปีกกองกำลังหู่เวยล้วนกำลังยิง พลปืนไฟยิงลงไปตามแนวลาดสันเขาไม่หยุด ขุนพลทหารออกคำสั่งให้พลทวนยาวแบ่งกลุ่มเล็ก พลปืนไฟผสมพลทวนยาว และหัวหน้าถือทวนขวานเป็นกลุ่มเล็ก เริ่มออกไล่ล่าศัตรูในป่า
ทหารเผ่าหนี่ว์เจินเริ่มหมดกำลังใจสู้ พวกที่ลอบมาตามแนวเขาเพื่อก่อกวนกองกำลังหมิงสองปีกข้าง พวกเขาคิดจะรบแพ้ชนะก็ต้องเข้าปะทะทหารราบหมิงต่อหน้าบนสนามรบ แต่ทหารม้าบุกถึงหน้ายังถูกทหารราบอีกฝ่ายต้านอยู่ ทัพใหญ่ฝ่ายตรงข้ามนิ่งราวกับผาไท่ซาน การโจมตีของพวกเขาแน่นอนไร้ประโยชน์
กองกำลังหมิงที่รวมกลุ่มตอบโต้ก็มีกำลังมาก พลปืนไฟกับพลทวนยาวกับหัวหน้าทหารรวมตัวเป็นกลุ่มย่อยนี้ สามารถไล่ล่าได้ไกล สู้ประชิดก็ได้ ยังแบ่งงานกันดี ในป่าไม่อาจใช้อาวุธยาวสะดวก พวกเขาก็ชักดาบติดตัวออกมาสังหารได้คล่องแคล่ว ประสานกันและกันได้อย่างดี กลุ่มย่อยมีคนแค่สิบกว่าคน แต่ทหารเผ่าหนี่ว์เจินทหารต้องใช้คนหลายเท่ารับมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาวุธกับชุดเกราะที่แตกต่างกัน ฟันโดนศัตรูไม่ทำให้ศัตรูบาดเจ็บ หากตนถูกฟันทีเดียวก็เจ็บหนักล้มตาย ผู้ใดจะมีกำลังใจคิดสู้ต่อ
ทหารติดตามหวังทงร้อยกว่าถือทวนขวานยืนข้างหวังทง มีคนหยิบปืนไฟยิงไม่หยุด พวกเขารวมตัวกับทหารราบและพลปืนไฟปีกขวาสุด
ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินเห็นธงแม่ทัพอยู่ทางนี้ ก็คิดจะทุ่มเทกำลังมาทางนี้ แต่พื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่จำกัด คิดจะทุ่มกำลังก็ไม่ง่ายนัก แรงสังหารปืนไฟก็ยังหนาแน่นไม่หยุด เบื้องหน้าแม่ทัพใหญ่ เห็นได้ว่าพลปืนไฟยิ่งกำลังแรง ประสิทธิภาพการยิงก็ยิ่งสูงขึ้น
กระสุนตะกั่วยิงออกมาราวห่าฝน เริ่มแรกที่เข้าปะทะ ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินถึงกับล้วนคิดหลบ ไม่มาทางนี้
หวังทงบนหลังมามองสนามรบ เขาสามารถมองเห็นทัพใหญ่ศัตรูที่เร่งระดมขึ้นหน้าไม่หยุด แต่ทหารม้าหน้าแถวพลทวนยาวกลับถอยไม่หยุดเช่นกัน ตอนนี้พลทวนยาวสองหน่วยกองกำลังหู่เวยตั้งขยายวงสังหารจึงจะเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ แรงสังหารตอนนี้อาศัยปืนเท่านั้น
“เป่าสัญญาณ!! บุกเข้าฐานศัตรู หน่วยหนึ่ง หน่วยสองบุกขึ้นหน้า!”
หวังทงออกคำสั่ง คนเป่าสัญญาณยกแตรทองแดงเริ่มเป่าสัญญาณกองทัพ เสียงแตรดังกลบเสียงบนสนามรบ เสียงกลองที่เงียบไปนานก็เริ่มดังขึ้นพร้อมกัน หัวหน้าทหารล้วนถอยกลับ พลปืนไฟยิ่งยิงกระหน่ำ ทหารม้าเผ่าหนี่ว์เจินได้แต่ถอยหลังแตกตื่น
ระยะห่างกันเริ่มมากขึ้น หัวหน้าทหารจัดแถวพลทวนยาว เสียงกลองเปลี่ยนไป ทัพใหญ่เริ่มบุกขึ้นหน้า
กองกำลังหมิงไม่ตั้งรับแล้วแต่บุกขึ้นหน้า ทวนยาวเดินขึ้นหน้าไล่บี้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ต้านทานอย่างไร ทุกครั้งที่ทหารม้าศัตรูเผชิญกับทวนยาวมมากมาย ต้านไว้ได้หนึ่ง ก็จะถูกด้ามอื่นแทงตาย
เข้าปะทะต่อสู้ ล้วนทำลายขวัญกำลังใจพวกเขาหมดสิ้น ทหารที่องอาจกล้าหาญที่สุดล้วนตายในยามปะทะต่อสู้ มองเห็นทวนเหล็กแหลมที่มุ่งมาเป็นแพตรงหน้า ก็เริ่มมีคนหันหัวม้ากลับหลัง มีคนถูกคนด้านหลังสังหารทิ้ง มีคนด้านหลังวิ่งหนีไปด้วยกัน หากเพื่อนทหารคิดลงโทษวินัยพวกเขา ก็ย่อมต้องปะทะกันสักตั้ง
ทัพทหารม้าแตกกระเจิงไม่หยุด เริ่มเบียดเสียดหนีอลหม่าน ทัพใหญ่เผ่าหนี่ว์เจินหยุดบุกขึ้นหน้าแล้ว ด้านหน้าคิดถอย ด้านหลังไม่ขึ้นหน้าต่อ กลายเป็นความอลหม่านไปหมด ทัพเผ่าหนี่ว์เจินหยุดนิ่ง
เส้นทางแคบปะทะกัน สองฝ่ายสู้ตาย หนึ่งรุก อีกหนึ่งย่อมถอย หากฝ่ายหนึ่งหยุด ก็เท่ากับตายสถานเดียว พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยรักษาความเร็วเดินหน้าไม่เร็วมากนัก แต่แม้เป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ยังสามารถไล่ถึงศัตรู สังหารแทงตายได้
พลปืนไฟก็เช่นกัน ในการต่อสู้พวกเขาแต่ละคนยิงไปแค่สองสามที ตอนนี้พวกเขายิงได้ตามใจ แต่สามแถวว่างที่พลทวนยาวสองแถวเหลือที่ว่างไว้ให้ ทำให้คนหาโอกาสออกไปยิงด้านหน้าได้จำกัด เพื่อให้ผลัดยิงได้เร็ว ไม่กระทบแถว ทหารพอยิงเสร็จก็ไม่หันกลับ หากย่อตัววิ่งเหยาะๆ ออกข้างทางกลับไปบรรจุกระสุนด้านหลัง จากนั้นก็กลับมายิงอีกรอบ
“ท่านแม่ทัพ ด้านหน้าเอาไม่อยู่แล้ว พวกเรารีบถอยเถอะ!”
ทหารคนสนิทของซูเอ่อร์ฮาฉีกล่าวอย่างเร่งร้อนใจ ซูเอ่อร์ฮาฉีอยู่กลางขบวนทัพม้าด้านหลังสุด เขากระชับเชือกในมือแน่นเริ่มสั่นเล็กน้อย สมองเริ่มมึนงง ขบวนทัพม้าบุกถึงหน้า ทำไมพ่ายศึกได้อีก